วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ฉายหนัง V for Vendetta ถกเรื่องหน้ากากในสังคมไทย

นักกิจกรรมอุบลฉายหนัง V for Vendetta ถกเรื่องหน้ากากในสังคมไทย
           นักกิจกรรมอุบลจัดงาน "Cinema ข้างฝาบ้าน" ฉายภาพยนตร์ " V for Vendetta เพชฌฆาตหน้ากากพญายม"  แลกเปลี่ยนมุมมอง-สร้างบรรยากาศการสนทนาอย่างมีเหตุผล
          เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 56 ที่ผ่านมา กลุ่มแว่นขยาย ร่วมกับ เครือข่ายนักศึกษา และนักพัฒนาภาคประชาสังคม จัดงาน "Cinema ข้างฝาบ้าน" ฉายภาพยนตร์แลกเปลี่ยนมุมมอง และเป็นการสร้างบรรยากาศการสนทนาอย่างมีเหตุผลขึ้น โดยได้ฉายภาพยนตร์ที่ฉายเรื่อง "V for Vendetta เพชฌฆาตหน้ากากพญายม" ณ ฟรีดอมโซน อุบลราชธานี
           กิจกรรมเริ่มต้นจากตัวแทนกลุ่มแว่นขยายกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรม และกล่าวถึงที่มาของภาพยนตร์พร้อมทั้งบรรยายถึงความสำคัญของการจัดฉาย ภาพยนตร์ และกล่าวถึงสถานการณ์การใช้หน้ากากเพื่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองในสังคมไทย ปัจจุบัน
           หลังจากกิจกรรมฉายหนังเสร็จสิ้นผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้แลกเปลี่ยนมุมมอง ที่สะท้อนจากภาพยนตร์ที่หลากหลาย และเป็นที่น่าสนใจที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวมหน้ากากในระหว่างการสนทนา ซึ่งผู้เข้าร่วมทุกคนเข้าใจว่าในการสวมหน้ากากเพื่อการสนทนานี้มิได้มีความหมายว่าเข้าข้างฝ่ายการเมืองใด หรือมีทัศนคติในแง่ลบต่อสังคม แต่เป็นการสร้างบรรยากาศให้ผู้เข้าร่วมสนุกสนาน
          นางสาวสิรินทรา พุฒจันทร์ ผู้เข้าร่วมกล่าวถึงเนื้อหาในภาพยนตร์ที่สะท้อนสังคมไทย "หน้ากาก เป็นเรื่องราวที่สะท้อนสังคมที่ภาพยนตร์ต้องการสื่อให้เห็นถึงคนในสังคมที่ ทุกคนคือหน้ากากขาววีเป็นเพียงตัวแทนที่ภาพยนตร์ต้องการให้เป็นสัญลักษณ์เพื่อการอธิบาย ซึ่งการใส่หน้ากากในภาพยนตร์เป็นการขับเคลื่อนทางการเมืองอย่างหนึ่ง ที่คนในสังคมจะต้องต่อต้านกับจิตใต้สำนึกของตนเองภายใต้หน้ากากขาวนั้น หน้ากากขาวที่แทนกับคนที่มีอุดมการณ์เพื่อการเปลี่ยนแปลงการเมืองที่มิใช่ เพียงนักขับเคลื่อนรุ่นเก่า หากแต่หมายถึงนักพัฒนารุ่นใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมเอง"
         นายศรีรุ่งเรือง บุราไกร กล่าวถึง "หน้ากากเป็นการ ยกขึ้นมาเพื่อการต่อต้านอำนาจรัฐที่เกิดขึ้นจากพลเมือง ในภาพยนตร์ที่สื่อให้เห็นถึงการลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวของประชาชน รัฐจะไม่มีอำนาจในการต่อต้านประชาชน แต่บางครั้งประชาชนถูกทำให้ยอมแพ้จำนนกับอำนาจรัฐ และผู้นำจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจประชาชน เพราะหากผู้นำไม่สนใจประชาชนแล้วการต่อต้านก็จะตามมา" 
          นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมได้ถกประเด็นการขับเคลื่อนทางการเมืองเชิงสัญลักษณ์ ในสังคมที่ไทยที่มีการนำหน้ากากขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหว และผู้เข้าร่วมระดมความเห็นเพื่อเสนอการใช้หน้ากากในการเคลื่อนไหวทางการ เมือง ดังนี้
          1. อยากให้คนในสังคมไทยติดตามที่มาของหน้ากากว่ามีความเป็นมาอย่างไร เพื่อที่จะได้ทราบถึงวัตถุประสงค์ของการนำมาเป็นสัญลักษณ์ในการขับเคลื่อน
          2. การใช้สัญลักษณ์หน้ากากในการขับเคลื่อนเป็นผลดีที่จะทำให้เกิดความสนใจของคนในสังคมโดยในสังคมออนไลน์ ทำให้คนได้ติดตามในประเด็น
          3. สัญลักษณ์เป็นการก่อให้เกิดความรู้สึกร่วมในการขับเคลื่อนของคนที่มี อุดมการณ์เดียวกัน หลังจากการขับเคลื่อนนั้นแล้วอยากให้คนในสังคมเข้าใจกัน อย่าใช้สัญลักษณ์มาเป็นข้อจำกัดในสังคม
          4. ก่อนจะเชื่อในประเด็นประชาชนจะต้องศึกษาทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังการใช้ สัญลักษณ์ อันจะนำไปสู่การสร้างความเข้าใจในสังคมอย่างมีเหตุผล และสร้างบรรยากาศการมีส่วนร่วมตามวิถีประชาธิปไตย
          5. สื่อที่นำเสนอประเด็นที่มีการใช้สัญลักษณ์ทั้งหน้ากาก และสัญลักษณ์อื่นๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำเสนอข้อมูลอย่างเป็นกลาง และให้โอกาสผู้ชมได้พิจารณาตัดสินเองว่าสิ่งใดเหมาะสม
       ช่วงท้ายตัวแทนจากกลุ่มแว่นขยายได้กล่าวสรุป "สภาพสังคมที่มีความแตก ต่างหลากหลาย คนในสังคมต้องมีกระบวนการพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมอย่างมีเหตุผล ให้รับฟังความคิดของคนที่คิดต่างไม่ปิดโอกาสในการรับฟังและมองข้ามในสิ่งที่ คนคิดต่างได้นำเสนอออกมา และสื่อจะต้องให้ความสำคัญและเป็นกลางอันจะนำไปสู่การสร้างความเข้าใจให้กับ คนในสังคม"

