วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554


ซื่อสัตว์
โดย ป้าปากเกล็ด


โดย ป้าปากเกร็ด เมื่อวันจันทร์ ที่ 09 May 2011

ไม่ผิดหรอกค่ะสะกดถูกแน่นอน อนุสนธิมาจากผลโพลล่าสุดของเอแบค
จากการเปรียบเทียบจุดแข็งของพรรคการเมืองใหญ่สองพรรคคือ
พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ในสายตาของสาธารณชน พบว่า
พรรคเพื่อไทยได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเหนือพรรคประชาธิปัตย์เกือบทุกตัว ชี้วัด ยกเว้นเรื่องเดียว คือ ความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต โดยพบว่า ร้อยละ 51.6 ระบุความโปร่งใส ซื่อสัตย์สุจริต เป็นจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะที่ร้อยละ 48.4 ระบุเป็นจุดแข็งของ พรรคเพื่อไทยเช่นกัน อย่างไรก็ตามความแตกต่างที่ค้นพบในเรื่องนี้ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ เพราะเป็น ตัวเลขที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

เอ่อ อุ๊ยต๊ายตายว้ายกรี๊ด เจอผลอย่างนี้ต้องย้อนกลับไปดูว่าไปสำรวจ ทำโพล์มาจากไหน ได้ความว่ากรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ตราด สระแก้ว พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี พิจิตร เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ มุกดาหาร หนองคาย ชัยภูมิ ศรีสะเกษ อุดรธานี ขอนแก่น พังงา ปัตตานี และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,143 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1 - 7 พฤษภาคม 2554

โอ้แม่เจ้าชาวไทย เชื่อว่าแมลงสาปซื่อสัตย์ โปร่งใส ไม่ต้องไปดูอื่นไกล เอาที่ใกล้ที่สุด ก็เมื่อประชุมครม.นัดเทกระจาด เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง มันแสดงความโปร่งใส ซื่อสัตย์ตรงไหนไม่ทราบ เอ้า เอาเป็นว่าช่วงที่ไปสำรวจ ปชช.ยังไม่ได้ทราบข่าวการแดรกมโหฬารก็เอาเถอะ

แต่ก่อนหน้านี้ ไม่เคยรู้สึกเลยหรือว่ารัฐบาลนี้โกงกินมหาศาล อย่าไปโทษว่ามาจากพรรคร่วมเลย อยู่ด้วยกันมันก็โกงด้วยกันนั่นแหละ เมื่อเข้ามาใหม่ๆก็มีทุจริตปลากระป๋องเน่า นั่นก็สส.พรรคปชป. ไหนยังจะเรื่องอื่นๆอีกจิปาฐะ ที่มีคนเขามาตั้งกระทู้ให้ดูถึงผลงานอันเลวร้ายของพรรคนี้ ย้อนกลับไปก็โน่นเรื่องใหญ่ การแจกสปก-401 นั่นก็อีก โอ๊ยมากมาย จำไม่หวาดไม่ไหว แต่รับรองเรื่องโกงกินพรรคนี้ไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

นึกขึ้นได้ การจ้างพยานเท็จปรักปรำให้ยุบพรรคการเมืองอื่น นี่ก็ถือเป็นความโปร่งใส ซื่อสัตย์มากเลยสิท่า ที่เลวร้ายที่สุด คือเมื่อเข้ามาบริหารประเทศ กลับมีคำสั่งให้ ทหารทำร้าย ฆ่าประชาชนกลางเมืองหลวง แล้วตอแหลว่าไม่ได้สั่ง ทั้งๆที่หลักฐานพยาน ชัดแจ้งได้ดูได้เห็นกันไปทั่วโลก ไอ้เมือกเองก็รับแล้วว่าสั่ง โดยกระโดดลงไปฟัดกับHRW แสดงความขี้เท่อออกมาเป็นการรับกลายๆว่ามีการสั่งการให้มีการฆ่าจริง แต่แถว่าคนอื่นฆ่ามากกว่า

ไปด่าทอว่าผลการสอบยังไม่เสร็จสิ้น แต่ไอ้เมือกก็เอาไปบอกนักข่าวว่าพรรคเพื่อไทยสนับสนุนให้คน ไปเผาบ้านเผาเมือง ที่อย่างนี้กลับไม่คิดว่การสอบก็ยังไม่ชัดเช่นกันว่าใครเป็นคนเผา คนที่โกหกหน้าด้านๆ

อย่างนี้น่ะหรือที่ประชาชนที่ตอบแบบสอบถามเห็นว่ามีความซื่อสัตย์เหนือกว่าพรรคเพื่อไทย

จากผลโพลนี้ก็ชี้ได้ว่า คนตอบโพล คนทำโพล ก็หาได้มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองไม่ โกหกได้แม้แต่ตัวเอง อย่างดีก็เป็นไได้แค่สัตว์ที่แสนซื่อของใครสักคนเท่านั้นเอง
http://redusala.blogspot.com

