วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554


โหดห้ามอุทธรณ์ ไม่มีโทษ ไม่ปรานี ไม่ให้ประกันดา

http://thaienews.blogspot.com/2011/03/blog-post.html


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
1 มีนาคม 2554

นายประเวศ ประภานุกูล ทนายความของดา ตอร์ปิโด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว(ประกันตัว)น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล (ดา ตอร์ปิโด) ล่าสุดศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งมาแล้ว วันนี้(1มี.ค.)ทนายประเวศพร้อมกับพี่ชายของดาไปฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์มา ตามรูปที่แนบมา

โดยศาลอุทธรณ์สั่งว่า
"พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าความผิดที่ถูกฟ้องมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง อันกระทบความจงรักภักดี และเคารพเทิดทูนของประชาชนที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หากปล่อยชั่วคราวไปเชื่อว่าจะเกิดความเสียหายและจำเลยจะหลบหนี ส่วนที่จำเลยอ้างว่ามีเหตุจำเป็นต้องรับการรักษาอาการป่วยด้วยแพทย์เฉพาะทางภายนอกเรือนจำนั้น เห็นว่าจำเลยสามารถดำเนินการได้ตามระเบียบราชทัณฑ์ กรณีจึงยังไม่มีเหตุสมควรปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณา คำสั่งศาลชั้นต้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง แจ้งคำสั่งไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราวให้จำเลยทราบเป็นหนังสือโดยเร็ว"


ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9ก.พ.ศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณณ์ที่พนักงานอัยการเป็นโจกย์ยื่นฟ้องน.ส.ดารณี ในข้อหาดูหมิ่นและหมิ่นประมาท องค์พระมหากษัตริย์ พระราชชินี หรือองค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยในคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 18 ปี ต่อมาจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรมรนูญวินิจฉัย ว่าการที่่ศาลชั้นต้น สั่งพิจารณาคดีลับตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 177 โดยไม่รอการพิจารณาพิพากษาไว้ก่อน เมื่่อจำเลยขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ป.วิอาญา มาตรา 177 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า การวินิจฉัยว่ากฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกรณีที่ว่าป.วิอาญา มาตรา 177 ขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็ไม่เคยมีคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญมาก่อน จึงมีคำสั่งให้ส่งศาลรัธรรมนูญวินิจฉัยกฎหมายดังกล่าว ส่วนที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยนั้น ให้ยก โดยให้รอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้วให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่แล้วแต่กรณี

เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวนี้แล้ว ทำให้จำเลยไม่มีโทษจำคุกติดตัวในคดีนี้ ซึ่งหากจำเลยจะต้องการประกันตัวจะต้องยื่นหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวใหม่ ซึ่งเมื่อยื่นขอประกันแล้ว ศาลอาญามีคำสั่งเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ไม่ให้ประกัน ทนายความจึงยื่นอุทธรณ์อีกครั้ง และมีคำสั่งออกมาในวันนี้ สรุปคือไม่ให้ประกัน

**********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:

-นิติธรรมร่ำไห้ แม้ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดไม่มีโทษติดตัว แต่ไม่ให้ประกัน ไม่ปรานี คดีประหลาดดา ตอร์ปิโด 

-สิทธิศักดิ์ วนะชกิจ โฆษกศาลยุติธรรม:ศาลอุทธรณ์พิพากษา "ยก" คดี ดา ตอร์ปิโด มีความหมายอย่างไร

ความจริงของกลอนร้อนที่อ้างว่าสมัครเขียนก่อนตาย และสุรชัย แซ่ด่านนำไปอ่านจนติดคุกคดีหมิ่นฯ

http://thaienews.blogspot.com/2011/03/blog-post_3083.html


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
2 มีนาคม 2554

ตอนนี้มีการเผยแพร่บทกลอนที่อ้างว่าเป็น"กลอนสุดท้ายสมัคร : ไม่มีเทวดาบนฟ้า"กันแพร่หลายในหมู่มวลชนเสื้อแดง ทั้งการฟอร์เวิร์ดเมล์ ทั้งการโพสต์ตามกระดานสนทนาต่างๆ และผู้ใช้นามว่า"บรรพต"บันทึกเสียงแพร่กระจาย

ในเนื้อหาที่กระจายกันออกไปนั้นอ้างว่า บทกลอนนี้เป็นบทกลอนสุดท้ายในชีวิตของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีก่อนตาย เขียนแล้วใส่มือให้ภริยาของท่าน มีนัยยะพาดพิงไปยังบางสถาบันในสังคมไทย แล้วชี้ว่านายสมัครเกิดอาการ"ตาสว่าง"ก่อนตาย จากนั้นนายสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำแดงสยามนำไปอ่านที่งานเสวนานัดหนึ่งที่อิมพีเรียลลาดพร้าว เมื่อปลายปีก่อน และเป็นมูลเหตุให้ถูกจับกุมข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามมาตรา 112

โดยเนื้อหากลอนที่เผยแพร่มีดังนี้
กลอนสุดท้ายสมัคร : ไม่มีเทวดาบนฟ้า

เมื่อสิ้นรักหักสวาทขาดสะบั้น
ก็สิ้นชาติขาดกันแต่เพียงนี้
ที่เคยหลงจงรักและภักดี
มาบัดนี้ไม่มีเยื่อไม่เหลือใย

เห็นกงจักรเป็นดอกบัวชั่วชีวิต
เคยหลงผิดถึงขั้นตายแทนได้
หลงตามลมชวนเชื่อทุกเมื่อไป
บัดนี้ไทยตาสว่างเห็นทางธรรม

เมื่อสิ้นรักหักสวาทขาดสะบั้น
ก็จบกันเลิกเลี้ยงชุบอุปถัมภ์
จะตอบแทนให้สาสมโสมมระยำ
ให้หลาบจำทำชั่วต้องชดใช้

ไม่มีแล้วเทวดาบนฟ้านี้
และไม่มีเหนือมนุษย์ฉุดรั้งได้
ประเทศชาติประชาชนประชาธิปไตย
คือหลักชัยไทยทั้งชาติประกาศพ่วง

เสมือนสวมพระเครื่องอันเรืองเวช
ประนมเดชมอบดวงใจให้ทุกสิ่ง
แต่องค์พระกลับเข้าช่วงชิง
จนได้รู้ความจริงอันเจ็บใจ

