ทรงพระเจริญพระเจ้าข้า...........
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
ทรงเข้าถึงปวงประชา
ทรงพระเจริญพระเจ้าข้า...........
กลุ่มเพื่อนสธ.และกลุ่มแพทย์ปชต. แถลงค้านเครือข่ายสธ. ชี้นายกฯคนกลางขัดรธน. จี้หยุดใช้ชื่อสถาบันเคลื่อนไหวการเมือง
กลุ่มเพื่อนสธ.และกลุ่มแพทย์ปชต. แถลงค้านเครือข่ายสธ. ชี้นายกฯคนกลางขัดรธน. จี้หยุดใช้ชื่อสถาบันเคลื่อนไหวการเมือง
กลุ่มเพื่อนสธ.และกลุ่มแพทย์ปชต. ทำจม.เปิดผนึกถึง “ประดิษฐ-ยิ่งลักษณ์ และประชาชน” เรียกร้อง ให้ยุติการอ้างตำแหน่ง ชื่อสถาบันการแพทย์และสาธารณสุขมาใช้แสดงความคิดเห็นทางการเมือง ชี้ตัวสถาบันควรเป็นกลางทางการเมือง เรียกร้องทุกฝ่ายปฏิบัติตามรธน. ชี้ข้อเรียกร้องนายกคนกลางที่มาจากการแต่งตั้งขัดกับรัฐธรรมนูญ หยุดใช้ความเดือนร้อนของชาวนาจากจำนำข้าวมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ส่วนเรื่องทุจริตก็ควรตัดสินตามกระบวนการยุติธรรมอย่างไม่มีอคติ และเรียกร้องกกต.จัดเลือกตั้งในเขตที่เหลือโดยเร็ว เพื่อให้ได้รัฐบาลชุดใหม่มาบริหารประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ก.พ. กลุ่มเพื่อนสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มแพทย์และผู้รักประชาธิปไตยถึง นำโดย นำนพ.ภีศเดช สัมมานันท์ และนพ.ธีรวัฒน์ วงศ์ตัน ตัวแทนกลุ่มเพื่อนสาธาณสุขเพื่อประชาธิปไตย
และ พล.ร.ต. นพ. สมยศ สำราญบำรุง ตัวแทนกลุ่มแพทย์และผู้รักประชาธิปไตย ได้ทำจดหมายเปิดผนึก ลงวันที่ 11 ก.พ. 2557 ถึงนพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อผ่านไปยัง นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษานายกรัฐมนตรี และถึงประชาชนทุกท่าน โดยเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกดังกล่าว ระบุถึงความคิดเห็นและข้อเรียกร้องของกลุ่มดังนี้
“เนื่องจากข้าพเจ้ากลุ่มบุคลากรด้านสาธารณสุข ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร และบุคลากรทางด้านสาธารณสุขอื่นๆทั่วประเทศ ทั้งในภาครัฐและเอกชน ทั้งในสังกัดมหาวิทยาลัย กระทรวงสาธารณสุข และสังกัดอื่นๆร่วม 800 คนทั่วประเทศ มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ของประเทศในขณะนี้
จึงขอแสดงความเห็นถึงท่านในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกระทรวงสาธารณสุข ผ่านไปยังท่านรักษาการนายกรัฐมนตรี และประชาชน ดังนี้
- 1.เรียกร้องให้หลีกเลี่ยงการอ้างตำแหน่ง หรือสถาบันทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งองค์กรจะมีความคิดเห็นทางการเมืองไปในแนวทางเดียวกันทั้งหมด เพื่อไม่ละเมิดสิทธิบุคคลอื่นที่เห็นต่าง และสถาบันทางการแพทย์และสาธารณสุขควรเป็นกลางทางการเมือง เพื่อให้ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากประชาชนทุกกลุ่ม
- 2.ขอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ที่ห้ามมิให้บุคคลใดเรียกร้อง หรือกระทำการใดเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้แก่ การเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการลาออก การเรียกร้องรัฐบาลหรือสภาที่มาจากการแต่งตั้ง หรือการใช้กำลังเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง
- 3.จากโครงการรับจำนำข้าว รัฐบาลทำหน้าที่รัฐบาลรักษาการอยู่ทำให้มีปัญหาในการจ่ายเงินชาวนาส่วนใหญ่ซึ่งมีฐานะยากจนมีความเดือดร้อน จึงขอร้องให้ทุกฝ่ายเห็นใจในความเดือดร้อนของชาวนา ไม่ใช้ความเดือดร้อนของชาวนามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และช่วยเหลือชาวนาอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ สำหรับข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตขอให้มีการตัดสินตามกระบวนการยุติธรรม ไม่มีอคติเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
- 4.เรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตที่ยังเลือกตั้งไม่เสร็จสิ้นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 93 ให้ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครบทุกเขตโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เพราะรัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจหน้าที่เต็มในการดูแลและแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ รวมทั้งปัญหาของชาวนา
และเราเชื่อว่าการหันมาเจรจากันระหว่างรัฐบาลและฝ่ายผู้ชุมนุม เพื่อให้ได้ข้อตกลงในการปฏิรูปประเทศตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะนำไปสู่ความสงบและความเจริญของประเทศชาติได้ในที่สุด
ขอแสดงความนับถือ
นพ.ภีศเดช สัมมานันท์, นพ.ธีรวัฒน์ วงศ์ตัน ตัวแทนกลุ่มเพื่อนสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตย
พล.ร.ต.นพ.สมยศ สำราญบำรุง ตัวแทนกลุ่มแพทย์และผู้รักประชาธิปไตย
เรื่องเด่น
ภีศเดช สัมมานันท์
ธีรวัฒน์ วงศ์ตัน
สมยศ สำราญบำรุง
ประดิษฐ สินธวณรงค์
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กลุ่มเพื่อนสาธารณสุขเพื่อประชาธิปไตย
กลุ่มแพทย์และผู้รักประชาธิปไตย
เครือข่ายสาธารณสุข
- See more at: http://www.hfocus.org/content/2014/02/6401#sthash.XnJ0Jxyb.dpuf
ตร.รื้อแนวบังเกอร์ม็อบคปท.แล้ว ขอคืนพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาล - "อุทัย"นำมวลชนชิ่งออกจากที่มั่น
ตร.รื้อแนวบังเกอร์ม็อบคปท.แล้ว ขอคืนพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาล - "อุทัย"นำมวลชนชิ่งออกจากที่มั่น
จากกรณีศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. ส่งข่าวถึงสำนักข่าวต่างๆ เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ให้ผู้สื่อข่าวเตรียมพร้อมนัดพบกันที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อเตรียมทำข่าวสถานการณ์ใหญ่ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 14 ก.พ. ทำให้เกิดกระแสคาดเดาในหมู่แแกนนำม็อบคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และแนวร่วมว่าศรส.เตรียมระดมกำลังตำรวจยึดคืนพื้นที่การชุมนุม3-4จุดได้แก่ม็อบกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) บริเวณทำเนียบรัฐบาล , ม็อบกองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ที่ยึดกระทรวงมหาดไทย , ม็อบกปปส. กลุ่มพุทธอิสระ ซึ่งเข้าควบคุมพื้นที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ และ ม็อบกองทัพประชาชนฯเครือข่ายปฏิรูปพลังงาน นำโดย นพ.ระวี มาศฉมาดล แนวร่วม กปปส. ซึ่งปิดล้อมหน้าสำนักงานปตท.