1.69 ล้าน เทิดทูนฯ

เปิดตัว 'หน่วยรบไซเบอร์' โพสต์รัว ๆ 1.69 ล้านข้อความเทิดทูนฯ ภายใน 4 เดือน
         ฉก.ทหารพรานที่ 45 โพสต์คลิปสรุปผลงาน 'เทินทูนสถาบัน' ระบุสนองนโยบาย 'เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทบ.' ทำหน้าที่สอดส่อง-โพสต์ตอบโต้เว็บหมิ่น ระบุ 4 เดือนโพสต์แล้ว 1.69 ล้านข้อความ ปัญหาคือเมื่อโพสต์ไปนานๆ จะโพสต์ไม่ติด และถูกบล็อก พบหลายหน่วยงานกองทัพทำหน้าที่คล้ายกัน
ภาพจากเว็บไซต์ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 (ฉก.ทพ. 45) แสดงคลิป "สรุปผลการดำเนินงานเครือข่ายผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ทบ.ภ.๔ ประเภทเทิดทูนสถาบัน" โดยคลิปดังกล่าวซึ่งมีความยาวประมาณ 6 นาที ระบุว่าเป็นการบรรยายผลการปฏิบัติงาน "การแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค" ของหน่วยขึ้นตรง (นขต.) ของกรมทหารพรานที่ 45 (ทพ.45)

คลิป "สรุปผลการดำเนินงานเครือข่ายผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ทบ.ภ.๔ ประเภทเทิดทูนสถาบัน" ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 (ฉก.ทพ. 45)

            ภาพจากคลิป "สรุปผลการดำเนินงานเครือข่ายผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ทบ.ภ.๔ ประเภทเทิดทูนสถาบัน" ของหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 (ฉก.ทพ. 45) แสดงผลการดำเนินงาน "การแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค" โดยในคลิประบุด้วยว่าภายในระยะเวลา 4 เดือน ระหว่างมิถุนายน ถึง กันยายน 2555 สามารถโพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไปแล้ว 1.69 ล้านข้อความ

