วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เก็บตกภาพ ต่อต้าน"ประยุทธ์" ที่มิลาน

Fri, 2014-10-17 12:13

วันที่ 16 ตุลาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวการไปร่วมประชุมผู้นำกลุ่มเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ครั้งที่ 10 ที่นครมิลาน อิตาลี ซึ่งสื่อต่างประเทศได้นำเสนอภาพและข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมที่มารวมตัวเพื่อประท้วงการประชุมอาเซม โดยมีประเด็นการประท้วงทั้งต่อการการประชุมดังกล่าวในฐานะที่เป็นผู้นำจากประเทศซีกโลกเหนือ, ประท้วงผู้นำรัสเซีย และรวมถึงประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้นำคสช.
ในส่วนของการประท้วงผู้นำไทย ผู้ชุมนุม ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มเคลื่อนไหว ซึ่งมีทั้งชาวอิตาลีและคนไทย ที่มายืนชูป้ายและภาพข้อความประท้วง รวมทั้งมีชาวอิตาลีชูป้ายประท้วงเพื่อเรียกร้องในกรณีของนายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพชาวอิตาลีที่ถูกกระสุนยิงเสียชีวิตช่วงสลายการชุมนุมเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553
ก่อนหน้านี้ในวันที่ 15 ต.ค. กลุ่มเอเชียเฮาท์ Asienhaus กลุ่มนานาชาติเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย (International Solidarity Group for Democracy and Human Rights in Thailand) และ แอ็คชั่นเพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทย (ACT4DEM) ออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลเผด็จการทหารไทย กรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยแถลงการณ์ระบุการประณามอย่างรุนแรงต่อการทำรัฐประหารและการสถาปนารัฐบาลเผด็จการทหารในประเทศไทย พร้อมทั้งแสดงความห่วงใยเป็นพิเศษต่อการละเมิดสิทธิมนุษยขน การจับกุมและการคุกคามโดยเผด็จการทหาร ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องรายวัน รวมทั้งความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นของการเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสาร และการข่มขู่คุกคามประชาชนที่ต่อต้านรัฐประหาร
อย่างไรก็ตามสำนักข่าวไทย รายงานเมื่อคืนวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางถึงโรงแรม starhotels Rosa Grand ที่พัก มีคนไทยจำนวนหนึ่งนำรูปภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ธงชาติไทย ป้ายข้อความ และมอบดอกไม้ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ทักทายและกล่าวขอบคุณ
สำหรับกำหนดการของ พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดเข้าหารือทวิภาคีกับผู้นำหลายประเทศ ประกอบด้วย นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ และจะร่วมพิธีเปิดการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรืออาเซม ครั้งที่ 10 อย่างเป็นทางการ ก่อนจะรับฟังผลการประชุมสภาเอเชีย-ยุโรป การประชุมเวทีประชาชนเอเชีย-ยุโรป และสภาธุรกิจเอเชีย-ยุโรป และร่วมประชุมเต็มคณะ ในหัวข้อการส่งเสริมความร่วมมือทางการเงินและเศรษฐกิจผ่านการเชื่อมโยงระหว่างเอเชีย-ยุโรป การเป็นหุ้นส่วนระหว่างเอเชีย-ยุโรป เพื่อกำหนดประเด็นโลก ภายใต้โลกที่มีความเชื่อมโยงกัน



