‘ฮิโรยูกิ-วสันต์-ทศชัย’
ไต่สวนการตาย ‘ฮิโรยูกิ-วสันต์-ทศชัย’ เหยื่อกระสุน 10 เม.ย.53 ตร.หน.ผู้รับผิดชอบสืบสวนคดี เบิกความระบุ ที่เกิดเหตุ ‘ถนนดินสอ’ ผู้เชี่ยวชาญด้านขีปนวิธีฯ ยันทิศทาง-ร่องรอยกระสุนมาจากด้านสะพานวันชาติเพียงด้านเดียว ซึ่งเป็นที่ตั้ง จนท.ขณะนั้น ชี้คลิปที่ 'อภิสิทธิ์' มอบให้ ไม่มีน้ำหนัก ไม่ตรงกับคลิปที่ ฮิโรยูกิ' บันทึกไว้ก่อนตาย ‘สุเทพ’ ขึ้นเบิกนัดหน้า 19 ธ.ค. นี้
เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดไต่สวนคดีที่พนักงานอัยการ สำนักอัยการคดีพิเศษ ฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรพลิกศพนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ ชาวญี่ปุ่น ผู้ตายที่ 1 นายวสันต์ ภู่ทอง ผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ผู้ตายที่ 2 และนายทศชัย เมฆงามฟ้า ผู้ชุมนุม นปช. ผู้ตายที่ 3 ทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถ.ดินสอ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553
โดย พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผู้บังคับการกองโยธาธิการ ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบบริหารงานสืบสวนคดีดังกล่าว ขึ้นเบิกความต่อจากนัดที่แล้ว(อ่านคำเบิกความนัดที่แล้ว) ว่า จากการสอบสวนนายไพบูลย์ น้อยเพ็ง ผู้ชุมนุม นปช. ได้มอบคลิปวิดีโอมีภาพนายฮิโรยูกิทำข่าวอยู่บริเวณหน้า ร.ร.สตรีวิทยา ขณะนั้นยังไม่มีผู้ชุมนุมเข้ามาในบริเวณดังกล่าว ก่อนเกิดเหตุระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ โดยนายฮิโรยูกิยังเข้าไปบันทึกภาพเจ้าหน้าที่กำลังช่วยกันปฐมพยาบาลเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ถอยร่นเข้าไปบริเวณสะพานวันชาติ
พล.ต.ต.วัลลภ เบิกความต่อว่า จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นระดับผู้บังคับบัญชา ได้แก่ พล.ต.วลิต โรจนภักดี พ.อ.ธรรมนูญ วิถี และพ.อ.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ ทั้งหมดยืนยันว่า ทำการขอคืนพื้นที่ตามขั้นตอนหลักสากลจากเบาไปหาหนัก โดยไม่ได้ใช้อาวุธและกระสุนปืนจริง นอกจากนี้ยังได้เรียกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และ ผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มาสอบสวน โดยทั้ง 2 คนได้มอบแผ่นซีดีและเอกสารภาพถ่ายบ่งบอกว่าน่าจะมีกองกำลังติดอาวุธปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม และทำให้ผู้ตายทั้ง 3 คนถึงแก่ความตาย ส่วน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตโฆษก ศอฉ. มอบหลักฐานเป็นซีดีบันทึกภาพเหตุการณ์ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.2553 และการจับกุมชายชุดดำ