          ตัวอย่างการโพสต์ข้อความข้อนามแฝง "ฉก.ทพ.45" ในเดือนมกราคม 2556 ที่ผ่านมาในกระดานสนทนาBKK.in.th

        การโพสต์ข้อความในลักษณะคล้ายกัน โดยหน่วยงานกองทัพอื่นๆ เช่นกระดานข่าวของ "กรมทหารพรานที่ 48: ร่วมตอบโต้การหมิ่นสถาบัน" มีการตั้งกระทู้เพื่อโพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และตอบโต้การหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2555 จนถึงปัจจุบัน (7 มิ.ย. 56)

         การแบ่งหมวดหมู่ของเว็บบอร์ด http://webboard.sanook.com/ ในส่วนของหมวด "ชุมชนสนุก!" ซึ่งมีห้องย่อย "ร่วมเทิดไท้องค์ราชันย์" เป็นหนึ่งในห้องย่อย โดยปัจจุบัน (7 มิ.ย. 56) มีจำนวนกระทู้ทั้งสิ้น 3,492 กระทู้ มีข้อความทั้งสิ้น 279,860 ข้อความ เมื่อเปิดเข้าไปดูจะมีข้อความถวายพระพร พระราชดำรัส และพระบรมราโชวาท โดยผู้โพสต์หากไม่ใช้นามแฝง ก็จะใช้ชื่อย่อของหน่วยงานทางทหาร โดยห้องย่อยดังกล่าวมีข้อความมากรองจากห้องย่อย "สนุก!ซุบซิบ" ซึ่งมี 1,057,527 ความคิดเห็น และ "ผู้ใหญ่วัยทำงาน" ที่มีข้อความ 487,673 ข้อความ

