วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

แม่น้องเกดตอบโต้ได้ดุเดือด
"..ฆ่-าลูกสาวฉันไปแล้ว 
ฉันเพียงต้องการทวงถามความเป็นธรรมให้กับลูกฉัน
ที่เป็นเพียงแค่อาสาพยาบาล
ช่วยเหลือคนทุกคนตามหลักการกาชาดสากล
โดยไม่เลือกปฏิบัติ 
แต่กลับโดนทหาร "จ.ส.อ.สมยศ ร่มจำปา" 
กระหน่ำยิงจนตาย
อยากฝากถามพลเอกประยุทธและนายธาริตว่า
พวกคุณยังมีหัวใจแห่งความเป็นคนอยู่ไหม? 
พวกคุณจะอยู่เฉยๆ ลืมๆ ไปซะ พอเพียง
เพื่อประเทศ ก้าวหน้าหรือ? 
หากคนที่โดนยิงตาย/โดนทำร้าย/ใส่ร้ายป้ายสีเป็นคนที่คุณรัก 
ส่งคนคอยตามดูฉันกับลูกชายไม่ว่ากัน 
แต่น่าละอายไหมที่ล้วนใช้ตำแหน่งหน้าที่
ข่มขู่คุกคามคนที่ต้องการเรียก ร้องความเป็นธรรมและประชาธิปไตยอย่างแท้จริง 
คนที่ตาและหัวใจสว่างไสวไม่มืดบอด 
ทุเรศมากที่กล้าประกาศว่า 
อย่าบังคับให้ทหารถือของเล่นอีก 
ฉันไปบังคับให้ทหารถือปีนมาอุ้มลูกฉัน อย่างนั้นหรือ.."

พเยาว์  อัคฮาด
http://redusala.blogspot.com
ดร. สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล แถลงข่าวคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

http://thaienews.blogspot.com/2011/04/blog-post_23.html



ดร.สมศักดิ์ เจียมฯแถลงข่าวในภาพลักษณ์เปลี่ยนไปคือย้อมผมดำ โดยเจ้าตัวว่าทำไปเพื่อ"แก้เซ็ง"



โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
23 เมษายน 2554
ดร. สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล จะจัดแถลงข่าวพร้อมทีมทนายนิติราษฎร์วันที่ 24 เมษายน เวลา 14.00 น. ที่ห้องแอลที 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์


วันพรุ่งนี้ อาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2554 เวลา 14.00 น. ที่ห้อง แอลที 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยผม, คณะนักวิชาการ "นิติราษฎร์" และนักวิชาการท่านอื่น เกี่ยวกับข้อกล่าวหา "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ที่มีต่อผม ...โดย เฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับการอภิปรายเรื่อง "สถาบันกษัตริย์ รัฐธรรมนูญ" เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 จึงเรียนเชิญทุกท่านเข้ารับฟังการแถลงข่าวดังกล่าว ขอแสดงความนับถือ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ............................... ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.enlightened-jurists.com/blog/31See more
โดยทีมข่าวไทยอีนิวส์

8 เมษายน 2554




เนื่องจาก ไทยอีนิวส์ได้รับข่าวด่วนเรื่องอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล แม้มีสมาชิกในเฟสบุ๊คกว่า 5,000 คน ประกาศจะยุติการใช้เฟสบุ๊ค เพราะทนแรงกดดันและการเตือน (ข่มขู่) ที่มีมาต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2553 ไม่ไหว ที่รุนแรงมากขึ้นและขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ


จึง ขอนำเสนอข่าวนี้และขอให้กระจายกันไปให้ท่ัว อย่ายอมให้อาจารย์สมศักดิ์ เป็นเหยื่อแห่งอำนาจการเมืองของพวกรอยัลลิสต์ไดโนเสาร์ บ้าอำนาจ อีกคนหนึ่ง เรายังไม่สามารถเอาอาจารย์สุรชัย แซ่ด่านออกมาจากคุกจนถึงบัดนี้ อย่ายอมให้อาจารย์สมศักดิ์ หรือแกนนำคนใดก็ตามต้องตกเป็นเหยื่อของขบวนการฟาสซิสต์รอยัลลิสต์ฝ่ายขวาได้ อีกต่อไป


เราสูญเสียผู้คนไปมากมายบนถนนสายประชาธิปไตย และไม่ว่าจะเห็นด้วยในบางเรื่องหรือเห็นต่างในบางประเด็นกับอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อย่างไรก็ตาม เสรีภาพแห่งนักวิชาการในการนำเสนอข้อมูลการศึกษาของอาจารย์ควรจะได้รับการ คุ้มครองจากประชาชนที่เข้าใจการเมืองไทย และตาสว่างแล้วทั้งหลาย


ไทย อีนิวส์ได้นำเสนอมุมมอง บทวิเคราะห์​ ข้อเขียนและเทปการนำเสนอของอาจารย์สมศักดิ์ มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความขอบคุณยิ่ง ดังนั้นจึงขอนำทำหน้าที่ของสื่อออนไลน์ (แม้จะถูกปิดกั้นก็ตาม) ขอร่วมเป็นแนวร่วมในการรณรงค์ให้กับอาจารย์สมศักดิ์เพื่อให้อาจารย์สามารถ ทำงานทางวิชาการต่อไป เพื่อให้สังคมไทยตาสว่างมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ


ข้อเขียนของอาจารย์สมศักดิ์ ที่หน้าเฟสบุควันนี้ 8 เมษายน 2554


เรียน ทุกท่าน ผมจะขอ deactivate เฟสบุ๊คนี้ ชั่วคราว เย็นนี้นะครับ


จริงๆแล้ว ผมคิด...มา หลายวันว่า คงต้องลดกิจกรรม fb นี้ ลง เพราะเท่าที่เป็นอยู่ มีแต่เพิ่มมากขึ้นๆ ซึ่งมีผลกระทบต่อทั้งงานประจำ และงานอื่นๆของผมมากขึ้นๆ หลังๆ ไม่เพียงผู้ทีเห็นด้วยกับที่ผมเขียน แต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วย ก็พากันมาเยอะมากๆ พวก comments ต่างๆ จากที่เดิม ผมเคยตามอ่านได้ ตอนนี้ บางกระทู้ มี 1000-2000 comments ก็มี ซึงผมไม่มีเวลาตามอ่าน และปัญหาที่ตามมาคือ บางความเห็น ก็โพสต์กันแรงๆ หรือให้ links ที่เสี่ยง อย่างเมือเช้า ผมตื่นมา ก็ต้องลบไปร่วม 10 กว่า comments คือตอนนี้ สภาพ fb กำลังคล้ายๆกับเว็บบอร์ด ปํญหาคือ เว็บบอร์ด มีคนดูแลหลายคน ผลัดกันตลอด 24 ชม.ได้ แต่ fb ผมเอง ผมก็ไม่มีเวลาดูแล แม้แต่จะตอนกลางวันได้ตลอดวัน

มีผู้เสนอว่า ให้ผมทำ fan page ผมก็กำลังศึกษา พยายามทำความเข้าใจอยู่ แต่ไม่แน่ใจ่วา จะสามารถทำได้ไหม เพราะจะยิ่งเพิ่มภาระที่มากอยู่แล้ว มีคนเสนอว่าจะ "ฟอร์มทีม" มาช่วยดูแล เป็น admin ของ fan page ให้ ซึงก็คงคล้ายๆกับเว็บบอร์ด อันนี้ ผมก็ยังพิจารณาอยู่เช่นกัน เพราะต่อให้สามารถฟอร์มทีม มาช่วยดูแลจริงๆ ก็ไม่แน่ใจว่า ผมจะทำได้ไหม เพราะอย่างแรกคือ fan page ก็ยังอยู่ในชือความรับผิดชอบผมเองส่วนหนึง ซึ่งผมก็คงต้องดูแลด้วยส่วนหนึง (ไม่เหมือนเว็บบอร์ด ที่บางที ผมไม่เข้าเลยเป็นสัปดาห์ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะไมใช่คนดูแล) และอย่างไรก็ตาม ถ้าจะทำจริงๆ ผมก็คงไม่สามารถทำได้ในวันนี พรุ่งนี้ ผมต้องขอเวลาเตรียมอยู่เหมือนกัน ซึงในระหว่างนี้ ถ้ายังมี fb ธรรมดาอยู่ ภาระงานก็ยังเยอะอยู่นั่นเอง

นอกจากนี้ เดิมทีเดียว ผมนึกว่า เวลาปิดเทอม จะใช้ไปในการเคลียร์พวกต้นฉบับงานเก่า (เช่น "ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง") เพือตีพิมพ์ใหม่ หรือไม่ก็เขียนบทความใหม่ๆออกมา (ไม่นับรวมเรื่องหนังสือวิชาการที่ผมเตรียมจะอ่านสำหรับการสอนปี การศึกษาหน้าอีกจำนวนมาก) แต่ดูเหมือนในสภาพขณะนี้ ผมคงไม่สามารถทำได้ ยกเว้นแต่จะต้องลดภาระเรื่อง fb หรือการเขียนออนไลน์นี้ลงชนิดเยอะๆ

แน่นอน สถานการณ์ในขณะนี้ ทีผมพูดๆถึง ในกระทู้ 2-3 อันหลังๆ ก็มีส่วนในการตัดสินใจอยู่ ที่ผ่านมา ตั้งแต่การสัมมนาวันที่ 10 ธันวา ก็มีคนถามผมมาหลายครั้งถึงปัญหา การขู่ ฯลฯ ว่าได้มีบ้างไหม ซึงผมก็หลีกเลี่ยงทีจะอธิบาย เพราะไม่ต้องการทำให้เหมือนกับมาโวยวาย และก็รู้สึกจริงๆว่า ปัญหาความลำบากต่างๆ เป็นเรื่องที่ไม่ได้หนักหนาอะไรถ้าเทียบกับทีคนทีเจ็บที่ตายได้รับ ในระหว่างการต่อสู้อื่นๆ แต่ในระยะประมาณ 1 เดือน หรือ ไม่กี่สัปดาห์นี้ ข่าวคราวทางด้านนี้ ที่มีมาถึงผม เพิ่มมากขึ้นๆจริงๆ จนผมคิดว่า น่าจะบอกกล่าวให้รู้กันไว้บ้าง

