วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

รัฐชาติ(แบบไทยๆ) และขบวนการไอติมกู้ชาติ

 รัฐชาติ(แบบไทยๆ) และขบวนการไอติมกู้ชาติ
 

            “พ่อเอ้ย แม่เอ้ย ประเทศไทยเย็นๆมาแล้วจ้า” ประโยคนี้น่าจะเป็นคำโฆษณาของคนขายไอติมคนหนึ่งที่นำมา “เร่ขาย” ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเกือบเดือน ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามีรสชาติอะไรให้เลือกบ้าง แต่คงเดาได้ไม่ยากว่ามีกี่รส มีกี่สี มีกลิ่นอะไร แล้วที่สำคัญ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งรุมซื้อไอติมจากคนขายไอติม เอาไปกินกันด้วยนะครับ กินคนเดียวไม่พอยังป่าวประกาศให้คนอื่นๆไปหาซื้อมากินกันด้วย ประมาณว่า “รสชาติที่คุ้นเคย” ได้หวนกลับมาอีกรอบ มีไอติมที่หวานเย็น รสอร่อย แช่แข็งกันมาแล้ว

             อย่างที่เราเห็นข่าวกันในระยะนี
้ ขบวนการไอติม.. เอ้ย องค์กรพิทักษ์สยาม  มีความเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้ง การเชิญชวนให้ “ชาวไทย”[1] ออกมาร่วมชุมนุมทางการเมือง เพื่อขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง (ของนักการเมือง พรรคการเมือง นายทุนการเมืองสามานย์ทั้งหลายแหล่) ขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณ ขับไล่ตระกูลชินวัตรออกนอกประเทศ ต้องการล้มรัฐบาลที่กำลังคอรัปชั่น ไม่สนใจปากท้องประชาชน เอาแต่หาทางล้างผิดให้ทักษิณ โดยเชิดชูอุดมการณ์อันแสนภาคภูมิใจว่าต้องการปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่กำลังถูก “จาบจ้วงล่วงละเมิด อาฆาต มาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเป็นขบวนการ โดยนักการเมือง นักวิชาการ สื่อ และมวลชนแนวร่วมของรัฐบาล”[2] และมีการนำเสนอโมเดลทางออกของประเทศไทยอันแสนก้าวหน้าว่ามาร่วม “แช่แข็งประเทศไทย 5 ปี”[3] กันเถอะพี่น้องเอ้ยยย   

             ผมฟังแล้วก็หนาวจริงๆครับ บรื๋ออออ

             การขายไอติม..เอ้ย (^^”) การเสนอขายโมเดลทางวออกของประเท
ศไทยและการตอกย้ำอุดมการณ์ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ขององค์กรพิทักษ์สยามนั้นก็ยังวนๆเวียนๆอยู่ในตรรกะเหตุผลเดิมๆ มีรสชาติเดิมๆที่เคยกินกันมาเนิ่นนาน เพียงแต่ครั้งนี้เสธ.อ้ายแกประกาศชัดเจนว่ามันเย็นนะ เพราะแช่แข็งมาแล้วจ้า
จินตนาการว่าด้วย “ความเป็นชาติ-ความเป็นรัฐ” (Imagined Nation-State)

             ก็อย่างที่บอกไปแหละครับ คำว่า “ชาติ รักชาติ กู้ชาติ” หรืออะไรก็แล้วแต่ที่องค์กรพิทั
กษ์สยามนำมาอธิบายอะไรต่อมิอะไรให้วุ่นวาย เพื่อแสดงออกทางอุดมการณ์ให้คน อื่นเห็นว่า “พวกฉันรักชาตินะ” มันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย ที่สำคัญ การจินตนาการความเป็น รัฐ-ชาติ ของพวกเขาเหล่านั้นหมายถึง “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” มากกว่าเรื่องอื่นๆ และผมคิดว่าในจินตนาการของเขา อะไรก็ไม่สำคัญเท่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่กำลัง “ถูกจาบจ้วง ล่วงละเมิด” โดยนักการเมืองผู้ชั่วช้าเลวทราม โดยตระกูลนักการเมืองที่ชั่วร้าย โดยการเลือกตั้งที่แสนชั่วร้าย โดยพวกเสื้อแดงที่แสนชั่วร้าย โดยนักวิชาการที่ชั่วร้าย โดยประชาชนที่ชั่วร้าย

             ก่อนจะไปพูดถึงขบวนการไอติมกู้
ชาติ ผมขอกระแดะพูดอะไรที่มันเป็นวิชา การกับเขาบ้างนะครับ (จะได้ดูดีมีชาติตระกูล เป็นชนชั้นกลาง ดูมีการศึกษากับเขาบ้าง เพราะชีวิตจริงของผมแลมันดูโง่  จน เจ็บ หาข้าวกินฟรีตามวงประชุมไปวันๆ คริคริ) หากพูดถึงคำว่า รัฐชาติ (Nation State) ที่พวกเราหลายๆคนต่างร่ำเรียนกันมา ท่องจำกันไปสอบแทบเป็นแทบตาย ว่า รัฐชาติ ประกอบด้วยดินแดน ประชากร อำนาจอธิปไตย มีรัฐบาล โน่น นี่ นั่น ฯลฯ มันมีความหมายว่าอะไรกันแน่ในทางอุดมการณ์และวัฒนธรรม ?

            หากคิดถึงคำว่า รัฐชาติ ในมุมมองของนักมานุษยวิ
ทยาการเมือง ผมคิดว่า concept เรื่องความเป็น รัฐชาติ คงไม่ได้ตีความในมุมมองทางรัฐศาสตร์อย่างเดียวเพียวๆแน่ คำว่า รัฐชาติ ในทางมานุษยวิทยาการเมืองมีอะไรที่น่าสนใจมากครับ คือว่าในวงการมานุษยวิทยา (Political Anthropology) เขามองรัฐว่าคือชุดอุดมการณ์ชุดหนึ่ง คือมายาคติ คือจินตนาการของชุมชนการเมืองหนึ่งที่สร้างความเป็น รัฐชาติ ขึ้นมา เช่นในงานมนุษยวิทยาการเมืองโบร่ำโบราณที่ชื่อว่า “African Political System” ของ Fortes และ Evans-Pritchard[4] ซึ่งมีนักวิชาการรุ่นใหญ่คนหนึ่งที่ชื่อว่า Radcliff-Brown เขียนคำนำให้หนังสือเล่มนี้ เขาบอกว่า รัฐ คือมายาคติที่ถูกสร้างขึ้นเองโดยจินตนาการของคนในชุมชนการเมือง รัฐ มันถูกสมมุติขึ้นมา มันไม่มีอยู่จริง พูดง่ายๆ รัฐ คืออะไรก็ไม่รู้แต่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาเอง (พูดให้แรงอีกนิดหนึ่งก็คือถูกตอแหลขึ้นมา) แล้วก็มีนักวิชาการคนอื่นๆมาร่วมแจมในแนวคิดนี้ด้วย เช่น Philip Abrams ในงานเขียน “Notes on the Difficulty of Studying the State”[5] หรือ Pierre Bourdieu “Rethinking the State : Genesis and Structure of Bureaucratic Field”[6] เขาพูดว่า รัฐ คือมายาที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาไว้ปิดบังอำนาจและปฎิบัติการเชิงอำนาจของกลุ่มอำนาจทางการเมือง เราจะไม่มีวันเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเบื้องหลังของรัฐคืออะไรเพราะถูก รัฐ บังตาเอาซะมิด มองอะไรไม่เห็น เมื่อมองไม่เห็น คนที่อยู่เบื้องหลังรัฐก็จะสามารถทำอะไรก็ได้ในทางการเมือง (เช่น การบริหารอำนาจ การใช้อำนาจที่ “มองไม่เห็น” ปฎิบัติการทางการเมืองที่ลับ ลวง พราง เป็นต้น)  

