หลี่ ซิน ถ่ายภาพที่สถานีรถไฟหัวลำโพงก่อนขาดการติดต่อมาตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค. 2559 ขณะเดินทางโดยรถไฟมุ่งหน้าไป จ.หนองคาย เพื่อข้ามไปยังประเทศลาว (ที่มาของภาพ: Qiao Long/The Guardian)
1 ม.ค.2559 สำนักงานเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งอยู่ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ออกปฏิบัติการด่วนเรียกร้ องสมาชิกทั่วโลกส่งจดหมายถึงรั ฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่ างประเทศของไทยและจีน เรียกร้องทางการทั้งสองประเทศให้สื บหานายหลี่ซิน (Li Xin) ผู้สื่อข่าวชาวจีนที่หายตั วไประหว่างการเดิ นทางจากประเทศไทยไปลาว หากเขาถูกทางการควบคุมตัวเรี ยกร้องให้ทางการปล่อยตัวเขาทั นทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข เว้นแต่มีการดำเนินคดีกั บเขาตามข้อหาทางอาญาซึ่งเป็นที่ ยอมรับในระดับสากล โดยเรียกร้องเปิดเผยข้อมูลเหล่ านี้ให้ครอบครัว ทนายความ และสาธารณชนทราบทันที ซึ่งการรณรงค์ดังกล่าวจะมีไปถึง 10 มีนาคม 2559
ปฏิบัติการด่วน: ผู้สื่อข่าวจีนหายตั วไปในประเทศไทย
นับแต่วันที่ 11 มกราคม ไม่มีผู้พบเห็นหรือได้ยินข่ าวเกี่ยวกับหลี่ซิน (Li Xin) ผู้สื่อข่าวจีน ระหว่างเดินทางด้ วยรถไฟจากประเทศไทยไปลาว เขามีแผนการขอสถานะผู้ลี้ภั ยในไทย แต่มีความกังวลว่าเขาอาจถูกบั งคับส่งกลับไปจีน และเสี่ยงจะถูกควบคุมตัว ถูกทรมานและปฏิบัติอย่างโหดร้าย
หลี่ซิน (Li Xin) เป็นผู้สื่อข่าว อดีตผู้เขียนบทบรรณาธิการให้กั บเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ Southern Metropolis Dailyหนังสือพิมพ์จีนซึ่งเป็นที่นิ ยมมาก เขาได้ส่งข้อความทางโทรศัพท์มื อถือไปให้กับภรรยาของตนเมื่อวั นที่ 11 มกราคม ระบุว่าอยู่ระหว่างเดินทางไปที่ พรมแดนประเทศไทยและลาว หลังจากนั้นไม่มีผู้ได้ทราบข่ าวจากเขาอีกเลย จากข้อมูลของภรรยาเขา เขามีแผนจะขอสถานะผู้ลี้ภั ยในไทย และต้องการสิทธิพำนักอาศั ยในประเทศอื่น ซึ่งเป็นเหตุให้เขาต้องเดิ นทางออกจากประเทศไทยและกลับเข้ ามาใหม่ เพื่อขอวีซ่าใหม่อีกครั้ง
หลี่ซินหลบหนี จากประเทศจีนเมื่อเดือนตุลาคม 2558 โดยไปที่อินเดียก่อน เมื่อถูกปฏิเสธสิทธิการลี้ภัย เขาจึงเดินทางมาที่ไทย ระหว่างอยู่ในอินเดีย เขาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ในเดือนมิถุนายน 2556 เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรั ฐบาลจีนกดดันเขาอย่างหนักให้เป็ นสายข่าวให้กับทางการ เพื่อสืบหาข้อมูลจากเพื่อนร่ วมงานและเพื่อนคนอื่น ๆ มีการขู่จะจับเขาขังคุกถ้าไม่ ยอมทำตาม หลังจากให้ความร่วมมือระยะหนึ่ง หลี่ซินปฏิเสธจะทำงานให้ ทางการจีนต่อไป เขาเชื่อว่าการปฏิเสธเช่นนั้ นทำให้ตัวเขาและครอบครัวต้องเสี ่ยงภัย เขาจึงตัดสินใจหนี ออกจากประเทศจีน โดยที่ภรรยาของเขายังคงอยู่ในจี นต้องคอยดูแลลูกชายอายุ สองขวบและอยู่ระหว่างตั้งครรภ์
มีความกังวลอย่ างยิ่งต่อกรณีของหลี่ซิน เนื่องจากเมื่อเร็ว ๆ นี้ หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ได้ส่งกลับบุคคลที่เห็นต่ างจากรัฐบาลและสมาชิกของชนชาติ พันธุ์กลุ่มน้อยซึ่งหลบหนี ออกมาจากประเทศจีน
แอมเนสตี้ฯ จึงเชิญชวนให้เขียนส่งจดหมายถึ งทางการไทยโดยมีข้อเรียกร้องดั งนี้
กระตุ้นทางการจีนและไทยให้ดำเนิ นการทุกประการที่เป็นไปได้ เพื่อสืบหาที่อยู่และพิสูจน์ สถานภาพด้านกฎหมายของหลี่ซิน และให้เปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ให้ ครอบครัว ทนายความ และสาธารณชนทราบโดยทันที
กรณีที่เขาถูกทางการควบคุมตัว เรียกร้องให้ทางการปล่อยตั วเขาทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข เว้นแต่มีการดำเนินคดีกั บเขาตามข้อหาทางอาญาซึ่งเป็นที่ ยอมรับในระดับสากล
กรณีที่เขาถูกทางการควบคุมตัว เรียกร้องทางการให้การประกันว่ าเขาจะสามารถติดต่อกับครอบครั วและทนายความได้อย่างสม่ ำเสมอและไม่มีการปิดกั้น
ข้อมูลเพิ่มเติม โดย แอมเนสตี้ฯ :
มีแนวโน้มว่าประเทศในเอเชียตะวั
หลายประเทศได้บังคับส่งกลับบุ
นอกจากนั้น บุคคลอื่น ๆ ซึ่งเคยแสดงท่าทีวิพากษ์วิจารณ์
|