อย่าหนีปัญหา โดย หมัดเหล็ก ไทยรัฐ


อย่าหนีปัญหา    โดย หมัดเหล็ก

ปัญหา​ความ​ขัดแย้ง​ระหว่าง ​ไทย-กัมพูชา​ ​ได้​รับ​ความ​สนใจ ​จาก​สื่อมวลชน​ต่าง​ประเทศ​ที่​เดินทาง​ไป​ทำ​ข่าว​ประชุม​ สุด​ยอด​ผู้​นำ ​อาเซียน ​ที่​ประเทศ​อินโดนีเซีย​อย่าง​มาก งาน​นี้​คนกลาง​อย่าง มาร์​ตี้ นา​ตา​เล​กา​วา รัฐมนตรี​ต่าง​ประเทศ​อินโดนีเซีย​ใน​ฐานะ​ประธาน​อา​เ​ซี​ยน ลำบาก​ใจ​ไม่​ใช่​น้อย
ต้อง​คุย​กับ ​กษิต ภิรมย์ รมว.​ต่าง​ประเทศไทย​และ ฮอ​นัมฮง รมว.​ต่าง​ประเทศ​กัมพูชา เป็น​การ​ส่วนตัว โดยที่​ฝ่าย​ไทย​ยัน​ต้อง​ทำ​ที​โอ​อาร์​ว่า​ประเทศ​ผู้​สังเกตการณ์​จะ​ สามารถ​เข้า​พื้นที่​ขัดแย้ง​ได้​แค่​ไหน  มี​อำนาจ​อย่างไร ใน​ขณะ​ที่​กัมพูชา​พร้อม​ที่​จะ​ให้​คณะ​ผู้​สังเกตการณ์​เข้า​ตรวจสอบ​ได้ ​ตลอด​เวลา
ความ​หวัง​ใน​การ​เจรจา​ระหว่าง​ผู้​นำ​ทั้ง​ของ​ไทย​และ ​กัมพูชา​ยิ่ง​ยาก​เข้า​ไป​ใหญ่ เพราะ​ขนาด ​ฮอ นัมฮง ​รอง​นายกฯ​และรมว.​ต่าง​ประเทศ​กัมพูชา ​ยัง​ไป​โวย​ใน​ที่​ประชุม ​รมว.​ต่าง​ประเทศ​อาเซียน ว่า​ไทย​ไม่​ให้​ความ​ร่วมมือ​และ​ไม่​มี​ความ​จริงใจ​ที่​จะ​แก้ไข​ปัญหา​ ความ​ขัดแย้ง
เล่น​เอา​วง​ประชุม​ปั่นป่วน​ไป​พัก​ใหญ่ ไม่​เฉพาะ​สื่อ​เท่านั้น บรรดา​ประเทศ​สมาชิก​อาเซียน ​ก็​ให้​ความ​สนใจ​ใน​ด้าน​ของ​ผล​กระทบ​ทั้ง​ ด้าน​เศรษฐกิจ​และ​ความ​มั่นคง​ใน​ภูมิภาค​นี้
กลัว​จะ​เกิด​ศึก​ใหญ่
ถ้า ​รัฐบาล​จะ​เล่น​เกม​ซื้่อ​เวลา​หนี​ปัญหา​เป็น​เรื่อง​ที่​ไม่​สมควร​อย่าง ​ยิ่ง​เพราะ​ปัญหา​ใหญ่​ระดับ​ชาติ​ที่​จะ​กระทบ​ถึง​อธิปไตย​และ​ดิน​แดน​ ของ​ประเทศ ไม่​ใช่​เรื่อง​การเมือง​ทั่วไป​ที่​จะ​มา​นั่ง​สร้าง​ภาพ​กัน​ไป​วันๆ
รัฐบาล​ไม่​ควร​หนี​ปัญหา
ที่ ​สำคัญ​คือ​รัฐบาล​เกี่ยวข้อง​กับ​ประเด็น​ความ​ขัดแย้ง​มา​ตั้งแต่​ต้น มา​ตั้งแต่​เป็น​ฝ่าย​ค้าน ไป​จุด​ชนวน​การเมือง​เอา​ไว้​อย่างไร​บ้าง​คง​ไม่​ต้อง​เซด​ให้​เมื่อย​ ตุ้ม
สโลแกน​หาเสียง​ของ​ประชาธิปัตย์ 3ปี​กับ​การ​ทำ​งาน​หนัก ขอโอกาส​ให้​กลับ​มา​ทำ​งาน​ใหม่​อีก​ครั้ง หรือ​สาน​งาน​ต่อ ก่อ​งาน​ใหม่ ฟัง​แล้ว​ขนลุก งาน​หนัก3ปี สร้าง​ความ​แตกแยก สร้าง​ปัญหา​ความ​ขัดแย้ง​ระดับ​ชาติ นำ​ประเทศ​เข้า​สู่​ยุค​ข้าว​ยาก​หมาก​แพง วิกฤติ​การเมือง​ยก​ระดับ​ฝัง​ราก​ลึก
จะ​สาน​งาน​กัน​ไป​ถึง​ไหน
บท เรียน​การเมือง​ราคา​แพง​ใน​อดีต เป็น​บทเรียน​ที่​จะ​ต้อง​นำ​มา​แก้ไข​วิกฤติ​การเมือง​ใน​ปัจจุบัน โดย​เร็ว​ที่สุด วิธีการ​ลับ ลวง พราง ไม่​ใช่​วิธี​แก้​ปัญหา​วิกฤติ​การเมือง​ของ​ประเทศ แต่​เป็น​การ​สร้าง​วิกฤติ​การเมือง​ให้​แตกแยก​มาก​ยิ่ง​ขึ้น
พิสูจน์ ​นับ​ตั้งแต่​รัฐบาล​พล.อ.​สุรยุทธ์ จุลานนท์ จนถึง​รัฐบาล ​อภิสิทธิ์ เวช​ชา​ชีวะ ลับ ลวง พราง นำ​ประเทศ​ไป​สู่​การ​ติด​หล่ม​จมปลัก ประชาธิปไตย​ถูก​จับ​ใส่​โซ่​ตรวน
ปลดปล่อย​เผด็จการ​คืน​อำนาจ.

หมัดเหล็ก
http://redusala.blogspot.com

สมศักดิ์ เจียมฯ เตรียมรับทราบข้อหาคดีหมิ่นฯ พุธนี้ ที่สน.นางเลิ้ง

http://www.prachatai.com/journal/2011/05/34445

สมศักดิ์ เจียมฯ เตรียมรับทราบข้อหาคดีหมิ่นฯ พุธนี้ ที่สน.นางเลิ้ง
Sun, 2011-05-08 21:46
 
มีรายงานว่า นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะไปรับทราบข้อกล่าวหาที่กองทัพบกยื่นฟ้องในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ สน.นางเลิ้ง ในวันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2554 เวลา 10.00 น.
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 เม.ย. นายสมศักดิ์ ได้แถลงข่าวกรณีมีการคุกคาม หลังร่วมอภิปรายเรื่อง สถาบันกษัตริย์-รัฐธรรมนูญ-ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 ที่ม.ธรรมศาสตร์ โดยมีนักวิชาการ นักกิจกรรมจำนวนมาก ออกแถลงการณ์ให้กำลังใจนายสมศักดิ์ และเรียกร้องให้รัฐหยุดคุกคามเสรีภาพของประชาชน
อนึ่ง เมื่อเร็วๆ นี้ มีผู้ถูกจับกุมด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 และยังไม่ได้รับการประกันตัว 2 ราย คือ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำกลุ่มแดงสยาม และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และบรรณาธิการบริหารนิตยสาร วอยซ์ ออฟ ทักษิณ
http://redusala.blogspot.com

เพื่อไทยแรงต่อเนื่องโพลชี้ข่มปชป.ทุกด้าน
       เรื่องจากปก
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
         ปีที่ 12 ฉบับที่ 3049 ประจำวัน จันทร์ ที่ 9 พฤษภาคม 2011
http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=10590


เพื่อไทยแรงต่อเนื่องโพลชี้ข่มปชป.ทุกด้าน
         กระแสความนิยมในพรรคเพื่อไทยกำลังแรงจัดเมื่อเอแบคโพลล์สำรวจพบประชาชนให้ความนิยมเหนือกว่าคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคประชาธิปัตย์ในทุกด้าน ทั้งเรื่องวิสัยทัศน์ นโยบาย อุดมการณ์ประชาธิปไตย

พรรคเพื่อไทยยังแรงดีไม่มีตกในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเมื่อสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจตอกย้ำได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเหนือพรรคประชาธิปัตย์ในทุกด้าน