            คนที่ผมคิดว่าน่าสนใจมากคือ’เด็
จพ่อ Clifford Geertz และนักวิชาการอีกคนคือ Stuart Hall เริ่มจาก’เด็จพ่อ Geertz ก่อน[7] Geertz มองว่า รัฐ คือกลุ่มก้อนมายาคติชุดหนึ่ง คือ “เวทีการแสดง” อะไรบางอย่าง มีคนมาเล่นละครให้ดู มีการแสดงของรัฐ เป็นบทละครที่มุ่งเน้นให้คนดูเชื่อในสิ่งที่ รัฐ บอก เป็นเวทีที่เน้นย้ำเรื่องอุดมการณ์แห่งรัฐ ตอกย้ำ ผลิตซ้ำวาทกรรมของ รัฐ ไปเรื่อยๆให้คนดู “เชื่อ” ตามจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมทางสังคมและการเมืองไป ดังนั้น สิ่งที่ รัฐ ทำงานก็คือการแสดง การผลิตซ้ำชุดอุดมการณ์ตามที่ต้องการ ผลิตกระแสวัฒนธรรม ความเชื่อ ให้คนใน รัฐ คล้อยตามให้หมด หลังจากนั้น รัฐ ก็จะแสดงบทบาทความเป็นเจ้าของอาณาบริเวณทางการเมืองโดย ใช้กลไกกฎหมาย ระเบียบราชการต่างๆมาบังคับคน มาตีกรอบให้คิดตามให้หมด (แบบว่า “ไม่รักก็ติดคุกนะ” ทำนองนี้) ฉะนั้น สิ่งที่ Geerzt บอกพวกเราเอาไว้ก็คือ รัฐ และการสร้าง รัฐชาติ คือกระบวนการที่เป็นการแสดง เป็นมายาคติ เป็นชุดอุดมการณ์ เป็นจินตนาการของใครซักคนที่มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง รัฐ นั้น ที่ต้องการให้คนใน รัฐ เชื่อตามๆกันหมดอย่างไม่ต้องตั้งคำถามอะไรต่อ รัฐ มาก[8]

             ส่วน Stuart Hall ใน  “Popular culture and the State”[9] บอกว่าเวลาพวกชนชั้
นนำจะหาทางปกครองชาวบ้านและชาวเมืองทั้งหลายผ่านกลไกการปกครองต่างๆ (ระบบราชการ) สิ่งที่จะทำให้การปกครองราบรื่นไม่มีปัญหา ชนชั้นนำก็จะต้อง “หล่อหลอมทางวัฒนธรรม” ให้ได้ซะก่อน หมายถึง รัฐ จะต้องสร้างค่านิยมตามที่ตนเองต้องการให้เกิดขึ้นให้ได้ จะต้อง “หลอมรวมวัฒนธรรมของชาติ” ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำยังไงก็ได้อย่าให้ประชาชนตั้งคำ ถามกับค่านิยมและวัฒนธรรมที่ รัฐ สร้างขึ้นมา และ รัฐ จะต้องทำให้คนส่วนมากนิยมชมชอบ (Popularity) (ถ้าสมมุติว่า รัฐ ลงแข่งขันเดอะว๊อยซ์ รัฐ ก็จะหาทางทำให้คนดูทางบ้านโหวต ตัวเองเยอะๆ เพราะจะได้เป็นที่นิยม) ดังนั้น ถ้ามองตามในสิ่งที่ Hall บอกเอาไว้ รัฐ ก็คือ “ภาพตัวแทน” ทางอำนาจของพวกชนชั้นปกครอง ที่คอยจ้องหาทางใส่ยา “กล่อมประสาท” ให้แก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนทั้งหลายมอง รัฐ เป็นเทวดา เป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้ มอง รัฐ ว่าเป็นสิ่งที่ปลูกฝังอุดมการณ์และวัฒนธรรมที่ดีที่สุด และต้องไม่ผิดไปจากที่ รัฐ บอกเอาไว้

             อีกคนหนึ่งที่ผมจะไม่พูดถึงไม่
ได้เลยคือ อาจารย์ เบน ของพวกเราครับ (Benedict Anderson) อาจารย์เบนของใครหลายๆคนผลิตงานชิ้นหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการศึกษา รัฐ พอสมควร คือ “Imagined Communities: Reflections on the Origin and Spread of Nationalism”[10] งานชิ้นนี้ว่าด้วยเรื่องชาตินิยม การสร้างความเป็นชาตินิยม และนำเรื่องชาตินิยมมาเป็นเครื่องมือในการหลอมรวมทุกคนเข้ามาสู่ “ชุมชนในจินตนาการเดียวกัน” อาจารย์เบนบอกว่าชาตินิยมคืออุดมการณ์ที่สำคัญชนิดหนึ่งที่เอาไว้ใช้ในการสร้าง รัฐชาติ ของประเทศต่างๆ และมันมีลักษณะแพร่กระจายส่งต่อออกไปได้กว้างขวาง แต่ด้านลบของมันก็มีครับ การสร้างชาติด้วยอุดมการณ์ชาตินิยม ในบางครั้ง มันได้สร้างจินตนาการเรื่องความรักชาติ-ไม่รักชาติขึ้นมาด้วย หมายถึงการสร้างมิตร สร้างศัตรู ที่วางอยู่บนพื้นฐานของการนิยามความเป็นชาติ หมายถึงถ้าใครคิดแตกต่างไปจากคำนิยามเรื่องชาติภายในชุมชนการเมืองหนึ่งๆ ก็จะถูกมองว่าเป็นศัตรู(ของชาติ) เป็นสิ่งแปลกปลอม เป็นสิ่งที่สมควรถูกกำจัดออกไปจาก “พื้นที่รัฐชาติ” ที่ “รักชาติ” ทั้งหลายอาศัยอยู่
 
 จินตนาการ “ความเป็นชาติ-ความเป็นรัฐ” ของเหล่าขบวนการไอติมกู้ชาติ
 
             ผมได้พูดถึงมุมมองของนักมานุษยวิทยาการเมืองว่าด้วยเรื่อง รัฐชาติ กันไปบ้างแล้วพอหอมปากหอมคอ คราวนี้เมื่อหันมองกลับมาดูขบวนการไอติมกู้ชาติของเราก็พบว่ามีอะไรน่ารักๆเยอะครับ

             อันดับแรกสุดเลย เรื่องอุดมการณ์ความเป็น “ชาติ” ของเหล่าขบวนการไอติมกู้ชาติชั
ดเจนว่าเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์”  ซึ่งในความเป็นจริงทางสังคม อุดมการณ์ชุดนี้มันถูกสร้างโดย รัฐ ไทยแน่ๆ[11] ฉะนั้น ถ้าหากเรามองว่าการเคลื่อนไหวของขบวนการไอติมกู้ชาติจะมีพลังได้ก็จะต้องได้รับการสนับสนุนเชิงอุดมการณ์และวัฒนธรรมจากสังคมไทย ซึ่งปัญหาของมันอยู่ที่ ในขณะนี้สังคมไทยยังรู้สึกรู้สาอะไรกับคำว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เหมือนสมัยก่อนอยู่อีกหรือเปล่า ? เนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมามันได้ทำลายฐานคติชาตินิยมแบบนี้ไปพอสมควร[12] คำถามอีกประการคือ จากการต่อสู้เชิงอุดมการณ์ของฝ่ายตรงข้ามขบวนการไอติมกู้ชาติได้สร้างพื้นที่ทางอุดมการณ์และวัฒนธรรมขึ้นมาได้บ้างแล้วหรือไม่อย่างไร ? ผมมองเรื่องนี้จากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างน้อยที่สุด  อุดมการณ์เรื่องเสรีประชาธิปไตยก็ได้ถูกนำเสนออย่างเข้มข้นในห้วงเวลาที่ผ่านมาควบคู่ไปกับการต่อสู้ทางการเมืองของคนเสื้อแดง ผมเข้าใจว่ามีคนไม่น้อย “ซื้อ” อุดมการณ์นี้พอสมควร   

             จินตนาการต่อมาของเหล่
าขบวนการไอติมกู้ชาติ คือจินตนาการเรื่อง “ศัตรูของชาติ” ศัตรูของชาติครั้งนี้ก็คือ “ทักษิณแอนเดอะแก้งค์” ดูจากแถลงการณ์และคำพูดโดยรวมๆบนเวทีที่สนามม้านางเลิ้งก็ได้ครับ ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนอกจากทักษิณๆๆๆๆ (รวมไปถึงพวกเครือข่ายทักษิณทั้งหลายทั้งปวง) ศัตรูของชาติคือตระกูลชินวัตร ถ้าอยากให้ประเทศชาติมีความปึกแผ่น มั่นคง มีความรักสามัคคี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว อยากให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงาม มีโลกสวยงาม มีนกน้อยบินไปบินมา คนชนบทจูงวัว จูงควาย คนเมืองมีความพอเพียง จะต้องขับไล่ตระกูลชินวัตรออกจากประเทศไทยเท่านั้น รัฐบาลจะต้องล้ม นักการเมืองจะต้องพินาศ พรรคการเมืองจะต้องหายไป การเลือกตั้งโสโครกต้องกำจัดทิ้ง ประชาธิปไตยคือสิ่งแปลกปลอมจากฝรั่ง เราต้องการชาติไทยกลับคืนมา ไชโย !!

