วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

มาร์ค ขึ้นศาลโลก ปู ขึ้นศาลเตึ้ย

    
          มีความเคลื่อนไหวหนึ่งที่น่าสนใจมากและควรจะ กล่าวถึง นั่นคือกรณีที่ศาลอาญาระหว่างประเทศกำลังเตรียมตัวที่จะเข้าพบกับรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยในเร็ววันนี้ ทั้งนี้ เรื่องนี้ถือเป็นความคืบหน้าที่สำคัญไม่น้อย และรัฐบาลไทยมีแนวโน้มในการลงนามรับรองเขตอำนาจศาลโลก

คดีที่จะเกี่ยวข้องกับศาลโลกได้น่าจะมี 3-4 ประการคือ 1.อาชญากรสงคราม 2.การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ 3.คดีที่ผิดหลักสิทธิมนุษยชน และ 4.เป็นการใช้อำนาจที่ไม่คำนึงถึงกฎหมาย

กรณีเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับข้อที่ 1, 2 และ 3 แต่น่าจะเกี่ยวข้องกับข้อที่ 4 ได้

ขยายความเพิ่มเติมคือ ผู้มีอำนาจในช่วงเวลาดังกล่าวได้ใช้อำนาจอย่างสุดเหวี่ยงโดยไม่คำนึงถึงความ ถูกต้องของกฎหมายบ้านเมืองในขณะนั้น กอปรทั้งระบบยุติธรรมของไทยไม่อาจจะเอื้อมมือมาแตะต้องเพื่อความถูกผิดได้

พูดง่ายๆคือ ระบบในประเทศไทยจัดการกับการใช้อำนาจดังกล่าวไม่ได้ จึงต้องเลยเถิดมาถึงเรื่องศาลอาญาระหว่างประเทศที่จะต้องยื่นมือมาเกี่ยวข้อง

แต่เนื่องจากประเทศไทยยังไม่ได้ลงนามเป็นภาคีกับศาลโลก แม้ว่าศาลโลกยังไม่สนใจจะสลายการชุมนุมในคดีดังกล่าวที่มีการเสียชีวิต 98 ศพ เมื่อปี 2553 จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลไทยจะต้องยอมรับเขตอำนาจของศาลโลกเสียก่อนในเบื้อง ต้น ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงอยู่เหมือนกัน ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์คงจะต้านสุดเหวี่ยงอย่างแน่นอนเพื่อไม่ให้มีการลงนาม รับรองเขตอำนาจของศาลโลก เพราะถ้ามีการลงนามดังกล่าวแล้วคงจะหมายความได้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ทั้ง นายสุเทพและนายอภิสิทธิ์จะต้องกลายเป็นผู้ต้องหาศาลอาญาระหว่างประเทศสำหรับ คดีการสลายการชุมนุม

แต่เรื่องนี้คงไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปขอความเห็นจากรัฐสภาตามรัฐ ธรรมนูญ มาตรา 190 เนื่องจากศาลโลกได้ศึกษากฎหมายในเมืองไทยอย่างถ่องแท้มาแล้ว อีกทั้งยังมีกรณีตัวอย่างว่า สำหรับบางประเทศนั้นมีการลงนามโดยรัฐมนตรีต่างประเทศเพียงผู้เดียวในการลง นามรับเขตอำนาจของศาลโลกก็ยังกระทำมาได้ ในกรณีนี้จึงมีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะมีการลงนามโดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

ในการให้ข้อสังเกตของ ดร.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เห็นว่าศาลอาญาระหว่างประเทศนั้นให้ความสนใจเรื่องสัญชาติอังกฤษของนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่พอสมควร
ในความเห็นของผู้รู้อีกหลายคนมีความเห็นว่า ประเทศไทยสามารถที่จะลงนามรับรองเขตอำนาจศาลโลกได้เฉพาะกรณี คือเป็นเฉพาะกรณีสลายการชุมนุม ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อาจจะลงนามในเร็วๆนี้ ถ้าการลงนามเสร็จสิ้นเรียบร้อยศาลโลกอาจจะเริ่มต้นหาข้อมูลเพื่อศึกษา วิเคราะห์ กล่าวคือเป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงในเบื้องต้นเสียก่อน ถ้าข้อมูลมีความน่าสนใจก็จะศึกษาลึกต่อไปแล้วแจ้งกลับมายังประเทศไทย

ประเด็นนี้จึงน่าสนใจตรงที่ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อาจจะต้องกลายเป็นผู้ต้องหาในศาลอาญาระหว่างประเทศถ้าการลงนามรับรองเขต อำนาจศาลเป็นที่เรียบร้อย หากเราเชื่อมโยงจากกรณีดังกล่าวนี้เข้ากับม็อบชุมนุมของ เสธ.อ้ายที่จะระดมกำลังมาชุมนุมเป็นรอบ 2 มีการประกาศเป้าหมายขั้นสูงที่จำนวนผู้ชุมนุมระดับ 1 ล้านคน เพื่อจะได้โค่นล้มรัฐบาล!

ความสอดคล้องของ 2 กรณีนี้จะสัมพันธ์กันหรือไม่? มีความเป็นไปได้ว่าเพราะเกรงจะต้องเป็นจำเลยในศาลโลก จึงต้องมีการเร่งรีบโค่นล้มรัฐบาลด้วยระบบศาลเตี้ยของม็อบกลุ่มองค์กร พิทักษ์สยาม อาจจะคาดหวังว่าต้องใช้ศาลเตี้ยมาขวางกั้นเสียก่อนจึงจะทำให้รัฐบาลนี้อยู่ ไม่ได้ และจะต้องไม่มีความเกี่ยวข้องของศาลโลกเกิดขึ้น

น่าพิจารณาว่าระหว่างศาลเตี้ยกับศาลโลกนั้น ปูกับมาร์คใครจะต้องขึ้นศาลไหนก่อนกัน?