เรื่องทีผมกลายเป็น "เป้าของความเกลียด" ของบรรดาผู้อ้างความจงรักภักดีมากขึ้นๆ - ผมคิดว่า คงไม่เป็นการพูดเกินไปทีจะบอกว่า ทีประยุทธ พูดถึงนักวิชาการก็ดี ที่คอลัมนิสต์ ไทยโพสต์ พูดไปถึง "โชติศักดิ์" ก็ดี ความจริง คงมีผมเป็นภาพในใจมากกว่าใครอื่น ไม่นับกรณีที่คนทีอ้างจงรักภักดีระดมกันออกมาตอบโต้ผมตามออนไลน์ต่างๆอีกเยอะ นอกจากนี้ ผมยังมีข้อมูลที่เชื่อถือได้ว่า คลิปการพูดของผมในวันที่ 10 ธันวา ซึง ก่อนหน้านี้ อาจจะแพร่หลายมากในหมู่ "มวลชน" (และเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง หรือที่เกียวข้องโดยตรง) ตอนนี้ เริ่มได้รับการแพร่ไปในหมู่นายทหาร หรือเจ้าหน้าทีรัฐที่ไม่ใช่คนที่เกียวข้องในเรือ่งดูแลเรืองพวกนี้ โดยตรงมากขึ้นๆ (ผมก็นึกว่า "แรงกระเพื่อม" ของการพูดวันนั้น จะจาง หรือหยุด แต่ล่าสุด เท่าที่ได้ทราบมา ก็ยังไม่หยุด โดยเฉพาะในหมู่คนทีก่อนหน้านี้ ไม่เคยรู้เห็นมาก่อน ก็เริ่มรู้เห็นมากขึั้น อย่างกรณีพวกนายทหารต่างๆ เรื่องนี้ มองในแง่ดี ก็ดี ตรงที่ อาจจะทำให้คนหันมาสนใจ หรือคิดเรือ่งที่ผมเสนอมากขึั้น แต่มองในอีกด้าน ก็อาจจะเหมือนการแพร่กระจาย ของภาพปลุกระดมของพวก "ดาวสยาม" ก่อน 6 ตุลา ทีทำให้ "มวลชนฝ่ายขวา" และ เจ้าหน้าที่รัฐ เริ่มเกิดอาการตระหนกมากขึ้นๆว่า มีคนต้องการ "ล้มเจ้า" กันอย่างรุนแรงแล้วในขณะนี้ โดยเอาคลิปผมเป็น "ตัวอย่าง")

เรื่องนี้จริงๆ ไม่ได้ทำให้ผมคิดว่าตัวเองจะเลิกพูดเลิกเขียนอะไร แต่เมือ่มาบวกกับเรื่องภาระที่มากขึนๆ (ซึงส่วนหนึงก็คือเรื่องเดียวกัน) ทำให้ผมรู้สึกว่า อยากจะขอ "หยุด ตั้งหลัก" สักครู่ อย่างน้อยอาจจะ 2-3 สัปดาห์ แล้วก็จะได้ถือโอกาสใช้เวลานี้ เคลียร์พวกงาน ต้นฉบับหนังสือ อ่านหนังสือทีต้องอ่าน ไปด้วย หลังจากได้คุยปรึกษากับเพื่อน 2-3 คน ก็เห็นว่า น่าจะทำได้ โดยไม่มีผลกระทบอะไรต่อการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ผมสนับสนุน

ต้องขออภัยทุกท่านที่เป็น "Friends" หรือ "Fans" ของ เฟสบุ๊ค นี้ ที่ต้องทำแบบนี้ และขอขอบคุณทุกท่านอย่างสูงในความสนใจ และในน้ำใจอื่นๆ (ความห่วงใย ความสนับสนุน คำแนะนำ ฯลฯ) หวังว่าคงมีโอกาสได้พบกันอีก ที fb นี้ หรือในรูปแบบอืน

ด้วยความรัก
สมศักดิ์


ปล. ผมคิดว่าจะ deactivate ในเวลาประมาณ 6 โมงเย็น - 1 ทุ่ม เนื่องจาก ยังมีพวก message "หลังไมค์" อีกหลายฉบับ ที่ผมยังไม่ได้ตอบด้วย
See more

นี่คือคอมเมนต์จำนวนหนึ่ง ของคนที่มาโพสต์ในหน้าวอลล์ของอาจารย์สมศักดิ์ ด้วยความห่วงใยและนับถือในผลงานของอาจารย์

Ooi ThaiDelphi
ไม่อยากให้ อ. เลิกเล่น FB นะครับ แนวร่วมด้านวิชาการของคนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจะหายไปทันที หลายคอมเม้นท์ผมว่าข้ามไปได้นะครับ หลายอันไม่ได้พูดด้วยเหตุผล ไร้ตรรกกะ ผมชอบเหตุผล อ. ครับ มันเป็นเหตุผลที่เถียงไม่ออก ตอบโต้ด้วยลำบาก เพราะมันรัดด้วยความจริง



รักคนเท่ากัน หยุดล้มราษฎรเค้าให้เวลา และพลังงานในการเขียนถึงอ.สมศักดิ์มาก แต่เสียดายจับเอาใจความระหว่างบรรทัดได้แค่ "ตูก็อ่านแล้วก็กลัวมัน ตูเลยต้องด่าด้วยภาวะไร้สติออกมาโดยไม่รู้ตัว" 


Phuttipong Ponganekgulอ.สม ศักดิ์ ตั้งค่า ห้ามคนอื่นโพสต์หน้าวอลล์ + ห้ามคอมเมนท์ ก็ได้ครับ , ไม่ต้องปิดการใช้งานก็ได้ (ว่างเมื่อไหร่ก็มาโพสต์) , ปรับการตั้งค่าเช่นนั้น เพื่อเนื้อหา จะได้ไม่สูญไป คนอื่นเข้ามาอ่านย้อนหลังได้อยู


Junya Lek Yimprasert อ่านหน้าวอลล์อาจารย์และข้อความโจมตีต่างๆ มายังอาจารย์ด้วยความเศร้าสะเทือนใจ ไม่อยากให้เกิดปรากฎการณ์การปล่อยให้อาจารย์หรือใครทั้งนั้นเป็นเหยี่อของฝ่ายขวาซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยคนส่วนใหญ่ไม่ทำอะไร หรือทนอยู่นิ่งเฉย - จำเป็นจะต้องมีการตอบโต้หรือสร้างภูมิคุ้มกันคนที่นำเสนอปัญหาบ้านเมืองอย่างตรงไปตรงมากันได้เสียที นักวิชาการที่ไม่แม้กล้าพูดอะไรเลย ก็น่าจะยังมีจริยธรรมในหัวใจกันบ้างจนกล้าลุกขึ้นมาล่ารายชื่อเรียกร้องการคุ้มครองนักวิชาการที่ทำงานอย่างซื่อตรงต่อวิชาชีพ


Panuda Da
หนทางมีไว้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย แต่ถ้าไม่มีคนเดิน มันก็ไม่มีวันบรรลุเป้าหมาย ระหว่างเส้นทางอาจต้องหยุดเพื่อ่ตั้งสติ เพื่อสะสมพลังอาจต้องอุดหูต่อเสียงสรรเสริญด่าทอข้างทางแต่ก็ยังต้องเดินต่อไป 



Thorpe Kai ไม่เป็นไรคะ แล้วจะรออาจารย์กลับมา ขอบคุณสำหรับการจุดประกายทางความคิด ขอบคุณสำหรับความกล้าหาญที่อาจารย์ได้แสดงมันออกมา ขอบคุณสำหรับการแสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานของการมีเหตุมีผลมาสนับสนุน คนเราต้องกล้าแสดงความคิดเห็นออกมา กล้าที่จะยืนอยู่บนความเชื่อของตนเอง แม้จะรู้สึกโดเดี่ยวเป็นบางหน อาจารย์ inspiration ดิฉันในหลายๆ เรื่องคะ

* * * * * * * * * 



ข้อความ ต่อไปนี้ของคนโพสต์ที่ต่อว่าอาจารย์สมศักดิ์ แสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยทางปัญญาอย่างเหลือเกินของพวกรอยัลลิสต์ฝ่ายขวา ที่ยอมจำนนต่อระบอบวิถีทาสอย่างไม่ลืมหูลืมตา ไทยอีนิวส์จริงๆ แล้วไม่อยากเอาข้อความอันไร้สติและปัญญาเช่นนี้มาลง แต่เห็นว่าถ้าปล่อยให้การขีดเขียนอะไรก็ได้ในนามกระแสหลักเพื่อสร้างวาทะ กรรมแห่งการปลุกปั่น ปลุกระดม จนนำไปสู่ความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็จะไม่สามารถหยุดกระแสคลั่งได้


พวกเราจำเป็นจะต้องนำมาย้ำเตือน สติทางสังคมกันอยู่เรื่อยๆ อย่าปล่อยให้ข้อเขียนที่ไร้หลักการ อิงแค่ความมืดบอดทางปัญญา มาทำร้ายคนที่ "คิดต่าง" ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่สังคมคน "ตาสว่าง" ไม่ได้ทำอะไร(อย่างมีเหตุมีผล) ในการตอบโต้กลับบ้าง


ช่วยกันประนามข้อเขียน "คลั่งเจ้า" ไร้สถิเหล่านี้กันบ้างเถิด อย่ายอมให้พวกเขาทำร้ายแกนนำ หรือนักวิชาการที่ทำงานโดยยึดหลักการแห่งประชาธิปไตย- คนแล้วคนเล่า - โดยที่พวกเราปล่อยให้เขาเหล่านั้นต้องเผชิญชะตากรรมตามลำพัง แล้วก็สุดท้ายต้องยุติบทบาท หรือกลายเป็นพวกเสื้อเหลืองรอยัลลิสต์ เพราะทนแรงเสียดทานไม่ไหว


ขอให้กระแสการโจมตี ข่มขู่คุกคามอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เป็นกระแสการโต้กลับของคนตาสว่างต่อพวกรอยัลลิสต์ฝ่ายขวา ช่วยกันประจานความคิดไดโนเสาร์​ ประจานพวกที่ไม่รู้จักคำว่า "ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์" ถูกมอบเมาจนหน้ามืดตามัว ยอมตนเป็นทาสศักดินา มาช่วยกันทำให้พวกเขาเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยเท่านั้นในสังคม


"คนตา สว่าง" ทั้งหลาย ต้องลุกขึ้นมาปกป้อง และสร้างภูมิคุ้มกันให้อาจารย์สมศักดิ์ และนักวิชาการหรือแกนนำคนอื่นๆ ที่กล้านำเสนอและตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทสถาบันพระมหากษัตริย์กับการเมือง ไทยอย่างตรงไปตรงมา อิงหลักวิชาการ และอ้างอิงแหล่งที่มาได้มากมาย


ยิ่ง คนตาสว่างปกป้องนักวิชาการที่ทำงานอย่างซื่อตรงอย่างเข้มแข็งขึ้น ก็จะช่วยปูทางให้นักวิชาการที่ยังมีจริยธรรมและรู้จักความถูกต้องคนอื่นๆ กล้าลุกขึ้นมาเตือนสติสังคมที่กำลังถูกโหมกระหน่ำด้วยกระแส และการอัดฉีดงบประมาณหลายร้อย หลายพันล้านบาทเพื่อ "การปกป้องสถาบัน"


ขอจงโปรดอ่านและใช้วิจารณญาณของทุกท่านต่อข้อความโจมตีอาจารย์สมศักดิ์ด้านล่างนี้อย่างคนที่ปลดแอกทาสของตัวเองได้แล้ว . .