             โอ้ววว  จินตนาการบรรเจิดที่ซู้ดดด

             นอกจากนี้ จินตนาการความเป็นศัตรูของชาติ
ยังถูกผูกติดกับ “ความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันพ ระมหากษัตริย์” หากใครมายุ่งวุ่นวาย มาวิพากษ์วิจารณ์ อ้าย..อี ผู้นั้นมันไม่ใช่คนไทย คนเสื้อแดงมันด่าเจ้านาย พรรคเพื่อไทยมันคิดล้มเจ้า พวกทักษิณและคณะมันคิดล้มเจ้า คนที่อ่านข้อมูลเชิงลบทุกคนมันคิด ทำลายสถาบัน มันทั้งหลาย “ไม่ใช่คนไทย” เป็นศัตรูของคนไทย ต้องถูกกำจัด เอ้า พี่น้องเอ้ย เอารถถังออกมาเร็วๆหน่อยคร๊าบบบ มาล้างประเทศหน่อยยยย

             ดังนั้น จินตนาการเรื่องความเป็น รัฐชาติ ของเหล่าพี่น้องผองเพื่
อนในขบวนการไอติมกู้ชาติ จึงวนเวียนๆอยู่กับมายาคติเหล่านี้ มายาคติที่ รัฐ สร้างขึ้นเพื่อทำให้คนในสังคมกลายเป็น “องครักษ์พิทักษ์อุดมการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” เมื่อใดก็ตามที่เกิดขบวนการชาตินิยม(แบบไทยๆ) คนหลายๆคนในสังคมไทยก็จะพร้อมใจออกมาลุยถั่วอย่างถึงลูกถึงคน และพร้อมที่จะสนับสนุนเงินทองสิ่งของต่างๆ ยอมไปเดินตากแดดเปรี้ยงๆกลางสนามหลวง ในสนามม้า บนถนนราชดำเนิน จะให้ทำอะไรก็ทำ เพราะว่าต้องการกำจัดศัตรูของชาติ  จะได้เป็นเกียรติ เป็นศรีแก่วงศ์ตระกูลเพราะได้ชื่อว่ามาขับไล่เสนียดจัญไรออกจากแผ่นดิน (ออกจากแผ่นดินอันแสนจะศักดิ์สิทธิ์)

            รัฐชาติ ในความหมายของเหล่าผู้เสพไอติ
มกู้ชาติ จึงเป็นการนิยามคำว่ารัฐชาติแบบไทยๆ ไท้ย...ไทย นิยามวนเวียนอยู่ไม่กี่เรื่อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มองศัตรูของชาติในมิติแบนราบเพียงแค่นักการเมืองชั่ว นายทุนสามานย์ ไม่ไว้วางใจระบอบประชาธิปไตยแบบเลือกตั้ง รังเกียจรัฐสภา ตีหัวหมาด่าแม่เจ๊กเฉพาะคนเสื้อแดง นิยามความเป็น รัฐชาติ ของขบวนการไอติมต้องเป็นคำนิยามที่ถูก “แช่แข็ง” หยุดอยู่กับที่ ต้องไม่เปลี่ยนแปลง เพราะของเดิมก็ดีอยู่แล้วพวกเมิงจะเอาอะไรกันอีก (วะ) 

             ดังนั้น ใครคิดจะมาเปลี่ยนแปลงคำนิยาม รัฐชาติ แบบนี้ก็จะต้องถูก “แช่แข็งประเทศไทย” ซะเลย จบเรื่องจบราว ...
        