สิ่งที่สูงนั้นกลับต่ำจนตำเนตร
ใจสมัคร สุนทรเวชจึงหมองไหม้
เฝ้าจงรักภักดีไม่รู้คลาย
ขอกัดฟันลาตายไม่ถวายพระพร


กลอนสุดท้ายของ... สมัคร สุนทรเวช


จักรภพ-สุรชัย..กล่าวกันว่าสุรชัย แซ่ด่าน ถูกจับกุมเพราะอ่านกลอนที่อ้างว่าสมัคร สุนทรเวช แต่งขึ้นก่อนตาย แต่ความจริงกลอนนี้เป็นสำนวนของจักรภพ เพ็ญแข ผู้นำของแดงสยามอีกราย ซึ่งต่อมาถูกนำไปรวมผสมเข้ากับกลอนอีกสำนวนของผู้ใช้นามปากกาว่า"ปีกซ้าย"

ไทยอีนิวส์ขออธิบายให้เกิดความเข้าใจที่แท้จริงว่า เนื้อหากลอนข้างต้นนั้น นายสมัคร สุนทรเวช ไม่ได้เป็นคนเขียนแต่อย่างใด แต่กลอนนี้มีผู้เขียนไว้2สำนวน แล้วเกิดการนำมารวมกันกลายเป็นกลอนสำนวนเดียวดังข้างต้น ซึ่งผู้ที่อ่านกลอนแปดเป็นประจำจะเห็นได้ชัดว่า ในวรรคที่เป็นบาทสุดท้ายนั้น ไม่ได้สัมผัสกับบาทก่อนหน้านั้นเลย เพียงเท่านี้ก็ควรสงสัยแล้วว่า กลอนนี้เป็นการจับ2สำนวนมาผสมกันจึงผิดฉันทลักษณ์ของกลอนแปด

กลอนสำนวนแรกนั้นเคยเผยแพร่ในไทยอีนิวส์ตามลิ้งค์นี้
http://thaienews.blogspot.com/2010/05/blog-post_21.html โดยมีชื่อกลอนว่า
ไม่มีแล้วเทวดาบนฟ้านี้ เขียนโดยผู้ใช้นามว่า ปีกซ้าย เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2553 มีเนื้อหาดังนี้

ไม่มีแล้วเทวดาบนฟ้านี้... 

เมื่อสิ้นรักหักสวาทขาดสะบั้น
ก็สิ้นชาติขาดกันแต่เพียงนี้
ที่เคยหลงจงรักและภักดี
มาบัดนี้ไม่มีเยื่อไม่เหลือไย

เห็นกงจักรเป็นดอกบัวชั่วชีวิต
เคยหลงผิดถึงขั้นตายแทนได้
หลงตามลมชวนเชื่อทุกเมื่อไป
บัดนี้ไทยตาสว่างเห็นทางธรรม

เมื่อสิ้นรักหักสวาทขาดสะบั้น
ก็จบกันเลิกเลี้ยงชุบอุปถัมภ์
จะตอบแทนให้สาสมโสมมระยำ
ให้หลาบจำกรรมชั่วต้องชดใช้!

ไม่มีแล้วเทวดาบนฟ้านี้
และไม่มีเหนือมนุษย์ฉุดรั้งได้...
ประเทศชาติประชาชนประชาธิปไตย
คือหลักชัยไทยทั้งชาติประกาศทวง


โดย ปีกซ้าย


ส่วนอีกสำนวนนั้น นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำแดงสยาม อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรียุครัฐบาลนายสมัครเขียนเผยแพร่ครั้งแรก ในคอลัมน์ ร้อยรักอักษราเป็นอาวุธ นสพ.ไทย เรดนิวส์ ฉบับที่ 27 (ศุกร์ที่28 พ.ย.-พฤหัสบดี ที่3 ธ.ค.2552)เพื่อไว้อาลัยนายสมัคร ต่อมาเวบไซต์ประชาธิปไตย100%นำมาเผยแพร่ตามลิ้งค์http://democracy100percent.blogspot.com/2009/11/blog-post_26.html เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2552

สำนวนกลอนฉบับเต็มมีดังนี้

เรื่อง : สมัคร สุนทร เวช
โดย : จักรภพ เพ็ญแข


ณ แผ่นดินถิ่นนี้มีผู้ใหญ่
ผู้เกรียงไกรใจถึงประหนึ่งสิงห์
ตอบสังคมสมศักดิ์รักความจริง
ไม่แอบอิงมายาเป็น อาภรณ์

มากศัตรูมากมิตรชีวิตชัด
รักษาชีพด้วยสัตย์เป็นอนุสรณ์
ผ่านถนนจนคุ้มทั้งลุ่ม ดอน
ครบวงจรอย่าง ผู้ใหญ่หัวใจจริง

“สมัคร สุนทรเวช” ท่านจากลับ
ย่อมมิใช่มืดดับทุก สรรพสิ่ง
ทุก ร่องรอยตัวตนของคนจริง
ทุกครั้งนิ่งเงียบสงบพบปัญญา

ผู้แผ้วถางทางเองไม่เกรงขาม
ผู้ก้าวข้ามอุปสรรคที่ ขวางหน้า
ผู้ สร้างตัวไม่กลัวใครในนครา
ผู้จับมือมวลประชาร่วมท้าทาย

และเป็นผู้ผิดหวังครั้งใหญ่ยิ่ง
ผู้ที่ท่านยึดว่าจริง กลับห่างหาย
ผู้ใหญ่ กลับสลับคู่เป็นผู้ร้าย
หัวใจท่านจึงสลายเพราะใจจริง

เสมือนสวมพระเครื่องอันเรืองเวทย์
ประณตเกศมอบหัวใจให้ ทุกสิ่ง
แต่ องค์พระกลับล้วงเข้าช่วงชิง
จนได้รู้ความจริงอันเจ็บใจ

สิ่งที่สูงกลับต่ำนั้น ตำเนตร
ใจ “สมัคร สุนทรเวช” จึงหม่นไหม้
นบนอบมาด้วยประชาธิปไตย
ก็สั่งให้กองทัพมากลับทาง

ยุให้คนผิดกฎหมาย ท้าทายรัฐ
ยุประชาธิปัตย์ เข้าด้านข้าง
ยุ ให้ศาลตั้งตนเป็นคนพาล
และยุผ่านสื่อมวลชนคนบริกร

นี่ล่ะหรือเสาหลักอันศักดิ์สิทธิ์
ภาพนิมิตรกลับกลอกเป็น หลอกหลอน
นึก ว่าว่านสมุนไพรแท้ใบบอน
นึกว่าจริงกลับละครย้อนดูตัว