"คุณคือตัวแปลกปลอมของประเทศไทย...คุณไม่ต้องมาท้าคนไทย ไม่มีใครมารับคำท้าของคุณ คนสติดีคงไม่ไปข้องเกี่ยวกับคนสติแตก"


นายสมศักดิ์ ผู้ไม่เจียมตน รู้ไว้ คุณไม่อาจทำลายกำแพงศรัทธาของคนไทยได้
Posted by ทนายเบิ้ม


ไม่ว่าคุณจะเขียนกี่บทความ จะประดิษฐ์ถ้อยคำขึ้นมา จะขุด เสกสรรปั้นแต่งเรื่อง หรือว่าพยายามแหย่โทสะของคนหมู่มากเท่าไร ไำม่มีทางสำเร็จแน่นอน กำแพงแห่งศรัทธาของประชาชนคนไทย นั้นหนาแน่นนัก ยิ่งคุณตั้งใจทำลาย โดยการแซะเท่าไหร่ กำแพงนั้นก็จะแข็งแรงยิ่งขึ้นๆ เกินกว่าที่คุณ รวมทั้งผู้ประสงค์ร้ายทั้งหลายจะทำลายได้ ไม่มีทาง


คนที่ชื่นชมคุณ ยกย่องคุณ เป็นเพียงแค่ชนกลุ่มน้อย ที่แฝงตัวอยู่ ไม่กล้าที่จะมาแสดงความเห็น ความคิดในที่สาธารณะ คุณคือตัวแปลกปลอมของประเทศไทย เมื่อก่อนเวลาที่อ่านบทความสาร.....ของคุณ ผมเคยคิดว่าถ้าคุณมาอยู่ตรงหน้า ผมคงตบคุณหัวทิ่มดินไปแล้ว แต่ตอนนี้ ผมคิดว่าสิ่งที่คุณทำขึ้นมานั้น มันคือความพยายามของคนที่มีความคิดที่น่าสมเพทเวทนา คุณไม่ต้องมาท้าคนไทย ไม่มีใครมารับคำท้าของคุณ คนสติดีคงไม่ไปข้องเกี่ยวกับคนสติแตก


คุณเป็นผัก ผักที่แม่ค้าเด็ดขว้างทิ้ง ไม่นำมาใส่กระจาดวางขาย เพราะถูกเพลี้ยกินจนมีร่องรอย กฎหมายของประเทศ อาจทำอะไรคุณไม่ได้ เพราะคุณพยายามหลีกเลี่ยง เฉียดไปเฉียดมา ไม่ให้ตรงกับข้อความตามกฎหมาย แต่กฎแห่งกรรมรับรู้ ถึงเจตนาของคุณได้ และจะตามมาเอาคืนคุณ อย่าลำพองตนเองจนเกินไปนัก บทสุดท้ายของคุณ คงไม่ช้าไม่นาน ความเป็นไพร่นั้น ดูที่พฤติกรรม คิดอะไร ทำอะไร ย่อมรู้อยู่แก่ใจ คุณรู้ แต่แสร้งไม่รู้ หรือเปล่า


คนเราเห็นต่างกันได้ แต่ต่างแบบสุดโต่งของคุณหน่ะ โดยเฉพาะเรื่องที่คุณกระทำอยู่ทุกวันนี้ มันเกินทน เกินจะเยียวยาได้ ถ้าคุณไม่อยากเป็นคนไทย กรุณาเอาทะเบียนบ้าน-บัตรประชาชน มาคืนแก่ทางราชการเสีย เลิกใช้สัญชาติไทย เพราะพฤติกรรมเยี่ยงนี้ คนไทยคงไม่อยากให้คุณมาอยู่ร่วมในประเทศ ขอให้คุณจงอัปเปหิตัวเองไปอยู่ ณ สถานที่อื่น ที่ไม่ใช่ผืนแผ่นดินไทย แผ่นดินนี้จะได้สูงขึ้นๆ เพราะไม่มีคุณอยู่เป็นเสี้ยนหนามแผ่นดิน


ที่มา : http://www.oknation.net/blog/hardcorelawyer/2011/04/05/entry-1

*******

ดร.สมศักดิ์ เจียมฯแถลงข่าวในภาพลักษณ์ใหม่ย้อมผมดำ"แก้เซ็ง" ฟังคลิปแถลงข่าวที่
http://www.mediafire.com/?qy19g5uaxldz733
-http://www.mediafire.com/?ctc6cc386gxkz72 ดร.สมศักดิ์ช่วงตอบคำถาม

-http://www.mediafire.com/?c9t21fprvw5r5tp กลุ่มนักวิชาการอ่านแถลงการณ์
http://redusala.blogspot.com
เส้นทางของรัฐนาซีใหม่?

โดย รุ่งโรจน์ วรรณศูทร
28 เมษายน 2554




กรณีคุกคามเสรีภาพทางวิชาการที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ต่อ ดร. สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สะท้อนถึงการคุกคามหรือการปฏิเสธใน เสรีภาพในการแสดงออก (Freedom of Expression) ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย อย่างมีนัยสำคัญซึ่งตามมาด้วยการ "จู่โจม" ขบวนประชาธิปไตยประชาชนที่ก่อตัวและพัฒนาสืบเนื่องอย่างเป็นรูปธรรมเด่นชัดขึ้น นับจากการรัฐประหารอัปยศ 19 กันยายน 2549

สัปดาห์ถัดมา คือในวันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2554 ชุดปฏิบัติการร่วมซึ่งประกอบกำลังจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และตำรวจท้องที่ ได้นำหมายศาล กระจายกำลังกันเข้าตรวจค้นสถานีวิทยุชุมชนที่เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะสถานีวิทยุที่กระจายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต รวม 13 แห่ง ในพื้นที่ กทม. 7 แห่ง ซึ่งในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ สืบเนื่องจาก กอ.รมน. ตรวจสอบพบว่ามีสถานีวิทยุชุมชนหลายแห่งที่ดำเนินการเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย

ทั้งนี้โดยข้อเท็จจริง ณ เวลาปัจจุบัน สถานีวิทยุชุมชน "ทั้งประเทศ" ไม่เพียงสถานีที่ดำเนินการโดย "คนเสื้อแดง" ล้วนกระจายเสียงโดยไม่มีกฎหมายรองรับแต่อย่างใด

และปฏิบัติการเยี่ยง "รัฐนาซี" ก็ตามมา เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 27 เมษายน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ มีหมายเรียกตัวนายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการนิตยสารฟ้าเดียวกัน เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน กรณีมีผู้ฟ้องว่าข้อความในเว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน (ปัจจุบันปิดไปแล้ว) จำนวน 46 url อาจเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งนายธนาพลให้การว่า ไม่ทราบว่ามีข้อความดังกล่าวในเว็บบอร์ด และไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเว็บถูกปิดไปแล้ว

สถานการณ์การเมืองของประเทศไทยเดินทางมาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ ระหว่างความมีอารยะกับความป่าเถื่อนลุแก่อำนาจยิ่งกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์ และหมายถึงการรณรงค์ระหว่างพลังประชาธิปไตยกับพลังปฏิกิริยา กำลังจะผ่านพัฒนาการขึ้นสู่อีกระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือบาดแผลและความเจ็บปวดของประชาชนผู้ใฝ่ในเสรีภาพ

ประวัติศาสตร์ยุคใกล้ สอนให้มนุษย์รู้จัก "ผู้นำ" หนึ่งใน "คนบาปของมนุษยชาติ" คือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้สถาปนาตนเองขึ้นเป็น "ฟือเรอร์ (Fuhrer)" หรือ "ผู้นำสูงสุด" ซึ่งเป็นทั้งหัวหน้าพรรคแรงงานสังคมนิยมแห่งชาติเยอรมัน หรือพรรคนาซี (Nazi) ประมุขแห่งรัฐ นายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารบก ทั้งโดยอาศัยอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสาธารณรัฐไวมาร์เป็นจักรวรรดิไรช์ที่สาม รัฐเผด็จการพรรคการเมืองเดียว ภายใต้แนวคิดนาซีอันเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จและอัตตาธิปไตย และต่อมามีอิทธิพลอย่างมากต่อการทำสงครามของเยอรมนี และนโยบายด้านการต่างประเทศตามลัทธินาซี ซึ่งนำพาประชาชาติเยอรมันเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งการ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ซึ่งทำให้ผู้บริสุทธิ์ตายไปอย่างน้อย 11 ล้านคน โดยเป็นชาวยิวถึง 6 ล้านคน ทั้งนี้เครื่องมือสำคัญ 2 ประการของฮิตเลอร์และรัฐนาซี ประกอบด้วยบุคคล 2 คน

"โจเซฟ เกิบเบล" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโฆษณาการ (Ministry for Popular Enlightenment and Propaganda) ตั้งแต่ (1933-1945) ผู้ถือได้ว่าทรงอิทธิพลมากที่สุดรองจากฮิตเลอร์ต่อการปลุกเร้าจิตใจของชาวเยอรมันต่อการรุกรานยุโรป ผลงานสำคัญของกระทรวงโฆษณาการของอาณาจักรไรช์ที่ 3 คือทำให้ประชาชนเยอรมันคลั่งชาติ ในช่วงท้ายของสงคราม ฮิตเลอร์ได้ระบุในพินัยกรรมให้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนี และเพียงแค่วันเดียว เกิบเบลก็สั่งให้ภรรยาและบุตรทั้งหมดกินยาพิษฆ่าตัวตาย ก่อนจะฆ่าตัวตายตามหลัง "ผู้นำสูงสุด" ไป

"ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์" ผู้บัญชาการหน่วยเอสเอสและหน่วยตำรวจลับเกสตาโป มีหน้าที่ตรวจค้นและกวาดล้างบุคคล แหละ/หรือกลุ่มบุคคลที่ต้อง สงสัยว่ามีพฤติกรรมต่อต้าน อำนาจรัฐนาซีเยอรมันในช่วง เหลื่อมและช่วงสงครามโลกครั้ง ที่สองในทวีปยุโรป มีอำนาจล้นฟ้าในรัฐเผด็จอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ มีส่วนรู้เห็นต่อการสร้างค่ายกักกัน ทั้งหลายในทวีปยุโรป ผลงานที่มนุษย์ในสังคมอารยะไม่มีวันลืมคือเป็นผู้สร้างค่ายกักกันในเมืองที่ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาเยอรมันว่า "เอาชวิทซ์ (Auschwitz)" ในประเทศโปแลนด์ที่กองทัพนาซีเยอรมันรุกรานเข้ายึดครองในปี 1939 อันเป็นที่สังหารชาวยิวกว่า 3 ล้านคน ผู้ประสบชะตากรรมเกือบทั้งหมดถูกสังหารใน "ห้องรมก๊าซ" โดยใช้ก๊าซ Zyklon B ตลอดจนจากความอดอยาก การบังคับใช้แรงงาน การขาดการดูแลทางสุขภาพ การถูกสังหารตัวต่อตัว และข้ออ้างใน "การทดลองทางแพทย์" หลังจากนาซีเยอรมันประสบความปราชัย ฮิมม์เลอร์ถูกพันธมิตรจับกุมตัวได้และฆ่าตัวตาย

ไม่ว่าในยุคที่การเผด็จอำนาจของพรรคนาซีเยอรมันภายใต้การนำของฮิตเลอร์จะเกรียงไกรแข็งแกร่ง โดยที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเดินทางไปสู่จุดจบและกลายเป็นตราบบาปของประวัติอารยธรรมของมนุษยชาติเพียงใด…

แต่บั้นปลายของหนึ่งใน "ทรราชย์" ที่สามานย์ที่สุดในศตวรรษที่ 20 ก็คือ การฆ่าตัวตายพร้อมๆกับ อีวา บราวน์ ภรรยาที่ไม่ได้รับรองอย่างเป็นทางการ ในกรุงเบอร์ลินเมื่อวันที่ 30 เมษายน 1945 ก่อนการยาตราทัพเข้ายึดครองโดยกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตร โดยเชื่อว่าฮิตเลอร์ใช้วิธียิงตัวตาย ขณะที่บราวน์เลือกใช้วิธีดื่มยาพิษ แม้ว่าการตายนั้นยังคงเป็นปริศนา เนื่องจากไม่มีการพบศพของทั้ง 2 คนแต่อย่างใด.
http://redusala.blogspot.com
ธนาพล อิ๋วสกุล : ชี้แจงกรณี
ข่าวกองปราบฯแกะรอยกว่า 50 รายชื่อผู้เล่นเว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน

ผมคิดว่าเราไม่ควรตื่นตระหนกมากเกินไป และพยายามคิดว่ามันเป็นงานรูทีนของตำรวจ เพราะมันเริ่มจากมีคนร้องเรียน ict แล้ว ict ต้องมาแจ้งความที่ตำรวจ แล้วตำรวจก็ดำเนินการตามปรกติ-ธนาพล อิ๋วสกุล (ภาพ:เนชั่น)

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
28 เมษายน 2554

นายธนาพล อิ๋วสกุล เขียนในเฟซบุ๊คสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ชี้แจงเพิ่มเติมตามที่มีข่าว กองปราบฯ แกะรอยกว่า 50 รายชื่อผู้เล่นเว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน เรียก บ.ก.ฟ้าเดียวกันให้ปากคำ ตามที่เผยแพร่ในเวบไซต์ประชาไทhttp://www.prachatai3.info/journal/2011/04/34259 ว่า ผมในฐานะ “พยาน” ขอให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจทุกท่านดังต่อไปนี้

1. ในฐานะคนที่ดูแลกระดานสนทนาฟ้าเดียวกัน การต้องไปให้การในฐานะพยานนั้นเป็นกิจวัตรในชีวิตที่ผมต้องปฏิบัติเมื่อรับผิดชอบเว็บไซต์ฟ้าเดียวกัน เฉพาะกองปราบนี่ผมต้องเดินทางไปร่วม 10 ครั้งแล้ว

2. สูตรสำเร็จในการให้การเป็นพยานคือ เป็นเว็บไซต์ฟ้าเดียวกันจริง แค่ไม่ทราบว่าข้อความที่โพสต์จริงหรือไม่ เนื่องจากไม่มีเวลาดูทั้งหมด

3. ถ้าตำรวจขอไอพี ก็บอกว่าให้เอาหมายศาลมา (ซึ่งไม่เคยมีหมายศาลจากตำรวจ) ถ้าถามเรื่องเทคนิค ก็บอกว่าไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายเทคนิค (อันนี้ข้อเท็จจริง)

4. ถ้าถามว่าฝ่ายเทคนิคคือใคร บอกว่าเป็นอาสาสมัคร ติดต่อทางอีเมลล์เท่านั้น ไม่เคยเจอตัว

5. กรณีการไปให้การเมื่อวันที่ 27 เมษา แตกต่างจากกรณีอื่น ๆ คือ เมื่อวันที่ 4 เมษาที่ผ่านมาผมไปให้การในฐานะพยานเหมือนกับกรณีอื่น ๆ ก่อนหน้า แต่ตำรวจจะให้เซ็นชื่อในฐานะพยานโดยมีแค่ url จำนวน 46 url ผมบอกว่าเซ็นไม่ได้เนื่องจากผมไม่ทราบจริง ๆ ว่าทั้ง 46 url นั้นมีเนื้อหาอะไร และในทางปฏิบัติคือเว็บไซต์ฟ้าเดียวกันได้เปลี่ยนผู้รับผิดชอบ/เปลี่ยนชื่อ และยังโดน ict ปิดจนถึงปัจจุบัน

6. เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนปราศรัยวันที่ 10 เมษาฯ ที่นำไปสู่การแจ้งความจับจตุพรและพวก รวมทั้งการตบเท้าของ ทหาร จึงไม่เกี่ยวข้องกับกระแสข่าวการรัฐประหารแต่อย่างใด

7. การนัดหมายจึงมีอีกครั้งในวันที่ 27 เมษา ผมจึงให้ทางตำรวจเอารายชื่อและเนื้อหาทั้ง 46 url มาให้ดูก่อนลงชื่อรับทราบเป็นพยาน ในการนี้ผมขอความช่วยเหลือผ่านเพื่อนพ้องน้องพี่หลายคนให้ไปใช้ช่วยจดรายละเอียดมาเพื่อเผยแพร่ให้รับทราบ

8. ทั้งรายชื่อและเนื้อหาที่ออกมานั้น “ผิดคาด” ครับ สำหรับผมไม่เห็นมีอะไรที่จะนำไปสู่การฟ้องร้องอะไรได้ เช่น กรณี ล็อกอินที่ใช้นามว่า“กลุ่มสมชายคัมแบ๊ค (SCCB)” หรือ “ผัวเผลอแล้วเจอกัน” เป็นเรื่องเฮฮา เล็ก ๆ น้อย ๆ กรณีล็อกอิน “อย่าว่าเราเจ้าข้า” ก็เป็นแค่การเอาข้อมูลสาธารณะมาเรียงต่อกัน หรือกรณี “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” ก็เป็นบทความเรื่องพระสุรเสียง ซึงเผยแพร่ไปมากกว่าในเว็บไซต์ฟ้าเดียวกัน

9. กรณีดังกล่าวทำให้หลายคนตื่นตระหนก รวมทั้งไปลบข้อมูลเก่าของตัวเลงในเว็บไซต์ฟ้าเดียวกันนั้น ผมคิดว่าไม่ต้องไปทำให้เสียเวลาครับเพราะเขาไม่ได้เอาข้อมูลในปัจจุบัน แต่เอาข้อมูลเก่าที่เขาเซฟเก็บไว้เป็นหลักฐาน คือต่อให้ลบก็ไม่ช่วยอะไร

10. ผมคิดว่าเราไม่ควรตื่นตระหนกกับเรื่องดังกล่าวมากเกินไป และพยายามคิดว่ามันเป็นงานรูทีนของตำรวจ เพราะมันเริ่มจากมีคนร้องเรียน ict แล้ว ict ต้องมาแจ้งความที่ตำรวจ แล้วตำรวจก็ดำเนินการตามปรกติ

ก่อนหน้านี้เวบไซต์ ประชาไทเสนอรายงานข่าว "กองปราบฯ แกะรอยกว่า 50 รายชื่อผู้เล่นเว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน เรียก บ.ก.ฟ้าเดียวกันให้ปากคำ"
27 เมษายน 2554


ตำรวจกองปราบฯ เรียกธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการนิตยสารฟ้าเดียวกัน เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน กรณีมีผู้ฟ้องว่าข้อความในเว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน พบ 50 กว่ารายชื่อ 46 ยูอาร์แอล อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน

วันนี้ เวลา 09.00น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ เรียกนายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการนิตยสารฟ้าเดียวกัน เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน กรณีมีผู้ฟ้องว่าข้อความในเว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน (ปัจจุบันปิดไปแล้ว) จำนวน 46 ยูอาร์แอล อาจเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เบื้องต้นนายธนาพลให้การว่า ไม่ทราบว่ามีข้อความดังกล่าวในเว็บบอร์ด และไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเว็บถูกปิดไปแล้ว

จากเอกสารของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบนามแฝงที่ใช้ล็อกอินเว็บบอร์ดฟ้าเดียวกันกว่า 50 รายชื่อ ซึ่งแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือ นามแฝงของผู้โพสต์ข้อความหมิ่นเหม่ และกลุ่มที่สองคือนามแฝงของเจ้าของกระทู้และผู้แสดงความเห็นในกระทู้ที่มี ข้อความหมิ่นเหม่