หนาวจุงเบยยยย 
           

[1] คำว่าชาวไทยน่าจะมีความหมายว่าคนไทยทั่วๆไปที่เห็นด้วยและ อยากเข้าร่วม แต่ในเชิงปรากฎการณ์แล้ว กลุ่มคนไทยที่ดูจะ “กระตือรือร้น” เป็นพิเศษที่จะเข้าร่วม (และเข้าร่วมไปแล้ว) อาทิเช่น กองทัพธรรม, คนเสื้อเหลืองในกรุงเทพฯ, กลุ่มเสื้อหลากสี, กลุ่มแฟนๆทีวีช่องบลูสกาย รวมไปถึงกลุ่มคนไทยอย่าง เครือข่ายชาวนาภาคกลาง,  กลุ่มเยาวชนพิทักษ์สยาม เป็นต้น (ที่มา : โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ “ผ่ามวลชนพิทักษ์สยาม ต่างที่มาแต่เป้าเดียวกัน” ออนไลน์ครั้งแรกวันที่ 16 พฤศจิกายน 2555, http://www.posttoday.com) นอกจากนี้  องค์กรพิทักษ์สยามยังได้ให้ข้อมูลว่ามีคนไทยกลุ่มอื่นๆที่อยากเข้าร่วมเพิ่มอีก ไม่ว่าจะเป็น เครือข่ายสมัชชาเกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศ, สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจทุกสหภาพ, .กลุ่มแนวร่วมกลุ่มปฏิรูปที่ดินทั่วประเทศ, กลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน ซึ่งองค์กรพิทักษ์สยามกล่าวว่ากลุ่มนี้มีการลงทะเบียนชัดเจน มีตัวตนจริงตามบัตรประชาชนจำนวน 500,000 คน , กลุ่มคนจากการติดต่อทางเครือข่ายโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค และกลุ่มคนที่เป็นผู้เข้าชุมนุมโดยอิสระที่ไม่เคยชุมนุมที่ไหนมาก่อน (ที่มา : ข่าวสดออนไลน์ “โฆษกองค์การพิทักษ์สยามฟุ้งม๊อบล้มรัฐบาลปู 24 พย. ถึง 500,000 คนแน่” ออนไลน์ครั้งแรก 15 พฤศจิกายน 2555, http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU1qazJNelF3T1E9PQ==&subcatid=
[2]  ดูข้อมูลเพิ่มเติมในคำแถลงการณ์ของ องค์กรพิทักษ์สยาม ฉบับที่ 1/2555 ว่าด้วยการจัดตั้งขบวนการภาคีเครือข่ายพิทักษ์สยามทุกจังหวัด มีเผยแพร่ออนไลน์ใน http://webboard.serithai.net/
[3]  วาทกรรมแช่แข็งประเทศไทยมาจากเวปข่าวโพสต์ทูเดย์ ออนไลน์เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2555, รายงานข่าวโดยคุณ ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย และคุณชัยรัตน์ พัชรไตรรัตน์ (ที่มา : โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ “โมเดลเสธอ้าย แช่แข็งประเทศไทย 5 ปี”, 28 ตุลาคม 2555http://www.posttoday.com) จากบางส่วนของคำสัมภาษณ์ว่า “ผู้ถาม: แช่แข็งประเทศไทย ? เสธอ้ายตอบว่า : ถูก...หยุดและให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้” หลังจากการเผยแพร่ของเวปข่าวโพสต์ทูเดย์ไม่กี่วัน วาทกรรมแช่แข็งประเทศไทยก็ถูกนำไป “ล้อเลียน” , “เสียดสี” อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์โดยเฉพาะเฟสบุ๊ก จนภายหลังโฆษกขององค์กรพิทักษ์สยาม (พล.อ.อ.วัชระ ฤทธาคนี) ได้ออกมาชี้แจงว่าไม่ได้ต้องการแช่แข็งประเทศไทย สื่อมวลชนและฝ่ายตรงข้ามตีความกันไปเอง (ดูได้ใน ไทยรัฐออนไลน์ “ยากตรงฝืนธรรมชาติ”, 16 พฤศจิกายน 2555, http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/306455
[4] Fortes, M.; Evans-Pritchard, E.E. (1940). African Political Systems. (London: Oxford University Press). 1940.
[5] Philip Abrams, “Notes on the Difficulty of Studying the State” in Journal of Historical Sociology, 1:1 (March 1988): 58-89.
[6] Pierre Bourdieu, “Rethinking the State: Genesis and Structure of Bureaucratic Field” in Sociological Theory, 12:1 (March 1994): 1-18.
[7] ถ้าใครยังไม่รู้จัก Geertz ให้ลองไปอ่านงานของ ไชยยันต์ ไชยพร เรื่อง “ข้อวิพากษ์ทฤษฎีการเมืองกระแสหลักของ คลิฟฟอร์ด เกียทส์” (ไชยยันต์ ไชยพร, ข้อวิพากษ์ทฤษฎีการเมืองกระแสหลักของ คลิฟฟอร์ด เกียทส์, กรุงเทพฯ:โอเพ่นบุ๊ก, 2551.) เพื่อทำความรู้จักกับเสด็จพ่อ Geertz ในทางมานุษยวิทยาการเมืองได้ครั
[8] Clifford Geerzt, Negara: The Theatre State in 19th Century Bali, (NJ: Princeton University Press). 1980.
                                [9] Stuart Hall, ‘Popular Culture and the State’ in Mercer et al. (eds.) Popular Culture and Social Relations. (Oxford: Open University Press). 1986.
[10] Benedict Anderson, Imagined Communities: Reflections on the Origin and Spread of Nationalism. (London: Verso). 1991. เวอร์ชั่นภาษาไทยก็มีครับ, เบน แอนเดอร์สัน (แปลโดย กษิณ ชืพเป็นสุข และคณะ), ชุมชนจินตกรรม : บทสะท้อนว่าด้วยกำเนิดและการแพร่ขยายของชาตินิยม, กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำรามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 2552. โดยเฉพาะบทที่ว่าด้วยลัทธิชาตนิยมทางการ   
[11] บางคนบอกว่าถูกสร้างมาตั้งแต่ ร.6 บางคนบอกว่าถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม อุดมการณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถือได้ว่าเป็นอุดมการณ์ของรัฐไทยมานานแล้ว และจะเป็นอุดมการณ์ที่เป็นของทางการ(และราชการ)ต่อไปในสังคมไทยหรือไม่ก็ต้องต้องติดตามเอฟพิโสดต่อไป
[12] ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงในระดับรากฐาน แต่ก็บอบช้ำไม่น้อย ?
ถกรับมือม็อบ “เสธ.อ้าย” จ่อใช้พ.ร.บ.มั่นคงคุม
การเมือง
       วันนี้( 16 พ.ย.) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนอัดเทปคำอาเศียรวาทถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.สุรศักดิ์  หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชากาทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม และขั้นตอนการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ
       โดยแหล่งข่าวด้านความมั่นคง เปิดเผยว่า ระหว่างการพูดคุย พล.อ.ธนะศักดิ์ และพล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า อยากให้ใช้กฎหมายปกติในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยไปก่อน เนื่องจากข้อมูลจากการติดตามสถานการณ์ก่อนหน้านี้ไม่พบว่ามีเหตุการณ์รุนแรง เกิดขึ้น และยังไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มมือที่สามจึงมองว่า ไม่น่าจะมีการประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แต่เมื่อผบ.ตร.ต้องการจะให้มีกฎหมายพิเศษ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่จึงไม่อยากจะขัดข้องโดยทางทหารจะไม่เข้าไป ยุ่งเกี่ยว และให้ตำรวจเป็นเจ้าหน้าที่หลักในการดูแลความเรียบร้อย โดยในวันที่ 19 พ.ย.นี้จะมีการเรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมเพื่อสรุปว่าจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯหรือไม่ โดยเฉพาะการประเมินจากหน่วยงานด้านการข่าว เช่น สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกองบัญชาการตำรวจสันติบาลว่าข้อมูลที่ได้รับเพียงพอที่รัฐบาลจะต้องมีการ ใช้กฎหมายพิเศษเพื่อเตรียมพร้อมและรองรับสถานการณ์หากเกิดเหตุการณ์วุ่นวาย หรือความรุนแรงเกิดขึ้น
       “เบื้องต้นหน่วยงานความมั่นคงมีความกังวลใน 3 ข้อ คือ 1. ศักยภาพของแกนนำคือ พล.อ.บุญเลิศ  แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยามจะควบคุมกลุ่มมวลชนที่จะเดินทางมาชุมนุมได้หรือไม่ เพราะเท่าที่ตรวจสอบมีหลายองค์กรที่จะเข้าร่วม 2.มือที่สามที่ต้องการสร้างความวุ่นวาย และความสูญเสียให้เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุม ไม่ว่าจะเป็นการปาระเบิด หรือยิงเอ็ม 79 3. การออกมาตรการรองรับคุ้มครองเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ซึ่งในอดีตสมัย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ตร. ก็ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2551”  แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าวและว่า การดำเนินการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯจะไม่แตกต่างเมื่อครั้งรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี  โดยจะมีการดำเนินการเป็นขั้นตอน คือหากสถานการณ์ยังอยู่ในขั้นที่ควบคุมได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้กฎหมายปกติในการดูแลความสงบเรียบร้อย หากสถานการณ์ถึงขั้นที่ส่อว่าจะมีความรุนแรงจะเข้าสู่การใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ โดยม.15  ครม.จะมีมติมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นผู้รับผิดชอบในการป้องกันปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ที่กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภายใน พื้นที่และระยะเวลาที่กำหนดได้ ม.16 ให้ครม.แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งใดในกอ.รมน.เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้า หน้าที่ตามกฎหมายนั้น หรือมีมติให้หน่วยงานของรัฐนั้นมอบอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบตามกฎหมายใน เรื่องดังกล่าว ให้ กอ.รมน. ดำเนินการแทนหรือมีอำนาจดำเนินการด้วยภายในพื้นที่และระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งคาดว่าจะเป็นผบ.ตร. ดำเนินการออกประกาศในรายละเอียดต่อไป และม.18 เพื่อประโยชน์ในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ภายในให้ผู้อำนวยการโดยความเห็นชอบของครม.มี อำนาจออกข้อกำหนด