เวลา 05.00 น. วันที่ 14 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานบรรยากาศจากบช.น. ว่า มีนักข่าวกว่า 100 ชีวิต มารอทำข่าวหลังจากได้รับการนัดหมายจากศรส. ระบุบว่า "เวลา 06.00 น. ศรส.จะมีปฎิบัติการพิเศษ ให้สื่อที่ทำข่าวศรส.ทุกสำนักไปรอที่ บชน." พบว่ามีผู้สื่อข่าวทั้งไทย และต่างประเทศมารวมตัวกันจำนวนมาก ส่วนบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวนประมาณ 1,500 นาย รถควบคุมผู้ต้อง ประมาณ 50 คัน มาตั้งแถวเพื่อรอคำสั่งในการเข้าปฏิบัติงานในครั้งนี้
โดยมีพล.ต.อ.วรพงศษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ผบ.เหตุการณ์ ที่ทำหน้าที่หัวหน้าชุดเผชิญเหตุ หัวหน้าชุดเจรจาต่อรอง และหัวหน้าชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ มาเป็นผู้สั่งการ ซึ่งมีพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เข้าร่วมวางแผนในปฏิบัติการขอคืนพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดเตรียมรถยนต์ล้อ จำนวน 2 คัน เพื่อนำผู้สื่อข่าว เข้าไปสังเกตการณ์ทำข่าวในแต่ละจุด ขณะเดียวกัน มีตำรวจจำนวนมากรวมตัวกันที่ห้างไอทีสแควร์ หลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้กับจุดที่มีการชุมนุมของกลุ่มกปปส. ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
มีรายงานด้วยว่า
ที่ลานจอดรถอิมแพค เมืองทองธานี มีรายงานว่า ตร.ปจ.ภาค1 จำนวน7กองร้อย รวมตัวกันอยู่ในขณะนี้
จากกรณีศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. ส่งข่าวถึงสำนักข่าวต่างๆ เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ให้ผู้สื่อข่าวเตรียมพร้อมนัดพบกันที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อเตรียมทำข่าวสถานการณ์ใหญ่ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 14 ก.พ. ทำให้เกิดกระแสคาดเดาในหมู่แแกนนำม็อบคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และแนวร่วมว่าศรส.เตรียมระดมกำลังตำรวจยึดคืนพื้นที่การชุมนุม3-4จุดได้แก่ม็อบกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) บริเวณทำเนียบรัฐบาล , ม็อบกองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ที่ยึดกระทรวงมหาดไทย , ม็อบกปปส. กลุ่มพุทธอิสระ ซึ่งเข้าควบคุมพื้นที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ และ ม็อบกองทัพประชาชนฯเครือข่ายปฏิรูปพลังงาน นำโดย นพ.ระวี มาศฉมาดล แนวร่วม กปปส. ซึ่งปิดล้อมหน้าสำนักงานปตท.
เวลา 05.00 น. วันที่ 14 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานบรรยากาศจากบช.น. ว่า มีนักข่าวกว่า 100 ชีวิต มารอทำข่าวหลังจากได้รับการนัดหมายจากศรส. ระบุบว่า "เวลา 06.00 น. ศรส.จะมีปฎิบัติการพิเศษ ให้สื่อที่ทำข่าวศรส.ทุกสำนักไปรอที่ บชน." พบว่ามีผู้สื่อข่าวทั้งไทย และต่างประเทศมารวมตัวกันจำนวนมาก ส่วนบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวนประมาณ 1,500 นาย รถควบคุมผู้ต้อง ประมาณ 50 คัน มาตั้งแถวเพื่อรอคำสั่งในการเข้าปฏิบัติงานในครั้งนี้
โดยมีพล.ต.อ.วรพงศษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ผบ.เหตุการณ์ ที่ทำหน้าที่หัวหน้าชุดเผชิญเหตุ หัวหน้าชุดเจรจาต่อรอง และหัวหน้าชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ มาเป็นผู้สั่งการ ซึ่งมีพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เข้าร่วมวางแผนในปฏิบัติการขอคืนพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดเตรียมรถยนต์ล้อ จำนวน 2 คัน เพื่อนำผู้สื่อข่าว เข้าไปสังเกตการณ์ทำข่าวในแต่ละจุด ขณะเดียวกัน มีตำรวจจำนวนมากรวมตัวกันที่ห้างไอทีสแควร์ หลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้กับจุดที่มีการชุมนุมของกลุ่มกปปส. ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
