ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ยันเข้าเกณฑ์ทหาร ไม่ต้องกลัว ไม่มีกลั่นแกล้ง ด้าน 'เนติวิทย์' แจงจะผ่อนผัน ยันไม่สังฆกรรมในการเกณฑ์ทหารใดๆ 'จ่านิว' ชี้เข้าไปถูกกระทืบตายแน่
22 มี.ค. 2560 จากกรณีมีการเปิดเผยรายชื่อ เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เคยประกาศไว้ในคำประกาศความเป็นไทเมื่ออายุ 18 ปี ว่าจะไม่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเกณฑ์ทหารของกองทัพไทย (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม) 'จ่านิว' สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ มีชื่อต้องเข้ารับตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2560 นั้น
ผบ.นรด. บอกไม่ต้องกลัว ไม่มีกลั่นแกล้ง
วานนี้ (21 มี.ค.60) มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.วีรชัย อินทุโสภณ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) กล่าวถึงกรณี เนติวิทย์ ว่า เนติวิทย์ เมื่อได้รับหมายก็ต้องเข้ารับการตรวจเลือกตามวันเวลาที่กำหนด คือวันที่ 4 เม.ย. นี้ หากไม่มาก็เท่ากับหลีกเลี่ยง และขัดขืนก็จะถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยทางหน่วยทหาร จะไปแจ้งความ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และศาลก็จะเป็นผู้ตัดสินความผิด หลังจากถูกตัดสินแล้วและในปีต่อไปก็จะต้องเข้ามาเป็นทหารทันทีโดยไม่ต้องผ่านการตรวจเลือก และนายเนติวิทย์จะต้องเป็นทหารทันทีโดยไม่ต้องมีการจับใบดำใบแดง
พล.ท.วีรชัย กล่าวว่า การเกณฑ์ททหารมีสิทธิ์ผ่อนผันได้จนจบการศึกษา ไม่ว่าจะรับการศึกษาทั้งในหรือต่างประเทศ หากจบการศึกษาแล้วก็ต้องได้รับการตรวจเลือก ส่วนที่นายเนติวิทย์เคยเรียกร้องให้ยกเลิกระบบการเกณฑ์ทหารนั้น ก็เป็นเรื่องของเขา แต่เราเป็นคนไทยซึ่งชายไทยทุกคน มีหน้าที่ต้องรับเข้าราชการทหารด้วยตัวเอง เพราะเป็นกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติรับราชการทหารปี 2497
“ไม่ว่า เนติวิทย์ จะหนีไปไหน ก็หนีไม่พ้นต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร เพราะการตรวจเลือกทหารนั้น เป็นหน้าที่ที่ชายไทยทุกคนจะต้องปฏิบัติเท่าเทียมกันหมด ถือเป็นกฎหมาย และคนที่ทำผิดกฎหมายก็ต้องมีโทษ มีคดีติดตัว และไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศ และเข้ารับราชการก็ไม่ได้ รวมถึงทำงานด้านอื่นๆ ขอให้ความมั่นใจกับนายเนติวิทย์ว่าการเข้ามาเป็นทหารไม่ต้องกลัวว่าจะโดนกลั่นแกล้งเพราะ เราไม่เคยคิดที่จะไปกลั่นแกล้งใคร การเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้อบังคับและกฎหมาย ซึ่งไม่มีใครสามารถอยู่เหนือกฎหมายได้ หากเจ้าหน้าที่ไปกลั่นแกล้งใครก็จะมีความผิด" พล.ท.วีรชัย กล่าว