ปูด‘น-ส’ลงขัน6พันล้านล้มรัฐบาล






          ส.ส.เพื่อไทยอ้างนักการเมืองอักษรย่อ “น-ส” ร่วมกันลงขัน 6,000 ล้านบาท จ้างสังหาร “ทักษิณ” และโค่นล้มรัฐบาล ให้จับตาการเมืองช่วงปลายเดือน พ.ย. จะมีความร้อนแรง ปูดทหาร 2,000 นาย แฝงตัวชานเมืองเตรียมเข้าร่วมชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยาม เพื่ออารักขาแกนนำ รองโฆษกกองทัพบกโค้ทันควันตรวจสอบแล้วไม่พบความเคลื่อนไหว ยืนยันไม่มีทหารร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลเพราะเป็นนโยบายของกองทัพ หากฝ่าฝืนมีความผิดทางวินัย

       ที่รัฐสภา พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ ส.ว.สรรหา อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกระแสการเตรียมลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่าว่า คนอื่นอาจไม่เชื่อแต่ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณคงเชื่อ เพราะที่ผ่านมาเคยถูกลอบสังหารมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ

        “ชัดเจนว่าในอดีตมีความพยายามลอบสังหารอดีตนายกฯ แต่ปัจจุบันจะมีหรือไม่อยู่ที่การสอบสวนขยายผล”

        นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พร้อมด้วย นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงโดยอ้างว่ามีนักการเมืองอักษรย่อ “น” และ “ส” ลงขันกันจ้างฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ โดยใช้เงิน 6,000 ล้านบาท เพื่อโค่นล้มรัฐบาลในหลายรูปแบบ
“เป้าหมายของเขาคือต้องล้มรัฐบาลให้ได้ แล้วตั้งรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ขอให้พี่น้องที่รักประชาธิปไตยเตรียมตัวกันให้ดี ต้องออกมาช่วยกันปกป้องประเทศไม่ให้เผด็จการยึดครอง วันที่ 16 พ.ย. นี้จะมีการรวมตัวกันที่ขอนแก่น และวันที่ 18 พ.ย. ที่สมุทรปราการ”
นายวรชัยระบุว่า ขณะนี้มีทหารจากปราจีนบุรีและกาญจนบุรีกว่า 2,000 นาย มาเตรียมอยู่ที่มีนบุรีและลาดกระบัง เพื่อเข้าร่วมชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยาม ทำหน้าที่อารักขาแกนนำ สถานการณ์การเมืองปลายเดือนนี้มีแนวโน้มว่าจะรุนแรงขอให้ติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด

       ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ตรวจสอบแล้วไม่พบการเคลื่อนไหวของทหารที่จะมาร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลตามที่ มีการกล่าวอ้าง หากมีทหารออกมามากขนาดนั้นผู้บังคับบัญชาต้องรู้ ที่สำคัญกองทัพบกไม่มีนโยบายให้ทหารเข้าร่วมชุมนุม หากฝ่าฝืนจะมีความผิดทางวินัย ยืนยันได้ว่าทหารไม่ว่าจะสังกัดใดไม่มีการเข้าร่วมในการชุมนุมอย่างแน่นอน

"หม่อมเอ๋อ" วีนแตก "ฟีฟ่า-ยกเลิก

"หม่อมเอ๋อ" วีนแตก "ฟีฟ่า-ยกเลิกก็ไม่โทรบอกทั้งที่เราเป็นคู่สัญญา"

 เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) แถลงผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ fifa.com ว่า คณะผู้แทนของฟีฟ่าตัดสินใจยกเลิกการใช้สนามบางกอก ฟุตซอล อารีน่า ย่านหนองจอก ในการแข่งขันฟุตซอล ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ เป็นที่แน่นอนแล้ว หลังยื้อเวลาให้แล้วถึงสองครั้ง 

 โดยคณะทำงานของฟี ฟ่าเดินทางไปตรวจสนามดังกล่าวในวันที่ 3 และ 5 พ.ย. เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย และความปลอดภัยของสนามซึ่งทางกทม. ในฐานะผู้รับผิดชอบการก่อสร้าง ใช้เวลาเร่งรีบราว 250 วันในการก่อสร้าง แต่ในที่สุด สนามดังกล่าวไม่สามารถผ่านมาตรฐานของฟีฟ่า และจะยกเกมการแข่งขัน 6 นัดตั้งแต่รอบรองฯ และนัดชิงฯ(14-18 พ.ย.) ไปแข่งขันที่สนามอินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมากแทน โดยผู้ชมสามารถนำบัตรเข้าชมการแข่งขันในรอบดังกล่าว ซึ่งซื้อไปก่อนหน้าแล้วได้เลย