ทั้งนี้ เป็นการสำรวจจากประชาชน 2,143 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-7 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อเปรียบเทียบจุดแข็งของพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค และความนิยมของสาธารณชนต่อพรรคการเมือง


ผลสำรวจเปรียบเทียบพบว่าพรรคเพื่อไทยชนะพรรคประชาธิปัตย์อย่างมีนัยสำคัญทางตัวเลขสถิติ ด้านวิสัยทัศน์ แนวนโยบาย พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 59.0 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 41.0


ด้านความรวดเร็วในการบริหารงาน พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 64.5 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 35.5


ด้านอุดมการณ์ประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 55.5 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 44.5


ด้านการเข้าถึงประชาชน พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 61.8 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 38.2


ด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 64.6 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 35.4
ด้านการพัฒนาสังคม พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 57.2 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 42.8


ด้านการต่างประเทศ พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 61.9 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 38.1


ด้านการเป็นที่ยอมรับของประชาชน พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 60.9 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 39.1


ด้านการเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 58.6 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 41.4


ด้านความเจนจัดทางการเมือง จัดสรรตำแหน่ง ประสานประโยชน์ เจรจาต่อรองได้ลงตัว พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 58.9 พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 41.1
มีเพียงด้านเดียวที่พรรคประชาธิปัตย์เหนือกว่าพรรคเพื่อไทยคือ เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ร้อยละ 51.6 ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้ร้อยละ 48.4 แต่ตัวเลขนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญ เพราะไม่ได้ห่างกันมากนัก


ประเด็นคำถามว่าหากวันนี้เป็นวันเลือกตั้งจะลงคะแนน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อให้พรรคการเมืองใด พบว่าคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนที่ได้ร้อยละ 39.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 34.1 ขณะที่พรรคเพื่อไทยอยู่ในระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลงมาก คือจากร้อยละ 36.2 มาอยู่ที่ร้อยละ 36.4 หากเลือกตั้งกันวันนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์


ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าที่คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ลดลงเป็นเพราะประชาชนเกิดความสงสัยในจุดแข็งเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต หลังจากอนุมัติงบประมาณในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้าบแบบไม่โปร่งใสจำนวนมาก เมื่อเสียงสนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์ตกลงพรรคเพื่อไทยจึงกลายเป็นพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลสูงกว่า



*******************************
http://redusala.blogspot.com

นักวิชาการชี้ข้อหาหมิ่นกษัตริย์ไทยบังคับใช้โดยไม่กลั่นกรอง

นักวิชาการชี้ข้อหาหมิ่นกษัตริย์ไทย
บังคับใช้โดยไม่กลั่นกรอง

         นักวิชาการอิสระชาวอเมริกันชำแหละความแตกต่างการใช้ ม.112 ของประเทศไทยกับประเทศอื่นที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ชี้ต่างประเทศ เช่น นอร์เวย์ การใช้กฎหมายหมิ่นฯ ต้องเป็นการใช้โดยการยินยอมของพระมหากษัตริย์เท่านั้น ซึ่งถือเป็นการกลั่นกรองชนิดหนึ่ง เพราะ การจะดำเนินคดีต้องมาจากความยินยอมของพระมหากษัตริย์เอง แต่ของไทยมีการใช้กฎหมายนี้โดยไม่ผ่านการกลั่นกรองอะไร แถมยังถูกใช้เป็นอาวุธทางการเมืองเพื่อกำจัดศัตรูของผู้มีอำนาจรัฐ จับตาการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นแนวโน้มการใช้ ม.112 กลั่นแกล้งทางการเมืองจะมีสูงขึ้น

2011-05-09
http://redusala.blogspot.com

‘ชัย’ปูดผู้มีอำนาจห้ามพูดเรื่องมี‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ส.ว.-ส.ส.นั่งทำงานต่อ
        เรื่องจากปก
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
         ปีที่ 12 ฉบับที่ 3049 ประจำวัน จันทร์ ที่ 9 พฤษภาคม 2011


‘ชัย’ปูดผู้มีอำนาจห้ามพูด
เรื่องมี‘บิ๊กเซอร์ไพรส์’ส.ว.-ส.ส.นั่งทำงานต่อ
http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=10593
         ประธานรัฐสภาแย้ม ส.ส. และ ส.ว. ได้นั่งทำงานต่อ เพราะยังมีกฎหมายอีก 155 ฉบับรอการพิจารณา ปูดผู้มีอำนาจสั่งเย็บปากห้ามพูดเรื่อง “บิ๊กเซอร์ไพรส์” อ่อยเพื่อไทยร่วมตั้งรัฐบาลกับภูมิใจไทยได้ เพราะแตกมาจากพลังประชาชนด้วยกัน ตัดกันไม่ขาด “พร้อมพงศ์” จี้ กกต. ตั้งกรรมการคุมพิมพ์บัตรเลือกตั้ง หวั่นพิมพ์เกินเอาไปใช้ทุจริตเอื้อประโยชน์คู่แข่ง “ทักษิณ” ยืนยัน “บิ๊กจิ๋ว-ชิดชัย” ยังเป็นที่ปรึกษาให้เพื่อไทย ย้ำอีกกลับบ้านเดือน พ.ย. โฆษก “มาร์ค” เย้ยเพื่อไทยไม่มีโอกาสชนะเลือกตั้ง เพราะในภาคอีสานจะถูกพรรคอื่นแชร์เก้าอี้ไปหลายที่นั่ง “ปุระชัย” ผุดนโยบาย 5 ส. นำพรรครักษ์สันติสู้ศึกเลือกตั้ง ยันไม่ได้เป็นนอมินีให้ใคร
2011-05-09
http://redusala.blogspot.com

สาวไส้(...)ยังไม่กิน!

     
       รายงาน(วันสุข)
         จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ วันสุข
         ปีที่ 6 ฉบับที่ 309 ประจำวัน จันทร์ ที่ 9 พฤษภาคม 2011
         โดย สนานจิตต์ บางสพาน
         ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ยามชังน้ำตาลก็ว่าขม อ๊ะ...ไอ้ประโยคหลังนี่มีหรือเปล่า หรือ สนจ. คิดขึ้นมาเอง...ฮา

เราได้ยินกันบ่อยๆกับประโยคที่ว่า “การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร” หรือ “การเมือง” ก็ต้องไปเพราะ “การเมือง”