พล.ต.วัลลภ เบิกความอีกว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานของทั้ง 2 ฝ่าย พบว่าซีดีมีการตัดต่อสลับไปมาและไม่เรียงตามลำดับเหตุการณ์ที่แท้จริง จึงยากต่อการรับฟังข้อมูลจากวิดีทัศน์ทั้งหมด ยกเว้นแผ่นซีดีที่ได้จากกล้องของนายฮิโรยูกิที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นส่งมาให้พนักงานสอบสวน ซึ่งเรียงเวลาตามลำดับเหตุการณ์ที่นายฮิโรยูกิเข้าไปทำข่าว โดยมีความยาวประมาณ 5.57 นาที เริ่มตั้งแต่เวลา 15.20 น. เป็นภาพผู้ชุมนุมรวมตัวกัน แต่ไม่ทราบว่าเป็นที่ไหน ต่อมาเวลา 19.29 น. เป็นภาพเหตุการณ์การชุมนุมบริเวณแยกวิสุทธิกษัตริย์ จากนั้นเวลา 19.48 น. เป็นภาพผู้ชุมนุมกำลังแกะตัวหนอนบนทางเท้าออก
พยานเบิกความต่อว่า กระทั่งเวลา 20.44 น. เป็นภาพบริเวณหน้า ร.ร.สตรีวิทยา มีรถสายพานลำเลียงพลจอดอยู่ โดย พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม นั่งอยู่บนรถดังกล่าวด้วย เวลา 20.45 น. เป็นภาพเจ้าหน้าที่ยิงปืนขึ้นฟ้า แต่ขณะนั้นยังไม่มีภาพของผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ จากนั้นเวลา 20.46 น. เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตาขว้างใส่กลุ่มผู้ชุมนุม แต่ควันลอยกลับไปหาเจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ถอยร่นเข้าไป ซึ่งตรงกับที่นายไพบูลย์ให้การไว้ ต่อมาเวลา 20.48 น. มีเสียงระเบิดครั้งแรก ถัดมาอีก 5 วินาที มีเสียงระเบิดครั้งที่สอง จากนั้นเป็นภาพเจ้าหน้าที่เข้าไปลำเลียงเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บออกมาปฐมพยาบาล ก่อนที่เหตุการณ์จะสงบลงชั่วคราว
พยานเบิกความอีกว่า กระทั่งเวลา 20.51 น. มีเสียงปืนดังขึ้นนัดแรก เวลา 20.52 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามายืนดูเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บบริเวณหน้า ร.ร.สตรีวิทยา ก่อนมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นนัดที่ 2 มีภาพเจ้าหน้าที่ทหารนอนบาดเจ็บหน้า ร.ร.กวดวิชาพัทจรีย์ โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งถือไม้เดินตามเข้าไป เวลา 20.53 น. มีเสียงปืนดังขึ้นเป็นนัดที่ 3 และดังต่อเนื่องจนเป็นเสียงรัว กระทั่งเวลา 20.54 น. เป็นภาพสุดท้ายที่ผู้ตายบันทึกไว้ คือภาพกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณหน้า ร.ร.สตรีวิทยา ฝั่งตรงข้ามร้านอาภรณ์พาณิชย์ กำลังขว้างก้อนหินไปยังกลุ่มเจ้าหน้าที่
พล.ต.ต.วัลลภ เบิกความว่า จากภาพและคลิปวิดีโอ รวมถึงการสอบสวนพยานใกล้ชิดเหตุการณ์ทั้งหมด 8 คน สรุปข้อเท็จจริงได้ว่า นายฮิโรยูกิเสียชีวิตบริเวณหน้า ร.ร.สตรีวิทยา ถ.ดินสอ เวลาประมาณ 21.00 น. เนื่องจากถูกกระสุนปืนแรงสูงบริเวณหน้าอก ส่วนนายวสันต์และนายทศชัยก็เสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนแรงสูงในบริเวณเดียวกัน เนื่องจากตรวจสอบพบดีเอ็นเอในคราบโลหิตบริเวณที่เกิดเหตุตรงกับนายวสันต์และนายทศชัย
