กงล้อประวัติศาสตร์กำลังไล่ล่าบดขยี้คนชั่วไปจากแผ่นดินที่ชื่อว่าประเทศไทย
วัฒนธรรมการสร้างภาพและวาทะกรรมอันเป็นเท็จเป็นของพวกอำมาตย์ที่ได้กระทำ
กันมาเป็นเวลาอันยาวนานเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อมีความรัก ความศรัทธา
และเชื่อฟังพวกเขามาโดยตลอด เปรียบเสมือนฝังชิปไว้ใน
สมอง
ของประชาชน ยากที่จะถอนออกได้ ซึ่งความเชื่อ ความรัก ความศรัทธา
และเชื่อฟังพวกเขาดังกล่าวนั้น
ไม่สามารถพิสูจน์หาความจริงไม่ว่าในทางใดๆได้
เป็นการกระทำโดยไม่มีมูลอะไรทั้งสิ้น แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อกดทับมิให้
ประชาชนทั้งประเทศแสดงศักยภาพใด ๆ ได้อย่างอิสระ
พร้อมกันนั้นพวกเขาก็กอบโกยผลประโยชน์อันเป็นทรัพยากรของชาติ
กันอย่างเมามัน และกดขี่ขูดรีดหยาดเหงื่อแรงงานของประชาชน
ทุกวิธีการมากว่าครึ่งศตวรรษมาแล้ว
วัฒนธรรมการสร้างภาพและวาทะกรรมอันเป็นเท็จของคนกลุ่มนี้
ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
ตกอยู่ในความยากจนทุกข์ยากลำบากแสนเข็ญเหลือคณานับ
และลูกหลานต้องรับมรดกความยากจนทุกข์ยากลำบากแสน
เข็ญเหลือคณานับนี้ต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่นอย่างไม่สิ้นสุด
เช่นโซ่ไม่มีปลายฉันใดฉันนั้น
และไม่ทราบว่าพวกเขาจะทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นความทุกข์ยากลำบากแสนเข็ญเหลือ
คณานับนี้ได้ มองไม่เห็นอนาคตของพวกเขาจริงๆ ที่ตราบใดคนกลุ่มนี้ยังดำรงอยู่ในประเทศนี้
และเชื่อว่าในระยะเวลาอันใกล้นี้
คงจะปรากฏวัฒนธรรมการสร้างภาพและวาทะกรรมอันเป็นเท็จ
ออกมาอย่างต่อเนื่องโดยใช้ความถี่มาก ๆ กว่าปกติ มูล เหตุที่เป็นเช่นนี้
ก็เพราะกลุ่มคนหรือคณะบุคคลจำนวนไม่เกินสองหมื่นคน กำล้งตกอยู่ในสภาพที่ถูกความจริงของโลกไซเบอร์รุกไล่ล่าบดขยี้อย่างรุนแรงยากที่จะต่อต้านได้
ด้วยกระบวนการรุกไล่ล่าบทขี้จากโลกไซเบอร์นี่เอง
ทำให้พื้นที่ของคนกลุ่มนี้เหลือลดน้อยลงจะไม่มีที่ยืนแล้ว
และคณะบุคคลดังกล่าวก็จำนนต่อความจริง
ไม่สามารถหาข้อโต้แย้งหรือข้อแก้ตัวใดๆได้ แต่ด้วยความเคยชิน ต่อ
การใช้อำนาจปกครองแบบกดขี่ขูดรีดเอารัดเอาเปรียบประชาชน
โดยไม่เกรงกลัวต่อบาป หรือมีความละอายต่อใครและผู้ใดมายาวนาน
นึกอยากได้อะไรหรือไม่อยากได้อะไรก็ชี้นิ้วสั่งการตามความต้องการ
โดยมิเคยจะต้องใช้ความ
คิดใด ๆ ว่าผิดหรือถูกไม่คำนึงถึงจะมีเหตุผลหรือไม่มีข้าไม่สนทั้งสิ้น
เรียกว่าการกระทำดังกล่าวของคนกลุ่มนี้หรือคณะนี้ ใช้อำนาจจนเคยชิน
กลายเป็นสันดานไปเสียแล้ว
ครั้นมาถึงยุคโลกไซเบอร์เปิดหูเปิดตา
ประชาชนจำนวนมาก
หูตาสว่างไม่มีที่จะปกปิดความจริงหรือความเท็จใดๆได้
จากการที่เคยใช้วิธีการสร้างภาพและวาทะกรรมอันเป็นเท็จ