ตอนนี้บรรดา “พธม.เหลือง” กำลังเจอสถานการณ์เดียวกัน ไล่ตั้งแต่การแตกคอกันระหว่าง “เจ๊ปอง” กับ “แป๊ะลิ้ม” “พี่ผอม” กับ “เจ๊ปอง” “เจิมศักดิ์ ณ ซัสเปนเดอร์” กับ “พธม.” หรือกับ “ปราโมทย์ นาครธรรม” “สันติอโศก” กับ “พธม.” ล่าสุดๆคือการลุกขึ้นมา “ด่าแม่ยก” บรรดาแกนนำและสมัครพรรคพวกบนเวที พธม. ท่ามกลางความอึดอัดหาวเหรอของ “พี่เปี๊ยก-พิภพ”…ฮา
ล่าสุด “ยะใส” อึกๆอักๆ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และอาจต้องลาออกจากเลขาฯพรรคการเมืองใหม่ตามมรรยาท ส่วน “สมศักดิ์” เปิดฉาก “ฉะ” คนกันเองแล้ว ดีนะที่ สนจ. ไปเปลี่ยนชื่อแล้ว เพราะมีคนบอกชื่อก็เหมือน หน้าตาก็เหมือน หน.พรรคการเมืองใหม่อีก


อย่างที่ สนจ. บอกกับ “พี่เปี๊ยก-พิภพ” ไปไงว่าจะเชื่อว่าแกนร่วม “นำ” กับพี่บางคนใน พธม. เปลี๋ยนไป๋ในทางที่ดีกว่าที่เขาเคยเป็นในอดีต แบบ “ดวงตาเห็นธรรม” ก็ขอให้พี่เชื่อไปคนเดียว สนจ. เคารพในความคิดเห็นของพี่ แต่ สนจ. ไม่เชื่อ


พอๆกับที่ สนจ. ไม่เชื่อและไม่เห็นด้วยกับการขอ “นายกฯตามมาตรา 7”
อย่างที่ สนจ. ยืนยัน นั่งยัน และนอนยัน ต่อให้ต้องเลือก “วรนุช” เข้าสภาทั้ง 500 วรนุชยังดีกว่ารัฐบาลแห่งชาติ รัฐบาลเฉพาะกาล รัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร หรือรัฐบาลมาตรา 7


การเมืองถึงจะห่วยแตก เต็มไปด้วยเอี้ยอ่า สารพัดสัตว์แค่ไหน เราจะต้องทนเห็นพี่ชวน บรรหาร ชวลิต อภิสิทธิ์ เสนาะ เทพเทือก บัญญัติ ผู้กองเหลิม ลุงชัย เนวิน สุวัจน์ สุดารัตน์ หรือนายกฯ กลัวเมียบางคนจนตายกันไปข้าง ไม่พวกเขาตายก่อนก็พวกเราตายก่อน หรือเราจะต้องทนเห็นไอ้พวกห่วยแตกเลอะเทอะแบบ ส.ส. เป่าผม ส.ส. เดินกุมเป้าตามนายกฯ วันๆไม่ทำอะไร อย่างพวกกระดาษปิดฝาผนัง ไอ้หัวล้าน ปากแสยะตาโปน หรือพวกถ่อยสถุล หยาบคาย พูดจาตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก ให้ของลับในสภา ยังดีกว่าความคิดที่จะให้ประเทศไทยได้รัฐบาลที่มาจาก “นอกระบบ” เลือกตั้ง ไม่ว่ามันจะเหาะมา ใส่พานมา มีคนยื่นมาให้ หรือมีคนทุบโต๊ะบอกกูจะเอา


เขียนกันตรงๆ ถ้าพวกนักการเมืองไม่เอี้ยเสียจนเปิดช่องให้ไอ้คนที่มันจะ “เอา” หาเหตุทุบโต๊ะได้ก็ปล่อยให้มัน “ลอง” เอาไปถือไว้ในมือดูสิว่าจะมีใคร “เปลืองตัว” มาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวถือ “ของร้อน” ไว้ในมือให้พวกมือตีนที่มองไม่เห็นเสวยสุขอยู่ฝ่ายเดียว


ชาติบ้านเมืองและประชาชนกับการบริหารจัดการ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ไม่ใช่ของง่ายๆหมูๆ ปอกกล้วยเข้าปากที่หมาแมวที่ไหนจะมาทำกันได้ง่ายๆ ฮะ ฮ่า ฮ้า...ดูรัฐบาลหน่อมแน้มหลัง 19 กันยาฯ 2549 ก็ได้ นอกจากไปไม่รอด ยังทิ้ง “ซาก” ความเละเทะและความล้มเหลวให้การเมืองยุคต่อมาเละจนวันนี้


พธม. กับขบวนการรักชาติจนคลั่งก็ไม่ได้แตกต่าง เมื่อย้อนกลับไปดูที่มาที่ไปและจุดกำเนิดตั้งแต่ต้นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเป้าหมายต่อต้านทุนนิยมสามานย์ที่ผ่านระบบคิดและการบริหารจัดการในแบบ “ทักษิณ” เพียงอย่างเดียว แต่มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนเชือกและปมกว่านั้นเยอะ ถึงที่สุดแล้วพอ “ผลประโยชน์” ส่วนตัวและส่วนรวมเริ่มขัดกันความบรรลัยก็เกิด สภาพที่ พธม. แฉโพยกันเองแทบจะไม่ต่างอะไรกับการ “ดึง” ขนมชั้นออกเป็นแผ่นบางๆทีละแผ่นจนแทบจะไม่เหลือแก่นแกนอะไร...ฮา นอกจากคำถ่มถุยไปวันๆ ขบวนการเสื้อแดงที่ผลักคนที่คิดต่างเป็นเหลือง เป็นสลิ่ม ขณะที่ปากก็ปาวๆว่าก้าวข้าม “ทักษิณ” เฉกเช่นเดียวกัน จะพูดทำไมให้ชวนอ้วก แถมพวกแดงถ่อยสถุลที่ชอบเอา “เรื่องส่วนตัว” มาโจมตี แทนที่จะสู้ด้วย “หลักการและเหตุผล” ก็น่ารังเกียจและน่าขยะแขยงพอกัน


พธม. พวกพ่อยกแม่ยกระดับปัญญาชนคนชั้นกลางของแท้ที่มาด้วยแนวความคิดต่อต้าน “ทุนนิยมสามานย์” ที่เติบโตผ่านระบบคิดแบบ “ทักษิณ” กับ “อดีตฝ่ายซ้ายเก่า” ทุกวันนี้เผ่นหนีไปตั้งหลักกันหมด ม็อบของ “มหาห้าขัน” กับสันติอโศก จากเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวและองค์กรที่ฉาบหน้าด้วยเรื่องปราสาทพระวิหารและอิสรภาพของ “วีระ-ราตรี” ที่กลายเป็น “ดินประสิว” จุดชนวนให้ พธม. กับพรรคการเมืองใหม่ “แตก” กันอย่างช่วยไม่ได้ ไม่นับอาการร้าวแบบเมล็ดข้าวโพดบนกระจกหน้ารถที่โดนสะกิดหินกระเด็นใส่กับกรณีที่เกิดขึ้นระหว่าง พธม. กับสันติอโศกและ “มหาห้าขัน”