 จากนั้นเวลา 18.00 น. ที่สนามบางกอกฟุตซอล อารีน่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยว่า จากการที่สหพันธุ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ยกเลิกการจัดการแข่งขันฟุตซอลโลกในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ว่า ตนรู้สึกเสียใจแทนข้าราชการและลูกน้องทุกคนที่ทำงานหนักกันมาโดยตลอดหลาย เดือนที่ผ่านมา ตนทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว ตนไม่เป็นไร ยังสู้อยู่ น้ำท่วม 4-5 เดือน เราก็ก่อสร้างกันมาจนเสร็จ สำหรับสนามฟุตซอลในตอนนี้ จะแข่งขันเลยในวันพรุ่งนี้ก็สามารถแข่งได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย เพราะทางฟีฟ่าก็ได้มาทดสอบแล้ว ทั้งพื้นสนามและความปลอดภัย โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย มีการทดสอบสนามโดยนำคนมาทั้งหมด 650 คน มาทดสอบความแข็งแรง รวมถึงการปรับปรุงทางหนีไฟ ซึ่งวานนี้ฟีฟ่าก็พอใจ แต่สิ่งที่ตนคาดว่าฟีฟ่าไม่ใช้สนามสนามบางกอกฟุตซอล อารีน่า เนื่องจากห้องทำงานของวีไอพีที่สั่งเพิ่มขึ้นมาให้กทม.ทำเพิ่มเติมมาล่าสุด เนื่องจากจะมีเจ้าหน้าที่มาเพิ่มประมาณ 300 คน แต่กทม.ก็ได้ดำเนินการให้อยู่

 “ฟีฟ่าไม่ได้แจ้ง ผลอะไรมายังกทม.เลย แม้โทรศัพท์มาบอกก็ไม่มี ซึ่งกทม.ในฐานะเป็นคู่สัญญาที่เป็นเมืองในการจัดการแข่งขัน ก็ควรแจ้งเราก่อนการแถลง ทั้งๆ ที่กทม.ก็ทำตามที่ฟ่ากำหนดทุกอย่าง” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สนามบางกอกฟุตซอล อารีน่า ยังคงมีการทำงานของเจ้าหน้าที่ต่อไป โดยงานเก็บรายละเอียดจะเสร็จในเที่ยงคืนของวันนี้ และก่อนเที่ยงของวันพรุ่งนี้จะมีการทำความสะอาดให้เสร็จทั้งหมด ส่วนจะเป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่นั้น ตนไม่ขอออกความเห็น ต้องไปตีความกันเอาเอง ส่วนจะใช้สนามบางกอกฟุตซอล อารีน่า ในงานใดนั้น ก็ยังตอบไม่ได้ แต่ก็เหมือนกทม.มีสมบัติเพิ่มขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ควรดีใจ ทั้งนี้ตนจะแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันพรุ่งนี้เวลา 15.00 น.

ม๊อบ "กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน" สลายตัว “

ม๊อบ "กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน" สลายตัว “จารุพงศ์” รับปากชะลอร่างฯ



7 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) - ที่ลานพระราชวังดุสิต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย กว่า 1 หมื่นคนนำในชุดข้าราชการสีกากี ทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุม โดยเดินทางมาด้วยรถตู้ รถบัส จำนวนกว่า 100 คัน จากทั่วประเทศ นำโดยนายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย เพื่อชุมนุมและกล่าวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่

เวลา 11.30 น. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย (มท.1) พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก รมช.มหาดไทย (มท.2) นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย (มท.3) นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชวน ศิรินันท์พร อธิบดีกรมการปกครอง ได้เดินทางมารับฟังข้อเสนอแนะและข้อเรียกร้องของสมาคมฯที่ต้องการให้ถอนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

ต่อมา นายจารุพงศ์ได้ขึ้นเวทีชี้แจงทำความเข้าใจกับกลุ่มม็อบกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน โดยระบุว่า ร่าง พ.ร.บ.ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ...ที่ถูกเสนอเข้าสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ไม่สามารถถอนร่างฯ พ.ร.บ.ดังกล่าวออกมาได้ เพราะต้องเป็นไปตามกระบวนการนิติบัญญัติ แต่จากมติเพื่อไทยก็จะชะลอร่างพ.ร.บ.เอาไว้ก่อน เพื่อรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจากทั่วประเทศ และยืนยันว่าจะไม่มีการดำเนินการใดนับจากนี้

จากนั้นนายยงยศ ได้ประกาศชัยชนะต่อหน้าผู้ชุมนุม ทุกคนได้โห่ร้องยินดี ขณะเดียวกันขอให้นายจารุพงศ์ ได้ร่วมกันวางพวงมาลาต่อพระบรมราชานุสาวรีย์ ร.5 เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่นายจารุพงศ์กล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง จากนั้นผู้ชุมนุมได้แยกย้ายเดินทางกลับบ้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 12.30 น. กำนันผู้ใหญ่บ้านได้สลายตัวเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนา หลังจากที่มท.1ยืนยันทำตามข้อเรียกร้องทุกประการ

"เสธ.อ้าย" เตรียมชุมนุมใหญ่ 24-25 พ.ย.

"เสธ.อ้าย" เตรียมชุมนุมใหญ่ 24-25 พ.ย. 

โว..มาร่วมแสน มีทีเด็ดไล่ รบ.



วันที่ 8 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) - เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สนามม้านางเลิ้ง อดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 1 และ รุ่น 4 เดินทางมาให้กำลังใจพร้อมร่วมรับประทานอาหารกับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือเสธ.อ้าย แกนนำกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เพื่อให้การสนับสนุนการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ส่วนการนัดร่วมตัวชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามนั้น พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า จะมีการแถลงข่าวในเวลา 10.00 น. วันที่ 10  พฤศจิกายนนี้ และคาดว่าจะมีเครือข่ายเข้าร่วมกว่า 100 เครือข่าย ทั้งนี้ยังไม่มีกำหนดวันนัดชุมนุมที่ชัดเจน แต่เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถจัดการชุมนุมได้ระหว่างวันที่ 24-25 พฤศจิกายน ยืนยันว่าจะมีผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมมากกว่าครั้งที่ผ่านมาประมาณ 20 เท่า จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นหลักแสน ส่วนประเด็นที่จะมีการหยิบยกขึ้นมาโจมตีรัฐบาลนั้นยังคงเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะมีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)เข้า ร่วมด้วย แต่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำ พธม.ได้ยืนยันว่าจะไม่ร่วมชุมนุม ซึ่งต่อไปนายสนธิ เข้าร่วมด้วยหรือไม่ก็ต้องรอดู

พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า หากรัฐบาลอยู่ตนจะไป แต่หากรัฐบาลไปตนจะอยู่  การชุมนุมครั้งต่อไปจะถึงขั้นเด็จขาด และหากการชุมนุมรอบนี้ไม่สำเร็จก็ถือว่าทุกอย่างจบ จบชีวิตเสื้อฝ้าย และตนจะไม่มีการชุมนุมอีกแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการยุติบทบาทไปโดยปริยาย เพราะหากประชาชนไม่เอาด้วยก็ไม่ควรจะหน้าด้านต่อไป อย่างไรก็ตาม หากมีคนเข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมากแล้วยังไม่สามารถขับไล่รัฐบาลได้ ก็จะมีทีเด็จซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะหากเปิดเผยหนังเรื่องดังกล่าวจะถือว่าจบในทันที

พานทองแท้ สอนมวยประชาธิปัตย์

"พานทองแท้" สอนมวยประชาธิปัตย์ แนะเปลี่ยนแนวทางตอบโต้ ลดโวหาร ด่าทอจิกกัด

"พานทองแท้" สอนมวย "ประชาธิปัตย์" แนะเปลี่ยนแนวทางการตอบโต้ ลดสำนวนโวหาร ด่าทอกระแนะกระแหน พร้อมเผยทีมงานออนไลน์ประชาธิปัตย์กระโดดหนีเพียบ ก่อนเตือนทิ้งท้าย เลิกโทษทักษิณได้แล้ว

8 พฤศจิกายน 2555 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟสบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra โดยมีข้อความดังนี้


วันนี้ได้ยินว่าจะมีกระทู้ถาม ของพรรคประชาธิปัตย์ เรื่อง การจับอาวุธสงครามได้ที่ท่าขี้เหล็ก ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการเหน็บแนม ชายหนุ่มที่ยืนข้างๆผมท่านนี้แน่ๆครับ

ฟังการเกริ่นนำของพรรคปชป. แล้วผมว่าสาระสำคัญของกระทู้ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ น่าจะไม่ค่อยมีนะครับ เพราะเท่าที่เห็นในข่าว สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พูดปูทางไว้ ก็มีแต่โวหารทางการเมือง ตามแบบฉบับดั้งเดิมทั้งนั้นเหน็บแนม-กระแนะกระแหน ผ
มและครอบครัว รวมถึงนักการเมืองในพรรคเพื
่อไทย เท่าที่ได้ยินก็เช่น "โกหกทั้งโคตร" หรือ "ผู้ใหญ่เลี้ยงแกะ รับลูกเด็กเลี้ยงแกะ" และถ้อยคำอื่นๆ ที่เหน็บ-จิก-กัด ประเภท "พิมพ์นิยมสไตล์ปชป." ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมากว่า60ปี 

บอกไว้ตอนนี้เลยครับว่าอย่าไปฝัน ว่าจะได้ฟังข้อมูลเชิงลึก แบบที่ทีมข่าวของพานทองแท้หามา เพื่อหักล้างกันด้วยเหตุผล ให้ประชาชนได้รับฟังข้อมูลล้วนๆ ดูรูป,เห็นภาพ ด้วยตาตัวเอง แล้วตัดสินใจเองว่าจะเชื่อข้อมูลของใครนั้น ผมขอตะโกนดังๆ ย้ำไว้ล่วงหน้าเลยว่า "อย่าหวังว่าจะได้เห็นเนื้อหาสาระที่ประชาชนจะได้ประโยชน์ จากกระทู้ถามในวันนี้ของพรรคประชาธิปัตย์"

ประชุมพรรคฯประชุมทีมโฆษกฯทุกวันนี้ ก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงสไตล์การทำงานครับ แทนที่จะเพิ่มเนื้อหาสาระ สร้างคุณค่าให้กับข้อมูลของตน กลับไปโทษสื่อ โทษคนอ่าน ว่าไม่ยอมลงเรื่องที่ตนพูด ไม่ยอมอ่านเฟสบุ๊คที่ตนตอบโต้ อาละวาดจนทีมออนไลน์ลาออก มาขอทำงานกับฝั่งตรงข้ามกันเป็นแถวๆ 

ถ้าเชื่อพานทองแท้ ปชป.ต้องเปลี่ยนTheme การตอบโต้ครับ ลดสำนวนโวหาร ด่าทอกระแนะกระแหนให้น้อยลง พูดเน้นๆในข้อมูลเนื้อหาสาระให้มากขึ้น ประชาชนได้ประโยชน์เขาก็จะหันมาฟังพรรคปชป.มากขึ้น อย่างน้อยคำที่ผมเคยถามไว้ว่า พรรคอะไรเอ่ย "ถึงจะแพ้ในสาระ ขอกูชนะด้วยโวหาร" ต้องให้ประชาชนตอบเป็นชื่อพรรคโน้นพรรคนี้มั่ง ไม่ใช่ตอบมาทิศทางเดียวกันหมด