แต่เกียรติยศแห่ง “สมัคร” จำหลักมั่น
ประชาชนทั้งนั้นท่าน รู้ทั่ว
ถึง ร่างลับดับขันธ์อย่าหวั่นกลัว
ความจริงจักปรากฎทั่วอย่ากลัวปลอม

พักเถิด ครับ...ท่านสมัคร...โปรดพักผ่อน
สิ่งที่ท่านสั่งสอนทั้งตรงอ้อม
จะนำมาปรับใช้จะไม่ยอม
ประชาธิปไตยแมวย้อมจะ ไม่เอา

ประชาชนได้เป็นใหญ่ใน “สมัคร”
เขาจึงรักแน่วแน่จนแก่เฒ่า
เผด็จการอำมาตย์ไทยเขาไม่เอา
ท่านคือเบ้าหลอมร่าง สร้างผู้นำ

กราบวิญญาณ “ท่านสมัคร” ผู้รักชาติ
ผู้สร้างมาตรฐานไว้ไม่ตกต่ำ
หนุนประชาธิปไตยธงชัยนำ
สวนระบอบใจดำผู้อำพราง

ชาว “ประชากรไทย” รวมใจหวัง
มวล “พลังประชาชน” คนสืบสร้าง
จะ สานต่อ “ท่านสมัคร” ผู้สร้างทาง
สละร่างทิ้งหัวใจให้บ้านเมือง.


ก่อนหน้าที่จะมีการนำบทกลอนสำนวนแรก(ที่เกิดจากการนำบทกลอนของปีกซ้ายกับของจักรภพมารวมกัน)เผยแพร่กระจาย และกล่าวกันว่าเป็นต้นเหตุให้สุรชัย แซ่ด่าน โดนจับกุมตามมาตรา112นั้น เคยมีการเผยแพร่บทกลอนอีกสำนวนที่อ้างกันว่าเป็นของสมัคร สุนทรเวช ดังนี้

จากใจ "สมัคร สุนทรเวช" ถึง "ฟ้า" 

เสมือนสวมพระเครื่องอันเรืองเวทย์
ประนมเดชมอบดวงใจให้ทุกสิ่ง
แต่องค์พระ กลับเข้าช่วงชิง
จนได้รู้ความจริงอันเจ็บใจ

สิ่งที่สูงกลับต่ำนั้นดำเนตร
ใจสมัครสุนทรเวชจึงหมองใหม้
เฝ้าจงรักภักดีมิรู้คลาย
ขอกัดฟันลาตาย? ไม่ถวายพระพร

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย (ผู้ประพันธ์)
มอบให้ในอุ้งมือคุณหญิงภรรยาของท่านไว้ก่อนสิ้นใจไม่นาน



บทกลอนสำนวนนี้แพร่หลายอยู่พอสมควร รวมทั้งในเวบบอร์ดคนเหมมือนกันตามลิ้งค์ http://weareallhuman2.info/index.php?showtopic=48758 ซึ่งดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้ชี้ว่าไม่ใช่กลอนของสมัคร

โดยดร.สมศักดิ์เขียนว่า ถ้านี่เป็นกลอนของ สมัคร สุนทรเวช จริง ก็จะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทั้งในแง่ประวัติชีวิตของสมัคร และการเมืองในมุมกว้างออกไป (ความเปลี่ยนแปลงของรอยัลยิสต์คนสำคัญ)แต่ผมเกรงว่า นี่จะไม่ใชกลอนของสมัคร สุนทรเวช

(ก่อนอื่น ขอให้สังเกตว่า บรรทัดที่ 3 น่าจะคัดลอกมาผิด เพราะไม่ครบ 8 หรือ 9 พยางค์ ตามสไลต์ชองกลอนบรรทัดอื่น (ถ้าเป็นนักแต่งกลอนสมัยใหม่ กลอนแปดอาจจะมีเพียง 6-7 พยางค์ ในบางบรรทัดได้ แต่นี่ ไม่เข้ากับกลอนส่วนอื่นๆ) - ดูเรื่องนี้ข้างล่าง)

และเมื่ออ่านเนื้อหาแล้ว ผมก็ไม่คิดว่า น่าจะใช่ของสมัคร
พูดง่ายๆ แบบภาษาทีใช้กันแถวนี้คือ ผมไม่คิดว่า สมัคร จะมีอาการ "ตาสว่าง" ก่อนตาย ถึงเพียงนี้

เท่าที่ผมค้นดู ผมพบว่า อันที่จริง กลอนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ กลอน ของ จักรภพ เพ็ญแข ที่แต่งไว้อาลัย สมัคร
ดูตัวอย่างกลอนเต็มๆ ที่เว็บประชาธิปไตย100%
http://democracy100percent.blogspot.com/2009/11/blog-post_26.html
กลอนเต็มๆของจักรภพ นั้น ตีพิมพ์ครั้งแรก ที่ คอลัมน์ ร้อยรักอักษราเป็นอาวุธ นสพ.ไทยเรดนิวส์ ฉบับที่ 27 (ศ. 28 พ.ย.-พฤ. 3 ธ.ค. 52)

ขอให้สังเกตด้วยว่า ในกลอนจักรภพ ฉบับเต็มๆ บรรทัดที่ผมคาดว่า คัดลอกมาผิดนั้น คัดลอกมาผิดจริงๆ ของจริง ต้องเป็น "แต่องค์พระกลับล้วงเข้าช่วงชิง" (ครบ 8 พยางค์)

แต่ปรากฏว่า ดูเหมือนจะมีการตัดเอาเฉพาะท่อนที่ยกมาในกระทู้นี้ ไปเผยแพร่ต่อ ในลักษณะเหมือนกระทุ้นี้ คือมีการเขียนเพิ่มเติมว่า สมัคร แต่ง แล้ว "มอบให้ในอุ้งมือคุณหญิงภรรยาของท่านไว้ก่อนสิ้นใจไม่นาน"
ผมพบที่นี่ เป็นต้น (ใช้ proxy)
http://groups.google.com/group/redthai/msg/901429ac1aabff78?pli=1หรือไปอ้างกันต่ออีกหลายที่

(ขอให้ส้งเกตว่า วรรค "แต่องค์พระ กลับเข้าช่วงชิง" คัดลอกมาตกหล่น เหมือนที่กระทู้คัดลอกมา และไม่เหมือน กลอนฉบับเต็มของจักรภพ)