ประทัดบ้าน“เสธอ้าย”แค่วัยรุ่นคะนอง

ยันประทัดบ้าน“เสธอ้าย”แค่วัยรุ่นคะนอง

เสธ.อ้าย
       วันนี้(13พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.  เปิดเผยเหตุคนร้ายลอบจุดประทัด บริเวณถนนหน้าบ้านพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ หรือเสธอ้าย ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ที่บ้านเลขที่ 330 ซอยสุขุมวิท 54 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. เมื่อค่ำวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมาว่า สัปดาห์ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว พบว่ามีการจุดประทัดแต่เลยบ้านของพล.อ.บุญเลิศ ไป แต่เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 12 พ.ย. มีนายทหารชื่อ ส.อ.สมชาย ซึ่งประจำการภายในอยู่บ้านของพล.อ.บุญเลิศ โทรศัพท์มาแจ้งที่ สน.พระโขนง ว่ามีเสียงดังคล้ายประทัดยักษ์ บริเวณหน้าบ้าน เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ช่วงนี้ใกล้เทศกาลลอยกระทงพบประทัดเป็นลักษณะลูกกลมๆเล็กๆ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร และมีรถจยย.ขับผ่านหน้าบ้าน จึงเกิดเสียงดัง ไม่ได้ทำให้ในบ้านเกิดความวุ่นวายใดๆทั้งสิ้น
       พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า ตนมองว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมือง เพราะใกล้เทศกาลลอยกระทง และประทัดกลมๆแบบนี้ก็มีทั่วไป ไม่ได้มีเฉพาะหน้าบ้านของพล.อ.บุญเลิศ ซึ่งในที่ประชุม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้กำชับ ให้จับกุมเรื่องดอกไม้ไฟ และจากการตรวจสอบวงจรปิดก็เห็นรถจยย.ขี่ผ่านกับแสงไฟเล็กๆเท่านั้น โดยพบเศษของประทัดคล้ายลูกฟุตบอลเล็กๆเท่านั้น  มีทั่วไป น่าจะเกิดจากเรื่องคึกคะนอง ที่ผ่านมากำชับให้สายตรวจไปดูแลอยู่แล้ว และหน้าบ้านของเสธอ้ายก็มีทหารดูแลอยู่แล้ว หลังจากที่มีการแจ้งมาที่โรงพักสายตรวจก็จะรีบไปทันที และที่หน้าบ้านก็มีทหารเฝ้าอยู่
       เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องการชุมนุมของเสธอ้ายในวันที่ 24 พ.ย.ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาในประเทศที่มีประชาธิปไตย หากไม่มีการชุมนุมถือเป็นเรื่องแปลกประหลาด แต่การชุมนุมต้องมีขอบเขต และต้องไม่พกอาวุธ ไม่มีความรุนแรง ไม่ก่อความเดือดร้อนให้ประชาชน เมื่อวานนี้ทาง ผบ.ตร. เรียกประชุม ตนก็ได้ร่วมประชุมด้วย ส่วนกำลังก็พร้อมไม่มีปัญหา รอง ผบช.น.ทุกคนร่วมรับผิดชอบด้วย ส่วนการข่าวที่ระบุนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง จะมีการชุมนุมในวันเดียวกันนั้น เรื่องนี้มีแต่พูดกันไป แต่เท่าที่มีการฟังข่าวจากสื่อมวลชน ก็จะไม่เข้ามาร่วมชุมนุม แต่อาจมีการนัดประชุมทั่วไปรอบๆต่างจังหวัดเป็นระยะๆอยู่แล้ว การข่าวก็เรียบร้อยดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง..

ปชป.ยันไม่เคยขนคนร่วมชุมนุมม็อบเสธ.อ้าย

ปชป.ยันไม่เคยขนคนร่วมชุมนุมม็อบเสธ.อ้าย
ปชป.ปัดขนคนร่วมชุมนุมองค์การพิทักษ์สยาม แนะจับตารัฐสั่งการมท.คุมประชาชนร่วมม็อบ
ม็อบ
       นายเทพไท เสนพงศ์ สส. นครรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า อยากให้จับตาการเคลื่อวไหวของรัฐบาล ที่พยายามดิสเครดิตม็อบองค์การพิทักษ์สยาม ซึ่งนำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การฯ และพาดพิงมายังพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยที่มีคำสั่งไปยังผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดให้จับตา การเคลื่อนไหวมวลชนในพื้นที่ตั้งแต่จ.เพชรบุรี ลงไป รวมถึงพรรคการเมือง ซึ่งพยายามทำให้เข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมาการชุมนุมของกลุ่มดังกล่าว ไม่ได้มีการขนมวลชนมาจากทางภาคใต้ แต่มาจากทั่วประเทศ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ขอยืนยันไม่ได้มีการขนคนมาร่วมชุมนุม แต่เป็นการแสดงออกของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล
       นอกจากนี้ การที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ท้าทายว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมกับม็อบเสธ.อ้ายเป็นจำนวนน้อยนั้น ก็ไม่อยากให้ดูถูก และไม่เห็นด้วยที่รองนายกฯจะนำเจ้าหน้าที่ จำนวน 5 หมื่นนาย มารักษาความปลอดภัยกับการการชุมนุม เพราะถือว่ามากเกินไปไม่สมเหตุสมผล ควรจะนำกำลังไปดูแลด้านอื่นๆดีกว่า เช่น อาชญากรรมบ้านเมือง
       ส่วนการที่ออกมาระบุว่า มีกลุ่มทุนคอยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง อาทิ บ่อน หวย ถ้าหากร.ต.อ.เฉลิม มีข้อมูลจริงก็ควรดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ใช่พูดเลื่อนลอยเพราะมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ รวมทั้งอยากเรียกร้องให้ดูแลการชุมนุมอย่างตรงไปตรงมาด้วย เพราะกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศจะมาชุมนุมปกป้องทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา ซึ่งกังวลว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากันจนสร้างความแตกแยกให้บ้านเมือง
       นายเทพไท  กล่าวด้วยว่า กรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะแก้การเมืองต้องแก้ที่สภาฯ อยากถามย้อนกลับไปว่า นายกฯมาสภาตอบกระทู้กี่ครั้ง และที่บอกว่าไม่อยากให้มีการจัดม็อบข้างถนน ก็อยากถามเช่นกันว่า ตอนที่ยังไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็ให้การสนับสนุนม็อบเสื้อแดง ซึ่งเป็นม็อบข้างถนนไม่ใช่หรืออย่างไร การที่บอกว่ากลุ่มผู้ชุมนุมม็อบเสธ.อ้ายไม่ควรใช้ความรุนแรง ก็อยากถามกลับด้วยว่า กลุ่มเสื้อแดงไม่ได้เป็นกลุ่มที่นิยมความรุนแรงอย่างนั้นหรือ ดังนั้น จึงอยากฝากไปยังนายกฯว่า ก่อนจะพูดอะไรควรย้อนกลับไปมองอดีตของตัวเองด้วย

เสื้อแดงสั่งมวลชนอยู่ในที่ตั้งอย่าออกมาชนม็อบ"เสธ.อ้าย"

