ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
พูดได้แค่สองคำคือ ไอ้เหี้ย.....
กมธ.การคลัง วุฒิสภาฯ เตรียมเรียก ผอ.ออมสินชี้แจงฐานให้ ธ.ก.ส. กู้
กมธ.การคลัง วุฒิสภาฯ เตรียมเรียก ผอ.ออมสินชี้แจงฐานให้ ธ.ก.ส. กู้
คำนูณ สิทธิสมาน เตรียมเรียก ผอ.ธนาคารออมสินชี้แจงฐานให้ธนาคารเพื่อการเกษตรฯ กู้ อาจเข้าข่ายนิติกรรมอำพราง กระทบความเชื่อมั่นธนาคารออมสิน ขณะที่ชาวนาภาคตะวันตกบุกสำนักงานปลัด กระทรวงกลาโหม ทวงค่าจำนำข้าว
17 ก.พ. 2557 - สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า นายคำนูณ สิทธิสมาน รองประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (18 ก.พ.) คณะกรรมาธิการได้ส่งจดหมายเชิญ นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง, เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย และผู้อำนวยการธนาคารกรุงไทย เพื่อขอให้ชี้แจงต่อประเด็นปัญหาของโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ทั้งนี้จากกรณีที่มีผู้อำนวยการธนาคารออมสินเปิดเผยว่า คณะกรรมการธนาคารออมสิน ได้อนุมัติปล่อยกู้เงินกู้ระหว่างธนาคาร (อินเตอร์แบงค์) ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงินไม่เกิน 20,000 ล้านบาทนั้น คณะกรรมาธิการฯ อาจต้องพิจารณาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีความโปร่งใสเพียงใด เพราะโดยส่วนตัวมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นนิติกรรมอำพรางและปล่อยกู้แบบอินเตอร์แบงค์เป็นการกระทำที่ผิดวัตถุประสงค์ที่แท้จริง คือเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินของธนาคารที่ประสบปัญหาสภาพคล่อง ทั้งนี้ เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะกระทบความเชื่อมั่นของธนาคารออมสินได้
นายระวี รุ่งเรือง แกนนำเครือข่ายชาวนาภาคตะวันตก นำมวลชนเดินทางถึงสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี เพื่อขอพบนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ติดตามความคืบหน้าการจ่ายเงิน โครงการรับจำนำข้าว โดยปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาล โดยเหตุการณ์ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรึงกำลังภายในสำนักงานปลัดฯ อย่างแน่นหนา และมีการเสริมลวดหนาม รอบอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมด้วย
ด้านนายชัยชาญ มาตา ตัวแทนเครือยข่ายชาวนาภาคอิสาน เดินทางมายังสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนแจ้งวัฒนะ โดยอ้างว่าได้นำชาวนาประมาณ 200 คน มาสนับสนุนรัฐบาล ให้จ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าว และคัดค้านการชุมนุมของกลุ่มนายระวี แกนนำเครือข่ายชาวนาภาคตะวันตก เนื่องจากเห็นว่าเป็นการรวมตัวที่ไม่เกิดประโยชน์แก่ชาวนา นอกจากนี้ ยังขอให้เจ้าหน้าที่ทหารถอนกำลังออกจากแนวป้องกันรอบบริเวณเมืองทองธานี เนื่องจากตนเองและชาวนาบางส่วน ต้องการพบนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อติดตามทวงถามการจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมแต่อย่างใด
ธ.ก.ส.ยืนยันจะหารือกระทรวงการคลังให้ชัดเจนก่อนจ่ายเงินชาวนา