อ่อ...แล้วที่กังวลกันอยู่ทั้งพรรคตอนนี้ ว่าใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ยังเผาหัวไม่ติดเลยทำไงกันดี?? ต้องชิงพื้นที่ข่าวคืนจากพานทองแท้ให้ได้โง้นงี้งั้น อย่ามาโทษผมเลยครับ ท่านนะแหละติดกับดักของตัวเอง ผมบอกวิธีแก้ให้เลยแล้วกันครับ ท่านเลิกโคจรรอบตัว พ.ต.ท.ทักษิณฯได้เมื่อไหร่ ท่านก็ชิงพื้นที่ข่าวจากผมได้ทันทีครับ 

คุณพ่อผมถูกปฏิวัติมา 6ปีแล้ว เอะอะอะไรก็ยังโทษทักษิณๆๆอยู่ พ่อไม่อยู่ลูกก็มีความสำคัญดิครับ ขนาดท่านนายกฯปู บอกแล้วบอกอีกว่า "พ่อผมไม่เกี่ยวๆๆ" ท่านก็พยายามจะให้เกี่ยวทุกเรื่องให้ได้ แพ้ทางเขาอยู่ยังชอบดึงเขามาเกี่ยวอีก มันก็แพ้ตลอดกาลสิครับ ถ้าไม่เลิกก็อย่าหวังเลย

เอ๊...... แต่จะว่าไปผมอาจจะแนะนำผิดก็ได้ เพราะยุคปชป.ผลัดใบนี่ ผมว่าไม่ต้องให้ถึงมือ "เซียนการตลาดตัวพ่อ" หรอก

เอาแค่ "เด็กเมื่อวานซืน" คนเดียว ก็ไปไม่เป็นกันทั้งพรรคแล้วมั๊งครับ

ถอดยศ "อภิสิทธิ์"

"สุกัมพล" ลงนามถอดยศ "อภิสิทธิ์" พร้อมริบเบี้ยหวัดบำเหน็จบำนาญ


วันที่ 8 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวถึงผลการพิจารณาถอดยศนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ได้ลงนามเห็นชอบในมติคณะกรรมการรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินการถอดยศและเรียกเบี้ยหวัดคืนจากนายอภิสิทธิ์ และจะดำเนินการถอดยศ ส่งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นขั้นตอนต่อไป
ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งธงเรื่องนี้อย่างที่ฝ่ายค้านกล่าวหา เรามีข้อมูลหลักฐานถึงความไม่ชอบมาพากล และพบว่าผิดจริง เมื่อผิดจริงต้องทำตามขั้นตอน ส่วนที่ผู้นำฝ่ายค้านจะส่งหนังสือ เพื่อขอความเป็นธรรมนั้น ถ้าอยากส่งก็ส่งมา ตนพร้อมให้ความเป็นธรรมเสมอ ก่อนหน้านี้เราให้เวลาเขาไปแล้ว และทำหนังสือตอบโต้กันไปมา แต่ไม่เห็นส่งหลักฐานมาเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า การถอดยศนายอภิสิทธิ์ จะทำให้ฝ่ายค้านยื่นถอดถอนท่านออกจากตำแหน่งหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ไม่ทราบว่าฝ่ายค้านคิดอย่างไร เพราะตนไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างทำตามขั้นตอน และตั้งคณะกรรมการฯอย่างถูกต้อง มีหลักฐานทุกอย่าง ถ้าเขาทำตนได้ ตนก็ทำเขาได้เช่นกัน หากวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสภา ฝ่ายค้านหยิบประเด็นการทำหน้าที่ถอดยศ ตนพร้อมชี้แจงตรงไปตรงมา และจะแจกแจงให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ทำผิดขั้นตอนอย่างไรให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับทราบไม่ได้กลั่นแกล้ง และไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ เราทำเอง แต่มีคนไปร้องผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วก็ส่งมา
ส่วนที่ฝ่ายค้านได้ยื่นถอดถอนในประเด็นการทุจริตเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็น รมว.คมนาคมนั้น ตนยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องไหนและอย่างไร ขณะนี้ยังไม่ได้เตรียมข้อมูล แต่คิดว่าไม่มีปัญหา มั่นใจว่าตอนดำรงตำแหน่งเป็นรมว.คมนาคม ไม่ได้ทำอะไรผิด และก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน พล.อ.มล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการถอดยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนจากนายอภิสิทธิ์ ได้ส่งผลการพิจารณาให้พล.อ.อ.สุกำพล ลงนามเซ็นคำสั่งรับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการชุดดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
คณะกรรมการมีข้อเสนอ 3 เรื่องหลัก คือ 1.การลงโทษกรณีนายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จขึ้นทะเบียนเป็นทหาร 2.การบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ถูกต้อง และ 3.เรื่องการแต่งตั้งยศที่ไม่ถูกต้อง หลังจากรมว.กลาโหมลงนามรับทราบเสร็จจะส่งเรื่องกลับไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อยกเลิกเพิกถอนคำสั่งการบรรจุเป็นนายทหารยศร้อยตรี จากนั้นจะส่งเรื่องไปยังกรมเสมียนตรา เพื่อพิจารณาทำเรื่องไปยังสำนักราชเลขา ขอพระราชทานพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ถอดยศของนายอภิสิทธิ์ต่อไป ขั้นตอนในการถอดยศยังต้องใช้เวลาอีกนาน
 “การถอดยศไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะที่ผ่านมาเคยมีการถอดยศมาโดยตลอด ทั้งนี้ยืนยันว่าคณะกรรมการตรวจสอบอย่างเป็นธรรม ไม่ได้กลั่นแกล้ง ตรวจสอบตามข้อเท็จจริงโดยมีคณะกรรมการทั้งหมด 9 คนล้วนแต่เป็นหัวหน้าส่วนราชการทั้งนั้นไม่ใช่เรื่องคนที่เป็นพวกเดียวกันขึ้นมาเป็นคณะกรรมการ ทั้ง 9 คนมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าเอกสารดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์ เป็นเอกสารเท็จ  แม้ว่าในเรื่องของคดีอาญาจะหมดอายุความไปแล้ว แต่ในเรื่องของวินัยทหารไม่มีอายุความสามารถลงโทษนายอภิสิทธิ์ด้านวินัยทหารได้ เพราะถือว่านายอภิสิทธิ์ใช้เอกสารเท็จในการยื่นเรื่องขึ้นทะเบียนเป็นทหารโดยมีความผิดตั้งแต่แรก
คาดว่าภายในวันที่ 12 พ.ย.นี้จะรู้ผลว่าจะลงโทษ นายอภิสิทธิ์ อย่างไร ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการฯได้ให้เวลานายอภิสิทธิ์ มาชี้แจงในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ อ้างมาตลอดว่าขอเวลาในการที่จะรวบรวมเอกสารและข้อมูล  คณะกรรมการฯได้ให้เวลานายอภิสิทธิ์ ชี้แจงมาพอสมควรแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ ก็ไม่ได้ยื่นเอกสารชี้แจงแต่อย่างใด ทางคณะกรรมการฯจึงได้สรุปผลให้กับรมว.กลาโหมแหล่งข่าวระบุ
มีรายงานข่าวด้วยว่า สำหรับกระบวนการขั้นตอนลงโทษทางวินัยแก่นายอภิสิทธิ์ มีโทษทางวินัยตั้งแต่ ภาคทัณฑ์ ทัณฑกรรม กัก ขัง และ จำขัง รวมถึงการให้ออกจากราชการ และไล่ออก ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ยังครองยศร้อยตรีอยู่ เพียงแต่นายอภิสิทธิ์ เลือกจะไม่ใช้ยศร้อยตรีนำหน้าชื่อ และนายอภิสิทธิ์ หมดสิทธิ์นำข้อมูลหรือเอกสารมาชี้แจงกับทางกระทรวงกลาโหมแล้ว เนื่องจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการพิจารณาของกระทรวงกลาโหมแล้ว ต่อไปนายอภิสิทธิ์จะยื่นฟ้องศาลหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวนายอภิสิทธิ์เอง ส่วนนายทหารที่เอื้อประโยชน์ให้นายอภิสิทธิ์ ที่ทำเอกสารเท็จขึ้นมานั้น เป็นเรื่องที่ทางกระทรวงกลาโหมกำลังพิจารณาต่อไปว่าจะเอาผิดได้หรือไม่ เนื่องจากบางคนเกษียณไปแล้ว และบางคนก็ได้ลาออก เรื่องนี้นานกว่า 20 ปีแล้ว.