นี่คือวัฒนธรรมการเมืองแบบไทยๆที่มาจากนิสัย สันดาน วัตรปฏิบัติของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นใครหรือพวกไหน นักการเมือง ทหาร อำมาตย์ ทุน ไพร่ ทุกอย่างมันไปตีบตันที่ภาวะ “ลูบหน้าปะจมูก” กันไปหมด หรือกลายเป็น “มึงน้องเมีย กูพี่เขย ไอ้นั่นลูกสะใภ้” แต่ดันเสือกกระจายอยู่คนละพวก เหมือน “พี่ตู่” เป็นญาติแท้ๆกับ “พระเถระชั้นผู้ใหญ่” ระดับเลขาฯประมุขศาสนา ไอ้ความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นญาติ “แยก” ได้ไหมกับความต่างระหว่างความเป็นเหลืองเป็นแดง ใครจะตอบได้?...ฮา


พอเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนพวกนี้เลยกลายเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน หรือไม่ก็คนเคยเป็น “ดอง” กัน ไอ้ที่จะรุนแรงระดับตัดหัวคั่วแห้งก็กลายเป็น...เฮ้ยงานนี้พี่ขอเบาๆหน่อย หรือไม่ก็ซูเอี๊ยะแตะมือกันไปหมด เสร็จแล้วคนที่โง่โดนหลอก โดนต้มตุ๋น หรือรู้ “ความจริงและข้อเท็จจริง” คือประชาชน ส่วน “พวกมัน” เป็นใคร โฮ้ย...เยอะแยะจนจารนัยไม่หมด ไม่ว่าจะนายทุน ขุนศึก 

อำมาตย์ ศักดิดาล้าหลัง หรือทุนนิยมสามานย์ ไม่เว้นแม้พระสงฆ์องค์เจ้า...ฮา
ตัวละครทั้งหมดของ พันธมิตรเสื้อเหลืองที่ไปคนละทางสองทาง วิวาทะทั้งคำพูดและข้อเขียน กลายเป็นเรื่องที่พวกอำมาตย์ พวกขุนศึก พวกทุนนิยมสามานย์นั่งมองด้วยความสะใจ ในมุมกลับก็ไม่รู้เหมือนกันว่านอกจากดูด้วยความสะใจแล้วมันให้ภาพสะท้อนในมุมกลับอะไรบ้างกับคนและขบวนการเหล่านั้น


แต่ที่แน่ๆสำหรับขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชน นี่คือ “กรณีศึกษา” ที่สำคัญที่ “ประชาชน” ควรติดตาม รับรู้ แยกแยะ วิเคราะห์กันอย่างจริงจัง ที่สำคัญต้องถือเป็น “บทเรียน” สำหรับการปรับปรุงขบวนการต่อสู้ของประชาชนอย่าให้เกิดกรณีอย่างที่เห็น แดงแตกกันเอง พธม. แตกกันเอง หรือนักการเมืองและพรรคการเมืองหักหลังกันเองแล้วกลับมาจูบปากกันเอง แบบคำโบราณที่ว่า “ถ่มน้ำลายรดหน้าตัวเอง” อาทิ “ป๋าเหนาะ” จะกลับไปจูบปาก “ทักษิณ” หรือ “พี่เน” หัก “บรรหาร” ไปอยู่กับ “ทักษิณ” แล้วก็หัก “ทักษิณ” มากอด “มาร์ค” เสร็จแล้วกลับไปกอด “พี่เสือเตี้ย”


แบบนี้ชาวบ้านร้านตลาด สุจริตชนหาเช้ากินค่ำอย่างเราเขา “ไม่ทำกัน” หรือทำไม่เป็น วิธีคิดและสันดานเอี้ยๆแบบนี้ปล่อยให้นักการเมืองทำกันไปครับ
จะต้องเลือกตั้งอีกสักร้อยครั้งเพื่อ “ร่อน” เอาพวก “เอี้ย” ออกจากสารบบก็ต้องทำ 



เวลาจะเป็นตัวกำหนดและให้คำตอบในที่สุด



ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 6 ฉบับ 309 
วันที่ 7 - 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 หน้า 48 คอลัมน์ สากกะเบือยันเรือรบ 
โดย สนานจิตต์ บางสพาน
2011-05-09

http://redusala.blogspot.com
สุชาติต้อนรับสมยศมิตรร่วมรบคนร่วมคุก เช้าตรู่
8 พ.ค.เหยื่ออยุติธรรม19พฤษภาสู่อิสรภาพอีกราย

อิฐก้อนแรกของเสื้อแดง-สุชาติ นาคบางไทร ผู้นำภาคประชาชนรุ่นบุกเบิกในนามกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ เมื่อครั้งนำพาการต่อต้านรัฐประหาร

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา คุณบีเลิฟ กระดานสนทนาIF
7 พฤษภาคม 2554

ข่าวเกี่ยวเนื่อง:

-สุชาติ นาคบางไทร เปิดใจลอดซี่กรงคุกคดีหมิ่น:ไม่ตั้งทนาย ไม่ประกัน ไม่ขออภัยโทษ ขอให้ทุกคนสู้ต่อ 

-สดุดีวีรประวัติ 4 ปีการลุกขึ้นสู้ของภาคพลเมือง สดุดีอิฐก้อนแรก สุชาติ ณ บางไซ 
**********


สุชาติในวันที่โดนจับ เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2553

สวัสดีค่ะ พี่ๆน้องๆและเพื่อนๆทุกท่าน

หนูไปเยี่ยมน้าชาติมาค่ะ 2 ครั้งเกือบติดกัน คือเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน และสดๆ วันนี้เองค่ะ

ความจริงหนู่น่ะ ไปเยี่ยมน้าชาติบ่อยๆนะคะ แต่ว่าไม่ได้เขียนรายงาน เนื่องจากมันก็ไม่มีอะไรใหม่ มีแต่เรื่องหดหู่เดิมๆ คนอ่านก็อาจจะรู้สึกหดหู่ตาม

และคนเขียนเล่าเอง....กลับหดหู่ยิ่งกว่า

เนื่องจากไปพบไปเห็น แล้วยังต้องมาเขียนเล่าซ้ำ จึงทำให้ไม่ค่อยมีกำลังใจที่จะเขียนมาเล่าให้ทุกคนทราบ ก็ขออภัยกับทุกท่านที่คอยติดตามข่าว ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

แต่การเยี่ยม 2 ครั้งหลังนี้ กลับมีนัยยะสำคัญ ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง (ในทรรศนะส่วนตัวของหนูเองนะคะ)โดยเฉพาะการไปเยี่ยมในวันศุกร์ที่ 29 เมษายน มันทำให้หนูกลับมานอนน้ำตาไหลเกือบทั้งคืน แม้ขณะที่กำลังเขียนเมลนี้อยู่ หนูพยายามภาคภูมิใจ แต่ทำไมมันถึงรู้สึกเศร้า จนน้ำตาไหลไม่หยุดเลยก็ไม่รู้

