วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

เนติวิทย์ ร่อนจม.ถามจุดยืนอมรา-องค์กรสิทธิ กรณีไอเดียตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน

เนติวิทย์ ร่อนจม.ถามจุดยืนอมรา-องค์กรสิทธิ กรณีไอเดียตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน
เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ทำจดหมายเปิดผนึก ถามจุดยืน อมรา พงศาพิชญ์ กรรมการสิทธิและองค์กรสิทธิไทยและเทศ ถึงจุดยืนต่อไอเดียตั้ง หวั่นหากเกิดองค์กรดังกล่าวจริงอาจนำไปสู่ 6 ตุลา

 เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล
          17 เม.ย. 2557 กรณี พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เสนอไอเดียตั้งองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน เพื่อจัดการกับผู้ที่หมิ่นสถาบันกษัตริย์ เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนนวมินทราชูทิศ เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง อมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กรรมการ กสม. และ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนทั้งไทยและเทศ เพื่อถามถึงจุดยืนขององค์กรสิทธิมนุษยชนต่อองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน
          เนติวิทย์ วิจารณ์ด้วยว่า องค์กรเก็บขยะแผ่นดินดังกล่าว นอกจากจะมีชื่อที่ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แล้ว  เนื้อหาสาระที่นำเสนอมานั้นก็เป็นไปเพื่อกระตุ้นให้เกิดความเกลียดชังกันจากการตั้งรางวัลให้ การมุ่งร้ายกันจากการลงทัณฑ์ทางสังคม และปิดกั้นซึ่งสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน พร้อมชี้ด้วยว่า ในที่สุด หากเกิดองค์กรดังกล่าว จะทำให้สังคมไทยเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ตกอับด้านการถกเถียงกันอย่างมีสติปัญญามีเหตุมีผล และอาจนำไปสู่การฆ่าฟัน และซ้ำรอยเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ได้

เนื้อหาจดหมายมีดังนี้



pridisewa@gmail.com

                                                                                  17 เมษายน 2557




เรียน ศาสตราจารย์กิตติคุณ อมรา พงศาพิชญ์ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทุกท่าน และ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนทั้งไทยและเทศ

เรื่อง แสดงความเห็นและขอทราบจุดยืนขององค์กรสิทธิมนุษยชนต่อองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน


             อันเนื่องมาจากมีข่าวว่าจะมีการวางแผนจัดตั้ง องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน โดยแรกเริ่มมาจากเฟซบุ๊กของ พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่งองค์กรดังกล่าวไม่ได้ต้องการเก็บขยะนำไปรีไซเคิล หรืออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอันเป็นสิ่งควรอนุโมทนาแต่อย่างใด หากองค์กรดังกล่าวเป็นไปเพื่อต้องการกวาดล้างเอากฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาเล่นงานประชาชน โดยเห็นว่าคนที่คิดต่างจากพวกพ้องของตนเป็นขยะ เป็นสิ่งที่ควรกวาดล้างออกไป เพียงแค่ชื่อองค์กรก็เห็นอย่างชัดเจนถึงการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แล้ว แลเนื้อหาสาระที่เขานำเสนอมานั้นก็เป็นไปเพื่อกระตุ้นให้เกิดความเกลียดชังกัน (ตั้งรางวัลให้) การมุ่งร้ายกัน (การลงทัณฑ์ทางสังคม) และปิดกั้นซึ่งสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน

              ในที่สุดถ้าองค์กรดังกล่าวบังเกิดได้ (ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีของสาธารณชนแล้ว) ย่อมทำให้สังคมไทยเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ตกอับด้านการถกเถียงกันอย่างมีสติปัญญามีเหตุมีผล และอาจนำไปสู่การฆ่าฟัน โดยอาจจะซ้ำรอยเหตุการณ์สังหารโหด 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ก็ยังได้

              องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ จะสามารถนิ่งเฉยต่อเรื่องนี้ไปได้ละหรือ หรือจะรอท่าทีอีกอย่างไร สมควรแสดงมติออกมาให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชนในการยืนหยัดข้างสิทธิมนุษยชนมิใช่หรือ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นเสียงแห่งมโนธรรม เป็นหน้าที่ที่ได้ทำแล้ว

             ข้าพเจ้าเป็นพลเมืองไทย เยาวชนไทยจะนิ่งเฉยให้สังคมดิ่งลงสู่ความมืดมิดได้ละหรือ ไม่เป็นห่วงไม่เป็นกังวลต่อเรื่องดังกล่าวย่อมนี้ไม่ได้ จึงได้เขียนมาด้วยความกังวลใจ และขอให้องค์กรของท่านโปรดแสดงจุดยืนให้ประจักษ์ชัดแจ้ง