"กลาโหม" สรุป "มาร์ค-หนีทหาร" รอให้ รมต.เซ็นถอดยศ


วันที่ 7 พฤศจิกายน 2555 (go6TV)  รายงานจากกระทรวงกลาโหม แจ้งว่า จากกรณีพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แต่งตั้งคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการถอนยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ใช้หลักฐานไม่ถูกต้องสมัครเข้ารับราชการทหาร ที่ประกอบด้วย พล.อ.ม.ล.ประสบชัย  เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานฯ พล.อ.ชาญ โกมลหิรัญ เจ้ากรมเสมียนตรา พล.อ.ชัยรัตน์ ชีระพันธุ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ พล.ท.พอพล มณีรินทร์ ผบ.รร.นายร้อย จปร. ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการฯทั้งหมดได้ประชุมเพื่อตรวจสอบทางกฎหมาย และกฎระเบียบของกระทรวงกลาโหม พบว่า 1.นายอภิสิทธิ์ ไม่ได้มารายงานตัวเพื่อตรวจเลือกการเกณฑ์ทหาร 2.ไม่ได้มีการขอผ่อนผันตามระเบียบ 3.การเข้ารับราชการเป็น อาจารย์ โรงเรียนนายร้อย จปร.ไม่ถูกต้อง   
ทางคณะกรรมการฯได้เรียกประชุมในวันที่ 6 พ.ย. ตั้งแต่เวลา 16.00 น. - 18.30 น. และได้ข้อสรุปว่านายอภิสิทธิ์ใช้เอกสารไม่ถูกต้องสมัครเข้ารับราชการทหาร ดังนั้น คณะกรรมการฯมีมติให้ใช้กฎกระทรวงกลาโหมดำเนินการถอดยศนายอภิสิทธิ์ ซึ่งได้ส่งเรื่องทั้งหมดไปให้ พล.อ.อ.สุกำพลแล้ว รอการลงนามเท่านั้น ทั้งนี้ การดำเนินการต่างๆที่ดูเหมือนทิ้งช่วงนั้นเพราะกฎหมายระบุให้กระทรวงกลาโหมต้องส่งหนังสือไปถึงผู้ถูกร้องคือนายอภิสิทธิ์ให้เวลา2 สัปดาห์ในการนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงคณะกรรมการฯ โดยทางเราได้แจ้งไปยังนายอภิสิทธิ์แล้ว แต่ก็ทางนั้นก็ไม่ได้เข้ามาชี้แจงหรือส่งเอกสารหลักฐานมาให้คณะกรรมการฯตามระยะเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม พล.อ.อ.สุกำพล จะแถลงข่าวในเรื่องนี้อีกครั้งแหล่งข่าวกลาโหม ระบุ