เนติวิทย์ แจงจะผ่อนผัน ยันไม่สังฆกรรมในการเกณฑ์ทหารใดๆ
ขณะที่ เนติวิทย์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'Netiwit Ntw' ระบุว่า ตนประกาศตัวเองว่าเป็น "ผู้ต่อต้านการเกณฑ์ทหารด้วยมโนธรรม" ตนเข้าใจว่าหลายๆ คนอาจจะงงว่าสิ่งที่ตนกำลังต่อสู้แบบนี้ เป็นลักษณะอย่างไร ขอแนะนำให้ไปดูเรื่อง Hacksaw Ridge พระเอกของเรื่องซึ่งมีตัวตนจริงก็เป็นผู้ต่อต้านแบบตน แต่สถานการณ์ของเขากับของเราต่างกัน ลองหากันดู
"ปีนี้ผมเลือกที่จะผ่อนผัน แต่ผมตัดสินใจมั่นว่าผมจะต่อสู้และผมจะไม่สังฆกรรมในการเกณฑ์ทหารใดๆ ผมไม่เห็นด้วยกับการรักชาติในรูปแบบนี้ ทำไมผมไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ ทำไมนักร้อง นักแสดง หรือทุกๆ คนไม่อาจจะรักชาติในรูปแบบอื่น ทำไมชิน ชินวุฒิ ไม่ไปร้องเพลง ทำไมมาริโอ้ต้องอ้างเป็นโรคหอบ ใครเป็นคนกำหนดว่าอย่างไหนคือการ "รักชาติ" เรารักชาติโดยไม่ต้องฆ่า ไม่ต้องถืออาวุธ ไม่ต้องถูกล้างสมองให้เหมือนกันได้ไหม ประเทศที่เดินตามทางทหารเดียวๆ ทุกวันนี้ การรักชาติทหารนิยามกลุ่มเดียวใช่ไหม นี่ไม่ใช่ประเทศที่ผมต้องการ ผมเห็นแล้วว่า 3 ปีมานี้กับแนวคิดบ้าบออ้างรักชาตินี้ เราสูญเสียโอกาสไปขนาดไหน ผมขอต่อสู้เพื่อสิทธิของผม และสิทธิแห่งอนาคตของประเทศนี้ ผมขอย้ำอีกทีด้วยว่า ผมขอผ่อนผัน ผมกำลังยุ่งวุ่นรับใช้ชาติในแบบของผมอยู่ครับ" เนติวิทย์ โพสต์
จ่านิว ชี้เข้าไปถูกกระทืบตายแน่
ขณะที่วันนี้ (22 มี.ค.60) สิรวิชญ์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'Sirawith Seritiwat' ในลักษณะสาธารณะเช่นกันว่า "ถ้าผมเข้าไปถูกกระทืบตายแน่" พร้อมระบุด้วยว่า คงไม่ได้มีแค่เนติวิทย์หรือตนหรอกครับที่กังวลเรื่องในการเกณฑ์ทหาร คนทั่วไปเขาก็กลัวและกังวลเหมือนกัน มีหลักประกันอะไร ว่าจะไม่มีเหตุการณ์อย่างนี้ อมโบสถ์วัดพระแก้วมายืนยัน ตนก็ไม่เชื่อและไม่มีใครเชื่อด้วย
สิรวิชญ์ ระบุว่า ความสัมพันธ์ในแง่อำนาจระหว่างครูฝึกกับทหารผู้ถูกไม่เท่าเทียมกัน ในรูปแแบบการบังคับบัญชาของทหาร ก็เป็นลักษณะนี้ทุกที่ แต่ของไทยมักจะปรากฏเรื่องราว ความบ้าอำนาจของครูฝึก การใช้ อำนาจ้บังคับบัญชาในเรื่องไม่เป็นเรื่อง และไม่เกี่ยวข้องกับการฝึกปฏิบัติหน้าที่ ความบ้าอำนาจใช้อำนาจอย่างป่าเถื่อน และเกินกว่าเหตุนำไปสู่การใช้ความรุนแรงอย่างหนักและทำให้อับอาย ทั้งๆ ที่การใช้อำนาจนั้นไม่ได้มีอยู่ในข้อบังคับ แต่สุดท้ายคนพวกนี้ก็หาเหตุผลข้างๆ คูๆ มาอธิบาย ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการฝึกเลย พูดง่ายๆ แทนที่จะใช้อำนาจบังคับบัญชาตามที่ทำได้อย่างถูกกฎเกณฑ์ กับใช้อำนาจอย่างบ้าคลั่งและป่าเถื่อน จนนำไปสู่การกระทำที่เกินกว่าต่อคนที่เข้าไปเป็นพลทหาร ทำกับเขาประดุจไม่ใช่คน จนบางครั้งนำไปสู่การสูญเสียแทบทุกปี