 เสื้อแดงสั่งมวลชนอยู่ในที่ตั้งอย่าออกมาชนม็อบ"เสธ.อ้าย"
การเมือง
       วันนี้ 16 พ.ย.ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นปช.(คนเสื้อแดง) แถลงข่าวประจำสัปดาห์ นำโดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช.นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง
       นางธิดากล่าวว่า วันนี้ระบอบอำมาตย์พยายามล้มรัฐบาลโดยมวลชนนอกระบบที่ร่วมกับพรรคการเมือง ที่อภิปรายในรัฐสภา นี่ไม่่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นแผนการที่วางไว้ล่วงหน้าแล้ว สำหรับเวทีรัฐสภาที่เขาแพ้ เขาเลิกแล้ววันนี้เขาเลียนแบบคนเสื้อแดง แต่ที่แตกต่างคือคนเสื้อแดงมาเพื่อต่อต้านรัฐประหารแต่พรรคการเมืองอนุรักษ์ นิยมคือเขายอมรับการรัฐประหารทำให้เวทีรัฐสภาล้มเหลว แต่เราไม่ประมาทกับการกระทำที่ไม่สมเหตุผลนั้น เหตุผลขององค์การพิทักษ์สยามเขาไม่เอาการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เข้าข่ายล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นระ มุข แม้ว่าเขาประกาศแช่แข็งประเทศไทยชัดเจน ทำไมฝ่ายธุรกิจไม่ออกมาคัดค้าน ขอตั้งคำถามว่าปล่อยให้มีการประกาศล้มล้างได้อย่างไร
       นางธิดากล่าวต่อว่าขอให้คนเสื้อแดงอยู่ในความสงบด้วยวุฒิภาวะ เพราะว่าการขับเคลื่อนของเราไม่ควรให้ชัยชนะที่เราได้รับต้องเสียหายหรือ พ่ายแพ้ ที่ผ่านมาเราเป็วนเจ้าของการต่อสู้แต่เราจะใช้สติ ขอร้องว่าใครที่ทำอะไรตามความคิด ขอให้ยุติ ใช้ความคิดสักนิดหนึ่งแล้วคิดให้สมเหตุสมผล อย่าแตกแถว ไม่เช่นนั้นจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวไปได้ และขอให้คนเสื้อแดงส่งข่าวมายังแกนนำหากพบการเคลื่อนไหวที่ผิดสังเกต
       ด้านนายจตุพร กล่าวว่า การที่องค์การพิทักษ์สยามเชิญชวนประชาชนมาขับไล่รัฐบาล ประชาชนที่มาด้วยองค์การพิทักษ์สยามมีสิทธิในการในการตรวจสอบรัฐบาลและ ประชาธิปไตย แต่จะมาฉีกรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ สิ่งที่องค์การพิทักษ์สยามคือพวกเดิมที่ร่วมในการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 มวลชนกลุ่มทุนเดิม แต่เปลี่ยนหัวหน้าเป็นพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย แทนที่จะใช้ตัว นายสนธิ ลิ้มทองกุล ในส่วนรัฐวิสาหกิจที่แยกจากกลุ่มพันธมิตรประชานเพื่อประชาธิปไตยก็มาร่วม ด้วย ถือว่าฝ่ายอำมาตย์เขารวมตัวกันแล้ว ขอเตือนรัฐบาลอย่าประมาท และถ้ารอดจากศึกครั้งนี้ต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ และรมว.ต่างประเทศต้องเร่งประกาศรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ วันนี้ไม่มีใครระบุได้ว่าสถานการณ์ในอนาคตจะจบลงอย่างไร ภาระหน้าที่คนเสื้อแดงคือต้องเตรียมพร้อมและมีสมาธิ ทราบมาว่าจะมีการหาคนใส่เสื้อแดงตามจำนวนที่มีการจัดทำเสื้อมากว่า 5,000ตัว และเมื่อมีการปะทะกัน คนที่อยู่บนภูก็เอารถถังออกมา ในช่วงหลายวันที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวเป็นกองทัพมดแทรกตัวในอาชีพต่างๆ ทราบตัวเลขขณะนี้ประมาณ 5,000 คน คนที่เผชิญหน้ากับตำรวจไม่ใช่ประชาชนปกติ และเชื่อว่าวันที่ 24 ไม่มีการปิดล้อมรัฐสภาเนื่องจากจะทำให้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไม่ได้
       นายจตุพรกล่าวต่อว่าหลังการชุมนุมในวันที่ 18 พ.ย.ที่อ.บางพลี จ.สมุทรปราการเสร็จสิ้น เราขอติดตามสถานการณ์ทางการเมืองก่อนเนื่องจากต้องประเมิณสถานการที่ไม่ปกติ รัฐบาลต้องไม่ตื่นตระหนก และพรรคเพื่อไทยต้องลงพื้นที่ชี้แจงประชาชนรับทราบสถานการณ์ต่างๆรัฐบาลอย่า ออกมาเพื่อทำร้ายประชาชนที่มาชุมนุมไม่เช่นนั้นจะไม่ต่างจากเขา
       "ฝากเตือนคนเสื้อแดงต้องเคลื่อนด้วยความะมัดระวัง ไม่ทราบว่าหลังจากนี้จะมีสถานการณ์อย่างไรเกิดขึ้น ให้คนเสื้อแดงคิดอย่างมีสติ ครั้งนี้เป็นเดิมพันประเทศไทย คนเสื้อแดงอยู่ในสถาการณ์ที่ไม่มีทางเลือก ฝากแกนนำทุกคนอย่าแถลงข่าวเปิดช่องเป็นจุดอ่อน ให้ ธิดา ผม และนายณัฐวุฒิ เป็นผู้แถลง ไม่เช่นนั้นจะไร้พลัง และต้องตามไปแก้ปัญหา จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ในที่สุด ที่ผ่านมาประชาธิปไตยชนะไม่ใช่เพื่อไทยชนะ"นายจตุพร กล่าว
       นายจตุพรกล่าวต่อว่า คนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังที่เรือนจำคือ รัฐบาลต้องตรากฎหมายนิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่ยังคงถูกคุมขัง ยกเว้นแกนนำ ซึ่งงานนี้รวมถึงคนเสื้อเหลืองก็ด้วย โดยทำเพื่อประชาชนไม่ใช่คนเสื้อแดง ที่ผ่านมาหมดหนทางในการช่วยเหลือแล้ว

"หมอตุลย์" ผวาหนัก! กลัว "ม็อบเสธ.อ้าย" บานปลาย

"หมอตุลย์" ผวาหนัก! กลัว "ม็อบเสธ.อ้าย" บานปลาย


15 พฤศจิกายน 2555 go6TV - น.พ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มคนรักประชาธิปัตย์ที่ใช้ชื่อในนามว่ากลุ่มเสื้อหลากสี ได้ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆหลังจาก กรณีที่มีหลายฝ่ายออกมาวิตกกังวลว่า การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ในวันที่ 24พ.ย.นี้ จะสร้างความวุ่นวาย สร้างสถานการณ์ รวมไปถึงบุกปิดล้อมสภาเพื่อจับกุมตัวนายกรัฐมนตรีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น น.พ.ตุลย์ กล่าวว่า ตามที่จะไปร่วมชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยาม ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 นั้น ยอมรับว่า กลัวสถานการณ์จะบานปลาย 


ทั้ง นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตจำนวนมากต่างรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการชุมนุมใหญ่ ขององค์กรพิทักษ์สยาม เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีการชุมนุมที่ไม่สงบตามคำกล่าวอ้าง รวมถึงกังวลเรื่องอาวุธในสถานที่ชุมนุม และบรรยากาศการชุมนุมที่เกรี้ยวกราดรุนแรงเหมือนเมื่อครั้งการชุมนุมของพันธมิตรฯในเหตุการณ์ 7 ตุลาคม


พันธมิตรฯเปิดฉากโจมตี "ม็อบเสธ.อ้าย" เผยจะควบคุมกันไม่ได้ เพราะมีแต่ความเกลียดชัง


15 พฤศจิกายน 2555 go6TV - นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหาสายพันธมิตรฯ คนสนิทนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ว่า "ประเมิน การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ยังมีประเด็นของการชุมนุมที่คลุมเครือ และประเด็นที่นำไปสู่การเคลื่อนไหวยังไม่มีลักษณะที่เด่นชัด เหมือนกับช่วงที่มีการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หรือ การเดินหน้าร่างพ.ร.บ.ปรองดอง ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่าเป้าหมายของกลุ่มดังกล่าวจะเรียกร้องเพื่อนำไปสู่จุด หมายใด หากจะให้รัฐบาลประกาศยุบสภาฯ ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นญัติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล"


โดย ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้ไม่สามารถยุบสภาได้ นอกจากนั้นแล้วเมื่อมีการยุบสภาจริง เชื่อว่าปัญหาก็ไม่จบ เพราะต้องเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งใหม่อยู่ดี หรือให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลาออก และเมื่อลาออกแล้วกระบวนการเลือกนายกฯ คนใหม่ก็ต้องมาเลือกในรัฐสภา และเชื่อว่าจะได้คนของพรรคเพื่อไทยอีก เพราะเป็นพรรคที่มีเสียงข้างมากในรัฐสภา ส่วนที่ระบุว่าต้องการเปลี่ยนแปลงฉับพลันนั้น ทำให้หลายฝ่ายคิดว่าอาจใช้วิธีของการปฏิวัติ

“ผม ขอเรียกร้องหากกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม อยากให้มีการเปลี่ยนแปลง ควรเสนอพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศ ว่าจะปฏิรูปประเทศไปในทิศทางไหนบ้าง โดยไม่ใช่เป็นการให้ประเทศถอยหลังไปอีก 30 ปี ผม เป็นห่วงการชุมนุม เมื่อไม่มีการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับคนที่ร่วมชุมนุมแล้ว อาจทำให้อารมณ์ของประชาชนที่ถูกปลุกให้ร่วมชุมนุม ด้วยความเกลียดชัง อาจกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมมวลชนได้ในท้ายที่สุด” นายคำนูณ กล่าว
 

อภิสิทธิ์ "ตัดต่อภาพชายชุดดำใส่ร้ายเสื้อแดง!"