"วิศวกรรมสถาน" ยืนยัน "ไม่ได้ให้การรับรองสนามเอ๋อรีน่า"

"วิศวกรรมสถาน" ยืนยัน "ไม่ได้ให้การรับรองสนามเอ๋อรีน่า"


วันที่ 9 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยยืนยันไม่ได้ให้การรับรองการก่อสร้างสนามบางกอก ฟุตซอล อารีน่า พร้อมชี้ฟีฟ่ายกเลิกใช้สนามจากประเด็นเรื่องของอัคคีภัยเป็นหลัก
หลังจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่ายกเลิกใช้สนามบางกอก ฟุตซอล อารีน่า และเมื่อวานนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เปิดใจประเด็นดังกล่าวไปแล้ว ล่าสุดยังมีประเด็นตามมามากมาย และหนึ่งหน่วยงานที่โดนหางเลข คือวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ซึ่งได้ชี้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า งานก่อสร้างต่างๆ วิศวกรรมสถานไม่มีสิทธิ์จะให้การรับรองใดๆ เนื่องจากไม่ใช่หน้าที่ขององค์กร เช่นเดียวกับสนามบางกอก ฟุตซอล อารีน่า แต่ยอมรับว่าทางกรุงเทพมหานครได้ขอความร่วมมือมา และได้ให้คำแนะนำไปหลายเรื่อง โดยกรุงเทพมหานครก็ได้ปฏิบัติตามทั้งหมด สำหรับสาเหตุที่ฟีฟ่าไม่รับรองนั้นน่าจะเป็นเพราะเรื่องของเวลาในการก่อ สร้างที่ส่งผลให้องค์ประกอบส่วนของการป้องกันอัคคีภัยไม่เสร็จเป็นประเด็น หลักที่ฟีฟ่าพิจารณายกเลิกใช้สนาม
นอกจากเรื่องความปลอดภัยในส่วนของอัคคีภัยแล้วยังมีประเด็นอื่นเสริมด้วย โดยรายละเอียดต่างๆ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย จะมีการแถลงข่าวพร้อมกับชี้แจงทุกประเด็นในวันนี้ ที่สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย เวลา 10.30 น.

"อภิสิทธิ์" ปากดี โว "ประชาธิปัตย์" สบายเป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว

นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยไม่เข้าชื่อในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ไม่มีปัญหาระหว่างพรรคฝ่ายค้านด้วยกันเอง ถือเป็นสิทธิของพรรคภูมิใจไทย แต่เดิมพรรคภูมิใจไทย เสนอตัวที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 1 คน ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.แจ้งมาว่า รัฐมนตรีคนนั้นได้เปลี่ยนแนวทางการบริหารแล้ว จึงไม่ยื่นอภิปราย ส่วนจะทำให้ประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์อภิปรายไม่ไว้วางใจ อ่อนลงไปหรือไม่นั้น คิดว่าอ่อนหรือไม่อ่อนต้องดูที่เนื้อหาในการอภิปราย แต่เราตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับการบริหารงานที่ล้มเหลวและทุจริต และไม่เป็นปัญหาหากพรรคประชาธิปัตย์จะถูกโดดเดี่ยวให้เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว

ทูตสหรัฐประกาศ "ต้านรัฐประหาร" ย้ำต้องเปลี่ยนรัฐบาลผ่านการเลือกตั้งเท่านั้น

ทูตสหรัฐประกาศ "ต้านรัฐประหาร" ย้ำต้องเปลี่ยนรัฐบาลผ่านการเลือกตั้งเท่านั้น

นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ในงานลุ้นผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 45 ประจำปี 2555 ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี ต่อกรณีมีกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องรัฐประหารในไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ในฐานะที่สหรัฐเป็นประเทศประชาธิปไตย เราเห็นความสำคัญของการเลือกตั้ง และการรับฟังความคิดเห็นส่วนรวมของคน ในสังคม เราจะเปลี่ยนรัฐบาลผ่านทางการเลือกตั้งเท่านั้น
 เราชาวอเมริกันยืนหยัดสนับสนุนทุกกระบวนการที่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และขอต่อต้านการรัฐประหาร และการกระทำใดๆ ที่ขัดต่อประชาธิปไตย เรามีหน้าที่ออกสิทธิลงเสียง มีอำนาจในการร่วมบริหารประเทศด้วยวิธีสันติ ก็ควรรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของประชาธิปไตยเอาไว้

ถอดถอนนายจตุพรออกจาก ส.ส.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

สหภาพรัฐสภานานาชาติชี้ถอดถอนนายจตุพรออกจาก ส.ส.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

จาก facebook Sunai Chulpongsatorn

 
            ใคร รักคุณจตุพรให้ฟังผมทางนี้:  ผมเคยทำนายไว้ล่วง หน้าหลายครั้งแล้วว่าจตุพรจะไม่ได้เป็นสส.และจะไม่ได้เป็นรัฐมนตรีในการ เมืองยุคเปลี่ยนผ่าน (แต่ต้องได้เป็นแน่ๆ) แต่ถ้าได้เป็นต้องติดคุกเพราะอะไร ไม่ต้องพูด มาดูมติของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนภาคสส.ของสหภาพรัฐสภานานาชาติ(IPU)ซึ่ง กำลังประชุมที่แคนาดากันดีกว่า
 
           คณะกรรมการIPU. ได้มีมติเมื่อ24 ตุลาคม 2012ที่เมืองควีเบค แคนาดา เป็นเลขคดีที่ Th/183 กรณีที่อำนาจเผด็จการไทยได้ใช้กลไกของรัฐธรรมนูญเผด็จการ และใช้อำนาจ กกต.ประสานศาลรธน.และศาลยุติธรรม ถอดถอนนายจตุพรออกจากสส.โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและกระบวนปชต.(ตามภาพหัวเรื่องที่นำแสดงนี้)
 