ด้วยความเคารพนับถือ


(นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล)

ช็อคสังคมไทย! "พ่อ-แม่" แจ้งความจับ "ลูกสาว" ผิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ม.112

ช็อคสังคมไทย! "พ่อ-แม่" แจ้งความจับ "ลูกสาว" ผิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ม.112


           เมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายสุรพงศ์ อมรพัฒน์ อายุ 67 ปี และ นางสมจินตนา อมรพัฒน์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64 ซอยเฉลิมพระเกียรติ 22 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม.เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ. ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือ “โรส” อายุ 34 ปี ซึ่งบุตรสาวคนเล็กของนายสุรพงศ์ และนางสมจินตนา เอง ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยนำแผ่นดีวีดีบันทึกภาพและเสียงของ น.ส.ฉัตรวดี ที่มีการกล่าวพาดพิงสถาบันเบื้องสูง รวม 7 คลิป มอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน

           นายสุรพงศ์ และ นางสมจินตนา เปิดเผยว่า เหตุที่ต้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีบุตรสาวตนเอง เป็นเพราะช่วงเวลาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ถูกต่อว่า ถูกโทรศัพท์มาคุกคามต่างๆ นานา หลังจากบุตรสาวซึ่งไปทำงานเป็นช่างผม หรือแฮร์สไตลลิสต์ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ถ่ายคลิปวีดีโอคำพูดซึ่งมีการพาดพิงสถาบันเบื้องสูง อันเป็นที่เคารพรักของประชาชนชาวไทย แล้วถูกเผยแพร่ทางเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์

          บิดาและมารดาของ น.ส.ฉัตรวดี เปิดเผยด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นพวกตนไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำผิดของบุตรสาว จึงต้องเข้าแจ้งความเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน ขณะนี้ก็ยังติดต่อกับบุตรสาวได้บ้างไม่ได้บ้าง เคยบอกเตือนให้หยุดกระทำแบบนี้ แต่บุตรสาวก็ไม่ฟัง เขาก็ไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ นานแล้วตอนนี้ก็ได้สัญชาติอังกฤษ ลงหลักปักฐานอยู่ที่นั่น พวกตนก็ไม่เคยบังคับอะไรบุตรสาวเลย ก็อยากขอความเห็นใจจากคนในสังคมว่า “ลูกกระทำผิดก็ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ต้องผิดไปด้วยเพราะไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ”

          ขณะที่ พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า กรณีดังกล่าวตนได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว หากพบว่าเป็นความผิดจริงแม้จะเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร แต่ถือว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายไทย มีการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต โดยการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีนั้นคงต้องทำงานร่วมกับทางอัยการสูงสุด ต่อไป

           พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวต่อว่า ในเวลา 10.00 น.วันที่ 18 เมษายนนี้ ทาง พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รอง ผบช.ก.รักษาราชการแทน ผบก.ป.จะเรียกประชุมคณะทำงานติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” แกนนำคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งตนจะเสนอที่ประชุมให้นำกรณีการแจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.ฉัตรวดี มาพิจารณาเพื่อรวมเป็นคดีเดียวกัน ก่อนนำเรื่องเสนอต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นต่อไป.
http://www.redusala.blogspot.com/

"ปธ.ศาลรัฐธรรมนูญ" ใบ้กิน! "เจ้าคุณพิพิธ" เทศน์ถามกลางงาน "ขอนายกฯ ม.7 ถูกต้องหรือไม่?"

"ปธ.ศาลรัฐธรรมนูญ" ใบ้กิน! "เจ้าคุณพิพิธ" เทศน์ถามกลางงาน "ขอนายกฯ ม.7 ถูกต้องหรือไม่?"