ธ.ก.ส.ยืนยันจะหารือกระทรวงการคลังให้ชัดเจนก่อนจ่ายเงินชาวนา
ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ระบุธนาคารออมสินปล่อยกู้ 5 พันล้านเพื่อช่วยโครงการจำนำข้าว แต่ ธ.ก.ส. จะหารือกับกระทรวงการคลังให้ชัดเจนก่อน ขณะที่ผลการดำเนินโครงการรอบการผลิต 56/57 ทยอยจ่ายเงินชาวนาแล้ว 6.3 หมื่นล้านบาท ค้างทยอยจ่ายอีก 1.2 แสนล้านบาท
วันนี้ (17 ก.พ.) สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.กล่าวว่า ธนาคารออมสิน ได้ปล่อยเงินกู้ให้ ธ.ก.ส. 5,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว โดย ธ.ก.ส.ต้องหารือกระทรวงการคลังให้ชัดเจนก่อนจ่ายเงินให้ชาวนา พร้อมยืนยัน จะไม่นำเงินฝากของประชาชน และสภาพคล่องของธนาคาร มาใช้ในโครงการรับจำนำข้าว
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ ได้เร่งระบายข้าวและส่งเงินชำระคืนอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในอนาคต กระทรวงพาณิชย์ จะขายข้างและนำเงินมาชำระคืนได้เฉลี่ยเดือนละ 8,000 - 10,000 ล้านบาท ซึ่ง ธ.ก.ส.จะทยอยจ่ายเงินให้ชาวนาตามลำดับใบประทวน ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส.ได้ออกมาตรการยืดเวลาชำระหนี้ให้ชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเป็นเวลา 6 เดือน และหากชาวนาต้องการใช้เงินลงทุนผลิตฤดูกาลใหม่ หรือใช้จ่ายในครัวเรือน ธ.ก.ส.พร้อมให้เงินกู้ก้อนใหม่ ตามหลักเกณฑ์สินเชื่อปกติของ ธ.ก.ส.เพื่อลดปัญหาการพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ
ส่วนการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 ธ.ก.ส.ได้ทยอยจ่ายเงินให้ชาวนาแล้ว 62,994 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณข้าวเปลือก 3.91 ล้านตัน ชาวนา 512,118 ราย คงเหลือเงินที่ต้องจ่ายประมาณ 116,000 ล้านบาท ปริมาณข้าวประมาณ 6.7 ล้านตัน ชาวนาประมาณ 900,000 ราย
‘บัณฑิต อานียา’ รอดคุกคดี 112 ศาลฏีกาพิพากษาแก้ รอลงอาญา
‘บัณฑิต อานียา’ รอดคุกคดี 112 ศาลฏีกาพิพากษาแก้ รอลงอาญา
"รู้สึกดีใจที่ไม่ต้องตายในคุก และยังไม่สิ้นหวังในแผ่นดินนี้ ความยุติธรรมยังมีอยู่แม้จะช้ำเลือดช้ำหนองบ้าง" บัณฑิตกล่าว
บัณฑิต อานียา และปีเตอร์ โคเร็ท
17 ก.พ.2557 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ฟ้อง นายสมอลล์ บัณฑิต อานียา ในความผิดมาตรา 112 โดยศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่สั่งจำคุกโดยไม่รอลงอาญา เป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน เป็นว่าให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งพิพากษาจำคุก 4 ปี รอลงอาญา 3 ปี และรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติเป็นเวลา 2 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีผู้มาสังเกตการณ์คดีนายบัณฑิตราว 30 คนเต็มห้องพิจารณาคดี และก่อนที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาศาลฏีกา บัณฑิตได้ร้องขอต่อศาลว่า อยากให้มีการพิจารณาคดีใหม่เนื่องจากเขาไม่มีโอกาสได้เบิกความชี้แจงว่าข้อความของเขาไม่ผิดกฎหมายอย่างไร เนื่องจากพยานปากต่างๆ ต่างยืนยันว่าเขาเป็นบ้า หรือมิเช่นนั้นขอให้ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปอีก 3 เดือนเพื่อให้เขามีเวลาหาเงินผ่าตัดแผลจากการผ่าตัดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะที่ยังมีปัญหาอยู่ อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาชี้แจงว่าในคำเบิกความของเขาได้ให้การปฏิเสธแล้วซึ่งหมายรวมถึงการปฏิเสธอาการจิตเภทด้วย ส่วนการเลื่อนอ่านคำพิพากษนั้นศาลเคยอนุญาตให้เลื่อนไปแล้ว และการจะเลื่อนอีกต้องมีเหตุซึ่งชอบด้วยกฎหมาย เช่น จำเลยป่วยหนักคนไม่สามารถเดินทางมาศาลได้เท่านั้น
ทั้งนี้ บัณฑิตเป็นจำเลยในคดีหมิ่นประมาทกษัตริย์ตาม มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา มีความผิด 2 กระทง เหตุเกิดเมื่อปี 2546 จากกรณีที่ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธาน กกต.(ขณะนั้น) แจ้งความกล่าวหานายบัณฑิตว่าพูดแลกเปลี่ยนในงานเสวนาและขายเอกสารที่จัดทำขึ้นเองเข้าข่ายหมิ่นฯ โดยเอกสารดังกล่าวมี 2 เรื่อง ได้แก่ สรรนิพนธ์เพื่อชาติ (ฉบับตัวอย่าง) และ วรสุนทรพจน์ (ฉบับร่าง) เนื่องในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร
บัณฑิตถูกคุมขังรวม 98 วันในระหว่างพิจารณาคดีก่อนจะได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 200,000 บาท วันที่ 23 มี.ค. 2549 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 4 ปี แต่เห็นว่าจำเลยอายุมากและป่วยด้วยโรคจิตเภทจึงให้โอกาสบำบัดแล้วรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ ต่อมาวันที่ 17 ธ.ค.2550 ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 2 ปี 8 เดือนไม่รอลงอาญา เนื่องจากเห็นว่าจำเลยรู้ผิดชอบและสามารถบังคับตนเองได้ทั้งหมด ในชั้นนี้จำเลยได้รับการประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์เงินสด 300,000 บาท
สำหรับคำพิพากษาศาลฎีกานั้น ระบุว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นยุติโดยคู่ความมิได้ขัดแย้งคัดค้านในชั้นฎีกาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ฯ เป็นการกรทำผิด 2 กรรมต่างกันจริงตามฟ้อง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกรทำผิดในขณะยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้างหรือยังบังคับตนเองได้บ้างหรือไม่ เห็นว่า พยานจำเลยที่เป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ สถาบันกัลยาราชนครินทร์ ได้ตรวจและประเมินอาการจำเลยเบิกความยืนยันว่าจำเลยมีอาการป่วยเป็นโรคจิตเภท มีอาการหวาดระแวง การใช้เหตุผลไม่เหมือนคนปกติทั่วไป ความผิดปกติดังกล่าวทางการแพทย์เรียกว่าบีไซต์ (Bizare) จะมีอาการตลอดเวลา แต่สามารถดำเนินชีวิตตามปกติได้ในบางช่วงเวลา การตรวจอาการจำเลยเข้าข่าย โรคจิต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 65 การที่จำเลยพูดจาทำนองลบหลู่สถาบันในที่สาธารณะและในการให้ปากคำพนักงานสอบสวนโดยที่จำเลยไม่รู้สึกว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่สามารถแยกแยะได้ว่าการกระทำของจนเองเป็นการกระทำที่ผิดหรือไม่ ตามประวัติจำเลยเริ่มป่วยเมื่ออายุ 34 ปีเป็นโรคเดียวกับปัจจุบัน บุคคลทั่วไปที่ไม่ได้ใกล้ชิดจำเลยมองโดยผิวเผินจะไม่ทราบว่าจำเลยป่วยเป็นโรคจิตเภท เพราะเป็นความผิดปกติทางจิตใจและสมอง ต้องอาศัยการตรวจสอบโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น คำเบิกความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดในระหว่างที่ป่วยเป็นโรคจิตเภท เข้าข่ายมาตรา 65 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดโดยรู้ผิดชอบและบังคับตนเองได้ดี ยังไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฏีกา ฏีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น ส่วนที่จำเลยฏีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่าเมื่อขณะกระทำผิดจำเลยป่วยเป็นโรคจิตเภท สมควรได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจำเลยมีอายุมากแล้ว ไม่เคยกระทำความผิดหรือได้รับโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษนั้น ยังไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฏีกา ฏีกาข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้นเช่นเดียวกัน พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ภายหลังเสร็จสิ้นการอ่านคำพิพากษา บัณฑิตให้สัมภาษณ์ขอบคุณศาลที่ให้ความเมตตาในคดีของเขา ที่ผ่านมามีความกังวลปัญหาสุขภาพอย่างยิ่งหากต้องไปอยู่ในเรือนจำ เนื่องจากเขาได้ผ่าตัดเพื่อนำกระเพาะปัสสาวะและไตออกไปแล้วข้างหนึ่งเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ปัจจุบันต้องต่อท่อปัสสาวะกับถุงปัสสาวะที่ต้องนำติดตัวไปตลอด
"รู้สึกดีใจที่ไม่ต้องตายในคุก และยังไม่สิ้นหวังในแผ่นดินนี้ ความยุติธรรมยังมีอยู่แม้จะช้ำเลือดช้ำหนองบ้าง" บัณฑิตกล่าว
บัณฑิต อานียา และปีเตอร์ โคเร็ท
ด้านดร.ปีเตอร์ โคเร็ท (Peter Koret) อดีตอาจารย์ด้านวรรณคดีโบราณและประวัติศาสตร์ที่ University of Berkeley และ Arizona State University เป็นนายประกันและเป็นเพื่อนกับบัณฑิตมากว่า 30 ปีให้สัมภาษณ์ว่า เขารู้จักกับบัณฑิตมานานมากจากผลงานที่ซื้อไปอ่าน และพบว่างานเขียนของบัณฑิตมีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนนักเขียนทั่วไป มีสไตล์คล้ายงานเสียดสีสังคมแต่ตลกขบขันของนักเขียนฝรั่ง ที่ผ่านมาเคยแปลเรื่องสั้นกว่า 10 เรื่องของบัณฑิตเป็นภาษาอังกฤษเพื่อสอนนักศึกษาในต่างประเทศ และทราบว่าปัจจุบันในมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก อาจารย์ในภาควิชาเอเชียอาคเนย์ก็ใช้เรื่องสั้นของบัณฑิตเป็นวัตถุดิบในการสอน เช่นเรื่อง ดอกบัวใต้น้ำ , ผัวใครหาย เมียใครหาย เป็นต้น นอกจากนี้ปีเตอร์ยังเตรียมจะเขียนชีวประวัติของบัณฑิตตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษภายในปีนี้ โดย 30-40% เป็นเนื้อหาที่บัณฑิตเคยเขียนถึงชีวิตตนเอง
“งานเขียนของเขาน่าสนใจ คนต่างประเทศอ่านแล้วมักจะชอบ เพราะมีวิธีเล่าเรื่องเสียดสีสังคมในแบบเฉพาะของตัวเอง เห็นความเป็นธรรมได้โดยไม่ต้องเศร้าโศก ส่วนชีวิตของเขาก็น่าสนใจมาก ไม่น่าจะมีใครที่กล้าชำแหละ พูดถึงชีวิตตัวเองตรงไปตรงแบบเขามากนัก” ปีเตอร์กล่าว
รัฐบาล เผยมาตรการแก้ไขปัญหาโครงการจำนำข้าว ตำหนิ กปปส. อย่านำความทุกข์ร้อนของชาวนาไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง
รัฐบาล เผยมาตรการแก้ไขปัญหาโครงการจำนำข้าว ตำหนิ กปปส. อย่านำความทุกข์ร้อนของชาวนาไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 go6TV – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกันแถลงมาตรการของรัฐบาลในการบรรเทาและแก้ปัญหาความเดือดร้อนของชาวนา โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
รัฐบาลได้ยืนยันถึงวัตถุประสงค์ของนโยบายโครงการรับจำนำข้าวที่ต้องการยกระดับรายได้แก่ชาวนา และสร้างความมั่นคงมั่งคั่งที่ยั่งยืน ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า และนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยต่อเนื่องทางรัฐบาลได้ดำเนินการมาแล้ว 4 ฤดูการผลิต ตั้งแต่เดือนตุลาคมปี2554 และสามารถจ่ายเงินค่ารับจำนำแก่ชาวนาแล้วเป็นจำนวนเงินกว่า 6 แสนล้านบาท จนมาถึงฤดูกาลนาปี2556/57 ซึ่งได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการในวันที่ 3 กันยายน 2556 และรับจำนำมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 ซึ่งได้จ่ายเงินค่ารับจำนำไปแล้วเป็นจำนวนกว่า 6 หมื่นล้านบาท แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการในการจัดสรรเงินให้แก่ชาวนามีอุปสรรคมากขึ้น นอกจากนี้ การยุบสภาผู้แทนราษฎรทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลมีข้อจำกัดในการบริหารงาน ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในมาตรา 181 จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการดำเนินการมากกว่าปกติ อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวนาอย่างเร่งด่วน โดยเร่งดำเนินมาตรการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายนิวัฒน์ธำรงค์ เปิดเผยถึงแนวทางการระบายข้าว ว่ามีทั้งหมด 5 วิธี ได้แก่ 1) GtoG 2) ขายเป็นการทั่วไปให้ผู้ประกอบการในประเทศ 3) ตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือ AFET 4) ขายให้กับหน่วยงานหรือองค์กรการกุศล 5) บริจาค โดยในเดือนตุลาคม 2556 – มกราคม 2557 ได้มีการส่งเงินจากการระบายข้าวคืนให้กับ ธ.ก.ส. ประมาณ 35,000 ล้านบาท และในเดือนมกราคม 2557 สามารถขายข้าวได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท จากนั้น ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมนี้ จะมีการประกาศขายข้าวเพิ่มขึ้นอีก เดือนละประมาณ 1 ล้านตัน ทั้งนี้ สถิติปริมาณการส่งออกข้าวของไทยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยปีละประมาณ 8ล้านตัน ขณะที่สถิติการซื้อขายข้าวในตลาดโลก 2-3 ปีที่ผ่านมา ประมาณปีละ 30-35 ล้านตัน
ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ได้ระบุถึงแนวทางการจัดหาแหล่งเงินกู้ว่า กระทรวงการคลังยืนยันว่า ฐานะทางการเงินการคลังของภาครัฐยังมีความมั่นคงและเข้มแข็งมาก ณ สิ้นปีงบประมาณปี 2556 มีเงินคงคลังทั้งหมดประมาณ 334,732 ล้านบาท สำหรับการจัดเก็บรายได้ก็สามารถจัดเก็บได้เกินเป้า โดยในไตรมาสแรก ต.ค. – ธ.ค.2556 รวม ม.ค. 2557 จัดเก็บรายได้ได้แล้วกว่า 600,000 ล้านบาท