         มาดูคำร้องทั้งชุดกันเลยจะได้รู้การเมืองจริงๆในประเทศไทย ว่ามันร้อนขนาดไหนแล้วช่วยบอกสส.จ่าประสิทธิและสส.เสื้อแดงอื่นๆที่สายตาสั้นทางการเมืองด้วยว่าอย่าโวยวายก่อกวนรัฐบาลในภาวะวิกฤตหลบในขณะนี้ เพราะเราต้องมองปัญหาให้รอบด้านแล้วเตรียมพร้อม ผมมาอยู่ต่างประเทศก็มาหาทางช่วยจตุพรในเวทีโลก อย่าหวังลมๆแล้งๆอะไรกับการเป็นรมต.กันอย่างเดียว


 
         ผู้รักประชาธิปไตยในไทยต้องเร่งขยายการต่อสู้กับเผด็จการไทยซึ่งไม่ต่างอะไรกับคนบ้าในสายตาโลก ออกไปต่างประเทศให้กว้างขวาง เพราะในประเทศพวกบ้าถือปืนครองอำนาจอยู่(ฟังนายฟันดำกับพลเอกบุญเลิศพูดก็รู้ว่าบ้าชัดๆและต้องรู้ด้วยว่าเขาพูดแทนใคร)เราจึงต้องระวังไม่ใช่มัววนเวียนกับเรื่องอำนาจชั่วคราวที่จอมปลอม

ถล่ม *เสธ.อ้าย* อย่าเหยียบย่ำหัวใจคนไทย...

 

         วันนี้ ( 27 ต.ค.)นายอนุสรณ์  เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต รมช.ต่างประเทศ  จะเข้าร่วมการชุมนุมของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์กรพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่าย ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ว่า ถ้าเรื่องจำนวนคนเข้าร่วมชุมนุม รัฐบาลไม่ห่วงและพร้อมจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อย การเลือกชุมนุมที่สนามม้าก็มีความเปราะบาง อาจจะเอื้อเพื่อให้มือที่สามเข้าไปก่อเหตุอะไรหรือไม่ แต่ยังเชื่อมั่นว่าประชาชนเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างดี และพร้อมให้โอกาสรัฐบาลทำงานต่อไป ที่สำคัญรัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน คนที่จะออกมาไล่ต้องมีจิตวิญญาณประชาธิปไตยและเข้าใจในวิถีแห่งสากลนั้น อย่าทำตัวเป็นเจ้าของประเทศเพียงกลุ่มเดียว เหยียบย่ำหัวใจประชาชน คนที่เขาเลือกรัฐบาลนี้มา ที่สุดเชื่อว่าประชาชนจะไม่มาเข้าร่วมอย่างแน่นอน


       นายอนุสรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะไม่ปล่อยให้การชุมนุมนี้เกิดความรุนแรง พล.อ.บุญเลิศ ก็ได้บอกแล้วว่าจะขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแล และจะยุติการชุมนุมในเวลา 17.30 น. เชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะรักษากติกา แต่ถ้าทำอะไรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ก็ต้องถูกดำเนินการ การออกมาสารภาพของหัวหน้าม็อบ พล.อ.บุญเลิศ ที่ว่า ไปตั้งพรรคการเมืองลงเลือกตั้งแข่ง ก็สู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้ ถึงต้องออกมาไล่ด้วยวิธีการนอกระบบ เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญว่าจะข่มขู่รัฐบาลของประชาชน วันนี้จึงไม่อยากให้ทุกฝ่ายประมาทคนกลุ่มนี้ อำมาตย์ยังมีแรงหนุนและเดินอย่างต่อเนื่องในทุกๆก้าวอย่างเป็นกระบวนการ
       ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงการชุมนุมขับไล่รัฐบาลของ พล.อ.บุญเลิศ ว่า พรรคเคารพในสิทธิการชุมนุม แต่ขอให้การชุมนุมเป็นไปตามกรอบกฎหมาย เคารพสิทธิประชาชนทั่วไปที่ไม่เข้าร่วมการชุมนุม  ข้อกล่าวหาขององค์กรพิทักษ์สยามทั้งการไม่จงรักภักดีนั้น ไม่เป็นความจริง ยืนยันรัฐบาลมีความจงรักภักดี ได้ปราบ ปรามเว็ปไซต์ไม่เหมาะสมไปแล้ว  7 หมื่นยูอาร์แอล ส่วนที่อ้างว่าประชาชนทนไม่ไหวกับการบริหารประเทศของรัฐบาลก็ค้านกับผลสำรวจ โพลต่างๆที่ระบุตรงกันว่า ประชาชนพอใจและยังให้โอกาสรัฐบาลทำงานต่อไป ขอให้องค์กรพิทักษ์สยามเปิดใจกว้าง รับฟังความเห็นต่าง ส่วนที่บอกว่าจะเปลี่ยนสนามม้าเป็นสนามกู้ชาตินั้น กลุ่มคนที่มาร่วมชุมนุมล้วนเป็นผู้ใหญ่ น่าจะใช้ศักยภาพเปลี่ยนสนามม้านางเลิ้งที่มีภาพลักษณ์เป็นแหล่งอบายมุขเป็น สนามกีฬาอย่างแท้จริง เพื่อประโยชน์ของส่วนร่วมจะดีกว่า  จะได้รับความชื่นชมมากกว่านี้