ซึ่งในอดีตประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นความจริง
ปัจจุบันคนกลุ่มนี้ก็ยังหลงใหลได้ปลื้มกับวิธีการเดิมๆของพวกตน และ
มีความหวังว่าประชาชนคงจะหลงใหลได้ปลื้มเช่นที่ผ่านมาในอดีต
ขอเรียนท่านด้วยความสมเพศว่าท่านเข้าใจผิดแล้ว
เพราะแทนที่ประชาชนจะหลงใหลได้ปลื้มเช่นในอดีต
แต่กลับกลายเป็นสร้างความเกลียดชังเครียดแค้นแก่ประชาชนเข้ามาทดแทน
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ยังมีวาทะกรรมอันเป็นเท็จ
เกิดขึ้นอีกแล้ววาทะกรรมอันเป็นเท็จที่บอกว่า”เราต้องช่วยกันสร้างคนดี
ขจัดคนชั่วออกไป” วาทะกรรมนี้ยังไม่ถือว่าเท็จหรือจริง
เพราะยังไม่ทราบว่าคนดีหรือคนชั่ว เป็น
ผู้ใด เพราะเหตุว่ามันไม่มีเครื่องมืออะไรนำมาวัดได้
แต่พอจะอนุมานได้ว่าใครคือคนดีหรือใครคือคนชั่ว
โดยเอาเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อไม่นานนี้
และทำการวิเคราะห์เหตุการณ์ที่ผ่านมาพอที่จะนำมาพิเคราะห์ได้ว่าใครดีใคร
ชั่ว
เริ่มเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ตั้งแต่วันนั้น และ
ต่อเนื่องถึงปี2552, 2553,2554 และ 2555 เหตุการณ์ในปี 2549, 2552 และ 2553
ประชาชนทั้งประเทศ และทั่วโลกต่างได้ทราบข้อเท็จจริงของความเป็นมาเป็นไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ ว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งหมดในประเทศไทยนั้น
เป็นการกระทำของฝ่ายที่เรียกว่าคนดีหรือคนชั่วประชาชนทั่วไปต่างทราบกันได้
ดี และเหตุการณ์ครั้งนั้น ประเทศชาติได้รับความเสียหาย
คิดเป็นมูลค่าเป็นเงินกี่ล้านล้านบาท
ไม่ทราบได้ พวกท่าน ตอบได้ไหมว่าการกระทำเช่นนี้
เป็นการกระทำของคนดีในความหมายของพวกท่านหรือ แต่
ฝั่งฟากที่เป็นประชาชนทราบต่างพากันลุกขึ้นมาเรียกร้องเพื่อให้ประเทศนี้
ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
ที่สมบูรณ์
อันเป็นไปตามบทบัญญัติที่รัฐธรรมนูญรับรองสิทธิเสรีภาพดังกล่าวนี้ไว้
แต่รัฐก็ได้ใช้กำลังทหารล้อมปราบอย่างเหี้ยมโหดอำมหิต
ซึ่งมีประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก บาดเจ็บเป็นจำนวนมากกว่าสองพัน และยังยัด
เยียดข้อหาอันเป็นเท็จจับประชาชนผู้บริสุทธิ์เข้าคุกเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ซึ่งผู้เป็นมนุษย์ด้วยกันจะไม่กระทำต่อกันเช่นนี้
โดยเฉพาะประเทศไทยเป็นประเทศที่นับถือศาสนาพุทธเป็นหลัก
ผู้คุมอำนาจรัฐเช่นนี้หรือเป็นคนดี ประชาชน
ที่ใช้สิทธิเสรีภาพที่พวกเขาพึงมีตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญรับรองไว้เช่นนี้
ประชาชนที่กระทำการดังกล่าวนี้เป็นคนชั่วทั่งนั้นใช่ไหม