'สรรเสริญ' แถลงประท้วง 'พล.อ.ประยุทธ์' ไม่เป็นความจริง-มีแต่คนรอต้อนรับ

รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตโฆษก ศอฉ. แถลงระบุภาพคนต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ ระหว่างประชุมที่อิตาลีไม่เป็นความจริง-แถมมีคนไทยมารอต้อนรับด้วย-ย้ำหลักฐานพยานมี
ในเมืองมิลาน มีกลุ่มประชาสังคมเดินขบวนประท้วงผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 10 โดยในจำนวนนี้มีผู้ถือป้ายประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ขณะที่ล่าสุด พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด แถลงว่าไม่เป็นความจริง มีเพียงเหตุการณ์คนไทยมารอต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ (ที่มา: รับชมภาพการเดินขบวนทั้งหมดที่ milano.repubblica.it)
ภาพเผยแพร่ของศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล เป็นภาพกลุ่มคนไทยในเมืองมิลาน มามอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่หน้าโรงแรมที่พักในช่วงเช้าของวันที่ 16 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งนี้รายงานของมติชนออนไลน์ ระบุว่า พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะทำงานที่เดินทางไปกับ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่ามีแต่เหตุการณ์คนไทยมาต้อนรับ และผู้สื่อข่าวที่ร่วมคณะไปด้วยสามารถเป็นพยานได้ (ที่มา: ศูนย์สื่อทำเนียบรัฐบาล)
16 ต.ค. 2557 - มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่มีข่าวในสังคมโซเซี่ยลเน็ตเวิร์ก โดยเฉพาะจากเว็บไซต์ไทยอีนิวส์ด็อทบล็อกสปอทดอทคอม เสนอภาพในทำนองมีคนมาต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ที่เดินทางเข้าประชุมอาเซม ที่อิตาลีนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง หลังจากเห็นภาพและข้อความดังกล่าวได้โทรศัพท์ติดต่อคณะทำงานที่ร่วมคณะไปด้วย ซึ่งได้รับการยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว มีแต่คนไทยจำนวนหนึ่งมาต้อนรับ ซึ่งผู้สื่อข่าวที่ร่วมคณะไปด้วยสามารถเป็นพยานได้ จึงไม่ทราบวัตถุประสงค์แต่ทราบว่ามีความพยายามให้เห็นภาพว่ามีการต่อต้านนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งไอซีทีและ คสช.จะตรวจสอบเว็บดังกล่าวอีกครั้ง ยืนยันไม่มีเรื่องต่อต้านนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แนวหน้า นำเสนอข่าวกลุ่มคนไทยไปให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มิลานเช่นกัน โดยพาดหัวว่า ""แฟนคลับ'บิ๊กตู่'แห่รับแน่นมิลาน 'มนุษย์ป้า' ยืนฉายเดียวโผล่ต้าน!"
ทั้งนี้สื่อไทยบางฉบับอย่างเช่น เว็บไซต์ นสพ.แนวหน้า ได้รายงานข่าวโดยพาดหัวว่า ""แฟนคลับ'บิ๊กตู่'แห่รับแน่นมิลาน 'มนุษย์ป้า' ยืนฉายเดียวโผล่ต้าน!" โดยนำรูปหมู่คณะผู้ให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จำนวน 9 คน มาเปรียบเทียบกับรูปของจรรยา ยิ้มประเสริฐ นักกิจกรรมด้านแรงงานที่ปัจจุบันอยู่ในต่างประเทศ ถือป้ายต้าน คสช. คนเดียว โดยไม่มีการนำภาพขบวนชุมนุมประท้วงผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมอาเซมมานำเสนอด้วย

รายงาน: เมื่อเพื่อนจากสตูล เล่าเรื่อง ‘กอล์ฟ เด็กปีศาจ’


             17 ต.ค.2557 ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ดานิยาน ยาวาหาบ เด็กหนุ่มจากจังหวัดสตูลเดินทางมาแต่เช้าเพื่อเข้าเยี่ยม ‘ภรณ์ทิพย์’ หรือกอล์ฟ หรือที่เพื่อนๆ เรียก กอล์ฟ เด็กปีศาจ ศิลปินผู้ถูกคุมขังจากมมาตรา 112 กรณีเกี่ยวข้องกับละครเวทีเจ้าสาวหมาป่าที่จัดแสดงเมื่อปลายปีที่แล้ว (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องด้านล่าง)

            เขามาเยี่ยมกอล์ฟเป็นครั้งที่ 3 หลังจากวานซืนนี้มาเยี่ยมเป็นครั้งแรก แต่ไม่ทันได้คุยเนื่องจากไม่สามารถทำใจได้

        “น้องเขาเอาแต่ร้องไห้ พูดไม่ออก คงช็อค คนข้างในก็พยายามปลอบ แล้วก็ฝากฝังอีกว่าให้ดูแลน้อง (ดานิยาน) หน่อย เพราะเขาอ่อนไหว” คนใกล้ชิดกอล์ฟกล่าว

           ครั้งที่สองเขาได้คุยเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเวลาเยี่ยม 15 นาทีต่อวันต้องแบ่งสรรให้เพื่อนคนอื่นด้วย เช่นเดียวกับวันนี้เขาก็ต้องแชร์เวลากับเพื่อนอีกสองคน แต่อย่างน้อยเขาก็ยังโชคดีเนื่องจากเป็น 1 ใน 10 รายชื่อที่ผู้ต้องขังยื่นแก่เรือนจำให้เข้าเยี่ยมได้ นอกเหนือจากนั้นไม่มีใครสามารถเข้าได้ นี่เป็นกฎใหม่ที่เพิ่งบังคับใช้ไม่กี่เดือน