         พระราชวิจิตรปฎิภาณ (เจ้าคุณพิพิธ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม แสดงเทศนาธรรมในวันครบรอบ 16ปี ศาลรัฐธรรมนูญ และได้ถามนายจรูญ อินทจาร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยวาจาว่า การขอนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 ถูกต้องหรือไม่ โดยขอให้ตอบภายใน 7 วัน"
http://www.redusala.blogspot.com/

"จุฬาฯ" ไม่ต่อสัญญาจ้าง "อ.สุดา" เหตุ "ไปเล่นงิ้วธรรมศาสตร์"

"จุฬาฯ" ไม่ต่อสัญญาจ้าง "อ.สุดา" เหตุ "ไปเล่นงิ้วธรรมศาสตร์"


          เมื่อวันที่ 16 เม.ย. น.ส.สุดา รังกุพันธ์ เปิดเผยว่า คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ต่อสัญญาจ้างพนักงาน (หมวดเงินอุดหนุน) ของตน ซึ่งหมดสัญญาไปเมื่อวันที่ 31 มี.ค. โดยให้เหตุผลว่าผลการประเมินของตนอยู่ในระดับปานกลาง และคาดว่าจะเป็นเช่นนี้ในการประเมินครั้งต่อไป ซึ่งถือเป็นการตัดสินตนล่วงหน้าว่า ตนจะไม่สามารถปรับปรุงผลการปฏิบัติงานให้ดีขึ้นได้

           ทั้งนี้ แม้ว่าเหตุผลทางการเมืองจะไม่ถูกระบุไว้ในเหตุผล แต่ก่อนหน้าที่จะมีการแจ้งไม่ต่อสัญญา ก็มีสัญญาณบางอย่างที่ไม่ดี คือ ผู้บริหารแจ้งตนมาว่า อธิการบดีถูกกรรมาธิการวิสามัญวุฒิสภาเรียกเข้าไปสอบสวน โดยอ้างถึงกรณีที่ตนไปเล่นงิ้วธรรมศาสตร์ ร่วมกับอีกหลายคน ในงานรำลึกเหตุการณ์ 14 ต.ค. อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากสภามหาวิทยาลัยว่าจะเลิกจ้าง แต่ทราบจากทางคณะอักษรศาสตร์ว่า คณะกรรมการพิจารณาต่อสัญญาไม่ต่อสัญญาจ้างงานเท่านั้น

         น.ส.สุดากล่าวต่อว่า หลังจากนี้ จะทำเรื่องอุทธรณ์เรื่องการต่อสัญญา เพราะอยากเห็นความเป็นธรรมในระบบการจ้างงานในมหาวิทยาลัย ที่ผ่านมา ตนมองว่ามีบรรทัดฐานการจ้างงานพนักงานในมหาวิทยาลัยที่ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมมาโดยตลอด ซึ่งเป็นผลมาจาก พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ในสมัยสภาที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549

         โดยกรณีที่หนักกว่าของตน คือ การจ้างอาจารย์เป็นรายโครงการ หรือการจ้างงานแบบเอาต์ซอร์ส ขณะที่อาจารย์ระดับสูงในระบบราชการ สามารถต่ออายุการจ้างงานของตัวเองต่อไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ได้ทั้งเงินเกษียณอายุ เงินบำนาญ และเงินเพิ่มจากการเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยด้วย หลังจากนี้ ตนตั้งใจจะสานงานต่อเรื่องสิทธิมนุษยชนของนักโทษการเมืองต่อไป
http://www.redusala.blogspot.com/

"ปลัดสาธารณสุข" เป่านกหวีดแข็งข้อ! ไม่ไปเข้าประชุม ศอ.รส. ให้สังคมพิจารณาลงโทษเอง


"ปลัดสาธารณสุข" เป่านกหวีดแข็งข้อ! ไม่ไปเข้าประชุม ศอ.รส. ให้สังคมพิจารณาลงโทษเอง



             เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 เม.ย. ที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศอ.รส. กล่าวถึงกรณี ที่ศอ.รส.เรียกประชุมปลัดกระทรวงทุกกระทรวงในวันนี้ว่า เป็นการทำความเข้าใจข้อกำหนดหลักการปฎิบัติงานของข้าราชการพลเรือนในแนวทางการปฎิบัติให้ตรงกัน และเกี่ยวข้องกับกรณีการสนับสนุนการชุมนุมของกปปส. โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่ประกาศตัว นำการปกครองแบบรัฎฐาธิปัตย์ ว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง โดยได้เตรียมเอกสารและภาพการปราศรัยของนายสุเทพ มาชี้แจ้งให้เห็นว่า หากข้าราชการไปให้ความร่วมมือ และสนับสนุน คนอย่างนายสุเทพ ที่ตั้งตนเป็นรัฎฐาธิปัตย์นั้น ถือว่าผิดวินัยของข้าราชการ

           ทั้งนี้ในส่วนของปลัดกระทรวงที่ไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ต้องดูที่เหตุผลว่าด้วยเหตุใด เช่น ปลัดกระทรวงแรงงานท่านไม่สบาย ก็สามารถชี้แจงได้ แต่หากมีเจตนาชัดเจนเช่นปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่ปฏิเสธชัดเจนว่าจะไม่มา ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะไม่มีการโยกย้าย แต่ก็ต้องให้สังคมได้พิจารณาว่าเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามตนก็ไม่ได้กังวลอะไร

