พล.อ.ประยุทธ์ ยันหากร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ผ่านประชามติ ก็ต้องเริ่มร่างใหม่ ซึ่งตนจะไม่ลาออก และไม่มีใครสามารถปลดตนได้ เพราะตนมีอำนาจตามมาตรา 44 อยู่ แนะประชาชนอย่าให้ใครมาชี้นำ
29 มิ.ย.2559 ช่วงบ่ายวันนี้ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เป็นประธานพิธีเปิดงานเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจำปี 2559 “Go Wild For Life” หยุดซื้อ หยุดขาย หยุดฆ่า แก้ปัญหาสัตว์ป่าสูญพันธุ์
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งในพิธีเปิดงานดังกล่าวถึงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่า ทุกคนต้องช่วยกันเดินหน้าประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่จะทำหรือไม่ทำก็เป็นเรื่องของรัฐบาลหน้า ตนไปบังคับใครไม่ได้ ประชาชนต้องรับผิดชอบเพราะเลือกมาเอง และถ้าทุกคนต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ ก็เชื่อว่าจะทำได้ ไม่ต้องมากังวลกับตน แต่ควรกังวลกับชีวิตตัวเองมากกว่า ที่เข้ามายืนตรงนี้ วันนี้ประเทศไทยต้องอดทน อดทนกับสิ่งที่ผ่านมาและอดทนสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป เพื่ออนาคต ขอย้ำว่าตนจะใจร้ายกับคนร้ายเท่านั้น และทุกเรื่องต้องแก้ด้วยกฎหมาย ตนจะคุยกับคนที่ทำผิดกฎหมายไม่ได้ จะถูกหรือผิดต้องสู้คดี หากอยากให้ประเทศสงบเรียบร้อยต้องปรองดอง แต่เราจะไม่ปรองดองกับคนทำผิดกฎหมาย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนมี 1 สิทธิ 1 เสียง ขออย่าให้ใครมาชี้นำ ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านความเห็นชอบหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของประชาชน อยากให้ตัดสินใจด้วยตัวเอง รัฐบาลพยายามดูแลทำทุกอย่างเต็มที่ตามกฏหมาย ขอประชาชนอย่าเชื่อถ้อยคำบิดเบือน โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา และสาธารณสุข ทั้ง 2 เรื่อง รัฐบาลดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ และดีกว่าเดิม และหากร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ผ่านประชามติ ก็ต้องเริ่มร่างใหม่ ซึ่งตนจะไม่ลาออก และไม่มีใครสามารถปลดตนได้ เพราะตนมีอำนาจตามมาตรา 44 อยู่
"ถ้ามันไม่ผ่านประชามติ ก็ทำใหม่ บอกยังงี้ ไปถามผมบ่อยนัก ก็ทำรัฐธรรมนูญใหม่ ตามกติกาเลือกตั้งก็ต้องมีรัฐธรรมนูญ จบไหม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ย้ำรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวเปิดงานดังกล่าวตอนหนึ่งว่า จากจุดเริ่มต้นของความร่วมมือของนานาชาติทั่วโลกในด้านสิ่งแวดล้อมเมื่อปี 2515 องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 5 มิ.ย.ของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 44 ปี โลกต้องเผชิญวิกฤตการณ์ทางสิ่งแวดล้อมมากมาย รวมทั้งปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันเนื่องจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่รู้คุณค่า โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบการค้าสัตว์ ตัดไม้พันธุ์หายาก และการลักลอบลำเลียงสัตว์ป่านำสัตว์ไปเป็นเมนูเปิบพิศดารมีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงขอให้ทุกคนช่วยกันเป็นหูเป็นตาอย่านิ่งเฉย หากพบผู้กระทำความผิดให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ทั้งนี้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ให้ดำรงอยู่ในธรรมชาติ โดยเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน ได้แก่ วาฬบรูด้า วาฬโอมุระ ฉลามวาฬ และเต่ามะเฟือง จึงขอให้ทุกคนช่วยกันอนุรักษ์ และหาวิธีให้สัตว์ป่าสามารถอยู่ร่วมกับคนได้อย่างไม่รบกวนกัน ซึ่งสิ่งสำคัญต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน พร้อมกับขอให้ทุกคนตระหนักถึงผลกระทบที่จะตามมาจากการทำลายสัตว์ป่า และทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ในปี 2559 ได้กำหนดคำขวัญวันสิ่งแวดล้อมโลกไว้ว่า Go Wild For Life : หยุดซื้อ หยุดขาย หยุดฆ่า แก้ปัญหาสัตว์ป่าสูญพันธุ์ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า ด้วยการลดอาชญากรรมจากการซื้อขายที่ผิดกฎหมาย ในแต่ละปีมีสัตว์ป่าต้องสูญพันธุ์ และเสี่ยงต่อการใกล้จะสูญพันธุ์จากการลักลอบล่าสัตว์เพื่อการค้าที่ผิดกฎหมาย ซึ่งสัตว์ป่าบางชนิดมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อาหารช่วยรักษาสมดุลของประชากรสัตว์ให้สอดคล้องกับระบบนิเวศ เช่น ตัวนิ่มที่เป็นผู้ควบคุมปริมาณของแมลงในธรรมชาติ เพราะกินมดและปลวก ถึงปีละ 7 ล้านตัว เป็นต้น
และเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจำปี 2559 นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนให้คนไทยทุกคนร่วมมือ ร่วมใจกัน รักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี ในวันที่ 9 มิ.ย. 2559 และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ในวันที่ 12 สิงหาคม 2559 โดยเริ่มต้นจากการ หยุดซื้อ หยุดขาย หยุดล่า หยุดฆ่า สัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมาย เพื่อความอุดมสมบูรณ์และความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานต่อไปในอนาคต