         (7 มิ.ย. 56) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเว็บไซต์ของ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 (ฉก.ทพ. 45) ซึ่งขึ้นตรงกับกองทัพภาคที่ 4 มีที่ตั้งหน่วยอยู่ที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้มีการโพสต์วิดีโอคลิปหัวข้อ "สรุปผลการดำเนินงานเครือข่ายผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ทบ.ภ.๔ ประเภทเทิดทูนสถาบัน" ซึ่งเป็นคลิปที่อัพโหลดไว้ในเว็บไซต์ YouTube มีผู้ใช้นามว่า aekfocuslansaka ซึ่งโพสต์เอาไว้ตั้งแต่ตุลาคมปี 2555 ใต้คลิปเขียนคำบรรยายว่า "สรุปผลการดำเนินงานเครือข่ายผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ทบ.ภ.๔ ประเภทเทิดทูนสถาบันโดยกรมทหารพรานที่ ๔๕"
         โดยคลิปดังกล่าวซึ่งมีความยาวประมาณ 6 นาที เป็นการบรรยายผลการปฏิบัติงาน "การแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค" ของหน่วยขึ้นตรง (นขต.) ของกรมทหารพรานที่ 45 (ทพ.45) โดยมีเสียงบรรยายว่า
        "ด้วยปณิธานที่แน่วแน่ เพื่อจะเป็นข้าราชการที่ดีของพระองค์ท่าน จึงนำมาซึ่งการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค โดยการโพสต์ข้อความและตอบโต้ข้อความ รวมถึงเว็บไซต์ที่ดูหมิ่นสถาบัน ตามที่ ผบ.ทบ. ได้กรุณาอนุมัติให้จัดตั้งเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทบ. เพื่อส่งเสริมและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เฝ้าตรวจสอบเว็บไซต์และกระดานสนทนาที่มีเนื้อหาพาดพิง หมิ่นเหม่สถาบัน และเข้าแสดงการเทิดทูนสถาบัน ตลอดจนตอบโต้ และด้อยค่ากลุ่มต่อต้าน"
        ในคลิปดังกล่าวระบุโครงสร้างการดำเนินงานว่า มี พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 เป็นผู้มอบนโยบายและสั่งการ ขณะที่มีฝ่ายยุทธการของ ฉก.ทพ.45 เป็นผู้สนับสนุนในการจัดเตรียมข้อมูล กำหนดเป้าหมายยอดการโพสต์ กระตุ้นการปฏิบัติ ค้นหาเว็บไซต์เทิดทูนสถาบันและเว็บไซต์ที่หมิ่นเหม่ หรือพาดพิงสถาบัน
        ขณะที่ส่วนปฏิบัติการ ประกอบด้วยกองร้อยหน่วยขึ้นตรง (นขต.) ของกรมทหารพรานที่ 45 และกองร้อยทหารพรานหญิงในหน่วย โดยกำหนดให้ผู้ปฏิบัติการ "โพสต์ให้ได้ตามเป้าที่กำหนดหรือมากกว่า" และเมื่อมีอุปสรรคในการปฏิบัติงาน ให้แจ้งผู้บังคับบัญชาให้ทราบ
        ทั้งนี้ในคลิปดังกล่าวระบุว่าหน่วยได้เริ่มปฏิบัติงานมาตั้งแต่พฤษภาคม 2553 และในระหว่างเดือนมิถุนายน 2555 - กันยายน 2555 ได้โพสต์ข้อความรวมทั้งสิ้น 1,699,038 ข้อความ หรือวันละ 13,927 ข้อความต่อวัน ผู้บรรยายในคลิปยังอ้างด้วยว่าได้ทำให้กองทัพภาคที่ 4 เป็นกองทัพภาคที่โพสต์ข้อความแสดงความจงรักภักดีมากที่สุดเมื่อเทียบกับกองทัพภาคอื่นๆ
        ผู้บรรยายในคลิปกล่าวด้วยว่า ที่หน่วย ทพ.45 ประสบความสำเร็จเนื่องจากมี Unit School หรือการอบรมความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ให้กำลังพล มีการกำหนดเป้าหมายยอดการโพสต์ นอกจากนี้สนับสนุนข้อมูล จัดทำข้อความ จัดหาข้อความสำหรับโพสต์โดยฝ่ายอำนาจการ ที่สำคัญมีการมอบรางวัลให้กำลังพลที่ปฏิบัติงานดีเด่น โดยมีการพากำลังพลไปทัศนศึกษาที่ประเทศมาเลเซียด้วย
       ในท้ายคลิป มีการสรุปอุปสรรคที่เกิดขึ้นจาก "การปฏิบัติ" ซึ่งพบว่า "เว็บไซต์ที่เปิดให้มีการโพสต์ข้อความถวายพระพร เมื่อมีการโพสต์ข้อความในแต่ละวันของหลายๆ หน่วย พร้อมกัน เป็นจำนวนมาก เป็นระยะติดต่อกันไม่เกิน 1 เดือน จะพบปัญหา" โดยในคลิประบุไว้ 3 เรื่อง โดยบรรยายว่า"1. โพสต์ข้อความไม่เข้า หรือที่เรียกว่า Error 2. มีการปิดกั้นไม่ให้โพสต์ข้อความ หรือที่เรียกว่าถูกบล็อก 3. ข้อความเต็มความจุ ทำให้ผู้ให้บริการระงับการใช้ชั่วคราว หรือที่เรียกว่า เว็บแตก"
       ในคลิประบุวิธีแก้ปัญหาของหน่วยว่า จะใช้วิธีนำเว็บไซต์สำรอง หรือจัดหาเว็บไซต์ตามช่องทางต่างๆ ให้กับหน่วยขึ้นตรงไปโพสต์แทนเว็บเดิม และจัดทำเว็บไซต์สำหรับโพสต์ข้อความเองได้แก่ เว็บไซต์ของกองร้อยทหารพรานที่ 4503 และ 4513
          "ด้วยความจงรักภักดีที่แน่วแน่ของพวกเราชาวกองทัพภาคที่ 4 โดยกรมทหารพรานที่ 45 ขอเป็นส่วนหนึ่งของการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และสนองปณิธานของท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ว่า ผมจะนำพากองทัพภาคที่ 4 ให้ไปยืนอยู่ในแนวหน้าของกองทัพบกสืบไป" คำบรรยายท้ายคลิประบุ
        นอกจากคลิปบรรยายผลการปฏิบัติงานของ ฉก.ทพ.45 ดังกล่าวแล้ว ยังพบการโพสต์ข้อความในลักษณะใกล้เคียงกัน โดยใช้ชื่อผู้โพสต์เป็นชื่อหน่วยงานในกองทัพหน่วยอื่น เช่นกระดานข่าวในเว็บบอร์ด BKK1.in.th มีการตั้งกระทู้ "กรมทหารพรานที่ 48: ร่วมตอบโต้การหมิ่นสถาบัน"  เพื่อโพสต์ข้อความเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และตอบโต้การหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2555 และมีการโพสต์ข้อความทุกวัน จนถึงปัจจุบัน (7 มิ.ย. 56)
        นอกจากนี้ใน YouTube ยังมีคลิปที่โพสต์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชื่อคลิปว่า "สอนเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์" โดยผู้ใช้นามว่า Kampanart Somklar เนื้อหาเป็นการสอนกำลังพลให้โพสต์ภาพเทิดทูนสถาบันลงในโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่าง facebook พร้อม Tag ผู้ใช้ facebook ด้วย โดยหลังการโพสต์แล้ว ในคลิปตั้งแต่นาทีที่ 6 จะมีการสอนให้ทำการคัดลอก URL ข้อความ พร้อมพิมพ์ชื่อผู้โพสต์ และจำนวนที่ถูกแท็ก เพื่อรายงานส่ง "ศูนย์กรรมวิธีข้อมูล" โดยในคลิปดังกล่าวบรรยายว่าเพื่อเป็นการ "ส่งยอด" ไปยังจังหวัดทหารบก
         ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อสำรวจในเว็บไซต์ที่มีกระดานสนทนาสำหรับแสดงความคิดเห็นจะพบว่า เว็บไซต์หลายแห่งจะสร้างหมวดหมู่ย่อย เพื่อรวบรวมข้อความเทินทูนสถาบันที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน แยกออกมาจากหมวดหมู่อื่นๆ อย่างเช่น เว็บไซต์ Sanook.com ซึ่ง truehits.net ระบุว่ามีผู้เข้าชมวันละ 9.35 แสน IP นั้น ในเว็บบอร์ดหมวด "ชุมชนสนุก!" ได้สร้างห้องย่อย "ร่วมเทิดไท้องค์ราชันย์" แยกออกมาจากประเด็นสนทนาของห้องย่อยอื่นๆ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการโพสต์ข้อความในทำนองนี้โดยเฉพาะ
         โดยปัจจุบัน (7 มิ.ย. 56) ห้องย่อยดังกล่าว มีจำนวนกระทู้ทั้งสิ้น 3,492 กระทู้ มีข้อความทั้งสิ้น 279,860 ข้อความ เมื่อเปิดเข้าไปดูจะมีข้อความถวายพระพร พระราชดำรัส และพระบรมราโชวาท โดยผู้โพสต์หากไม่ใช้นามแฝง ก็จะใช้ชื่อย่อของหน่วยงานทางทหาร โดยห้องย่อยดังกล่าวมีจำนวนข้อความมากรองจากห้องย่อยอื่นๆ "สนุก!ซุบซิบ ซึ่งมี 1,057,527 ความคิดเห็น และ "ผู้ใหญ่วัยทำงาน" ที่มีข้อความ 487,673 ข้อความ