อาจจะเป็นไปได้ว่า สมัคร แต่งจริง และ "มอบให้ในอุ้งมือคุณหญิงภรรยา" จริง แล้ว จักรภพ ทราบเข้า จึงนำไปรวมอยู่ในกลอนที่ตัวเองแต่ไว้อาลัยสมัคร (เป็นเทคนิคทีนักกลอนบางคร้งใช้ คือ quote บางส่วนของกลอน คนอื่น เข้าไว้ในกลอนตัวเอง เช่น ถ้าผมจะแต่งกลอนถึง จิตร ผมอาจจะใส่ "เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฎร์..." ที่จิตร แต่ง เข้าไว้ด้วยก็ได้ แต่โดยทั่วไป เทคนิคนี้ ถ้าใช้ มักจะมี "..." (เครืองหมาย quote ชัดเจน) แต่กลอนจักรภพ ตามที่เผยแพร่ทางเวบประชาธิปไตย100%ไม่เห็นมี)

แต่โดยส่วนตัว ผมยังไม่คิดว่า น่าจะเป็นไปได้ (ที่ว่าสมัครแต่ง แล้วจักรภพไปได้มา เลยมารวมไว้ในกลอนตัวเอง)

ถ้าใครมีข้อมูลยืนยันได้ กรุณาบอก จะขอบพระคุณอย่างสูง เพราะดังที่กล่าวว่า เรื่องนี้สำคัญในแง่ประวัติชีวิตสมัคร และในแง่การเมืองของรอยัลลิสต์
*******

จากการประมวลทั้งหมดนี้ ไทยอีนิวส์ขอสรุปแบบฟันธงว่า กลอนที่กำลังแพร่กระจายเวลานี้ว่าสมัคร สุนทรเวช เป็นคนแต่ง และสุรชัย แซ่ด่าน นำไปอ่านแล้วติดคุกตามมาตรา112นั้น เป็นของที่ปลอมแปลมขึ้นจากการนำกลอน2สำนวนของปีกซ้ายกับจักรภพมารวมกัน แล้วอ้างว่าเป็นบทกลอนก่อนตายของสมัคร

เราไม่ทราบเจตนาของผู้จัดปลอมแปลงกลอนนี้ขึ้น แล้วอ้างว่าเป็นฝีมือกลอนของสมัคร แต่หากเป็นทริกเพื่อหวังผลทางการเมือง เราก็ขอแจ้งให้ทราบว่า เป็นเจตนาที่ไม่สุจริต เพราะไม่เคารพต่อผู้วายชนม์คือนายสมัคร สุนทรเวช ไม่เคารพต่อมวลชนผู้รับสาร และไม่เคารพต่อข้อเท็จจริง ไม่เคารพต่อเจ้าของผลงานที่แท้จริง เป็นการกระทำที่น่าอับอาย

แม้ว่าการกระทำดังกล่าว จะมีเจตนาหวังผลทางการเมืองบางประการ และก็บรรลุเจตนารมณ์อันซ่อนเร้นของผู้จัดทำและเผยแพร่ก็ตาม สำหรับมวลชนผู้รับสาร แม้ว่าท่านอยากเชื่อว่านี่คือกลอนสุดท้ายของนายสมัคร แต่พึงรับทราบว่า สัจธรรมนั้นไม่อาจงอกเงยมาจากความเท็จ

******
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:

-จักรภพ เพ็ญแข :เบื้องหลังกรณี “กลอนสมัคร”

ใครที่ยังไม่มีไว้ประจำบ้าน เชิญโหลด"ประกาศคณะราษฎร" ที่แจกจริงๆในวันปฏิวัติ 24 มิถุนายน 2475


คณะราษฎรอ่านประกาศคณะราษฎรเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 พร้อมกับแจกจ่ายแถลงการณ์ต่อราษฎรชาวสยาม จากนั้นพากันเปล่งเสียงไชโย เอกสารที่นำมาเผยแพร่ในรายงานนี้ เขื่อว่าเป็นฉบับเดียวกันกับที่แจกในวันนั้น

โดย ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
ที่มา เฟซบุ๊คสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

เอ้า! แจก pdf เก่าๆ สำหรับใครที่จนป่านนี้ยังไม่มีไว้ประจำบ้านนะครับ "ประกาศคณะราษฎร" ที่แจกจริงๆในวันปฏิวัติ 24 มิถุนายน 2475
http://www.mediafire.com/?fdhdocpxthl8e8tประกาศคณะราษฎรฉบับที่1

ความจริง ผมเคยแจกที่บอร์ดฟ้าเดียวกันมานานแล้ว แต่พอดีว่า มีเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศบางคนถามมา ผมเลยเพิ่ง upload ให้ใหม่ ไหนๆทำแล้ว ก็เลยมาบอกกันทั่วๆ เผื่อใครที่ยังไม่มีอีก...pdf นี้ ผมได้มาจาก อ.ดร.ณัฐพล ใจจริงนะครับ





ตัวหนังสือนี่เก่าๆ 3-4 คำแรกๆสุดของหน้า 2 ก็ขาดๆนิดหน่อยนะครับ แต่คงอ่านได้ หรือไม่ก็เปรียบเทียบเอากับตัวพิมพ์สมัยใหม่ ทีนี่
http://www.pridi-phoonsuk.org/peoples-party-manifesto/

มีข้อพึงสังเกตนิดหน่อยนะครับ สำหรับท่านที่ยังไม่ทราบใน "ประกาศคณะราษฎร" นี้ ตรงหน้า 3 บรรทัดที่ 10 นับจากข้างล่าง ทีปรีดีเขียนว่า
"ถ้ากษัตริย์ตอบปฏิเสธหรือไม่ตอบภายในกำหนดโดยเห็นแก่ส่วนตนว่าจะถูกลดอำนาจลงมาก็จะได้ชื่อว่าทรยศต่อชาติ และก็เป็นการจำเป็นที่ประเทศจะต้องมีการปกครองแบบอย่างประชาธิปไตย กล่าวคือ ประมุขของประเทศจะเป็นบุคคลสามัญซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้เลือกตั้งขึ้น อยู่ในตำแหน่งตามกำหนดเวลา"


คำว่า "ประชาธิปไตย" ทีใช้นี้ มีความหมายว่า "รีปับบลิค"หรือสาธารณรัฐ นะครับ ไมใช่แค่ "การปกครองโดยเสียงข้่างมาก"อย่างที่เราใช้ในปัจจุบัน