           ดานิยาน เล่าว่า เขารู้จักกับกอล์ฟมาตั้งแต่ปี 2551 และเคยร่วมกับกอล์ฟทำค่ายด้านสิทธิมนุษยนกับเยาวชนในภาคใต้หลายต่อหลายครั้ง และนี่คือเรื่องราวที่เขาเล่าให้ฟัง  คนในแวดวงกิจกรรมการเมืองและศิลปะต่างทราบกันว่า กอล์ฟและเพื่อนๆ ทำกิจกรรมหลากหลายทั้งด้านศิลปะ สิทธิมนุษยชน วัฒนธรรม และทำมายาวนานตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนมัธยม โดยมากมุ่งเน้นการทำกิจกรรมกับกลุ่มเยาวชน ตั้แต่เด็กเล็กๆ ที่ซนเป็นลิง ยันเด็กวัยรุ่นยี่สิบต้นๆ

          ในปี 2551 เธอและเพื่อนอีก 2 คนจัดตั้งกลุ่ม ‘บุหงาสันติ’ จัดค่ายอบรมเรื่องสิทธิให้เยาวชนมุสลิมผู้หญิง  “ตอนนั้นเป็นการให้ความรู้เรื่องสิทธิอันพึงมีพึงได้ให้กับเยาวชนหญิงมุสลิม ทั้งค่ายจะเป็นผู้หญิงหมด ผมไปช่วยเป็นพี่เลี้ยง เพราะรู้จักกันมาก่อน ทำอยู่ 3 ครั้ง ได้รับผลตอบรับดี ต่อมาก็ขยายเป็นกลุ่ม บุหงากาซะลองดอกจาน”

          ไม่ต้องสงสัยกับชื่อกลุ่มที่ยาวขึ้น เพราะหากสังเกตจะพบว่าเป็นชื่อดอกไม้ประจำถิ่นของภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคอีสาน เนื่องจากทีมงานที่มีพื้นเพจากหลายจังหวัด และเริ่มขยายวงชักชวนเด็กๆ จากภาคภูมิภาคต่างๆ มาจัดกิจกรรมร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม สภาพปัญหาของพื้นที่ต่างๆ ร่วมกัน

            “เราเริ่มทำค่ายแรก มีน้องๆ จากหลายจังหวัดจากทุกภูมิภาครวม 40 กว่าคน อายุ 16-19 ปี เริ่มต้นครั้งแรกที่สตูลบ้านผม เด็กๆ ในค่ายจะได้เข้าไปนอนในบ้าน ‘พ่อแม่’ ในหมู่บ้าน เป็นโฮมสเตย์เลย แล้วก็ทำกิจกรรมร่วมกัน มีแตะๆ ประเด็นเรื่องสิทธิ เรื่องในพื้นที่อย่างท่าเรือปากบารา คล้ายๆ จุดประกายให้เด็กๆ ไปคิดต่อ”

          เขาเล่าว่า กิจกรรมนี้ทำให้พ่อแม่ในชุมนุมรู้สึกตื่นเต้นและพากันมาร่วมดูงานถึงร้อยกว่าคน เด็กๆ ก็ตื่นตัวในการเรียนรู้ หลังจากค่ายนั้นมาปรากฏว่าพ่อแม่หลายบ้านยังคงติดต่อกับลูกๆ ในจังหวัดอื่นอยู่หลายคน และเกิดค่ายลักษณะเดียวกันนี้โดยเยาวชนจัดกันเองหลายครั้ง

“เรากำลังจะจัดครั้งที่สอง แต่ยังไม่ทันได้ทำก็เกิดเรื่อง”

            “เขาเป็นคนมีพลังเยอะ ทะเยอทะยาน มุ่งมั่นอยากช่วยเหลือคนอื่น อยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรัก เป็นคนสร้างความสุขให้หลายๆ คนได้ เด็กๆ ในพื้นที่หรือหลานผมก็ถามหาน้ากอล์ฟตลอด เราทำกิจกรรมไปมาหาสู่กันจนเหมือนครอบครัวเดียวกัน ไม่มีเรื่องสีเสื้อขวางกั้นแล้ว”

            “เหตุการณ์มันหนักเกินไป คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่นี้จะทำร้ายใครได้ นอกจากแสดงจุดยืน แสดงความคิดของเขาให้คนอื่นรู้ ถ้าการแสดงความคิดที่อาจไม่เหมือนคนอื่นเป็นความผิดได้ขนาดนี้ ผมก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไง”

          “บางทีผมก็คิดว่า การเมืองไม่ใช่ของเราคนเดียว ใครที่ทุ่มเต็มที่แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครช่วย ทำไมประชาชนต้องมาถูกฆ่า ถูกจับด้วยเรื่องการเมือง ถึงที่สุดมันไม่มีวีรบุรุษอย่างที่ประชาชนคาดหวังหรอก”


             ท้ายที่สุด ดานิยาน ยืนยันว่า เขาจะยังคงสืบทอดการทำกิจกรรมกับเยาวชนต่อไป โดยเฉพาะในการจุดประกายเรื่องสิทธิเสรีภาพ