โดยบุคคลทั้งสองกลุ่มมีรายชื่อดังนี้ (อนึ่ง มีบางรายชื่อที่ประชาไทไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากการตั้งชื่อผู้ใช้อาจ เข้าข่ายความผิดมาตรา 112)
1. fd35
2. กิ๊กผม...เธอเป็นยอดมนุษย์
3. Eluchada
4. ตาสว่าง
5. สหายดำเกิง
6. เอาม่าง
7. บหค02
8. Rommel
9. kuaycheng
10. สายฟ้า ขอนแก่น
11. สมเสร็จxxxx
12. สหายดอกหญ้า
13. คนประสาทที่เพิ่งสร้าง
14. Sympatique MD
15. Meteora
16. HereHere
17. landforce
18. แมลงปอ
19. gubannok
20.กxxxx
21. เมพเจ้า
22. เมพเจ้าเบจิต้า
23. ขอชื่อสมชายหลายๆชาติ
24. กลุ่มสมชายคัมแบ๊ค (SCCB)
25. sanooksanan
26. เรียบร้อยริมรัง
27. บัฟฟาโล่บอยคนเลี้ยงฟาย
28. อยากประหยัดให้ติดแก๊ส
29. ผัวเผลอแล้วเจอกัน
30. นู๋เค
31. ผักกาดดอง
32. login 2099 (ในเอกสารมองไม่เห็นชื่อ)
33. ผู้มาเยือน
34. totoop
35. tanawat
36. ผัวxxxเมียxxx
37. anti fcudalism
38. quaycheng
39. สงสัย
40. อย่าว่าเราเจ้าข้า
41. บค.พ.02
42. สหายสิกขา
43. nothin
44. hhff
45. หมาร่าหมาหรอด
46. nothin
47. bumpboyslim
48. maqical
49. anais
50. เกลียดไอ้xxxxxxxxxxx
51.xxxฉีดxxxxใส่โซ่xxxx
52.JJB
53 สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
54 ปิยบุตร

อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่า เจ้าหน้าที่จะดำเนินการกับคนเหล่านี้ทั้งหมดหรือไม่ เพราะบางรายชื่อเป็นเพียงเจ้าของกระทู้ซึ่งมีผู้เล่นเว็บบอร์ดรายอื่นเข้ามาตอบโดยอาจมีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดอาญามาตรา 112
http://redusala.blogspot.com
สื่อตปท.วิเคราะห์เหตุปะทะไทย-เขมร
ชี้กองทัพขัดแย้งรบ.-ยิ่งรบยิ่งเสีย
28 เมษา. 2554 16:19 น. 


สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักได้จับตามองสถานการณ์สู้รบระหว่างไทยและกัมพูชา และวิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าว โดย "ดิ อินดิเพนเดนท์" รายงานอ้างการวิเคราะห์ของศาสตราจารย์ดันแคน แม็คคาร์โก้ ศาสตราจารย์ด้านการเมืองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยลีดส์ ระบุว่า สถานการณ์พิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาขณะนี้เป็นผลมาจากการขัดแย้งระหว่างกองทัพไทย กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักนายกรัฐมนตรี โดยในอดีตที่ผ่านมา กองทัพไทยมักจะถือสิทธิในการดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศเพื่อเดินหน้าไปถึงที่สุด และในสงครามระหว่างกัมพูชาที่ประหลาดและไร้เป้าหมายนี้ กองทัพไทยกำลังพยายามที่จะแสดงตัวว่าเป็นผู้นำผู้พิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ และยึดกุมศรัทธาจากประชาชนแทนนักการเมือง 

อย่างไรก็ตาม ยิ่งความขัดแย้งดำเนินไปมากเท่าไหร่ ไทยก็จะสูญเสียภาพลักษณ์ในสายตาประชาคมโลก และนี่จะกลายเป็นปัญหาปวดหัวสำหรับอาเซียนและสหประชาชาติ แต่หากกองทัพไทยยอมรับว่า นโยบายต่างประเทศควรดำเนินโดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเร็วเท่าใด ก็ยิ่งจะดีเท่านั้น 

ด้าน "อีโคโนมิสต์" วิเคราะห์ว่า บางทีสิ่งเดียวที่จะยุติความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศนี้ได้ก็คือ เกิดการเปลี่ยนแปลงในกลไกทางการเมืองของประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะในส่วนของไทย ซึ่งมีการชุมนุมปลุกกระแสรักชาติของกลุ่มชาตินิยมในช่วงการเลือกตั้ง โดยกลุ่มเสื้อเหลืองที่ผ่านมาได้ออกมาชุมนุมทางการเมืองในกรุงเทพมหานคร และแสดงจุดยืนแข็งกร้าวต่อต้านกัมพูชาว่าเป็นพวกรุกรานก้าวร้าว และต้องการให้รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปลี่ยนแปลงจุดยืนกับกัมพูชา นอกจากนี้ ยังเกิดกระแสร่ำลือด้วยว่า สงครามที่เกิดขึ้นเนื่องจากกองทัพไทยต้องการกลบเกลื่อนวิกฤตภายในประเทศ และเพื่อที่จะเลื่อนการเลือกตั้งทั่วไปออกไป โดยกองทัพเกรงว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ฝ่ายที่จะชนะคือกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร 

ด้านนิตยสารไทมส์ ได้อ้างอิงการวิเคราะห์จากนายจอห์น ซิออร์เซียริ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งสถาบันนโยบายสาธาารณะ เจอรัลด์ อาร์. ฟอร์ด มหาวิทยาลัยมิชิแกน ระบุว่า ในประเทศที่กองทัพต้องการมีบทบาทนำทางการเมือง ก็จำเป็นจะต้องสร้างสถานการณ์ขัดแย้งด้านพิพาทพรมแดนเพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างอิทธิพล และกองทัพไทยมักจะผูกพันกับสถานการณ์ขัดแย้งกับกัมพูชาเพราะมีกลุ่มเสื้อเหลืองเป็นฝ่ายสนับสนุนหลัก 

โดยที่ผ่านมา กลุ่มการเมืองดังกล่าวเคยใช้ประเด็นความขัดแย้งเรื่องดินแดนกับกัมพูชา มาเป็นข้ออ้างในการชุมนุมเพื่อล้มรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ซึ่งเป็นพันธมิตรกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2008 และขณะนี้สำหรับนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชะชีวะ ก็อยู่ในสถานะที่จำเป็นต้องทำให้กลุ่มคนเหล่านี้มีท่าทีสงบลงต่อสถานการณ์การสู้รบกับกัมพูชา และว่า การต่อสู้ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยและกัมพูชายังได้ช่วยให้นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา สามารถทำทางคะแนนการเมืองภายในประเทศได้อีกด้วย

ขณะที่ดร.ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจาย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า การที่กองทัพไทยดำเนินบทบาทเดินหน้าในลักษณะเสริมไฟขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยปฎิเสธที่จะยุติสถานการณ์สู้รบเพราะผลประโยชน์ทางการเมืองของกองทัพเอง ยิ่งทำให้ไทยเป็นรองกัมพูชาในสายตาผู้สังเกตการณ์ต่างชาติ และทำให้นานาชาติพากันมองไทยในด้านลบ
http://redusala.blogspot.com

แกนนำเสื้อแดงแถลงต่อที่ประชุมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ
พร้อมสู้ยืดเยื้อ เวลาอยู่ข้างเรา





ที่มา ประชาไท

เมื่อค่ำวานนี้ แกนนำนปช. ประกอบด้วย นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้ร่วมแถลงข่าวที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (FCCT) ตึกมณียา ซึ่งมีผู้สื่อข่าว นักวิชาการ ตัวแทนสถานทูตและผู้สนใจชาวต่างประเทศเข้าร่วมรับฟังประมาณ 100 คน

โดยนางธิดา กล่าวว่าแม้กำลังจะมีการประกาศยุบสภา เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง แต่ก็มีความพยายามที่จะก่อการรัฐประหารครั้งใหม่ โดยที่ภาระและผลผลิตของการรัฐประหารชุดเก่ายังอยู่ และมีการใช้เครื่องมือคือข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพโดยให้กองพลต่างๆ ออกมาตบเท้าทุกวัน

การพยายามรัฐประหารเป็นความล้าหลังซ้ำซากของรัฐที่ไม่ยอมให้ประชาชนเลือกผู้นำด้วยตนเอง โดยกลัวว่าจะได้พรรคและผู้นำที่ไม่พึงประสงค์ โดยไม่ต้องการให้เปิดเผยความขริงของการพยายามเข่นฆ่าประชาชน และประการต่อมาคือ การเกิดของนปช. แดงทั้งแผ่นดิน ทั้งที่ปรากฏตัว และไม่ปรากฏตัว ซึ่งจะเป็นผู้ลงคะแนนเลือกพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย

ทั้งนี้ การเติบโตของคนเสื้อแดงทั้งคุณภาพและปริมาณจะมีผลสำคัญต่อการต่อต้านการรัฐประหาร น่าเป็นห่วงว่าการรัฐประหารโดยกองทัพไทยจะต้องถูกต่อต้านจากประชาชนไทย เพราะเป็นการทวนกระแสสังคมโลก

"จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกกับสังคมไทย และจะมีคนบาดเจ็บล้มตายอีกเท่าไหร่ ทั้งนี้คนบาดเจ็บล้มตายไม่ใช่ดัชนีความรุนแรงแต่อย่างเดียว แต่ยังมีความล้าหลังที่เป็นดัชนีความเลวร้ายป่าเถื่อน ไม่เคารพความเท่าเทียมของสิทธิเสรีภาพของประชาชน หรือต้องรอให้คนตายอีกนับหมื่นคนจึงตระหนัก" รักษาการประธานนปช. กล่าว

ณัฐวุฒิ ประกาศต่อผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ประชาชนไทยต้องการเลือกตั้ง

แกนนำ นปช. ร่วมแถลงข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย ย้ำสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขโดยอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เตรียมสู้ยืดเยื้อ เชื่อ “เวลาอยู่ข้างเรา”

แกนนำ นปช. ย้ำ นปช. สู้เพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขโดยอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง สู้ยืดเยื้อ ประกาศ “เวลาอยู่ข้างเรา”

แกนนำ ระบุมีความพยายามทำรัฐประหารอีกครั้ง พร้อมใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นเครื่องมือ ระบุประชาชนจะเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านการรัฐประหารครั้งใหม่ ณัฐวุฒิ วอนสื่อต่างประเทศเป็นกระบอกเสียง ย้ำคนไทยต้องการเลือกตั้ง


ถาม-ตอบ ระหว่าง แกนนำ นปช. กับ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ

ถาม: สถานการณ์การเมืองไทยขณะนี้ รวมถึงการปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชาอาจเป็นสัญญาณว่าจะไม่มีการยุบสภาใช่หรือไม่

ณัฐวุฒิ: ผมมาพูดครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม แต่ละครั้งชีวิตก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นลำดับ ครั้งแรกเป็นโฆษกรัฐบาล ครั้งที่สองแกนนำเสื้อแดง ปัจจุบัน ผมเป็นผู้ก่อการร้ายแล้วครับ