ช่วงนั้น (ประมาณ 2475) ปรีดี และคนไม่น้อยใช้คำนี้ "ประชาธิปไตย" ในความหมาย republic จริงๆ ดูตัวอย่างที่มีชื่อเสียงพอสมควรได้ ที่ "คำอธิบายกฎหมายปกครอง" ของปรีดี (ปี 2474) หน้า 34 "รัฐบาลประชาธิปตัย" ทีนี่ ครับ
http://www.pridi-phoonsuk.org/wp-content/uploads/2010/01/32.pdf

เรื่องที่คำว่า "ประชาธิปไตย" ในสมัยนั้นหมายถึง republic นี้ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ เน้นอย่างมาก ยืนยันว่า มีความหมายนี้เท่านั้น แต่ผมไม่เห็นด้วย ผมมีเอกสาร หรืองานเขียนสมัยนั้น ทีใช้คำนี้ ในความหมายสมัยใหม่ ที่ไมใช่หมายถึงเฉพาะ republic อยู่ พูดง่ายๆคือ ในความเห็นของผม ช่วง 2475 (ประมาณนั้น) คำนี้ มันอยู่ในช่วงที่เรียกว่า "เปลี่ยนผ่าน" คือ มีคนใช้ในความหมาย republic ล้วนๆ (อย่างกรณีปรีดี ใน "คำอธิบายกฎหมายปกครอง" หรือ "ประกาศคณะราษฎร" จริงๆ แต่ก็มีคนใช้ในความหมายการปกครองโดยคนส่วนใหญ่แบบที่เข้าใจในขณะนี้ เหมือนกัน และความหมายอย่างหลัง จะเพิ่มมากขึั้นๆ จนเป็น standard ในเวลาไม่กี่ปี หลังการปฏิวัติ 2475

อ้อ อีกนิดนะครับ ถ้าดูจากเอกสารต้นฉบับ "ประกาศคณะราษฎร" มันจะไม่มีคำว่า "ฉบับที่ 1" ผมเข้าใจว่า จริงๆแล้ว ก็ไม่มี เพราะตอนประกาศ ปรีดี และคนอื่นๆ คงไม่ได้คิดในเชิงปัจจุบัน ที รัฐประหารที มี"ประกาศ" เยอะๆ หลายฉบับอะไรแบบนั้นดูเพิ่มเติม

*****
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:

-มุมประวัติศาสตร์: เอกสารเก่าต้นฉบับ "ประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 1"

-โรคประจำศตวรรษ:ประชาธิปไตย'อันมีฯVSไม่มีอันฯ' 

-ผลสำรวจผู้อ่านไทยอีนิวส์ก่อน-หลังเหตุการณ์19พฤษภา53:ประชาธิปไตยแบบใดที่ท่านปรารถนา?

วิกิลีกส์:คำสาปเพชรซาอุ

http://thaienews.blogspot.com/2011/03/blog-post_11.html



โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา เฟซบุ๊ค สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
11 มีนาคม 2554

ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เขียนในเฟซบุ๊คว่า โทรเลขวิกิลีกส์ เรื่อง "คำสาปของบลูไดมอนด์" ออกมาหลายวันแล้วนะครับ (28 กุมภา) ไม่มีอะไรน่าสนใจ

ผมค้นหาด้วย Google ก็ได้ที่อยู่มาไม่ยากอะไร คนอื่นลองดู ก็น่าจะเจอไม่ยาก แต่อย่าโพสต์ link นะครับ เพราะมันมีบางคำ บางประโยคที่มีปัญหา

คือตอนต้นๆ มี 5-6 คำ และตอนท้าย มี 1 ประโยค ที่เล่าว่า หลังรัฐประหาร 19 กันยา มีการ "กล่าวหา" ตามเว็บบอร์ดว่า ครั้งสุดท้าย มีคนเห็น "บลูไดมอนด์" ที่ไหน

แค่นี้เองครับ

...ที่เหลือ โทรเลขยาวๆ เป็นการสรุปคดีเพชรซาอุ ซึ่งหาอ่านได้ตาม นสพ.ทั่วไป ไม่มีข้อมูลวงในอะไรทีน่าสนใจ

***********

ต่อไปนี้เป็นรายงานของวิกิลีกส์ในเรื่องนี้ ซึ่งไทยอีนิวส์ได้เซ็นเซอร์บางคำ บางประโยคที่มีปัญหา ออกไปแล้ว กับขอให้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ และฟังคำชี้แจงอย่างเป็นทางการของทางราชการไทยประกอบด้วย


THE CURSE OF THE BLUE DIAMOND 

C O N F I D E N T I A L SECTION 01 OF 04 BANGKOK 000278

SIPDIS

E.O. 12958: DECL: 02/02/2020 TAGS: PGOV, PHUM, PREL, SA, TH SUBJECT: THE CURSE OF THE BLUE DIAMOND: THAILAND INDICTS FIVE POLICEMEN TO SALVAGE RELATIONSHIP WITH SAUDI ARABIA

BANGKOK 00000278 001.2 OF 004

Classified By: DCM James F. Entwistle, Reasons 1.4(b) and (d)

1. (SBU) Summary: In the latest chapter of a two decade-long saga which has long soured Thai-Saudi relations,(เซ็นเซอร์) Office of the Attorney General on January 12 indicted five police officers in connection with the 1990 murder of a Saudi Arabian businessman with family ties to the Saudi royal family, just weeks before the expiration of the 20-year statute of limitations. In 1989, a Thai worker in the Saudi Arabian royal palace stole a large quantity of jewelry and smuggled it back to Thailand, including a 50-carat blue diamond. The graft, murders, and kidnappings that followed this incident resulted in a rift in the Saudi-Thai relationship that has lasted to the present day, compounded by the murder of four Saudi diplomats in 1989-1990 in circumstances never clearly explained publicly. In their effort to respond to Saudi demands for justice, the(เซ็นเซอร์)seeks to hold senior members of the Royal Thai Police (RTP) accountable for their part in the drama and, in doing so, normalize relations with Saudi Arabia and possibly reap economic benefits through expanded trade and investment with gulf states.