ประชาชนไม่พอใจ "รังสิมา" พูดตอแหลในสภา

ประชาชนไม่พอใจ "รังสิมา" พูดตอแหลในสภา



           จากการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ในช่วงเย็น วันที่ 30 พฤษภาคม นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า "ตอแหล"จากนั้น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร สั่งให้ถอนคำพูด เพราะ เป็นคำที่ไม่ควรพูดในสภาฯ ด้าน น.ส.รังสิมา แก้ตัวว่า ตอแหล เป็นคำด่าคนที่พูดเท็จ มักใช้กับผู้หญิงช่างพูด และแสดงกริยาน่ารัก ทั้งนี้ นายวิสุทธิ์ ยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ควรพูดในที่ประชุมสภา ขณะที่ น.ส.รังสิมา อภิปรายต่อไปว่า ฉะนั้น ตนไม่เห็นด้วยกับการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 โดยไม่ได้ถอนคำพูดตามคำสั่งนายวิสุทธิ์ 



           จากเหตการณ์ดังกล่าว ประชาชนจำนวนมากต่างแสดงความไม่พอใจ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ไม่ควรพูดคำหยาบคายในระหว่างการประชุมสภา รวมทั้งคำพูดดังกล่าว ยัง แสดงระดับสติปัญญาของผู้พูด รวมทั้งแสดงตัวตนที่แท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์