ภาพจากกล้องวงจรปิด จะเห็นรถปิคอัพสีบรอนซ์เงินจอดหน้าประตูเชียงราก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต และมีเจ้าหน้าที่เดินลงมาอย่างน้อย 5 นาย เพื่อควบคุมตัวสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ที่กำลังเดินกลับเข้ามาในเขตมหาวิทยาลัย (มุมซ้ายของจอภาพ) ก่อนนำตัวขึ้นรถปิคอัพสีบรอนซ์เงิน ที่จอดขวางประตูเชียงราก (กลางจอภาพ) และขับรถมุ่งไปทางถนนพหลโยธิน ขณะที่มีรถปิคอัพสีน้ำเงิน ขับตามประกบ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2559 (อ่านรายละเอียด)
สำหรับกลไกกระบวนการยุติธรรมนั้น สิรวิชญ์ ระบุว่า ไม่ช่วยไขข้อสงสัยหรือเยียวยา เหตุการณ์ เหล่านี้ได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีที่คุณนริศรา(หลานสาวพลทหารวิเชียรที่ถูกซ้อมจนเสียชีวิตในค่ายทหาร) เรียกร้องความเป็นธรรมและฟ้องร้องกรณีที่พลทหารที่เป็นญาติของเขาถูกซ้อมในค่ายทหาร จนบัดนี้ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม แถมถูกคู่กรณีฟ้องกลับ และคู่กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าซ้อมพลทหารคนนั้น กลับได้รับการเลื่อนยศอีก
อีกทั้งในส่วนของทหารก็มีวิถีปฏิบัติที่เป็นเหมือนระเบียบ ที่เปิดช่องให้ใช้ความรุนแรงเกินกว่าได้ เช่น สั่งซ่อม โดนซ่อม ก็คือซ้อม จำหน่ายตาย หมายถึง ให้มีการตายได้ ตนจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ 5% หรือ 5 คน แม้จะไม่มีระบุชัดเจน แต่การพูดลักษณะนี้ มันสะท้อนว่ามันต้องมี แทนที่จะทำให้ศูนย์แต่กับเปิดช่อง จึงไม่แปลกที่จะมีการใช้ความรุนแรง จนเกินกว่าและนำไปสู่ความตาย
สิรวิชญ์ ระบุอีกว่า ใครจะไปมั่นใจกับสิ่งที่กองทัพพูด และไม่ต้องรอให้ผมไปเป็นทหารเกณฑ์หรอก แค่ตนเป็นพลเรือนที่ต่อต้านการรัฐประหารของกองทัพ ก็เคยถูกทำความรุนแรงจากทหารบางคน ก็หลายครั้ง เช่นเหตุการณ์ 1)วันที่ 22 มิ.ย.2014 ทหารนอกเครื่องแบบไปควบคุมตัวผมกับเพื่อนๆที่สยามพารากอนอย่างรุนแรง 2) วันที่ 7 ธ.ค. 2015 ที่ สห. 6 คน ไปรุมตนเพื่อล็อคตัวขึ้นรถบัสทหาร และ 3) วันที่ 20 ม.ค. 2016 ที่มีทหารไปอุ้มตัวจากประตูเชียงราก มธ.รังสิต ที่จับตนคุมหัว แล้วพาไปป่าหญ้า เพื่อข่มขู่และลงไม้ลงมือ ใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายตน ยังไม่นับเหตุการณ์ที่มาข่มขู่ตนและที่บ้าน
"จากปรากฏการณ์ที่เป็นข่าวทุกปีและสิ่งที่ผมต้องประสบ ผมไม่มีทางมั่นใจและเชื่อมั่นเรื่องที่บอกว่า ไม่มีการกลั่นแกล้ง ไม่มีการใช้ความรุนแรง จากปากของคนระดับสูงในกองทัพได้แน่นอน" สิรวิชญ์ โพสต์