แต่ถ้าเป็นบริวารของพวกท่านซึ่ง ได้มี แถลงการณ์หรือรายงานที่มีชื่อย่อว่า
”คอป” รวมทั้ง
ผู้ที่บางคนปลดเกษียรจากราชการแล้วแต่ยังคงอยู่บ้านหลวงฟรี
ใช้น้ำใช้ไฟฟ้าฟรี ใช้รถยนต์หลวงฟรี
เครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างฟรีทั้งหมด และอื่นๆฟรีทั้งนั้น
แต่ประชาชนต้องเป็นผู้จ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายแทนให้ท่านอยู่
สบายๆ คนเช่นนี้หรือเป็นคนดี
หยุดเสียทีเถิดกับการสร้างภาพและวาทะกรรมอันเป็นเท็จแบบทุเรศๆเช่นในอดีต
และสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทุกวันนี้ประชาชนเขาหูตาสว่างกันทั่วทั้งแผ่นดินแล้วกับวาทะกรรมอันเป็น
เท็จของ
พวกท่าน เรื่องทุกเรื่องที่อ้างว่าพวกท่านเป็นคนดี
ความจริงก็ปรากฏแล้วจากการล้อมปราบประชาชนอย่างบ้าคลั่งเมื่อ 10 เมษายนถึง
19พฤษภา 2553 โดยศาลได้ชี้ออกมาแล้ว ว่าความตายของนายพัน คำกอง
คนขับรถแท็กซี่รับ
จ้างเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งตรงกับข้อเท็จจริง
และข้อเท็จจริงเช่นนี้ คงจะปรากฏอย่างต่อเนื่องในรายอื่นๆต่อไปเรื่อยๆ
สำหรับเหตุการณ์ของปี 2554และ 2555
ซึ่งรัฐบาลที่ประชาชนเลือกตั้งมาประมาณยี่สิบกว่าล้านเสียง
ก็ยังบริหารงานให้เป็นไปตามนโยบายด้วยความยากลำบาก เพราะคนดีหรือคนชั่ว
คอยบงการขัดขวางมิให้รัฐบาลบริหารงานไปได้ตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อประชาชนและ
รัฐสภา
และพร้อมกันนี้ก็ยังหาวิธีการที่จะทำลายรัฐบาลทุกๆ
วิถีทาง แล้วใครล่ะที่ทำเช่นนี้
คำตอบก็คือไอ้กลุ่มคนพวกนี้แหละที่สถาปนาพวกของตนว่าเป็นคนดี
คนพวกนี้เขาเรียกว่าคนอัปรีย์คือเลวกว่าคนชั่วมิใช่หรือ
เชิญเถิดพวกท่านจะทำอย่างไรตามใจปรารถนา เพราะความจริงก็คือความ
จริง และขอแจ้งให้พวกท่านได้ตระหนักไว้ว่า
ในโลกใบนี้มีความจริงเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
ทุกวันนี้ไม่มีใครหลอกใครได้อีกแล้ว
ตามที่กล่าวไว้แล้วว่าโลกใบนี้แสงสว่างสาดกระจายไปทั่วทุกมุมของโลก
พวกคนดีที่สำคัญผิดในตนเองจง รู้ไว้ซะว่า ในสายตาของประชาชนส่วนใหญ่ต่างเห็นและลงมติพร้อมกันว่าพวกท่านแท้จริง คือคนชั่ว...โว้ย
ย้อนกลับไปเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งสภาฯกำหนดจะลงมติวาระสาม
แต่ก็ต้องหยุดชะงักไปเพราะศาลรัฐธรรมนูญมาขัดจังหวะ
และเป็นการขัดจังหวะที่ก้าวล่วงอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ
นี่พวกคุณก็ทำได้เรียกว่าทำได้ แบบ
ไม่อับอายและละอายต่อใครในแผ่นดินเละยังไปไกลทั่วโลกทีเดียวทุเรศมาก
แต่เรื่องนี้ก็ผ่านไปการผ่านไปของเรื่องนี้
ทำให้ประชาชนทั้งประเทศตาสว่างมาก
และทั่วโลกก็ได้เข้าใจแล้วว่าประเทศไทยปกครองด้วยระบอบอำมาตยา