ในการดำเนินการ กระทรวงการคลังมีหน้าที่ตามมติ คณะรัฐมนตรีและระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการบริหารจัดการการเงินเพื่อดำเนินโครงการจำนำข้าว ดังนั้น การจัดการแหล่งเงินกู้ให้กับ ธ.ก.ส. และการดำเนินการเพื่อสนับสนุนให้ทาง ธ.ก.ส.มีความสามารถชำระเงินจำนำให้กับชาวนาได้โดยเร็วถือเป็นการดำเนินการตามหน้าที่ปกติของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ การปฏิบัติหน้าที่ของทางกระทรวงการคลังหลังการยุบสภาผู้แทนราษฎรมีข้อจำกัดทางกฎหมายมากขึ้น ประกอบกับมีการดำเนินการเพื่อขัดขวางการทำงานของรัฐบาลในการดูแลทุกข์สุขของประชาชนในหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง
“จากยอดรับจำนำทั้งสิ้น 175,000 ล้านบาทนั้น ได้ดำเนินการจ่ายให้ชาวนาแล้วประมาณ 65,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังได้เร่งดำเนินการอย่างเต็มกำลังความสามารถ ทำให้สามารถจ่ายเงินในส่วนที่ค้างชำระ110,000 ล้านบาท ให้กับชาวนาได้เร็วขึ้น โดยจะเริ่มการจ่ายเงินให้กับชาวนา ได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 ก.พ. 57 ตามลำดับการลงทะเบียน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากศักยภาพของ ธ.ก.ส. ในการดำเนินการจ่ายเงินต่อวันแล้วนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 6-8 สัปดาห์” นายกิตติรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ นายทนุศักดิ์ ได้กล่าวว่า “รัฐบาลได้มีแนวทางการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า โดยขยายเวลาการชำระหนี้ลูกค้าธนาคาร ธ.ก.ส. เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยไม่มีค่าปรับ รวมทั้ง ขยายวงเงินในการปล่อยสินเชื่อให้กับชาวนาเพื่อให้ชาวนามีเงินลงทุนในการปลูกข้าวในรอบใหม่ โดย ธ.ก.ส.จะขยายวงเงินให้ลูกค้ารายปัจจุบัน โดยสามารถใช้หลักค้ำประกันที่ได้วางไว้กับ ธ.ก.ส. แล้ว โดยมาตรการนี้จะครอบคลุมถึงชาวนาที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของทาง ธ.ก.ส. ด้วย โดยสามารถสมัครเป็นสมาชิก และยื่นความจำนงที่ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน สำหรับชาวนาที่อยู่ภายใต้สถาบันเกษตร (สหกรณ์) สามารถขอเงินกู้จากสหกรณ์ได้เช่นกัน โดยทาง ธ.ก.ส. จะสนับสนุนเงินทุนให้สหกรณ์”
“ขอให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันแก้ปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของชาวนา ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของชาติ และโปรดอย่าขัดขวางกระบวนการและมาตรการการจ่ายเงินให้แก่ชาวนา รวมทั้ง อย่าขัดขวางสถาบันการเงินในการปล่อยเงินกู้ เพื่อให้ชาวนาได้รับเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนได้เร็วขึ้น และขอให้หน่วยงานดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเร่งด่วน พร้อมยืนยันว่าชาวนาทุกคนที่ร่วมโครงการจำนำข้าวและได้รับใบประทวน มีสิทธิ์ได้รับเงินตามใบประทวนเต็มจำนวน กระทรวงการคลังและ ธ.ก.ส มีหน้าที่ทำงานร่วมกันเพื่อจ่ายเงินให้แก่ชาวนาโดยเร็วที่สุด รัฐบาลมีความจริงใจในการทำงานอย่างเต็มที่เพื่อชาวนา และขออย่านำความทุกข์ร้อนของชาวนาไปเป็นประเด็นและเครื่องมือทางการเมือง” นายกิตติรัตน์กล่าว
เงิบอย่างแรง!! เพจเฟซบุ๊ก-ดารากปปส. ตกหลุมโพสต์ภาพมั่วแบงก์ออมสิน-ที่แท้คนแห่ฝากเงิน!
เงิบอย่างแรง!! เพจเฟซบุ๊ก-ดารากปปส. ตกหลุมโพสต์ภาพมั่วแบงก์ออมสิน-ที่แท้คนแห่ฝากเงิน!
วันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในแฟนเพจเฟซบุ๊ก รวมถึงแนวร่วมม็อบ กปปส. อาทิ หมอก้อง-สรวิชญ์ สุบุญ อดีตดาราหนุ่ม ต่างพากันโพสต์เผยแพร่ส่งต่อภาพขณะมีเด็กๆ และคนยืนรอแน่นหน้าธนาคารออมสิน พร้อมเขียนใต้ภาพพยายามสื่อว่าคนเหล่านี้แห่ไปถอนเงินออก เพราะกลัวธนาคารออมสินเอาเงินไปปล่อยกู้และจ่ายช่วยเหลือชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวจนอาจเป็นอันตรายต่อสถานะทางการเงิน
อย่างไรก็ตามต่อมาเฟจเฟซบุ๊กต่อต้าน กปปส. รวมทั้งนักสืบไซเบอร์หลายคนต่างออกมาจับผิด ชี้ว่าภาพดังกล่าวไม่ใช่ภาพคนแห่ถอนเงิน แต่เป็นภาพเก่าที่ จ.พิจิตร ขณะเด็กๆ และผู้ปกครองแห่ไปธนาคารออมสินเพื่อฝากเงินในวันเด็กแห่งชาติ
ขณะเดียวกัน นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวการกู้เงินในตลาดเงินเพื่อนำมาให้ ธ.ก.ส. ใช้ดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรนั้น ธ.ก.ส.ขอเรียนชี้แจงว่า เงินที่จ่ายจำนำข้าวยังเป็นไปตามเงื่อนไขเดิม คือ เป็นเงินจากงบประมาณ เงินที่กระทรวงการคลังจัดหามาให้โดยการค้ำประกัน และเป็นเงินจากการระบายข้าวที่กระทรวงพาณิชย์ส่งมาชำระคืนเท่านั้น โดยไม่ใช้เงินฝากธ.ก.ส.แต่อย่างใด สำหรับการกู้เงินระยะสั้นที่ปรากฏเป็นข่าว เป็นวิธีการหนึ่งในหลายๆ วิธีการ ในการหาเงินทุนที่นำมาใช้ในโครงการของกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นส่วนงานรับผิดชอบดำเนินการ
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้เร่งระบายข้าวและส่งเงินมาชำระคืนมากกว่าแผนงานเดิมที่วางไว้ เช่น เดือนมกราคม จากเดิมคาดว่าจะส่งมาชำระหนี้ประมาณ 3,500 ล้านบาท แต่สามารถส่งมาชำระคืนได้ถึง 10,036 ล้านบาท ส่วนเดือนกุมภาพันธ์ขณะนี้ส่งมาชำระคืนแล้ว 6,269 ล้านบาท จึงคาดว่านับจากนี้กระทรวงพาณิชย์จะเร่งระบายข้าวและส่งเงินมาชำระคืนโดยเฉลี่ยเดือนละ 8,000-10,000 ล้านบาท ซึ่งธ.ก.ส.จะเร่งทยอยจ่ายเงินดังกล่าวให้กับเกษตรกรตามลำดับก่อนหลังการนำใบประทวนมาแจ้งขอรับจาก ธ.ก.ส.ไว้แล้วอย่างเคร่งครัด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร
"อย่างไรก็ตามระหว่างที่รอเงินจากรัฐบาล ธ.ก.ส.ได้ออกมาตรการยืดเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเป็นระยะเวลา 6 เดือน และหากเกษตรประสงค์จะใช้เงินเพื่อนำไปลงทุนทำการผลิตใหม่ในฤดูกาลใหม่ หรือค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่จำเป็น ธ.ก.ส.พร้อมให้เงินกู้ก้อนใหม่ตามหลักเกณฑ์สินเชื่อปกติของธ.ก.ส. เพื่อลดปัญหาการไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบที่คิดดอกเบี้ยอัตราสูง และเป็นภาระหนัก
ทั้งนี้ การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 2556/57 ธ.ก.ส.ได้ทยอยจ่ายเงินดังกล่าวให้เกษตรกรไปแล้ว 62,994 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณข้าวเปลือกจำนวน 3.91 ล้านบาท เกษตรกร 512,118 ราย คงเหลือที่ต้องจ่ายประมาณ 11,600 ล้านบาท ปริมาณข้าวประมาณ 6.7 ล้านตัน เกษตรประมาณ 900,000 ราย" นายลักษณ์กล่าว
อ้างอิงจาก ข่าวสดออนไลน์ : เงิบอย่างแรง!! เพจเฟซบุ๊ก-ดารากปปส. ตกหลุมโพสต์ภาพมั่วแบงก์ออมสิน-ที่แท้คนแห่ฝากเงิน!
คุณเป็นโรคสลิ่ม หมดทางรักษาแล้วครับ
อาการจะเ้ป็นเช่นนี้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)