แฉ! "ความจริง ไม่มีสี" ของอภิสิทธิ์ "ตัดต่อภาพชายชุดดำใส่ร้ายเสื้อแดง!"


          วันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) ฮือฮาไปทั่วโลกไซเบอร์ เมื่อมีบุคคลตาไว ตรวจสอบพบว่า ภาพในหนังสือ “ความจริง ไม่มีสี” ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เขียนบรรยายถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 53 ปรากฏพบหลักฐานว่า ภาพในหนังสือดังกล่าว “ตัดต่อใส่ร้าย”

         โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น ในหน้า 22 ของหนังสือ มีภาพของชายชุดดำ สีขาวดำ ตรงกลาง โดยที่มีภาพ “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็นภาพแรก และภาพสุดท้ายเป็นภาพวันเจรจากันระหว่างแกนนำเสื้อแดงและแกนนำรัฐบาลนั้น

ในภาพกลางดังกล่าว พบว่า เป็นการตัดต่อภาพ ดังนี้



          ซึ่งในภาพนี้ เป็นภาพจากในหนังสือ “ความจริงไม่มีสี” หน้า 22 แสดงให้เห็นภาพของชายสามคนใส่ชุดสีดำปิดหน้าตา
         ทีมงานได้ค้นภาพต้นฉบับจริงๆ ของภาพนี้ ได้  เป็นดังนี้  
ภาพต้นฉบับ 1

        ซึ่งเห็นชัดเจนว่า คนตรงกลางนั้นเปิดเผยใบหน้าชัดเจนยิ้มแย้ม ไม่ได้ใส่ผ้าคลุมปิดหน้าแต่อย่างไร

ส่วนในภาพถัดมานี้ จากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 29 สิงหาคม 2555

เป็นภาพต้นฉบับสองนี้ แสดงให้เห็นภาพของการ์ด นปช. ซึ่งเคยตกเป็นข่าว ว่าเป็น “ชายวิ่งซื้อกาแฟหลังเวที”

ทีมงานหนังสือของนายอภิสิทธิ์ ได้ตัดต่อเอาภาพของชายในภาพที่สอง ซึ่งเป็นเด็กซื้อกาแฟหลังเวที ไปตัดต่อเข้ากับภาพของคนตรงกลางของภาพที่หนึ่ง เพื่อให้ภาพรวมออกมา  “เป็นกองทัพชายชุดดำ” อันสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนทั่วไป ให้เกลียดชังคนเสื้อแดงด้วยความเท็จได้



        จึงขอเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดดังกล่าว และกล่าวขอโทษแก่บุคคลในภาพที่ตนได้ใส่ร้าย เพื่อเป็นบรรทัดฐานของนักการเมืองที่ดี  เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของอดีตนายกรัฐมนตรี และเพื่อเป็นการรักษา “จริยธรรม” ของตนเองดังที่เคยพูดปรากฏไว้ในสภา และทั่วไปว่า “มาตรฐานจริยธรรมของนักการเมืองนั้น ต้องสูงกว่าประชาชนทั่วไป” 

คำต่อคำ สมจิตต์(M1) ดิ้นหนัก หลังเฉลิมแทงใจดำต่อหน้าเพื่อนสื่อ

คำต่อคำ สมจิตต์(M1) ดิ้นหนัก หลังเฉลิมแทงใจดำต่อหน้าเพื่อนสื่อ

 
วัน ที่ 15 พฤศจิกายน 2555 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการรับมือมวลชนที่มาชุมนุมในนามองค์การพิทักษ์ สยาม ในวันที่ 24 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ โดยระหว่างการให้สัมภาษณ์นั้น น.ส.สม จิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวที่เคยเขียนหนังสือชื่นชมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ปัจจุบันทำงานในสังกัดสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7 ได้โต้เถียงกับ ร.ต.อ.เฉลิม โดยมีข้อความดังนี้

ร.ต.อ.เฉลิม: ม็อบเสธ.อ้าย มีไม่มาก แต่พรรคการเมืองบางพรรคขนคนมา 


สมจิตต์: พรรคการเมืองไหนที่ขนคนมา


ร.ต.อ.เฉลิม: พรรคที่แพ้เลือกตั้งบ่อยๆ


สมจิตต์: ท่านสามารถมีหลักฐานไปดำเนินการจับกุมได้หรือไม่


ร.ต.อ.เฉลิม: ไม่ผิด ขนคนมาผิดอะไร แล้วผมไม่สกัดด้วย ให้ประชาชนพิสูจน์ธาตุแท้ ว่าพรรคการเมืองบางพรรค นิยมการไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง


สมจิตต์: ได้ข่าวมาว่า ท่านมีคำสั่งไปถึงตำรวจให้ปิดถนนต่างๆ


ร.ต.อ.เฉลิม: ไม่จริง คุณสมจิตต์เข้าใจผิด ผมไม่นิยมความรุนแรง ผมถูกล้อมที่จังหวัดกระบี่ ผมหนีหัวซุกหัวซุน เข้าใจผิด ไม่มี ไม่ใช่ผม


สมจิตต์: ที่มีการชุมนุม ท่านอยู่กรุงเทพฯไม่


ร.ต.อ.เฉลิม: ไม่บอก


สมจิตต์: เห็นมีข่าวว่าท่านจะไปอยู่เชียงราย


ร.ต.อ.เฉลิม:  ไปทำไม


สมจิตต์: มันมีกระแสข่าวออกมาในลักษณะนี้


ร.ต.อ.เฉลิม: ไม่มี เข้าใจผิด


สมจิตต์: ในช่วงการชุมนุม ท่านที่เป็นรองนายกฯที่ดูแลด้านความมั่นคง จะอยู่ดูแลความมั่นคงในประเทศใช่ไหม


ร.ต.อ.เฉลิม: คุณสมจิตติ์เอาอะไรมาบอกว่าผมเป็นรองฝ่ายความมั่นคง เขาไม่ได้ตั้ง เอาที่ไหนมาพูด ไม่มี นี่ไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์ซะชินไง เลยไม่รู้อะไร เพราะไปอยู่ประชาธิปัตย์มากไป ฝักใฝ่ประชาธิปัตย์เกินไปถึงเป็นแบบนี้ ไม่ได้อัพเดทข้อมูล


สมจิตต์: อย่างนี้หนูฟ้องท่านได้นะ ว่าหนูฝักใฝ่พรรคประชาธิปัตย์


ร.ต.อ.เฉลิม: อ้าว ฝักใฝ่พรรคการเมืองผิดอะไร ไปฟ้องเลย ไปแจ้งจับเลย ผมบอกว่า คุณฝักใฝ่พรรคประชาธิปัตย์มันผิดอะไร ไม่ผิด


             ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สอดคล้องกับ เนื้อหาในจุลสารราชดำเนิน ฉบับเดือนตุลาคม 2555 เผยแพร่โดยสมาคม นักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่ระบุว่า มีนักข่าวสาววิกหลายสี” ผู้อยู่เบื้องหลัง “เพจสายตรงภาคสนาม” นอกจากจะเป็นนักข่าวประจำพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ยัง “คลั่งไคล้” พ่อหนุ่ม “MARK” อย่างออกหน้าออกตา ทำตัวเป็น “องครักษ์พิทักษ์ MARK” จนสร้างความเอือมระอาให้กับ “บรรดาเพื่อนนักข่าว” 


ข้อมูลอ้างอิง

ชำแหละ “สายตรงภาคสนาม” …ดาวสยาม 2012

http://www.siamleaks.com/top-news/2012/621.html


Video by หงา สมชัย (เนชั่น)

http://www.youtube.com/watch?v=hTGPtY18kqg

"บก.ลายจุด" นัด "Flash Mob” BTS สยาม-กินไอติม "เทศกาลแช่แข็งประเทศไทย"

