ชมรมนักกฎหมายฯ ร้องกรมสอบสวนคดีพิเศษสอบ ‘อภิสิทธิ์’ สมัยเป็นประธาน สสส.พร้อมคณะกรรมการกองทุนฯ 17 คน อนุมัติเงินปรับปรุงอาคารให้มูลนิธิผู้บริโภคผิดวัตถุประสงค์ของกองทุน ด้าน ‘ธาริต’ มอบหมายให้ ‘ธานินทร์’ ตรวจสอบ
วันนี้ (10 ต.ค.56) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธำรง หลักแดน รองประธานชมรมนักกฎหมายพิทักษ์ผลประโยชน์รัฐ (กพผร.) เดินทางเข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษและขอให้ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พร้อมกรรมการทั้งคณะรวม 17 คน กรณีที่กระทำผิดมิชอบโดยให้ความเห็นชอบอนุมัติเงินจากกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จำนวน 3 ล้านบาท เป็นค่าปรับปรุงอาคารให้แก่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จากการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 6/2553 เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 53
นายธำรงค์ กล่าวว่า กพผร.ซึ่งเป็นชมรมที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบการดำเนินการต่างๆ ของภาครัฐให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ทำการตรวจสอบกรณีดังกล่าวพบว่า คณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ ได้มีการอนุมัติและจ่ายเงินให้แก่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคเป็นเงินจำนวน 3 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าปรับปรุงอาคารให้แก่มูลนิธิผู้บริโภค ซึ่งเป็นกิจการนอกเหนือวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ และไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ ในมาตรา 5 พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544
ทาง กพผร.จึงเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวของคณะกรรมการกองทุนฯ นั้นได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อขอให้ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ และคณะกรรมการกองทุนฯ หากพบว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ขอให้ดำเนินคดีจนถึงที่สุดต่อไป
ด้านนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอจะมอบหมายให้นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รอง ผบ.สำนักคดีอาญา 2 และ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ดีเอส ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบการใช้เงินผิดประเภทของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว เนื่องจากทั้ง 2 เรื่องอาจมีรายละเอียดที่ลักษณะเดียวกัน
นายธานินทร์ กล่าวว่า จะขอให้นายธาริต ทำหนังสืออนุมัติการสืบสวนเพื่อส่งหนังสือสอบถามไปยัง สสส.ว่ามีการนำเงินไปใช้จ่ายให้กับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจำนวนเท่าใด ใครเป็นผู้สั่งการและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การใช้เงินกองทุนหรือไม่ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่ามีการใช้เงินผิดประเภทตามที่ผู้ร้องกล่าวโทษหรือไม่
นายธานินทร์ ยังให้รายละเอียดด้วยว่า กองทุน สสส.มีที่มาของเงินกองทุนร้อยละ 2 จากกฎหมายว่าด้วยสุราและยาสูบ ในปี 2555 มีรายได้จากส่วนแบ่งของภาษีสุรา ยาสูบ ประมาณ 4,680 ล้านบาท โดยกำหนดวัตถุประสงค์การใช้เงินกองทุนไว้ 6 ข้อ ได้แก่
- 1.ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพในประชากรตามนโยบายสุขภาพแห่งชาติ
- 2.สร้างความตระหนักเรื่องพฤติการณ์การเสี่ยงจากการบริโภคสุรา ยาสูบหรือสารหรือสิ่งอื่นที่ทำลายสุขภาพและสร้างความเชื่อในการสร้างเสริมสุขภาพ
- 3.สนับสนุนการรณรงค์ให้ลดการบริโภคสุรา ยาสูบ หรือสารหรือสิ่งอื่นที่ทำลายสุขภาพ
- 4.ศึกษาวิจัยหรือสนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัย ฝึกอบรมให้มีการประชุมเกี่ยวกับการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
- 5.พัฒนาความสามารถของชุมนุมในการเสริมสร้างสุขภาพโดยชุมชนหรือองค์กรเอกชน องค์กรสาธารณะประโยชน์ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และ
- 6.สนับสนุนการรณรงค์สร้างเสริมสุขภาพผ่านกิจกรรมในลักษณะเป็นสื่อเพื่อให้ประชาชนสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง
“ดังนั้นจึงต้องขอทราบรายละเอียดที่ชัดเจนจาก สสส.ว่ามีการกำหนดวัตถุประสงค์ปลีกย่อยเพื่อใช้จ่ายเงินกองทุนในกิจการอื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์หรือไม่” นายธานินทร์ กล่าว