เล่าเลยละกันนะคะ วันศุกร์ที่ 29 เมษายน ก็ปรกติของหนูแหละค่ะ เฝ้ารอคอยวันที่จะได้มีรายการไปทำธุระข้างนอก แล้วก็แอบ แว่บ ไปที่เรือนจำทุกครั้งที่มีโอกาส โดยพยายามเลือกเอาเวลาส่วนตัวที่ต้องพัก ไปทำสิ่งที่เราคิดว่ามีประโยชน์มากกว่า(ปลอบใจตัวเอง จะได้ไม่รู้สึกผิดมาก)นั่นคือการไปเยี่ยมน้าชาติและการ์ดเสื้อแดง

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน หนูไปถึงเกือบๆ 11 โมง เจอคนเสื้อแดงเยอะแยะเลย พวกเค้าไปเยี่ยมพี่สมยศกะอาจารย์สุรชัยกันค่ะ ก็ทักทายกันตามปรกติ ตะโกนเรียกกันโขมงโฉงเฉง หนูได้แต่ยกมือไหว้ไปรอบๆ และขอตัวไปยื่นเอกสารขอเยี่ยมก่อน (เพราะต้องรีบกลับไปทำธุระ เนื่องจากตรงรี่มาที่นี่ก่อน หุหุ)

หนูได้เวลาเยี่ยมน้าชาติ รอบที่10 ห้อง7 เวลา12:30น. และเยี่ยมแนนซี่ต่อเลย รอบที่11 ห้อง7 เวลา13:00น.
(เนื่องจากหนูไปคนเดียว จึงต้องเรียกตัวออกมาเยี่ยมทีละคน คุยพร้อมกันทีเดียว2คนไม่ไหวค่ะ)

หลายคนคิดว่าหนูไปเยี่ยมพี่สมยศกะอาจารย์สุรชัย เพราะกำลังจะได้เวลาเยี่ยมพอดี คือ 11.10น. ซึ่งหนูก็บอกว่า "ใช่ค่ะๆ พอดีวันนี้มีโอกาสก็เลยได้มา" หากหนูจะบอกว่า "เปล่าค่ะ หนูมาเยี่ยมน้าชาติ" พวกเค้าอาจเสียใจ

เหมือนที่หนูเคยนึกเสียใจ ที่ไม่มีใครไปเยี่ยมน้าชาติเลย

พี่Pocket เคยพูดบ่อยๆว่า "เค้าว่าคนไทยลืมง่าย" มันน่าเสียใจจริงๆ หนูยังบอกเค้าไปว่า "ไม่หรอกค่ะ หนูไม่เคยลืมใครเลย" (หรือว่าหนูจะไม่ใช่คนไทย)

หนูได้เข้าไปเยี่ยมอาจารย์สุรชัยกะพี่สมยศ ซึ่งทั้ง2คนออกมาพร้อมกัน ห้องเดียว เวลาเดียวกัน เป็นแบบนี้ทุกวัน เหมือนตอนที่แกนนำ นปช.ติดคุกค่ะ

หนูยกมือไหว้ทักทายอาจารย์สุรชัย ซึ่งท่านก็รับไหว้และบอกว่าขอบใจ


ส่วนพี่สมยศบอกว่า "ขอบคุณมากบีเลิฟ ขอบคุณมากๆ น้าชาติดูแลผมอย่างดีมากๆเลย"

หนูก็ไม่ได้พูดอะไรหรอกค่ะ แค่ยิ้ม แล้วก็ชู2นิ้ว ให้ สู้สู้ เหมือนเดิม แล้วหนูก็เดินออกมา เพื่อให้คนอื่นได้เข้าไปใกล้ๆบ้าง
เพราะคนเยอะมาก เบียดเสียดกันแน่นห้องเยี่ยมเลยค่ะ

หนูออกมานั่งเขียนจดหมายข้างนอก(ถึงน้าชาติและ *แนนซี่ / ทั้งเยี่ยม ทั้งเขียนจดหมาย หุหุ) เพื่อรอเวลาเยี่ยมน้าชาติกะแนนซี่ตอนเที่ยงครึ่งและบ่ายโมงตามลำดับ พี่น้องเสื้อแดงที่เยี่ยมแกนนำทั้ง2เสร็จแล้ว ต่างก็ร่ำลาแยกย้ายกันกลับ เหลือหนูอยู่กะป้าจุ๋มและโอเล่ ซึ่งทั้งสองคนขอเยี่ยมน้าชาติด้วย ไหนๆก็มาเจอกันแล้ว

พอได้เวลาพวกเรา3คนก็เข้าไปเยี่ยมน้าชาติค่ะ พวกเราเปลี่ยนกันคุยทีละคนผ่านโทรศัพท์ ท่าทางน้าชาติดีใจมาก ที่เห็นพวกเรา3คน

แต่หนูดูว่าน้าชาติผอม ซูบเซียวไปมากเลยค่ะ คาดคั้นถามแล้ว ก็บอกว่าสบายดี ไม่ต้องห่วง แค่6เดือนที่ติดคุก น้ำหนักลดลงไปกว่า10กิโล

(อืออออออ เห็นกับตาหยั่งงี้ จะไม่ให้ห่วงได้ไงล่ะคะ)

แต่ก็นั่นแหละค่ะ รู้ทั้งรู้ ว่าเป็นยังไง แต่หนูก็ช่วยอะไรไม่ได้เลยอยู่ดี หนูรู้สึกเศร้าจังค่ะ เสียใจมากมายด้วยนะ ที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย

หนูถามว่า น้าชาติอยากได้อะไรมั้ย จะให้ซื้ออะไรให้รึเปล่า น้าชาติก็ถามกลับมาว่า แล้วมีตังค์เหรอ มาเยี่ยมบ่อยๆ มีญาติติดคุกเยอะแยะ

(น้าชาติรู้ว่า พอหนูเยี่ยมน้าชาติเสร็จ ก็จะเยี่ยมการ์ดเสื้อแดง และแน่นอนว่า ต้องซื้อของให้การ์ดเสื้อแดง ทุกครั้ง)

หนูบอกว่า แค่ซื้อของให้น้าชาตินิดหน่อย มีอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ น้าชาติก็เลยเล่าให้ฟังว่า.................



