ป้ายประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ติดที่มิลาน สาธารณรัฐอิตาลี ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางเยือนเพื่อร่วมประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป หรือ อาเซม ครั้งที่ 10
15 ต.ค.2557 กลุ่มเอเชียเฮาท์ Asienhaus กลุ่มนานาชาติเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย (International Solidarity Group for Democracy and Human Rights in Thailand) และ แอ็คชั่นเพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทย (ACT4DEM) ออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลเผด็จการทหารไทย กรณีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางเยือนอิตาลี เพื่อร่วมประชุมเอเชีย-ยุโรป 16-17 ต.ค.นี้ ขณะที่เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่า วันนี้หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ เดินทางถึงนครมิลานได้เดินทางต่อไปยังโรงแรม starhotels Rosa Grand ที่พัก ก็ได้มีคนไทยจำนวนหนึ่ง นำรูปภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ธงชาติไทย ป้ายข้อความ และมอบดอกไม้ มาให้กำลังใจกันอย่างคึกคัก แต่ก็มีคนไทยบางส่วนที่มาต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ เช่นกัน โดยรายละเอียดแถลงการณ์มีดังนี้
000
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แกนนำก่อการรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เมื่อครั้งที่เขาดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก (รัฐประหารครั้งที่ 12 ของประเทศไทยนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2487) และปัจจุบันคือนายกรัฐมนตรีที่มาจากการแต่งตั้งตนเองในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557 กำลังเดินทางมาเยือนมิลานกับคณะติดตามจำนวนมากเพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเชีย-ยุโรปครั้งที่ 10 (อาเซมครั้งที่ 10) ในวันที่ 16-17 ตุลาคม
นอกจากจะเหยียมหยามการต่อสู้อันยาวนานเพื่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทนของประชาชนชาวไทยแล้ว รัฐบาลอาชญากรของประยุทธ์ยังเป็นภัยต่อการพัฒนาสังคมพลเรือนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย และด้วยเหตุผลนี้ พลเมืองผู้มีความกังวลใจทั้งในเอเชียและยุโรปจึงขอเรียกร้องให้สาธารณชนในอิตาลีร่วมใจกันประท้วงและแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม เวลา 18.00 น. ที่ Piazza Duomo เพื่อต่อต้านการเข้าร่วมการประชุมอาเซมครั้งที่ 10 ของรัฐบาลเผด็จการทหารซึ่งนำโดยประยุทธ์
พลเอกประยุทธ์จะต้องไม่ได้รับโอกาสเข้ามาเก็บสะสมตราประทับรับรองรัฐบาลของเขาในอิตาลี หรือประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป
หลังจากการทำรัฐประหาร พลเอกประยุทธ์ได้บังคับใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศไทยทันที ทำให้การรวมตัวของประชาชนมากกว่า 5 คนเป็นสิ่งผิดกฎหมาย (ยกเว้นในพื้นที่ท่องเที่ยว) ผู้คนหลายร้อยคน รวมถึงนักการเมืองผู้มีชื่อเสียง นักวิชาการ นักศึกษาและผู้นำชุมนุมถูกจับกุม สอบสวน คุมขังเพื่อเอาไป “ปรับทัศนคติ” และถูกบังคับให้ลงนามยอมรับเงื่อนไขไม่ทำกิจกรรมใดๆ ที่ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหาร
พลเอกประยุทธ์ได้แต่งตั้งพวกพ้องของตนเองจำนวน 200 คน รวมถึงนายทหารระดับนายพลจำนวน 97 นายให้เข้าไปนั่งในสภาฯ ที่ถูกเรียกว่า “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” พลเอกประยุทธ์จัดตั้งสภาฯ นี้ขึ้นมาเพื่อแทนที่สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง ประยุทธ์แต่งตั้งน้องชายตนเอง (หลังจากที่เลื่อนตำแหน่งในกองทัพให้) ให้เป็นผู้บัญชาการกองทัพภาคที่สามซึ่งควบคุมผู้ต่อต้านในภาคเหนือ และแต่งตั้งคนของตนเองให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และตำแหน่งสำคัญในข้าราชการ ในขณะที่รัฐเผด็จเผด็จการของเขาได้ควบคุมปิดกั้นสื่อและอินเตอร์เน็ตอย่างรุนแรง เป้าหมายของเขาเป็นไปเพื่อรับรองว่ากองทัพและกลุ่มอำมาตย์นิยมกษัตริย์จะกลับมามีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกครั้ง
ไม่มีสัญญาณใดๆ ที่บ่งบอกว่าประยุทธ์มีเจตนาที่จะปล่อยให้กระบวนการทางประชาธิปไตยในไทยเกิดขึ้นอีกครั้ง
ประเทศในสหภาพยุโรปซึ่งอ้างว่าเป็นตัวแทนของหลักการการปกครองแบบประชาธิปไตย และอาเซมซึ่งอ้างว่าสนใจเสริมสร้างบทบาทของสังคมพลเรือน พลเอกประยุทธ์ได้ทำทุกวิถีทางเพื่อปิดปากสังคมพลเรือนในประเทศไทยและไม่สมควรได้รับการต้อนรับจากอาเซม หรือสหภาพยุโรป
แถลงการณ์สุดท้ายของเวทีการประชุมภาคประชาสังคมเอเชีย-ยุโรป (AEPF 10) ที่จัดขึ้นในมิลานระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคมได้อธิบายสถานการณ์ไว้ดังนี้:
AEPF 10 (การประชุมภาคประชาสังคมเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 10) ขอประณามอย่างรุนแรงต่อการทำรัฐประหาและการสถาปนารัฐบาลเผด็จการทหารในประเทศไทย พวกเราห่วงใยเป็นพิเศษต่อการละเมิดสิทธิมนุษยขน การจับกุมและการคุกคามโดยเผด็จการทหาร ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องรายวัน รวมทั้งความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นของการเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสาร และการข่มขู่คุกคามประชาชนที่ต่อต้านรัฐประหาร
พวกเราขอเสนอแนะถึงมาตรการแรกที่ต้องกระทำอย่างเร่งด่วน ต่อรัฐบาลประชาธิปไตยทั้งหลาย คือ การรับรองสถานภาพผู้ลี้ภัยทางการเมือง ให้แก่ประชาชนคนไทยทุกคน ที่อยู่ภายใต้การคุกคามและถูกดำเนินคดีในประเทศไทย
ASEM คือกระบวนการของรัฐบาลพลเรือน กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป และรัฐบาลประชาธิปไตยทุกประเทศที่ร่วมในการเจรจา ASEM จำเป็นต้องยึดมั่นในการดำรงหลักการแห่งรัฐบาลพลเรือนนี้ไว้ รัฐบาลทั้งหลายจะต้องไม่ยอมให้เผด็จการทหารเข้ามามีส่วนร่วมในการประชุม ASEM10 ของพวกเขา”
ข้อมูลเกี่ยวกับประยุทธ์
จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และเป็นทหารกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ประยุทธ์เป็นผู้ร่วมจัดเตรียมการทำรัฐประหารเพื่อล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในปี 2549 เขาเป็นผู้บังคับบัญชาทหาร 40,000 นาย จากทหารรักษาพระองค์ ในการปราบปรามการชุมนุมของพลเรือนอย่างรุนแรงในปี 2553 ซึ่งมีคนจำนวน 100 คนถูกกองทัพยิงสังหาร และอีก 2000 คนได้รับบาดเจ็บ การทำรัฐประหารที่เขาเป็นผู้นำในเดือนพฤษภาคมปีนี้คือการสร้างความแข็งแกร่งในการขึ้นสู่อำนาจของเขา แม้ว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากการแต่งตั้งตนเองอย่างพลเอกประยุทธ์จะเดินทางมายุโรปภายใต้เสื้อผ้าพลเรือน แต่แท้จริงแล้ว เข้ายังคงเป็นผู้นำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งเป็นองค์กรจัดตั้งโดยกองทัพและมีอำนาจควบคุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ร่วมประกาศโดย เอเชียเฮาท์ Asienhaus กลุ่มนานาชาติเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย (International Solidarity Group for Democracy and Human Rights in Thailand) และ แอ็คชั่นเพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทย (ACT4DEM)