"สหภาพรัฐสภาสากล" ส่งหมายเตือนการทำหน้าที่ ปปช. กรณีไม่เป็นกลางตัดสิทธิ์ 308 ส.ว.-ส.ส. ที่แก้ไขรัฐธรรมนูญ

"สหภาพรัฐสภาสากล" ส่งหมายเตือนการทำหน้าที่ ปปช. กรณีไม่เป็นกลางตัดสิทธิ์ 308 ส.ว.-ส.ส. ที่แก้ไขรัฐธรรมนูญ






เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 เม.ย. ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ น.ส.ภูวนิดา คุณผลิน อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ฐานะคณะทำงานฝ่ายต่างประเทศพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการเดินทางไปยื่นหนังสือถึงเลขาธิการสหภาพรัฐสภาสากล (ไอพียู) เพื่อขอให้ไอพียูย้ำเตือนประเทศไทยกรณีการบังคับใช้กฎหมายภายในให้สอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ไอซีซีพีอาร์) หลัง ส.ส.และส.ว.308 คนถูกกล่าวหาว่าล้มล้างระบอบประชาธิปไตย และถูกยื่นถอดถอนสิทธิทางการเมืองโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

น.ส.จารุพรรณ กล่าวว่า ภายหลังการยื่นหนังสือในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา โดยขอให้ไอพียูตรวจสอบองค์กรที่กำลังตรวจสอบกรณี 308 ส.ส.และ ส.ว.ร่วมแก้รัฐธรรมนูญ และขอให้ตรวจสอบการถอนประกันนายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ฐานะแกนนำ นปช.ในคดีการก่อการร้าย และกรณีการสอบสวนโครงการรับจำนำข้าว โดยล่าสุดไอพียูได้แจ้งมายังคณะทำงานฯ ว่าได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีดังกล่าวและส่งหมายเตือนไปยังประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ องค์กรระหว่างประเทศทั้งไอพียู สหประชาชาติ และนานาประเทศกำลังติดตามว่าองค์กรอิสระที่มีอำนาจเทียบเท่าศาลอย่างป.ป.ช.ที่มีการตรวจสอบเรื่องต่างๆ โดยไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าไปสังเกตการณ์ได้ จะอธิบายความเป็นนิติรัฐ นิติธรรมได้ยากลำบาก ดังนั้นองค์กรระหว่างประเทศที่ดูแลและคุ้มครองหลักประชาธิปไตยและหลักสิทธิมนุษยชน จึงต้องตรวจสอบการพิจารณาคดีอย่างใกล้ชิด โดยจะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งหลักประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน หากเจ้าพนักงานงานยุติธรรมคนใดละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศจะถูกขึ้นบัญชีดำในระดับนานาชาติได้ ทั้งนี้ ทุกเรื่องจะถูกตัดสินในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ขอให้ทุกฝ่ายร่วมติดตาม

เมื่อถามว่าหาก ป.ป.ช.ยืนยันว่าการตรวจสอบดังกล่าวเป็นกระบวนการภายในประเทศ องค์กรต่างชาติไม่สามารถก้าวก่ายได้ น.ส.จารุพรรณ กล่าวว่า ประเทศไทยซึ่งเป็นภาคีอนุสัญญาต้องยึดตามกรอบอนุสัญญาระหว่างประเทศ โดยต้องให้ความสำคัญถึงสิทธิในการพิจารณาอย่างเป็นธรรม ทั้งนี้ เรื่องการตรวจสอบ 308 ส.ส. และ ส.ว.ว่ามีความผิดล้มล้างประชาธิปไตยเพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่มีผู้คนให้ความสนใจ รวมถึงเรื่องการถอนประกันนายณัฐวุฒิและนายจตุพรซึ่งจะมีผลในวันที่ 18 เม.ย. ทำให้สงสัยว่าเป็นการกลั่นแกลงทางการเมืองหรือไม่ นานาอารยะประเทศจึงให้ความสำคัญ

น.ส.ภูวนิดา กล่าวว่า การไปยื่นหนังสือของคณะทำงานฯ ดำเนินการไปตามหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาไทย โดยอยากให้ไอพียูพิจารณาตรวจสอบและติดตามกระบวนการยุติธรรมและการอำนวยความยุติธรรมของไทย เพื่อให้มีพัฒนาการที่เป็นมาตรฐานสากล