เช้าวันที่พี่สมยศ พฤกษาเกษมสุข จะมาติดคุก น้าชาติก็มาทำงานตามหน้าที่ปรกติ เปิดทีวีให้นักโทษในเรือนจำ ดูข่าวสรยุทธ์ช่อง3 เห็นข่าวว่า พี่สมยศถูกจับ ที่ชายแดนเขมร วันนี้จะนำตัวส่งขึ้นศาล แล้วนำไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ( อ่านข่าว:จับสมยศยัดข้อหาหมิ่นฯสกัดล่า1หมื่นชื่อเลิก112 )

พอน้าชาติรู้ล่วงหน้าดังนั้น จึงตระเตรียมการต่างๆไว้รอคอยพี่สมยศ พวกของใช้ส่วนตัวเบื้องต้น ที่นักโทษทุกคน จำเป็นต้องใช้จริงๆ(ซึ่งคนที่เข้าคุกวันแรก จะไม่มีใช้แน่นอน) เช่น รองเท้าแตะ ขันน้ำ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ
น้าชาติพบว่า มีล็อกเกอร์ว่างอยู่อันนึง(ซึ่งนับว่าโชคดีมากมาย) ทำยังไงถึงจะจองเพื่อเก็บไว้ให้พี่สมยศได้(ซึ่งน้าชาติก็ไปจัดการจนได้ค่ะ)

โชคดี(ไม่รู้ว่าโชคของใคร ของน้าชาติ หรือของพี่สมยศ ตัดสินกันเอาเองค่ะ)ที่วันนั้น น้องโอ๋ โผล่ไปเยี่ยมน้าชาติพอดี
น้าชาติจึงถามน้องโอ๋ว่า วันนี้พอมีเงินมั้ย(ตัวเองคงไม่มี) จะขอให้ ซื้อของใช้ให้พี่สมยศ ได้หรือเปล่า(ปรกติไม่ขอร้องใคร)น้องโอ๋ก็บอกว่า ได้เลย จะให้ซื้ออะไรบ้าง สิ่งที่น้องโอ๋ซื้อ มีดังนี้ค่ะ
"แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ขันน้ำ กุญแจล็อกเกอร์ เสื้อกล้าม ผ้าขนหนูค่ะ ส่วนขนมเข้าใจว่าน้าชาติคงแบ่งๆให้ และเห็นน้าชาติจะแบ่งกางเกงให้ด้วย" (ก๊อปมาจากต้นฉบับเมล์ของน้องโอ๋ค่ะ)

เมื่อน้าชาติเตรียมของดังกล่าวเสร็จ ก็รอคอยเวลาที่พี่สมยศจะถูกนำตัวมาส่งที่เรือนจำ พอตอนบ่าย พี่สมยศก็มาถึงค่ะ

น้าชาติ ซึ่งทำงานอยู่ด้านหน้า ได้เจอกับพี่สมยศเป็นคนแรก น้าชาติได้เข้าไปสวมกอดพี่สมยศ เพื่อเป็นการ ให้การต้อนรับที่อบอุ่น พร้อมทั้งกำลังใจ ให้พี่สมยศรู้สึกว่า ที่นี่มีเพื่อน มีพี่ มีน้อง ครอบครัวเดียวกัน ไม่ให้รู้สึกเศร้า เหงา หดหู่ ว้าเหว่ และอนาถา (เหมือนวันแรกที่น้าชาติเข้ามา)

น้าชาติอยากให้มีการกระทำแบบนี้ต่อไป ทำให้เป็นธรรมเนียม ว่าเราเป็นประชาชนธรรมดา จะต้องช่วยเหลือประชาชนด้วยกันแบบนี้เสมอ ไม่ว่าใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ หากมีโอกาสทำได้ จะต้องทำให้ดีที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้ เรื่องแบบนี้ มีแต่ประชาชนอย่างเราเท่านั้นที่คิดทำ นักการเมืองเค้าไม่ทำกัน

น้าชาติบอกว่า จำวันแรกที่มาอยู่คุกได้ดี ว่าเป็นวันที่ตัวเอง อนาถา สุดๆ ไม่มีข้าวของเครื่องใช้ใดๆทั้งสิ้น จึงไม่ได้อาบน้ำ ไม่ได้แปรงฟัน และไม่ได้กินข้าว ยังไม่นับว่าจะนอนยังไง ไม่มีที่นอน หมอน ผ้าห่ม ฯลฯ (ทั้งๆที่ในขณะนั้น.............(หนูนึกเอง น้าชาติไม่ได้พูดค่ะ)

แต่วันนี้...วันที่พี่สมยศจะมา.....ซึ่งน้าชาติอยู่ที่นี่ และน้าชาติรู้ล่วงหน้าแล้วว่า พี่สมยศกำลังจะมา จึงได้ตระเตรียมของทุกอย่างที่จำเป็นไว้ให้พี่สมยศล่วงหน้า เท่าที่ตัวเอง(ซึ่งก็เป็นนักโทษอนาถา)จะสามารถทำได้

มิน่าล่ะ ตะกี้พี่สมยศจึงบอกว่า ขอบคุณมาก น้าชาติดูแลผมอย่างดีมากๆ

หนูนั่งฟังน้าชาติเล่ามาทั้งหมดด้วยใจหดหู่ น้ำตาพาลจะร่วงตั้งแต่ตอนนั้น แต่ก็อดทน นั่งฟังอย่างเดียว พยายามยิ้มตลอด ไม่พูดอะไรเลย

น้าชาติดีใจและภูมิใจมากนะคะ ที่ได้ทำแบบนั้น หนูก็ภูมิใจค่ะ ที่น้าชาติเป็นคนแบบนี้ เป็นคนดี กล้าหาญ เสียสละ และคิดถึงคนอื่นตลอดเวลา

ตัวเองเป็นนักโทษ กินข้าวคุก ไม่ผูกอาหารปิ่นโตเพื่อประหยัดเงิน พอกินข้าวไม่ค่อยได้ ยังต้องทุกข์ใจในเรื่องอื่นๆ ก็ผอมลงทุกวัน ทุกวัน แต่กลับมีแก่ใจ คอยสั่งซื้ออาหารให้พี่สมยศในช่วงวันแรกๆ(หวังดี ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ค่อยมีตังค์)เพราะรู้ว่า ยังไงๆพี่สมยศก็คงกินอาหารคุกไม่ได้แน่ๆ (แต่ตัวเองกินได้เพราะอยู่ตัวแล้ว ว่างั้น / อือ...แล้วทำไมผอมลงทุกวันๆ)

หนูมาคิดทบทวนถึงเรื่องราวต่างๆที่พวกเราได้ต่อสู้กันมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่น้าชาติเคยคิด เคยพูด และเคยทำ หนูแปลกใจมากเลยนะ ทำไมคนดีๆอย่างน้าชาติถึงไม่รอดหูรอดตาจากคนชั่วร้าย แต่กลับรอดหูรอดตาจากคนดีของหนูไปได้
น่าเสียดายเหลือเกินค่ะ

น้าชาติพูดเสมอว่า ตั้งแต่วันที่มาอยู่คุก ไม่เคยได้รับการช่วยเหลือใดๆจากใครเลย คนที่คอยช่วยเหลือน้าชาติ มีแต่กลุ่มเพื่อนๆไม่กี่คน และครอบครัวเท่านั้น