คุมมชายวัย 67 ปีแถลงข่าว 112 เหตุเขียนห้องน้ำห้างวิจารณ์ประยุทธ์



Fri, 2014-10-17 18:36

           17 ต.ค.2557 กองบังคับการปราบปราม พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารพระธรรมนูญ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ได้ควบคุมตัวนายโอภาส (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี อดีตพนักงานบริษัท แถลงข่าวเพื่อแจ้งข้อหาคดีอาญามาตรา112


          พ.ท.บุรินทร์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นายโอภาสกระทำความผิดตามมาตรา 112 จากการเขียนผนังห้องน้ำ ห้างซีคอนสแควร์ 3 ห้อง โดยพ.ท.บุรินทร์ได้นำภาพถ่ายข้อความจากผนังห้องน้ำแจกจ่ายสื่อมวลชนด้วย จากนั้นจึงได้เปิดให้ผู้สื่อข่าวซักถามแรงจูงใจของผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหาระบุว่า ไม่ได้กระทำการหมิ่นเบื้องสูง แต่เป็นการวิจารณ์คณะรัฐประหาร เนื่องจากเกิดความเครียดและไม่ชอบการรัฐประหาร ที่ผ่านมาไม่เคยไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มใด พร้อมทั้งยืนยันว่าข้อความที่เขียนเป็นข้อความวิจารณ์โดยทั่วไปที่ได้ยินจากคลิปต่างๆ และวิทยุชุมชนคลื่น 88.25 ซึ่งโดยส่วนมากก็เป็นการวิจารณ์ประชาธิปัตย์และ กปปส. ไม่ใช่การพาดพิงสถาบัน ท้ายที่สุด พ.ท.ได้ฝากยังสื่อมวลชนให้ช่วยกันดูแลเนื้อหาที่เผยแพร่สาธารณะ ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดกรณีเช่นนี้อีกมากมาย


          ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายโอภาสถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.57 เวลาประมาณ 15.00 น. โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างซีคอนสแควร์ เนื่องจากนายโอภาสได้ใช้ปากกาเขียนโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหาร คสช.และนายกรัฐมนตรีบนผนังห้องน้ำในห้าง เมื่อถูกควบคุมตัวนายโอภาสได้จ่ายค่าเสียหายให้ทางห้างเป็นเงินสองพันบาทตามที่ทางห้างเรียกร้องเป็นที่เรียบร้อย หลังจากนั้นทางห้างได้ติดต่อให้เจ้าหน้าที่ทหารมารับตัวนายโอภาสพร้อมมอบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดให้ จากนั้นทหารได้นำตัวมาควบคุมและสอบสวนที่กองปราบฯ ตั้งแต่ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ส่วนการสอบสวนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในวันนี้ เบื้องต้นทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้เดินทางไปพบผู้ต้องหาเพื่อขอร่วมรับฟังการสอบสวนด้วยแล้ว

           อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการออนไลน์ รายงานข่าวดังกล่าวโดยลงรูปภาพข้อความที่เจ้าหน้าที่แจกจ่ายกับผู้สื่อข่าวด้วย ขณะที่เว็บไซต์ทีนิวส์รายงานว่า เจ้าหน้าที่คุมตัวไว้ด้วยอำนาจตามกฎอัยการศึก ก่อนจะขอฝากขังที่ศาลทหารกรุงเทพ ในวันจันทร์ ที่ 20 ตค.นี้

          นายโอภาสกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ระหว่างการสอบปากคำ พ.ท. บุรินทร์ พยายามชี้นำให้เขาให้การว่าเป็นการเขียนข้อความหมิ่นเบื้องสูงอันมีเหตุจากได้ฟังวิทยุชุมชน คลื่น 88.25 แมกกะเฮิร์ต เพื่อที่โทษหนักจะได้เป็นเบา แต่เขาเห็นว่าสถานีวิทยุดังกล่าวปิดไปเป็นปีแล้ว และตัวเขาเองไม่ได้มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูงเพียงแต่ต้องการวิจารณ์หัวหน้าคณะรัฐประหารเท่านั้น เมื่อ พท. บุรินทร์ นำตัวเขามาแถลงข่าวเขาจึงไม่สามารถที่จะแถลงข้อความตามที่ พท. บุรินทร์ แนะนำได้ และไม่ได้พูดว่าถูกล้างสมองจากวิทยุชุมชน เตือนให้ประชาชนระวังการรับข้อมูลด้านเดียวดังที่สื่อบางสำนักได้เผยแพร่ออกไป มีแต่เพียงพ.ท.บุรินทร์ที่กล่าวลักษณะดังกล่าว