พล.ต.ต.วัลลภ เบิกความต่อว่า ต่อมาคณะพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อหาว่าอาวุธปืนและลูกกระสุนปืนที่ยิงถูกผู้ตายทั้ง 3 คน มาจากทิศทางใด จากรายงานของแผนกตรวจสถานที่เกิดเหตุและแผนกตรวจร่องรอยวิถีกระสุน กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรายงานการตรวจร่องรอยวิถีกระสุนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) โดยทั้ง 2 หน่วยงานยืนยันตรงกันว่า พบร่องรอยวิถีกระสุนปืนในบริเวณที่เกิดเหตุ จำนวน 114 รอย ในจำนวนนี้สามารถบอกทิศทางได้ 108 รอย โดยทั้ง 2 หน่วยงาน ยืนยันสอดคล้องกันว่า วิถีกระสุนปืนมาตามแนวถ.ดินสอจากทางด้านสะพานวันชาติ มุ่งหน้าไปทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพียงด้านเดียว
พยานเบิกความอีกว่า เมื่อประกอบกับคำให้การของพยานบุคคลทั้ง 8 คน ซึ่งให้การว่า ได้ยินเสียงปืนและเห็นแสงไฟมาจากด้านสะพานวันชาติ ในจำนวนนี้มีพยาน 3 ปากที่ตรวจสอบแล้วว่าอยู่ใกล้ชิดกับนายฮิโรยูกิมากที่สุดตามคำให้การจริง จึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่วนแผ่นซีดีที่นายอภิสิทธิ์มอบให้พนักงานสอบสวน คลิปช่วงแรกเป็นเพียงแผนผังจำลองพื้นที่ประกอบคำบรรยาย โดยไม่มีภาพเหตุการณ์จริง ซึ่งเหตุการณ์ไม่ตรงกับคลิปวิดีโอที่ผู้ตายบันทึกไว้ ในคลิปยังนำภาพเหตุการณ์ระเบิดมาแสดง พร้อมระบุว่ามีชายชุดดำและเกิดเหตุระเบิด 3 ครั้ง ขณะเดียวกันก็สอดแทรกภาพนิ่งของชายชุดดำถืออาวุธปืนเข้าไปในคลิป พร้อมคำบรรยายว่า มีการยิงอาวุธปืนเอ็ม 16 อาก้า และระเบิดเอ็ม 79 แต่ในคลิปวิดีโอของนายฮิโรยูกิเกิดเหตุระเบิดเพียง 2 ครั้ง และไม่มีภาพของชายชุดดำปรากฏอยู่
พยานเบิกความต่อว่า นอกจากนี้ในคลิปดังกล่าวยังมีภาพชายคลุมหัวให้สัมภาษณ์นักข่าวว่ามีระเบิดลง 2 ลูก แต่ไม่ทราบชื่อและไม่ทราบว่าให้สัมภาษณ์บริเวณ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถติดตามตัวชายคนดังกล่าวมาสอบปากคำได้ สำหรับคลิปดังกล่าวที่นายอภิสิทธิ์นำมามอบให้ก็ไม่ใช่ภาพบริเวณ ถ.ดินสอ และไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเหตุการณ์บริเวณใด โดยนายอภิสิทธิ์ให้การว่า มีผู้นำแผ่นซีดีมาให้และไม่ทราบว่าใครเป็นผู้จัดทำ เมื่อไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณ ถ.ดินสอ จึงไม่สามารถนำแผ่นซีดีดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาได้ เนื่องจากไม่มีน้ำหนักและไม่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ และจากรายงานการชันสูตรบาดแผลของ พ.อ.ร่มเกล้า และเจ้าหน้าที่ทหาร รวม 5 คน ระบุว่า เสียชีวิตจากวัตถุระเบิด โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารคนใดเสียชีวิตจากการถูกอาวุธปืนยิงบริเวณหน้า ร.ร.สตรีวิทยา