2. (C) Comment: Tales of intrigue, theft, kidnapping, murder, police misconduct, economic interests, and sectarian feuds, mixed in with possible ties to royal families in two kingdoms, are rich material for writers and conspiracy theorists, but not always conducive to effective and transparent investigation, let alone justice. The Thai media has persisted in mixing up the strands of the jewelry theft story with the separate story of the Saudi diplomat murders, which almost certainly were part of a Saudi feud with Hezbollah. Even linkages between the initial 1989 jewelry theft and later murders of the Saudi businessman in 1990 and family mem3e=[!zntability in Thailand for crimes committed by those in authority, in this case the police. The moves could also help normalize Thai-Saudi relations, but may not be enough. According to the Saudi Charge to Thailand, King Abdullah assured him that he would elevate the Charge to Ambassador -- thereby restoring normal diplomatic ties between the two countries -- provided the Charge could make progress on the businessman murder and jewelry theft cases. At the moment, there is progress on the former, but not on the latter. END SUMMARY AND COMMENT

A CURSED DIAMOND CORRUPTS POLICE AND JUDGES... --------------------------------------------- -

4. (SBU) In 1989, Kriangkrai Techamong, a Thai working in the palace of Prince Faisal (son of then-King Fahd) in Riyadh, stole an estimated 200 pounds of jewelry worth approximately $20 million from the palace and smuggled it back into Thailand. Among the jewels was a 50-carat blue diamond, a prized possession of the Saudi royal family. Kriangkrai was ultimately convicted of theft in Thailand in 1990, and received a five-year sentence (he served almost three, before being released in 1994).

5. (SBU) In the course of the investigation of the theft, sale, and dispersal of the jewelry, the wife and child of Santi Sithanakhan, a jewel trader involved in the case, were kidnapped, held hostage, and ultimately killed in 1994. The Bangkok Criminal Court found a group led by Royal Thai Police (RTP) officers guilty in 2002; the police allegedly kidnapped the family members in order to pressure Santi to reveal information about what happened to the jewels. The police gang had demanded a ransom of several million baht but killed the hostages after receiving the ransom payment to cover up

BANGKOK 00000278 002.2 OF 004

their illicit behavior.

6. (SBU) During the subsequent prosecution of the kidnappers, two judges, one from the appeals court and one from the supreme court, attempted to extort millions of baht from the ringleader of the kidnapping plot, RTP Lieutenant General Chalo Koetthet. Both judges were charged with corruption and fired in 2001. After the original 2002 conviction was appealed, the Appeals Court implemented much stricter sentencing in 2004, including a death sentence for the ringleader, LTG Chalo. The Supreme Court upheld the death sentence in October 2009, as well as sentences of varying degrees of severity for the accomplices. While some of the defendants have been acquitted, or had the charges dismissed against them as the case worked its way through the judicial system, at least one of the accused has died in prison. Many superstitious Thai citizens theorized that the Blue Diamond was cursed.

...AND A SAUDI BUSINESSMAN DISAPPEARS... ----------------------------------------

7. (SBU) In February 1990, another presumed victim in this tangle of intrigue, Saudi Arabian businessman Mohammad Al-Ruwaily, went missing in Thailand. A group of policemen, led by now RTP Lieutenant General Somkhit Boonthanom, were initially arrested in the Al-Ruwaily case, though the Office of the Attorney General (OAG) dismissed the case against them. In 2009, the Abhisit government directed the Department of Special Investigations (DSI) to reopen the investigation, and on January 12 DSI and the OAG announced the indictments of five police officers, including LTG Somkhit, on abduction and murder charges, for beating and killing Al-Ruwaily.

8. (C) Saudi Arabian Charge to Thailand Nabil Ashri told the Naval Attache at a January 27 dinner that he had been personally instructed by Saudi Arabian King Abdullah to make progress on the Al-Ruwaily case, as well as the jewelry theft. According to Nabil, during an audience with King Abdullah, the King had assured him that he would "make him an Ambassador if he made progress on this."

...MEANWHILE SAUDI DIPLOMATS WERE DYING ---------------------------------------

9. (C) Even before the jewelry theft and dispersal was devolving into a morass of corruption, extortion and murder, a Saudi Arabian diplomat was killed in Bangkok in January 1989; and another three were killed in February 1990, close in time to the Al-Ruwaily murder. Thai authorities initially arrested Thai Muslim businessmen and charged them with the diplomat murders, only to have the Supreme Court dismiss the charges against the defendants. In the 20 years since, Thai media have routinely conflated the jewelry theft case story lines with the four diplomat murders, though a January 16 Bangkok Post expose on the tangled tale of Thai-Saudi relations did mention that the Department of Special Investigation (DSI) "has now concluded the murder of the diplomats was linked to sectarian disputes."

10. (C) During a January 15 lunch with visiting Assistant Secretary for Political-Military Affairs Andrew Shapiro, Dr. Panitan Wattanayagorn, Deputy Secretary General for Prime Minister Abhisit and Acting RTG Spokesman, was more emphatic in delinking the various Saudi-Thai cases. Panitan stated that it was commonly accepted by Thai security and intelligence officials that the four Saudi diplomats had been killed by Hezbollah, supposedly in retribution for bungled attempts by the Saudi government to assassinate Hezbollah operatives. Panitan said there was no clear reason why this information had not been made public in the face of media confusion, other than that the RTG had been cautious about the association with Hezbollah and Iran.

BANGKOK 00000278 003.2 OF 004

DOES FOREIGN POLICY LEAD TO POLICE ACCOUNTABILITY? --------------------------------------------- -----

11. (SBU) The January 12 indictments triggered positive responses from both human rights advocates and the Royal Embassy of Saudi Arabia. Veteran human rights attorney Thongbai Thongpao, who successfully represented both defendants in the Saudi diplomat killings cases, told us he believes that this indictment will encourage the RTP to respect better the rule of law. Despite the lengthy period of inaction on the case, he emphasized to us that it was standard operating procedure to reopen proceedings if new evidence or witnesses emerged. Similarly, human rights lawyer Wibun Ingkhakun told us he believed that DSI and OAG had discovered sufficient new evidence to revive the case. While he did not see a hidden domestic political agenda behind the indictments, he did acknowledge to us the role played by Saudi Arabian pressure.

12. (SBU) A press release from the Saudi Arabian Embassy in Bangkok praised the RTG efforts and stated that Saudi Arabia "has been waiting for this day for almost 20 years." While enthusiastic in tone, it sounded a cautious note, in expressing "hope that Thai authorities will maintain these efforts and momentum on the two other cases which are equally important."