ธิปไตย
ซึ่งเป็นระบอบที่กดทับระบอบประชาธิปไตยของประชาชนอย่างแท้จริงเห็นกันอย่าง
ชัดๆอย่างนี้แหละ ใครจะทำไมเพราะพวกกูเป็นคนดี...โว้ย
จาก
นี้ต่อไปเวลาที่เหลือนี้พวกท่านกำลังวางแผนที่จะทำอะไรกันประชาชนเขารู้นะ
แผนซึ่งจะทำลายรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมา
พวกท่านเตรียมการกันแบบโง่ๆที่จะใช้อำนาจบาดใหญ่อย่างที่เคยทำมาในอดีต
โดยตั้งความ
หวังว่าเที่ยวนี้คงทำลายรัฐบาลได้สำเร็จแน่ ก็ขอให้
สำเร็จตามความปรารถนาแต่ใครจะเป็นผู้คว้าความสำเร็จระหว่างประชาชน
กับพวกของท่านหรือคณะของท่านก็คงจะได้รู้กันเมื่อถึงวันนั้น
ประวัติศาสตร์มีไว้ให้มนุษย์เรียนรู้เพื่อ
จะก้าวเดินต่อไปในอนาคตอย่างถูกต้องและมั่นคงอย่างถาวร
และประวัติศาสตร์ก็ได้บันทึกไว้ว่าประชาชน
ไม่เคยพ่ายแพ้แก่อำนาจที่ไม่เป็นธรรมในทุกกรณี
ไม่ว่าจะเกิดที่ประเทศใดในโลกใบนี้ อาจจะมีที่ประชาชนตกเป็นฝ่ายพ่าย
แพ้บ้าง แต่ก็เป็นการพ่ายแพ้ชั่วคราวเท่านั้นสุดท้าย
ก็เป็นฝ่ายชนะและชนะแบบถาวรตลอดไปไม่เหลือแผ่นดินแม้เพียงตารางนิ้วให้พวก
ท่านอาศัยอยู่ได้
การกดขี่ขมเหงขูดรีดเอารัดเอาเปรียบของกลุ่มคนที่สร้างภาพและวาทะกรรมอัน
เป็นเท็จ เพื่อให้ประชาชนเชื่อถือ
มีความรักและศรัทธาได้ล้มเหลวลงไปอย่างยับเยินที่สุด
หมดปัญญาของคนกลุ่มนี้ที่จะหาวิธีใดๆมาแก้ไข หรือ
แทนที่ได้ จะมีก็เพียงท่านกำลังก้าวเดินไปสู่ความหายนะ
และพวกท่านกำลังถูกกงล้อประวัติศาสตร์ไล่บดขยี้เข้าสู่เส้นทางที่พวกท่าน
สร้างเอาไว้และพวกท่านก็กำลังจะเดินออกไปในเส้นทางดังกล่าวเพื่อออกจาก
ประเทศนี้ แต่จนถึง
บัดนี้พวกท่านก็ยังไม่สำนึกยังคง
สร้างภาพและวาทะกรรมอันเป็นเท็จกันอย่างไม่สิ้นสุดสมเพศพวกท่านจริงๆ
ท่านพวกอำมาตย์ทั่นเอ๋ย
เส้นทางสำหรับพวกท่านคงเหลือพื้นที่เพื่อก้าวเดินอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น
และพวกท่านซึ่งได้รับ
การสูญเสียความเชื่อความศรัทธาและความรักจากประชาชนของเทศนี้อย่างถาวรไป
แล้ว และไม่มีโอกาสที่จะนำกลับมาใช้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดๆ
และอีกไม่นานเมื่อถึงวันนั้นประชาชนก็จะบดขยี้ขับไล่พวกท่านออกไปจากแผ่นดิน
นี้ วัน
นั้นเมื่อประชาชนขจัดพวกท่านออกจากแผ่นดินได้
ประชาชนก็จะเป็นผู้ปกครองกันเองจะไร้ซึ่งอำนาจเถื่อนอำนาจจอมปลอมเข้ามา
ยุ่งเกี่ยวโดยเด็ดขาด
ประเทศนี้จะเป็นของประชาชน โดยประชาชน
และเพื่อประชาชนโดยถาวรชั่วกาล
นานแสนนานตลอดไป
ซึ่งปัจจุบันกงล้อประวัติศาสตร์กำลังไล่บดขยี้คนดีเช่นพวกท่านออกไปจากแผ่น
ดินนี้ที่ชื่อว่าประเทศไทยและคงเหลือลมหายใจที่นับได้ไม่กี่ครั้ง
แผ่นดินนี้ก็จะปราศจากคนดีๆเช่นพวกท่านอีกต่อไป
|