สำหรับคำถามนั้นต้องบอกว่าเวลานี้ยังไม่มั่นใจว่าประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งจริงๆ เพราะสถานการณ์ทางการเมืองอธิบายว่า กลุ่มผู้คุมอำนาจไม่ประสงค์จะยอมรับผลการเลือกตั้งหากพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ชนะ

มีการสำรวจข้อมูลการตัดสินใจของประชาชนหากมีการเลือกตั้งของหน่วยงานความมั่นคงหลายหน่วยงาน ผมได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ว่าก่อนเทศกาลสงกรานต์มีการพบปะกันของนายทหารกองทัพบกกับกลุ่มชนชั้นนำสามสี่ท่าน ในระหว่างการสนทนามีการเอาผลสำรวจหรือโพลล์ฝ่ายความมั่นคงมาดู ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับการเลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 250 ที่นั่ง มีการถามกันในเวลานั้นว่าตรวจสอบเรียบร้อยหรือยัง ผู้ที่นำผลสำรวจมาให้ก็คือนายทหารคนดังที่ทำหน้าที่แถลงข่าวให้กองทัพตลอดระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมายืนยันว่าตรวจสอบแล้วสองสามรอบ

ถ้าไปถามนักการเมืองที่เป็นแกนนำตัวจริงของพรรคการเมืองหลายพรรคที่ร่วมรัฐบาลอยู่ ท่าทีล่าสุดของคนเหล่านั้นก็มีความเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าอาจจะไม่มีการเลือกตั้ง นี่เป็นข้อมูลที่ผมเพิ่งจะได้ฟังมา จากอดีตรัฐมนตรีของรัฐบาลทักษิณเล่าว่าไปพบอดีตรัฐมนตรีที่เคยร่วมรัฐบาลกัน

เพราะฉะนั้นสิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพูดออกมาจึงเป็นเรื่องที่ต้องรับฟังและติดตามความเคลื่อนไหวนี้อย่างใกล้ชิด ผมภาวนาว่าอย่าให้เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างไทยกัมพูชาถูกอธิบายเป็นเหตุผลที่จะเลื่อนการยุบสภาออกไป เพราะหากเป็นเช่นนั้นมันจะกลายเป็นว่าเหตุปะทะรอบนี้มีเป้าหมายทางการเมืองของประเทศหนึ่งประเทศใดแอบแฝงอยู่

แต่ความเชื่อเดิมทั้งของผมที่พูดไว้ที่อุดรธานีและแกนนำบังเอิญตรงกันว่าสัญญาณที่จะไม่มีการเลือกตั้งจะปรากฏชัดเจนหลังนายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภา

แต่ถ้ามองจากท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ เขาอยากจะเลือกตั้งทันทีเลยถ้าทำได้ เพราะประชาธิปัตย์ประเมินได้ว่าการอยู่ในอำนาจต่อไปภายใต้สถานการณ์ขณะนี้จะไม่เป็นผลดีต่อพวกเขา จึงคิดว่าการตัดสินใจยุบสภาจะทำให้โอกาสในการกลับมาเป็นรัฐบาลของ ปชป. จะมีมากขึ้น แม้จะไม่มั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้ง แต่เป็นหน้าที่ของอำนาจนอกระบบที่จะทำอย่างไรก็ได้ให้เขากลับมาเป็นรัฐบาล มีความเชื่อที่พูดกันตลอดเวลาใน ปชป. ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดในสถานการณ์ขณะนี้ ไม่ใช่ดีที่สุดของประชาชน แต่ดีที่สุดของระบอบอำมาตยาธิปไตย นี่คือปัญหาใหญ่ของประเทศไทย

ผมจึงอยากประกาศต่อทุกท่านและยืนยันต่อสังคมโลกว่าคนไทยต้องการการเลือกตั้ง และวิกฤตความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหารจะมีโอกาสนับหนึ่งในการคลี่คลายก็ต่อเมื่อมีการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ตรงกันข้ามหากไม่มีการเลือกตั้งก็จะทำให้สภาพการณ์ที่เป็นอยู่ทวีความเข้มข้น มีสภาพขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น จนมองไม่เห็นทางออกใดๆ เราไม่อยากเดินเข้าสู่กับดักของวิกฤต เราอยากเดินไปที่จุดเริ่มต้นของสันติภาพ และเราคาดหวังว่าบทบาทของสื่อมวลชนในทุกๆ ประเทศจะมีส่วนช่วยอย่างสำคัญต่อสิ่งนี้

ถาม: ใครคือผู้รับผิดชอบต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นในตอนท้ายของการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา

จตุพร: ความรุนแรงและการเผาเซ็นทรัลเวิลด์ และศาลากลางต่างๆ เป็นความพยายามของฝ่ายรัฐที่จะเผา เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นความตาย ความตายในวัดปทุมวนารามเป็นความตายก่อนที่จะมีการเผาเกิดขึ้นทั้งสิ้น ต้องมีการเผาเซ็นทรัลเวิลด์เพราะต้องการสร้างสถานการณ์ว่าคนเสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง เพื่อให้คนลืมความตาย

กรณีเซ็นทรัลเวิลด์ ผมและได้คุยกับหัวหน้าชุดปฏิบัติการดูแลเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีภาพถ่าย ทีวีวงจรปิดและภาพนิ่ง ว่าพวกเขามาดูแลอยู่เป็นเวลาสองเดือน เป็นห้างเดียวที่ไม่ได้ใช้ชุดบรรเทาสาธารณภัย เป็นการล็อกเป้าจงใจที่จะมีการเผา หัวหน้าชุดปฏิบัติการเซ็นทรัลเวิลด์นั้นเพราะเขาเห็นชะตากรรมคนเสื้อแดง ว่านอกจากความตายแล้วยังถูกกล่าวหา

อย่างช้าสัปดาห์หน้าจะมีหนังสือที่เป็นรายละเอียดทั้งหมดเรื่องการเผาเซ็นทรัลเวิลด์ เวลานี้ภาพถ่ายจากวงจรปิดจะถูกเปิดเผย

ในกรณีเซ็นทรัลเวิลด์ มีภาพถ่ายชายชุดดำ แต่ไม่แนบเนียบเพราะรองเท้าตรงกับทหาร เหตุการณ์การเผาเซ็นทรัลเวิลด์ กับการยิงที่วัดปทุมเป็นเวลาที่สอดคล้องกัน แต่ผมเองก็ถูกนำตัวไปสอบสวน

เวลานั้นทหารได้คุมสภาพเบ็ดเสร็จ รักษาการผู้บังคับการกองปราบฯ ก็ยังถูกทหารค้นตัว

เวลาเก้าเดือนที่ผ่านมา ถ้าชุดผจญเพลิงของเซ็นทรัลเขาเห็นว่าคนเสื้อแดงเผา เขาต้องฟ้องคนเสื้อแดง แต่ด้วยความเป็นมนุษย์ของเขา เขาเอาวิดีโอมาให้คนเสื้อแดง และตำรวจชุดเดียวที่มาดูแลห้างเซ็นทรัลคือชุดของวังสระปทุม ต่อมาล่าถอยออกไป และกำลังที่มาผลักให้ตำรวจออกไปนั้นเป็นทหาร

กรณีศาลากลางอุลราชธานี มีการจับกุมตัวคน 22 คน และยังไม่มีการปล่อยตัว ผู้ว่าฯ อุบลราชธานีบอกว่าขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ 80 คนทำงานอยู่ ไม่มีอาวุธ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า เวลานั้นมีตำรวจและอาวุธครบมือ 800 คน โดยตำรวจที่ทำสำนวนมาสารภาพกับผมว่า พฤติการณ์ที่ศาลากลางนั้น เป็นการเทน้ำมันจากชั้นบนลงสู่ชั้นล่าง นี่คือตัวอย่างของข้อมูลที่ให้การไม่ตรงกัน

ที่ศาลากลางอุดรธานี ข้าราชการที่ควบคุมอำนวยการดูแลศาลากลางฯ ได้สารภาพกับ ส.ส. วิเชียร ขาวขำ โดยที่วันเกิดเหตุมีกำลัง อส. แต่ก่อนเกิดเหตุมีกำลังทหารติดอาวุธเข้าไปเผาศาลากลาง แต่ประชาชนที่อุดรธานี มีการนัดหมายว่าหากมีการสลายการชุมนุมจะไปรวมตัวกันที่ศาลากลาง

นี่คือการสวมรอย เหมือนการเผารถเมล์ 52 คัน คนขับรถเมล์ให้ปากคำว่าคนที่มาปล้นรถเมล์ไปนั้นเป็นทหาร เมื่อมีการสอบสวนแล้ว กมธ. สภาฯ ไม่กล้าเปิดเผย

ถาม: การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนไม่แน่นอน ถ้าเราตั้งสมมติฐานว่าเราไม่รู้ว่าใครจะชนะหรือแพ้ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ชนะพร้อมที่จะยอมรับรัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งหรือไม่และในสถานการณ์ไหนที่ยอมรับและในสถานกาณณ์ไหนที่จะออกมาประท้วง

ณัฐวุฒิ: หากการเลือกตั้งโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่ว่าพรรคการเมืองใดชนะ เรายินดียอมรับผลการเลือกตั้ง ถ้าประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้ง เรายินดีที่จะยอมรับโดยไม่มีการคัดค้านใดๆ ผมเรียนว่าที่ผ่านมาเราไม่เคยออกมาต่อสู้เพราะแพ้เลือกตั้ง เราเป็นประชาชนส่วนมากในประเทศที่เลือกพรรคการเมืองที่เราสนับสนุนและได้เป็นรัฐบาลแล้วรัฐบาลของเราถูกทำลายครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยวิธีของผู้เผด็จการ เราจึงต้องออกมาต่อสู้

ผมอยากจะฝากคำถามเดียวกันนี้ว่า ถ้าเจออภิสิทธิ์ หรือทหารใหญ่ ว่าถ้าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยชนะ เขาจะยอมรับและปล่อยให้จัดตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชนหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง เขาต่างหากที่ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งจนเป็นปัญหาจนทุกวันนี้

สถานการณ์ที่เราจะออกมาต่อสู้ ก็คือ ถ้าผลการเลือกตั้งปรากฎว่าพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงป็นอันดับหนึ่งแล้วไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ มีการแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เราจำเป็นต้องต่อสู้

ผมเข้าใจแนวปฏิบัติทั่วโลกว่า หากพรรคอันดับหนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคอันดับรองลงไปสามารถเป็นแกนนำ แต่ความจริงของประเทศไทยคือ มีพรรคการเมืองเดียวเท่านั้นที่ชนะการเลือกตั้งได้แล้วไม่ได้เป็นรัฐบาล นั่นคือพรรคเพื่อไทย