พล.ต.ต.วัลลภ เบิกความต่อว่า จากคลิปและพยานบุคคลที่สอบสวนมาทั้งหมด ไม่มีพยานหลักฐานใดที่จะชี้ชัดว่า มีการยิงกระสุนปืนจากฝั่งกลุ่มผู้ชุมนุม นอกจากนี้ ที่เกิดเหตุบริเวณถ.ดินสอมีความกว้างเพียง 9 เมตร ประกอบกับแพทย์ลงความเห็นว่า กระสุนปืนที่ถูกผู้ตายที่ 1-3 เป็นกระสุนปืนแรงสูง โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านขีปนวิธีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและดีเอสไอยืนยันว่า ทิศทางและร่องรอยกระสุนปืนมาจากด้านสะพานวันชาติเพียงด้านเดียว ประกอบกับเจ้าหน้าที่ทหารยอมรับว่า ได้เข้าครอบครองพื้นที่ปฏิบัติการทางยุทธวิธีตั้งแต่บริเวณสะพานวันชาติจนถึงบริเวณหน้า ร.ร.สตรีวิทยา เมื่อเป็นเช่นนี้ คณะพนักงานสอบสวนจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า กระสุนปืนที่ยิงถูกผู้ตายทั้ง 3 มาจากด้านสะพานวันชาติ ซึ่งเป็นแนวที่ตั้งการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ แต่ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าใครเป็นผู้ยิง
พล.ต.ต.วัลลภ เบิกความอีกว่า คณะพนักงานสอบสวนจึงลงความเห็นว่า นายฮิโรยูกิเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 เวลาประมาณ 21.00 น. บริเวณหน้า ร.ร.สตรีวิทยา ถ.ดินสอ ส่วนนายวสันต์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 ในเวลาก่อนหน้าที่นายฮิโรยูกิถูกยิงเล็กน้อย และนายทศชัยเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ในเวลาหลังนายฮิโรยูกิถูกยิง โดยทั้งหมดถูกยิงด้วยกระสุนปืนจากฝั่งสะพานวันชาติ ซึ่งเป็นแนวที่ตั้งของเจ้าหน้าที่
จากนั้นทนายญาติผู้ตายให้พยานดูภาพถ่ายที่นายสุเทพมอบให้พนักงานสอบสวน โดยเป็นภาพรถตู้ที่อ้างว่ามีชายชุดดำอยู่ในรถ บริเวณแยกสี่กั๊กพระยาศรี ถ.เจริญกรุง ในเวลา 21.01 น. ซึ่งใกล้เคียงกับเวลาที่นายฮิโรยูกิถูกยิง พร้อมถามว่า จากจุดดังกล่าวห่างจากที่เกิดบริเวณหน้า ร.ร.สตรีวิทยา ประมาณเท่าใด แล้วต้องใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ในการเดินทางจากจุดเกิดเหตุไปบริเวณดังกล่าว พยานเบิกความว่า ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตรขึ้นไป คาดว่าต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย 30 นาที เนื่องจากจุดเกิดเหตุมีผู้ชุมนุมจำนวนมากและมีการปิดถนน จึงต้องมีการขับอ้อม
ทนายญาติผู้ตายถามอีกว่า จากการสอบปากคำเจ้าของบ้านในที่เกิดเหตุเป็นอย่างไรบ้าง พยานเบิกความว่า เจ้าของบ้านให้การว่าไม่เห็นเหตุการณ์ เพียงแต่ได้ยินเสียงปืนดังตั้งแต่เวลา 19.00 น. และได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น แต่ไม่มีใครหรือมีผู้ชุมนุมปีนเข้าไปในบริเวณบ้าน วันรุ่งขึ้นสำรวจพบโลหะโค้ง 2 อัน ตกที่พื้นหน้าบ้านใกล้กับประตูบ้าน ต่อมามีเจ้าหน้าที่ 3-4 คน เข้ามาตรวจสอบและขอไป โดยแจ้งว่าน่าจะเป็นกระเดื่องนิรภัยของระเบิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไปเป็นวันที่ 19 ธ.ค. และ 26 ธ.ค. เวลา 09.00 น. โดยพนักงานอัยการจะนำนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นเบิกความ