บีเลิฟ

ปล. เยี่ยมน้าชาติเสร็จก็เยี่ยมแนนซี่ค่ะ แล้วก็ซื้อของกินของใช้ที่จำเป็นให้ทั้งคู่เหมือนเดิม แนนซี่อาจจะพ้นโทษในวันที่ 21 พฤษภาคม 2554 นี้ค่ะ (รอการยืนยันให้แน่นอนอีกครั้ง)เค้าต้องภาคภูมิใจที่สุด เพราะทำเอง ติดคุกเอง และพ้นโทษเอง โดยที่ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากใครเลยในระยะเวลา3ปี นอกจากพวกเราที่คอยไปเยี่ยม ซื้อของกินของใช้ที่จำเป็นให้ ฝากเงินนิดหน่อยให้ใช้ และส่งจดหมายให้กำลังใจกันตลอดมา

ปล.2 *แนนซี่ คือ การ์ดสนามหลวงที่เคยอยู่เต้นท์เสธ.แดง เป็นผู้ชายที่ออกจะเป็นผู้หญิงค่ะ ที่เคยนั่งรถกระบะพร้อมป้านิดสนามหลวง ผ่านไปทาง มัฆวาน ที่มีอัณฑมิตรอยู่ และ รถติดไฟแดง ตรงแยกจปร. พวกอัณฑมิตร เข้ามาตีบนรถ โดยตีที่ ป้านิดก่อน แนนซี่ก็อยู่บนรถด้วย ก็มีการต่อสู้กัน แนนซี่แขนหักเข้า รพ.ตำรวจ ซึ่งตอนนั้น ก็เป็นข่าวดังในกลุ่มพวกเรา ตอนหลังโดนจับเรื่องอาวุธ ก็เลยสารภาพ โดนขัง 3 ปี ซึ่งตอนนี้ ก็จะครบเวลาแล้ว...

*******
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:ร่วมต้อนรับเพื่อนเสื้อแดงโดนยัดคุก 1 ปีจากเหตุการณ์ 19 พฤษภาฯพ้นโทษ



ขอเชิญพี่น้องเสื้อแดงไปร่วมกิจกรรมต้อนรับนักโทษการเมืองชื่อ สุทัศน์ แซ่คู ชาวเสื้อแดงในข้อหา พรบ.อาวุธปืนฯ ซึ่งจะถูกปล่อยตัวโดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เวลาไม่เกิน ๙ โมงเช้า แต่คิดว่าควรมาประมาณ 8 โมงเช้า (เกรงว่าทางเรือนจำจะเจ้าเล่ห์ปล่อยตัวออกมาแต่ไก่โห่ เหมือนคราววิษณุ กมลแมน)

ปล. สุทัศน์ โทษตามหมายศาลปล่อยวันที่ ๒๐ พ.ค. ๕๔ แต่ได้รับโทษปล่อยวันที่ ๘ พ.ค.๕๔(ยืนยันจากเจ้าหน้าที่แล้ว)

ด้านล่างเป็นแถลงการณ์ที่กำ้ลังล่ารายชื่อสนับสนุน



แถลงการณ์


เรามารวมตัวกันในวันนี้เพื่อยินดีกับอิสรภาพเพื่อนของเรา สุทัศน์ แซ่คู หลังจากถูกจองจำในคุกเป็นเวลานานเกือบ ๑ปีเต็ม ด้วยความผิดที่เขาไม่ได้กระทำขึ้น แต่ ศาลพิพากษาลงโทษเพื่อนของเรา โดยอาศัยเพียงแค่คำรับสารภาพของเขาเท่านั้น โดยไม่ได้มีการพิเคราะห์ถึงสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในห้วงเวลานั้น


สุทัศน์ แซ่คู ถูกจับเมื่อเช้าตรู่ของวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ด้วยการยัดข้อหาจากเจ้าหน้าที่รัฐว่า มีลูกระเบิดปิงปองไว้ในความครอบครองจำนวน ๑ ลูก ขณะเขาพยายามเดินทางกลับบ้านหลังจากที่เขาซ่อนตัวอยู่ในชุมชนบ่อนไก่
ในคืนวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ คืนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและคับแค้นของพวกเรา ในขณะที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกระหยิ่มยิ้มย่องกับชัยชนะของมัน


กรณีของสุทัศน์ แซ่คู เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชี้ชัดให้เห็นถึง ระบบ ๒ มาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมและการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับกรณีของการ์ดพันธมิตรที่ถูกจับได้เมื่อประมาณวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ย่านบริเวณที่ชุมนุมของพวกเขาพร้อมกับลูกระเบิดปิงปองจำนวน๖๓ลูกแต่เจ้าหน้าที่รัฐกลับปล่อยตัวพวกเขาไปโดยไม่ดำเนินคดีใดๆทั้งสิ้น ให้เหตุผลว่าเป็นเพียงประทัดยักษ์ ไม่ใช่ระเบิด หรือในกรณีปี ๒๕๕๑ ที่ผู้ชุมนุมพันธมิตรขับรถพุ่งเข้าชนเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเข้าทำการสลายการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล แต่ศาลกับพิพากษา รอลงอาญาชนิดที่ค้านสายตาผู้รักความเป็นธรรม


เราชาวเสื้อแดงถูกปฎิบัติจากอำนาจรัฐโดยไม่เป็นธรรมในหลายๆกรณีทั้งจากการซุ่มยิงพวกเราตายถึง ๙๒ ศพโดยรัฐไม่พยายามสอบสวนการตายและกล่าวหาว่าพวกเราฆ่ากันเอง จับกุมเพื่อนของเราด้วยข้อหาต่างๆนาๆเช่น เผาเซ็นทรัลเวิลด์ เผาศาลากลาง ฝ่าฝืนพรก. ปล้นทรัพย์ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพและข้อหาอื่นๆอีกมากมาย โดยไม่ให้สิทธิเพื่อนของเราในการประกันตัว


ในวันนี้มีผู้ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและความถูกต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำทั่วประเทศมากกว่า ๑๐๐ คน และยังไม่รวมกับเพื่อนของพวกเราที่หลบหนีจากการถูกคุกคามจากอำนาจรัฐเถื่อนอีกมากมาย


เราขอเรียกร้องให้ชนชั้นอำมาตย์ตระหนักถึงการกระทำของตนเอง สิ่งที่ชนชั้นอำมาตย์ทำนี้จะส่งผลเสียระยะยาวในการพัฒนาประชาธิปไตยและทำให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป


เราขอเรียกร้องชนชั้นอำมาตย์ดังนี้


๑.ปล่อยนักโทษการเมืองเสื้อแดงที่ถูกคุมขังทั่วประเทศ
๒. ยกเลิกข้อกล่าวหานักโทษการเมืองเสื้อแดงที่ถูกดำเนินคดีโดยทันที




๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔
กลุ่ม เอื้ออาทร มีนบุรี
กลุ่มแดง นครปฐม
http://redusala.blogspot.com