ถาม: เคยสัมภาษณ์เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่สูญเสียดวงตาเพราะเขาร่วมชุมนุม เขาบอกว่า การต่อสู้นั้นขึ้นกับแกนนำ

จตุพร: มีการพยายามสร้างสถานการณ์ ขณะที่มีกระสุนปืนจำนวนมากถูกใช้กับคนเสื้อแดง อย่างไรก็ตาม หากถามว่า จะเจรจากันได้หรือไม่นั้น ต้องตอบว่าการเจรจาเกิดได้ทุกวัน แต่คำถามคือความยุติธรรมจะเกิดได้หรือเปล่า สิ่งที่สำคัญคือการสร้างความเสมอภาค ความเป็นภราดรภาพ ความเป็นพี่เป็นน้องกัน

ถาม: ถามคุณธิดา ว่าเมื่อประมาณ 1 เดือน หลังเหตุการณ์ ให้สัมภาษณ์โพสต์ทูเดย์ว่าเป็นห่วงคนเสื้อแดงและความปลอดภัยของสามี เข้าใจว่ามีการไล่สมาชิกของ นปช. บางคนออกเพราะสนับสนุนความรุนแรง แต่ขณะนี้คนเหล่านั้นยังมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง

ธิดา: ประการแรก ถ้าคุณอ่าน โพสต์ทูเดย์ คุณต้องเช็คก่อนว่าข้อมูลที่นำเสนอนั้นถูกต้องหรือเปล่า เพราะปัญหาของสื่อเมืองไทยนั้นคือการแบ่งข้างชัดเจนทั้งเรื่องผลประโยชน์และชนชั้น

ด้วยเหตุนี้การต่อสู้ของคนเสื้อแดงจึงไม่ค่อยได้รับการนำเสนอต่อสังคมภายนอก หากสังคมภายนอกอ่านเฉพาะสื่อที่เป็นของประเทศไทย

ประการที่สอง สิ่งที่โพสต์ทูเดย์ เขียนนั้น อาจจะเป็นปัญหาเรื่องข้อมูลและการถ่ายทอดข้อมูลด้วย จึงอยากได้คำถามจากท่านโดยตรงมากกว่าโดยไม่ต้องอ้างโพสต์ทูเดย์

ผู้สื่อข่าวคนเดิม ถาม: บทความในโพสต์ทูเดย์เป็นคำสัมภาษณ์คำต่อคำ จึงเชื่อว่าน่าเชื่อถือ แต่อยากถามโดยตรง ว่าเป็นห่วงหรือไม่ ว่าสามีจะเป็นอันตรายจากคนเสื้อแดง

ธิดา: ในความเป็นจริง ไม่มีคำถามและคำตอบเรื่องนี้เลย แต่ตอบได้ว่า การเข้ามาเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงไม่ใช่เข้ามาในฐานะของภรรยาของ น.พ. เหวง โตจิราการ แต่ในฐานะนักต่อสู้ นี่เป็นเหตุผลประการแรกที่ท่านต้องทราบก่อน

การห่วงคือห่วงการต่อสู้ของประชาชนไม่ใช่ น.พ.เหวง โตจิราการ คือห่วงทุกคนไม่ใช่เฉพาะแกนนำ แต่เป็นการเป็นห่วงคนเสื้อแดงทุกคนที่ถูกจับกุมคุมขังและถูกไล่ล่า นี่เป็นประเด็นสำคัญว่านักต่อสู้นั้นเอาเรื่องส่วนตัวตั้งต้น หรือเพื่อส่วนรวม ดังนั้นคำถามนี้ ขอปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัว และเหตุผลที่เข้ามารับเป็นประธานการต่อสู้ของคนเสื้อแดงคือความเป็นห่วงขบวนการ ต้องขอโทษหมอเหวงในฐานะสามีด้วยว่าไม่ได้ห่วงเขามากกว่าคนอื่น

ถาม: ถ้าผลการเลือกตั้งเพื่อไทยได้เสียงมากที่สุด แต่ไมได้เสียงส่วนใหญ่ แล้วในที่สุดพรรคประชาธิปัตย์สามารถตั้งรัฐบาล ท่านจะยอมรับหรือไม่

ณัฐวุฒิ: นี่แหละที่เป็นปัญหา คือ พรรคการเมืองใดก็ตามที่ได้เสียงอันดับหนึ่งจะได้เป็นรัฐบาลได้ทั้งหมด ยกเว้นพรรคเพื่อไทย เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะสื่อสารมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศรายงานตรงกันว่ามีอำนาจนอกระบบจะไม่ยินยอมให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะมีการจัดการทุกวิถีทางแม้พรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้ง ผมคิดว่าท่านคงไม่หวังว่าจะให้เรายอมรับสิ่งนี้ เพราะถ้าการยอมรับสิ่งนี้ นี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

ถาม: เมื่อมีการเจรจาก่อนที่จะสลายการชุมนุม ทางรัฐบาลเสนอว่าควรจะมีการเลือกตั้งเดือน พ.ย. แล้วทางเสื้อแดงมีความเห็นแตกต่างกัน บางคนเห็นด้วย บางคนไม่เห็นด้วย รัฐบาลอ้างว่าเพราะทางเสื้อแดงไม่ยอมรับข้อเสนอเพราะนายกฯทักษิณต้องการการนิรโทษและอนุญาตให้กลับบ้าน จริงหรือไม่ บทบาทของทักษิณในเรื่องนี้เป็นอย่างไร และถ้าพรรคเพื่อไทยสามารถที่จะนำรัฐบาลต่อไปจะให้ทักษิณกลับมาหรือไม่

จตุพร: การเสนอยุบสภาของอภิสิทธิ์เวลานั้นมี 2 ช่วง ช่วงแรกที่มีการเจรจากันนั้นคุณอภิสิทธิ์ ของ 9 เดือน แต่เราเสนอ 15 วัน รวมรักษาการสองเดือนเป็นสองเดือนครึ่ง แต่คุณอภิสิทธิ์ไม่ยอมรับ มีการอ้างว่าคุณทักษิณโทรหาผม แต่ผมอยากให้ไอซีทีตรวจสอบได้ เพราะคนที่โทรหาผมคือณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ

ช่วงที่สองหลังวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งถ้าไม่มีความตายและผู้บาดเจ็บ ผมในฐานะนักเลือกตั้ง หากเราได้วันเลือกตั้ง โดยไม่สนใจคนที่บาดเจ็บและสูญเสีย มันชี้ความเห็นแก่ตัวของนักเลือกตั้ง เพราะคุณเอาความตายไปแลกกับวันเลือกตั้งไม่ได้

ไม่มีใครปฏิเสธการเลือกตั้งว่าคนเสื้อแดงขอต่อสู้ทุกคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีผู้ก่อการร้าย หรือล้มสถาบัน โดยไม่ขอนิรโทษกรรม แต่เมื่อมีการฟ้องร้องคดีต่อนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ที่สั่งการทำร้ายประชาชน นายอภิสิทธิ์นั้นได้รับเอกสิทธิ์ ส.ส. เหมือนกับผม แต่นายสุเทพนั้นไม่มีเอกสิทธิ์ กลับเดินทางไปดีเอสไอ เพื่อรับฟังว่ามีข้อกล่าวหาเท่านั้น ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ไม่เคยเกิดขึ้น

ณัฐวุฒิ: ขอเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ว่า ผมไม่สนใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ จะได้รับทรัพย์สินที่ถูกยึดไปคืนหรือไม่ แต่สิ่งที่ผมเรียกร้องก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณต้องได้รับความยุติธรรมจากทุกกระบวนการในประเทศไทย

ถ้าหากจะมีคำอธิบายว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับพ.ต.ท. ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นการยึดทรัพย์ หรือคดีของ หากถูกอธิบายว่าเป็นการกระทำที่ยุติธรรมเป็นสิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้

หากคนที่ได้รับการเลือกตั้งยังไม่ได้รับความยุติธรรม ก็ไม่มีความหวังว่าประชาชนจะได้รับสิ่งนี้ และประเทศที่ไร้ซึ่งความยุติธรรม หรือมีความยุติธรรมเป็นสองมาตรฐาน ประเทศนั้นจะมีความเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร เราจึงต้องต่อสู้ ผมไม่ยอมให้สื่อมวลชนที่นี่อยู่ในประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

คำถาม: ทั้ง 18 คนที่เป็นผู้นำถูกกล่าวหาด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ท่านคิดว่าต้องต่อต้านมาตรา 112 หรือไม่

จตุพร: ในประเทศไทยตลอดระยะเวลา 70 กว่าปีที่ผ่านมา ประเด็นที่เกี่ยวพันกับพระมหากษัตริย์ ได้ถูกทหารและนักการเมืองหยิบใช้ ทหารหยิบใช้เพื่อทำการรัฐประหาร นักการเมืองใช้เพื่อประโยชน์ของฝ่ายตัวเองและทำลายฝ่ายตรงข้าม เพราะฉะนั้นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต้องทรงอยู่เหนือการเมือง แต่เนื่องจากการรัฐประหารทุกครั้งที่เกิดขึ้น แม้แต่วันที่ 19 ก.ย. 49 ก็มีการกล่าวอ้างสถาบัน

การดำเนินคดีกับพวกเรา 18 คน บางคนถูกคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะยืนอยู่ข้างผมขณะปราศรัย บางคนไม่ได้พูดสักคำ แต่ยืนอยู่ข้างผม ปรากฏว่าดีเอสไอระบุว่า ต้องดำเนินคดีเพราะไม่ห้ามปรามผม ท่านทั้งหลายที่ฟังผมก็อาจจะถูกดำเนินคดีเพราะไม่ห้ามปรามผม

ธิดา: ดิฉันถูกมาตรา 112 ด้วย แม้ว่าขณะนั้นไม่ได้ยืนอยู่ด้วย แต่ยืนอยู่ข้างล่างเวที แต่ไม่ได้วิ่งขึ้นมาห้ามปราม

ณัฐวุฒิ: จุดยืนของ นปช. คือการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยอำนาจอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เราไม่มีปัญหาใดๆ กับการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์และไม่คิดว่าการต่อสู้ของเราจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถาบัน เพียงแต่ มีการใช้ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับสถาบันพยายามที่จะทำลายการต่อสู้ของเราตลอดเวลา