"บก.ลายจุด" นัด "Flash Mob” BTS สยาม-กินไอติม "เทศกาลแช่แข็งประเทศไทย"


สมบัติ บุญงามอนงค์ ล้อเลียน เสธ อ้าย เตรียมจัดกิจกรรมเทศกาลแช่แข็งประเทศไทย แต่งชุดกันหนาว พกผ้าห่ม ขึ้น BTS ไปกิน ไอศกรีม มองข้อเสนอ ปธ.องค์การพิทักษ์สยาม แทนที่จะแช่แข็งประเทศไทย กลับแช่แข็งตัวเอง
หลังจากที่ “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม  นำการชุมนุมขององค์การและเครือข่าย เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่สนามม้านางเลิ้ง ประสบความสำเร็จ และเตรียมที่จะชุมนุมใหญ่เพื่อไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีกครั้งในวันที่ 24 พ.ย.ที่จะถึงที่ พร้อมกับเผยถึง โมเดล "แช่แข็งประเทศ 5ปี”  หลังจากไล่รัฐบาลออกไปแล้ว ตามที่ พล.อ.บุญเลิศ ได้ให้สัมภาษณ์กับโพสต์ทูเดย์ ว่า เรา ก็จะมีคณะบุคคลขึ้นมาดูแล เหมือนเล่นบาสเกตบอล ถ้าทีมเกิดเพลี่ยงพล้ำก็ขอเวลานอกให้เอ็งหยุดเล่นกันสักพักได้ไหม 2-3 นาที ถ้าเป็นเวลาทางการเมืองก็อาจเป็น 1 ปี 2 ปี 3 ปี 5 ปีแล้วจากนั้นมาเลือกตั้งกันใหม่...ถ้าปีเดียวแบบตอนปี 2549 ก็เจ๊งกันพอดี เดี๋ยวเขาก็แค่ไปหลบเดี๋ยวค่อยมาใหม่ ระยะเวลาประมาณนี้ก็ถือว่าไม่มากไปไม่น้อยไป แต่เราต้องทำให้แข็งแรง
หน้าแฟนเพจ “รวมพลังแช่แข็งประเทศไทย” พร้อมข้อความ “จุดกระแสหยุดประเทศ แช่แข็ง 5 ปี เพื่อลูกหลานไทย”
หลังจากโมเดลแช่แข็งประเทศไทยของ พล.อ.บุญเลิศ เผยออกมา นำไปสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งการล้อเลียนจำนวนมาก จนมีการตั้งแฟนเพจใน เฟซบุ๊ก ชื่อ “รวมพลังแช่แข็งประเทศไทย” ที่ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อล้อเลียนโมเดลแช่แข็งดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางเฟซบุ๊กล้อเลียนโมเดลดังกล่าวคือการถ่ายภาพในชุด กันหนาวพร้อมถือป้ายข้อความ “หนาว แน่ มึง” ที่นำโดย บก.ลายจุด หรือนายสมบัติ บุญงามอนงค์ นักกิจกรรมทางสังคมและการเมือง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวเชิงสัญญาลักษณ์ ที่กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง โดยเขาอธิบายถึงการเคลื่อนไหวนี่ว่า เป็นการใช้ โชเชี่ยลมีเดีย รณรงค์ล้อเลียนข้อเสนอของ พล.อ.บุญเลิศ โดยรณรงค์ให้คนมาสวมเสื้อกันหนาวเนื่องจากมีคนขู่ว่าจะแช่แช็งประเทศ ในฐานะพลเมืองแล้วเราควรจะมีท่าทีการแสดงออก สำหรับกิจกรรมที่แสดงออกเป็นการแสดงออกแบบ ขำ ขำ  เช่นเดียวกับข้อความ “หนาว แน่ มึง” นั้น ก็เป็นการล้อเลียน เพื่อทำให้วาทกรรมการเรื่องการแช่แข็งประเทศไทยเป็นเรื่องตลก
บก.ลายจุด หรือนายสมบัติ บุญงามอนงค์
“วาทกรรม “แช่แข็งประเทศไทย” ของ เสธฯ อ้าย กลายเป็นลุงอ้ายลื่นล้มเองเลย เพราะแทนที่จะแช่แข็งประเทศไทย มันกายเป็นย้อนมาแช่แข็งตัวแกเองเรียบร้อยแล้ว ล็อคตัวแกเลย เพราะวาทกรรมนี้มันไม่สามารถมีเหตุผลเพียงพอ มันฟังดูทะเล่อทะล่า ดูตลกขบขันไร้สาระ ผมคิดว่าข้อเสนอนี้ไม่ค่อยร่วมสมัยและเป็นผลเสียต่อผู้พูดเอง” บก.ลายจุด กล่าว
สมบัติ ยังฝากถึงผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม ว่าไม่ควรไปชุมนุมใกล้ที่ชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม  ควรเปิดโอกาสให้เขาได้ชุมนุมอย่างเต็มที่ เพราะเป็นสิทธิที่ชุมนุมได้ แล้วก็เรียนรู้กันไป แต่อาจจัดกิจกรรมห่างๆ บ้างเล็กๆน้อยๆได้  เข่น จัดชุมนุมอภิปราย แต่ไม่ควรเคลื่อนมวลชนเข้าไปใกล้
ส่วนเป้าหมายที่องค์การพิทักษ์สยาม โดยเฉพาะการออกมาไล่รัฐบาลนั้น บก.ลายจุดประเมินว่าไม่สามารถไล่ได้โดยกระแสหรือมวลชนที่สนับสนุน แต่หากมีเขามีกองกำลังจริงก็อาจจะยึดอำนาจสำเร็จ อย่างไรก็ตามหลังการยึดอำนาจเสร็จก็เป็นปัญหาใหญ่มาก เพราะว่าสิ่งที่จะเจอต่อไปซับซ้อน คนทำจะลำบากมาก โดยเฉพาะประชาชนที่จะต่อต้านทุกรูปแบบ
บางส่วนที่ร่วมแชร์ภาพ “หนาว แน่ มึง” ใน เฟซบุ๊ก
นอกจากการแสดงออกในเชิงล้อเลียนเพื่อคัดค้านการเคลื่อนไหวขององค์การพิทักษ์ สยามทางออนไลน์แล้ว บก.ลายจุด ได้เปิดเผยด้วยว่าจะมีการแสดงออกในโลกออฟไลน์หรือข้างนอกด้วยและจะนำภาพมาลง เพื่อรณรงค์ในออนไลน์ต่อ โดยกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงจะมีการจัดกิจกรรม “เทศกาลแช่แข็งประเทศไทย” ขึ้นในวันที่18 พ.ย.นี้ เวลา 12.00 น. เป็น “Flash Mob” ที่ สถานีรถไปไฟฟ้า BTS สยามถึง จตุจักร และเขายัได้เปิดเผยถึงรูปแบบกิจกรรมด้วยว่าจะเป็นการสวมชุดกันหนาวเต็มอัตรา ศึก ตั้งแต่เสื้อหนาว ผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงน่อง ใครจะพกผ้าห่มมาด้วยก็ได้ เพื่อไปกินไอศกรีม
กระแสการต่อต้านข้อเสนอของ พล.อ.บุญเลิศ และการเคลื่อนไหวของ องค์การพิทักษ์สยาม ยังมีอีกหลายรูปแบบ เช่น การขึ้นป้ายสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คัดค้านการรัฐประหาร รวมท้งยังมีกลุ่มเสื้อแดงที่ใช้ชื่อ “สมัชชาประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย” ได้เตรียมจัดกิจกรรมประกาศเจตนารมณ์คนนนทบุรีไม่เอาการแช่แข็งประเทศและเจต จำนงในการต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ เวลา 15.00 น. ที่หน้าสถานีดาวเทียมไทยคม จังหวัดนนทบุรี  อีกด้วย
ขอขอบคุณ ประชาไท
http://www.prachatai.com/journal/2012/11/4367