13. (C) However, Suepsakul Common, MFA Director in the Department of Middle East and African Affairs (and previously a Saudi Arabia desk officer for six years) told us that despite the press release, the Mohammad Al-Ruwaily case was the only truly pending case. While there has been no conviction in the cases of the murdered diplomats, he believed both nations agree that those murders were the result of "conflict in the Middle East" and not a result of Thai actions. Therefore, while the Saudis want Thai authorities to continue to gather evidence in these cases, they recognize the complications that the RTG faces in doing so, according to Suepsakul.

A NEW BEGINNING? ----------------

14. (C) Panitan from the PMs office emphasized the importance of resolving the Saudi businessman murder case to Thailands strategy of economic recovery through targeting new markets for Thai agricultural products and labor and sources of investment, including the Gulf States. Panitan said that PM Abhisit had visited Qatar; Bahrain and the U.A.E. were also on Thailands radar, but the key to better relations with all the Gulf states would be fixing the relationship with Saudi Arabia.

15. (C) Prior to the jewelry theft and its aftermath, more than 250,000 Thai workers sent remittances back from Saudi Arabia to Thailand, and Saudi tourists flocked to Thailand, Panitan noted. Afterwards, the Saudi government sent most of the workers home, and restricted the ability of Saudis to travel to Thailand, cutting tourism by 80 percent. Sarasin Viraphong, Executive Vice President of the CP Group, Thailands largest multi-national, also present at the January 15 lunch with A/S Shapiro, confirmed that whenever he needed to travel to Saudi Arabia, the approval process took six weeks - facing a longer wait than any for other country his business executive colleagues visited world-wide.

16. (C) In describing the "new beginning" for the two nations, which would commence with a reopened dialogue with Saudi Arabia, MFA Director Suepsakul insisted that the possible benefits would go beyond increased Saudi tourism to Thailand, new markets in crude oil and gas, or the influx of Thai laborers back to Saudi Arabia. More importantly, better relations with Saudi Arabia could result in better relations

BANGKOK 00000278 004.2 OF 004

with the Muslim world and, in particular, Thai Muslims.

BUT WHERE IS THE BLUE DIAMOND? ------------------------------

17. (C) Although Thai authorities recovered some of the stolen jewelry, the package returned to Saudi Arabia in March 1990 contained a number of pieces that proved to be fake, including the Blue Diamond. According to the MFA, about 50 percent of the jewels were recovered and returned to the Saudi royal family; some media reports say that as much as 80 percent of the returned jewelry was fake. Soon after the incident, some wives of Thai elites, particularly police commissioners and generals, were photographed wearing jewelry strongly resembling the stolen Saudi jewels at various official or high-society events. While the Blue Diamond itself had been spotted several times on the wife of a police general in the 1990s,since the 2006 coup a number of anti-monarchy web boards and activists have alleged that the most recent sighting of the Blue Diamond was on(เซ็นเซอร์). Where exactly the Blue Diamond is may well remain a mystery, even if the 20 year trail of death which followed it is ultimately resolved. JOHN

*****
เรืองเกี่ยวเนื่อง:

-คำแปลวิกิลีกส์ฉบับเต็ม พระบรมฯทรงมีรับสั่งเรื่องสถาบันกษัตริย์และการเมืองในการปฏิสันถารเมื่อครั้งทูตสหรัฐฯเข้าเฝ้าฯถวายบังคมทูลอำลาตำแหน่ง

มองไปข้างหน้า ทิ้งทุนนิยมไว้เบื้องหลัง





โดย จรรยา ยิ้มประเสริฐ


ขอแชร์ power point เรื่อง "ยุทธศาสตร์เพื่อก้าวไปข้างหน้า ทิ้งทุนนิยมไว้เบี้ยงหลัง" ซึ่งจริงๆ เป็นแนวยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนงานที่แนะนำให้กับทีมงานโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย

แต่เห็นว่าในสภาพความร้อนแรงทางการเมืองและธรรมชาติในขณะนี้ มันอาจจะมีประโยชน์บ้างสำหรับคนไทยที่เหนื่อยหน่ายกับปัญหาในบ้านเมือง แล้วต้องการ "แสวงหาทางออก เพื่อก้าวไปข้างหน้า"

โดยจุดที่ข้าพเจ้าเห็นว่าผิดพลาด คือการทำแผนพัฒนาตามพิมพ์เขียวของสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2500 นั้นผิดพลาดอย่างมหันต์ เพราะมันได้ไปทำลายจุดที่แข็งที่สุดของประเทศไทย คือ "วิถีเกษตรที่หลากหลายและมุ่งเพื่อการพึ่งตนเอง" ซึ่งตอนนี้มาส่งเสริมกันในนาม "เศรษฐกิจพอเพียง" มาสู่การเป็นประเทศแรงงานราคาถูกเพื่อการส่งออก ส่งเสริมเกษตาเกษตรเชิ่งเดียว ต้นทุนสูง ใช้สารเคดีเข้มข้น เพื่อการค้า โดยไม่ได้มองผลกระทบระยะยาวที่มีต่อทั้งต่อผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจและชีวิตของทั้งเกษตรกร และสารเคมีและสารพิษตกค้างในผิวดิน ผิวน้ำ และอากาศ รวมทั้งการลดของพื้นที่ป่ากว่า 60% ในรอบเพียง 60 ปี - ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความแห้งแล้งอย่างแท้จริง
หนึ่งในการขับเคลื่อนของคนเสื้อแดง ซึ่งมีเกษตรและคนจากชนบทเยอะมาก ควรจะรื้อทฤษฎีปฏิวัติเขียวขึ้นมาวิพากษ์กันอย่างถึงราก รวมทั้งเปิดให้มีการถกเถียงเรื่องการส่งเสริมประเทศเป็น "แหล่งแรงงานราคาถูกให้กับทุนข้ามชาติ"

ตั้งคำถามเพื่อ "ก้าวไปข้างหน้า" กันให้มากขึ้น อาทิ การฟื้นฟูการสร้างความเข้มแข็งภายในทีสอดรับการสภาวะการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ปรับยุทธศาสตร์ประเทศใหม่ โดยมุ่งส่งเสริให้ประเทศไทยนำร่องเรื่อง "ธนาคารอาหารออแกนิกส์ของโลก" และหักล้างทฤษฎีทุนนิยมและเสรีนิยมใหม่ที่นำโดยอเมริกาและยุโรป ที่มุ่งเพียงเพื่ออเมริกาและยุโรป - ที่ตกยุคสมัย และสร้างผลกระทบมากกว่าการเจริญเติบโตของประเทศอย่างแท้จริง