คำถามเรื่องมาตรา 112 ผมมีคำอธิบายว่ามีนักวิชาการและประชาชนกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ มีข้อเสนอทางวิชาการจากนักวิชาการกลุ่มดังกล่าว ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สังคมไทยรับฟังสิ่งนี้ได้ ปัญหาที่ผ่านมาก็คือ สังคมไทยมีแต่ทุกฝ่ายที่พูด ไม่มีใครฟังใคร เพราะฉะนั้นการรับฟังก็จะทำให้เกิดความเข้าใจกันและกันมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ไม่ได้มีแนวทางหรือไม่ได้มีมติที่จะเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เราเจ็บปวดที่สุดเวลานี้ก็คือมีการใช้ข้อกล่าวหาจากมาตรา 112 กับคนในประเทศอย่างไม่เท่าเทียมกัน มีการแจ้งความดำเนินคดีกับคุณจตุพรและพวกเราอย่างรวดเร็วด้วยท่าทีที่ดุดันของกองทัพ แต่กลับจงใจเพิกเฉยต่อกรณีที่พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายอานันท์ ปันยารชุน และพลเอกสิทธิ เศวตศิลา สนทนากับนายอิริค จอน เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย โดยมีการแสดงความเห็นอย่างรุนแรงซึ่งเนื้อหาปรากฏในเดอะการ์เดียน ปรากฏในวิกิลีกส์ มีการไปแจ้งความดำเนินคดี แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ

ถาม: กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนไทย-กัมพูชา กว่าห้าหมื่นคน คิดว่าพรรคเพื่อไทยจะจัดการปัญหานี้ได้ไหม

จตุพร: ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งเราจะไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเหมือนนายกษิต ภิรมย์ และเราจะแสวงหามิตรประเทศ ไทยกับกัมพูชานั้นผูกพันกัน กัมพูชาซื้อของไทยถึงแปดหมื่นกว่าล้านบาท ไทยซื้อกัมพูชาแปดพันล้านบาท เราไม่มีเหตุผลที่จะขัดแย้งกัน

เพราะฉะนั้น ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะไม่มีสงคราม ประชาชนสองชาติจะไม่เดือดร้อน มีแต่สัมพันธภาพของควาเมป็นพี่เป็นน้อง เสียงปืนของมิตรประเทศจะไม่เกิดในรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย

ธิดา: ในฐานะที่ขณะนี้ระบอบอำมาตยาธิปไตยมีอิทธิพลครอบงำ เราสามารถเข้าใจวิธีคิดก็คือ การที่เราสามารถทำนายได้แต่ต้นแล้วว่าน่าจะเกิดสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านเพราะวิธีคิดของพวกสุดโต่งอนุรักษ์นิยมจะมีลักษณะที่นิยมก่อสงครามภายนอกเพื่อกลบเกลื่อนความขัดแย้งภายใน

จตุพร: ผมเพิ่มประเด็นว่า ท้ายสุดของสงครามไทยกัมพูชานั้นที่สุดจะนำไปสู่การรัฐประหารหรือไม่ มีการสัมภาษณ์กับภรรยาของทหารที่เสียชีวิตกล่าวว่า สามีโทรมาแจ้งว่าหลังจากนี้ไม่กี่ชั่วโมง จะมีการปะทะ แปลว่ารู้ล่วงหน้า แต่ผมไม่ได้อยากจะกล่าวหา หน้าที่ของเราคือหยุดสงคราม แต่ถ้าการทำสงครามนำไปสู่การปฏิวัติ เพราะขณะที่มีการทำสงครามไทยกัมพูชา ก็มีการปิดวิทยุชุมชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ฉะนั้น การทำสงครามและตัดการสื่อสารวิทยุชุมชนด้วยนั้น ทำให้คิดได้ว่าน่าจะนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหาร

ธิดา: ขอเพิ่มเติมว่า กลุ่มของเรามุ่งชูสโลแกน ต่อต้านรัฐประหาร คัดค้านสงคราม ทวงความยุติธรรม มาแต่ต้นปีแล้วเพราะเราคาดไว้แล้วว่าแนวคิดล้าหลังของพวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่งจะก่อให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้

และขอทำนายว่า จะมีการรัฐประหารมากกว่าการเลือกตั้ง วิธีคิดของเขาน่าจะปิดประเทศและก่อสงคราม รวมถึงมีแนวคิดปิดประเทศ 5 ปี เพราะกลัวการเลือกตั้ง ไม่ทราบว่าสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศจะยังอยู่หรือไม่

ถาม: เมื่อวานบางกอกโพสต์ลงบทสัมภาษณ์วีระกานต์ ซึ่งมีการวิพากษ์ว่าแกนนำแตกแยก และบางส่วนไม่หวังดีต่อสถาบัน และมีบางส่วนตามความต้องการของประชาชนมากเกินไป

ณัฐวุฒิ: ไม่มีความแตกแยกในกลุ่มแกนนำ แต่ยอมรับว่าความแตกต่างทางความคิดมีอยู่ ความแตกแยกหมายความว่ามิได้อยู่ด้วยกันฉันมิตร แต่สำหรับเราความเป็นพี่น้อง ความผูกพันทุกอย่างยังคงเดิม เพียงแต่มิติทางความคิดบางอย่างเท่านั้นที่แตกต่างกัน แต่ถ้าทุกคนยังหันหน้าไปในทิศทางเดียวกันคือประชาธิปไตย ก็สามารถร่วมทางได้ตามแนวความคิดของแต่ละคน ส่วนประเด็นเกี่ยวกับสถาบันนั้นผมยืนยันว่ามีความเป็นเอกภาพมีความเป็นหนึ่งเดียว คือจุดยืนตามที่ผมอธิบายไปแล้ว

จตุพร: ความเห็นของคุณวีระ เป็นความแตกต่าง ซึ่งถือเป็นความงดงามตามระบอบประชาธิปไตย เพราะประชาธิปไตยก็คือการมีความแตกต่างแต่เส้นทางที่เดินคือเสียงส่วนใหญ่ที่เป็นฝ่ายกำหนด

ประเด็นต่อมาก็คือ ในกระบวนการที่มีประชาชนที่มีความหลากหลาย คนที่เป็นผู้นำต้องมีความรับผิดชอบ ผมจึงเห็นว่าไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่เห็นว่ามีอันตรายก็ต้องแก้ไข ทั้งหมดนั้นผมยืนยันว่าแนวทางของ นปช. เป็นไปตามที่ นปช. ประกาศไว้ทุกประการ

ธิดา: ขอตอบเรื่องสถาบันและปัญหาการนำ คือสองเรื่องนี้สัมพันธ์กัน อยากจะเรียนว่าเรานำด้วยหลักการ

ในการนำโดยหลักการ เราจึงต้องมีหลักนโยบาย ซึ่งเรามีหลักเกี่ยวกับกับการเมืองการปกครองคือเราต้องการระบอบการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขโดยอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง นี่คือหลักการที่เราเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร

ประการต่อมา เราใช้การนำรวมหมู่ เราจึงต้องใช้วิถีทางประชาธิปไตยในแกนนำ เพราะเป้าหมายของเราคือประชาธิปไตย ต้องใช้เสียงส่วนใหญ่ในการตัดสินเรื่องสำคัญๆ

ถาม: การชุมนุมครั้งต่อไปจะมีหรือไม่

จตุพร: กฎหมายเลือกตั้งระบุแล้วว่านักการเมืองทำอะไรได้บ้าง แล้วประชาชนทำอะไรได้บ้าง เช่น การรำลึก 19 พ.ค. จะทำอะไรได้บ้าง

สำหรับคำถามว่าจะมีการชุมนุมอีกหรือไม่ ต้องบอกว่าการชุมนุมนั้นเป็นการระดมความคิด และจริงๆ แล้วมีทุกวัน เช่นวันนี้ก็มีที่สระบุรี

ถาม: หลังการสลายการชุมนุม มีแกนนำบางคนบอกว่าจะลงใต้ดิน จะหนีและต่อสู้โดยใช้อาวุธ แม้ว่าที่ผ่านมาไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น แต่ถ้าหากยังยืดเยื้อไม่มีประชาธิปไตย เป็นไปได้ไหมว่าจะมีการใช้อาวุธและความรุนแรง

ธิดา: เราไม่ใช้อาวุธ เราเคลื่อนไหวอย่างสงบและสันติ นี่คือหลักการของ นปช. คำถามว่าหากการต่อสู้ยืดเยื้อจะมีอนาคตเช่นไร ที่ผ่านมาเราก็ต่อสู้ยืดเยื้อมาห้าปี ทำจากการไม่มีการจัดการองค์กร จนกระทั่งรวมตัวเป็นองค์กรได้ เราหวังว่าเราจะต่อสู้ได้ยืดเยื้อและมีระบบมากขึ้น แม้แต่หนังสือที่เรามีก็คือส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะจัดโรงเรียนเพื่อยกระดับแกนนำของเรา

เราเลือกสันติวิธีเพราะเราต้องการชัยชนะที่แท้จริง นปช. ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเรา และเข้มแข็งมากขึ้นทุกวันๆ เพราะเราเลือกสันติวิธี

แต่แน่นอนว่าอาจจะมีบางส่วนที่ไม่เชื่อในหนทางสันติวิธี ซึ่งเขามีสิทธิคิดต่างและนั่นเป็นเรื่องในอนาคตที่มีปัจจัยหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจรัฐ แต่เรา นปช. เราจะทำตามพันธสัญญาที่ตกลงกัน ไว้ เราจะทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ได้ชัยชนะ ให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยและประชาชนมีความสุขอย่างแท้จริง

ณัฐวุฒิ: พวกเรามีความเชื่อตรงกันว่าการต่อสู้ของเราเป็นการต่อสู้ระยะยาว ดังนั้น หากการต่อสู้นี้จะยืดเยื้อออกไปย่อมไม่เป็นเหตุผลให้เราเปลี่ยนแนวทางจากสันติวิธีไปจับอาวุธ ใช้ความรุนแรง เพราะผมเชื่อว่า เวลาอยู่ข้างเรา ท่านทั้งหลายเชื่อเหมือนผมไหมครับ (เสียงปรบมือ)

จตุพร: การชุมนุมของ นปช. ทั้งหมดที่เป็นมติ คือสันติวิธี เราเชื่อว่ามือเปล่าจะชนะกองทัพ เพราะเราจะไม่มีทางเอาอาวุธมาสู้ให้ชนะกองทัพ

ธิดา: สนามการต่อสู้ของเราคือความชอบธรรม ไม่ใช่สนามรบ
http://redusala.blogspot.com