คนที่มีบทบาทในการนำเสนอด้านนโยบายควรมองปรากฎการณ์ต่างๆ อย่างวิพากษ์ และมุ่งคิดยุทธศาสตร์ที่ก้าวไปให้พ้นจากความเสียเปรียบของประเทศ และเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นในจุดแข็งที่ไทยมีและนำเสนอมันออกมาอย่างมี ศักดิ์ศรี มีมูลค่าจริง และเท่าเทียมค่ะ

ก้าวไปข้างหน้า ก้าวให้พ้นทุนนิยม ไม่ได้หมายถึงก้าวถอยหลังไปสู่สังคมนิยม แต่พูดถึงทษฎีการเมืองใหม่เลย ที่จะไม่ได้ปกครองด้วยวิถีแห่งลัทธิเดียว แต่อยู่กันด้วยยอมรับในความหลากหลายและซับซ้อนของสังคม และตัวบริหารใหญ่ต้องเป็นสภาที่ทุกคนมาจากการเลืิอกตั้ง ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าในความซับซ้อนทุกกลุ่มในสังคมต้องใช้พื้นที่สาธารณะ เพื่อนำเสนอปัญหาที่่อาจจะไม่มีตัวแทนนำเสนอในสภา

เรื่องเกษตรเชิงเดี่ยว นี่คือปัญหา นี่คือพิมพ์เขียวของปฎิวัติเขียวที่ถูกทำมาใช้จนระบบเกษตรเราล่มสลาย ไม่ได้หมายความว่าเอา "เกษตรเชิงเดี่ยว" กลับมา แต่เตะมันลงนรกไปเลย แต่ต้องส่งเสริมเกษตรอินทรัพย์ เกษตรธรรมชาติ ฯลฯ และที่สำคัญพี่ยอมรับว่าต้องมีการทำการตลาดได้บ้าง ชาวบ้าน เกษตรกรก็ต้องใช้เงิน นั่นก็คือต้องมีธนาคารอาหารออแกนิกส์

หลายคนคงผ่านตาข่าว EU ตรึงเข้มเรื่องคุณภาพผักไทยกันมาบ้าง นั่นล่ะคือต้นต่อปัญหาที่เราต้องก้าวข้ามไปให้พ้นจากวิถี "เกษตรฆ่าชีวิต" ที่ผูกติดกับแค่ ปลูก ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และยากำจัดวัชพืน รวมทั้งสารเร่งการเจริญเติบโตต่างๆ ที่ฆ่าทั้งชีวิตเกษตรกรและชีวิตผู้บริโภค

การที่เติบโตมากับภาคเกษตร ทั้งทำไร่และทำนา ทำให้ได้เห็นผลกระทบที่เกิดกับครอบครัวตัวเองและคนรอบข้างมากมาย ในการทำตามคำส่งเสริมของรัฐบาลเพื่อทำเกษตรเพื่อกาค้าราวกับคนตาบอด นับตั้งแต่ปี 2548 ข้าพเจ้าและผู้ช่วยได้จึงได้เริ่มการทดลองบ้านออแกนิกส์ ซึ่งพวกเราเรียกมันว่า ไร่เปิดใจ (Open Heart)

การนำเสนอยุทธศาสตร์ "ข้ามให้พ้น" ไปจากคิดและหาคำตอบอย่างง่ายๆ สำหรับอนาคตของประเทศที่มีความซับซ้อน หลากหลาย มีประชากร 65 ล้านคน เราจำต้องมารื้อวิธีคิดกันใหม่ และก็จำต้องเริ่มต้นกระบวนการวิเคราะหใหม่ ด้วยการสร้างจิตสำนึกให้ผู้กำหนดนโยบายและผู้คนในสังคมลุกขึ้นมายอมรับใน ความซับซ้อน และหลายหลาย ของประเทศ ไม่ใช่การดำเนินนโยบาย "เอาสะดวก" และเราต้องมาตีความและวิพากษ์อย่างตรงไปตรงมาต่อความเป็น "เอกบุรุษ" "เกษตรเชิงเดี่ยว" "ตลาดโลกเดียว" และ "การเมืองสองขั้ว" ไปสู่ การถกเถียงนโยบายสำคัญของชาติใน "สภาที่มีผู้แทนราษฎรอย่างแท้จริง" และที่สำคัญเพื่อตอบรับกับวิกฤติธรรมชาติโลก ไทยควรเร่ง" ส่งเสริมระบบเกษตรนิเวศน์ที่ยอมรับความหลากหลายที่จำเป็นมากในสภาวะวิกฤติ เรื่องอาหารและสิ่งแวดล้อม" หยุดเล่นการเมือง และยอมรับกฎิกาประชาธิปตย และการเมืองหลายพรรค" หรือ "การเมืองหลายขั้้วอำนาจ" ที่ภาคประชาสังคมจะต้องสามารถร่วมต่อรองได้โดยไม่ถูกปราบปรามในปัญหาและผลก ระทบที่เกิดขึ้นกับพวกเขา"

และท้ายที่สุด ต้องสามารถประสานจุดร่วม สงวนจุดต่างที่ส่งผลกระทบต่อคนกลุ่มใหญ่ในสังคม และเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ และทั้งนั้น ปัญหาใหญ่ที่เห็นมากๆ ในสังคมไทยตอนนี้คือมันถูกบ่มเพาะด้วย "จิตวิทยาที่ว่าการคอรัปชั่นทำได้ไม่ผิดกฎหมาย" ที่ไม่อิงกับ "หลักการสิทธิมนุษยชน" และ "ธรรมเนียมปฏิบัติต่างๆ" ที่ไม่ยอมรับในความหลากหลายและซับซ้อนเหล่านี้

สิ่งที่เกิดขึ้นกับญี่ปุ่นตอนนี้ สังคมไทยจะยังไม่เตรียมรับมือกับวิกฤติ และยังมาเสียเวลากับการเมืองรักษาอำนาจของคนกลุ่มเดียว โดยเอาคนทั้งประเทศเป็นตัวประกันมหันตภัยกันอยู่อย่างนี้ได้อีกต่อไปหรือ?

รายละเอียดในสไลด์นำเสนอโดยละเอียด . .
























ดาวโลดฉบับเต็ม 


บทความ ถ้าไม่มีประชาธิปไตย เราจะไม่สามารถรับมือวิกฤติโลกร้อนได้อย่างยั่งยืน ฉบับไม่เซนเซอร์