ระหว่างเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เจอตัวประหลาด
มีรายงานด้วยว่า
- เวลา 07.30 น. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ประกาศว่าจะเคลื่อนกำลังขอคืนพื้นที่ในเวลา 08.00 น. แต่ยังไม่บอกว่าเป็นที่ใด ล่าสุด ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า กำลังตร.ส่วนหนึ่งนำรถไปปิดพื้นที่แยกนางเลิ้งแล้ว ขณะที่บางส่วนเข้าประชิดพื้นที่ชุมนุมกลุ่มคปท. บริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ ทำเนียบรัฐบาล
- เวลา 08.17 น. นายอุทัย ยอดมณี แกนนำคปท.พาผู้ชุมนุมออกจากที่มั่น เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนร่วมปฏิรูปประเทศ ไม่บอกจุดหมาย ระบุไม่รู้เรื่องข่าวตำรวจอาจเข้าสลายขอพื้นที่ชุมนุมคืน
- เวลา 08.20 ตร.ประกาศแจ้งให้ผู้ชุมนุมทราบว่าจะเคลียร์พื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาล อาทิ ถ.ราชดำเนิน แยกมิสกวัน
ที่ลานจอดรถอิมแพค เมืองทองธานี มีรายงานว่า ตร.ปจ.ภาค1 จำนวน7กองร้อย รวมตัวกันอยู่ในขณะนี้
- เวลา 08.35 น. ม็อบคปท.ได้เคลื่อนขบวนออกจากพื้นที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ไปตามถนนเพชรบุรี ขณะที่ตำรวจเริ่มรื้อแนวบังเกอร์แยกมิสกวันขอคืนพื้นทีจากผู้ชุมนุมถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์
- เวลา 08.52 น. ตำรวจเข้าสู่พื้นที่ชุมนุมและตรวจเต็นท์ของผู้ชุมนุมคปท.
- 08.55 น. ตร.เคลื่อนถึงสะพานมัฆวาน พบกับกลุ่มกองทัพธรรม ยังไม่มีการปะทะ กำลังเจรจาเคลียร์ถนนราชดำเนินทั้งเส้น
ตร.ขอคืนพื้นที่!ให้ม็อบเก็บของออก เปิดถนน'ทำเนียบฯ-สภา'14เส้นทางสัญจรได้ปกติ 'ถาวร'ยืดอกรับรู้จักนศ.รามฯ แกนนำม็อบอุรุพงษ์
ตร.ขอคืนพื้นที่!ให้ม็อบเก็บของออก เปิดถนน'ทำเนียบฯ-สภา'14เส้นทางสัญจรได้ปกติ 'ถาวร'ยืดอกรับรู้จักนศ.รามฯ แกนนำม็อบอุรุพงษ์
14 ต.ค.556พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัตน์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) กำกับดูแลงานด้านการสอบสวนกล่าวว่า บช.น.ทำหนังสือไปสอบถาม กทม.ว่าอนุญาตให้มีการชุมนุมหรือไม่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลดำเนินการ หาก กทม.ไม่อนุญาต ตำรวจจะออกประกาศเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุมเก็บของออกนอกพื้นที่ หรือให้เจ้าพนักงานเข้ามาจัดการเรื่องความเรียบร้อยและความสะอาดเพื่อขอคืนพื้นที่ แต่ก็อยู่ที่ กทม. เพราะทาง บช.น.ก็ดำเนินการตามมาตรา 39 ที่ระบุไว้ว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดติดตั้ง ตาก วางหรือแขวนสิ่งใดๆ ในที่สาธารณะ" ทั้งนี้ โทษตามมาตรา 54 ปรับไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งต่อไปในการปฏิบัติก็ต้องทำแบบนี้ เพราะเป็นพื้นที่สาธารณะที่ กทม.ดูแล ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบกลับมา ซึ่งก็เป็นไปตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองแต่อย่างใด เนื่องจากพื้นที่การชุมนุมเป็นอำนาจหน้าที่ของ กทม.ที่ต้องดูแล จึงต้องมีการทำความสะอาด เพราะตามขั้นตอนแล้วการชุมนุมหรือใช้พื้นที่สาธารณะต้องมีการทำหนังสือขอไปทาง กทม.
"เรื่องนี้ไม่ได้ไปว่าอะไร แค่ถามว่ามีขอหารือไม่เท่านั้นเอง ไม่ได้ต่อว่าแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นหน่วยงานรัฐด้วยกัน ถามว่าขออนุญาตหรือไม่ หากไม่ได้ขออนุญาต ตามกฎหมายก็ต้องไปรื้อถอน เพราะจะขัดคำสั่งเจ้าพนักงานและมีขั้นตอนการดำเนินการ ในส่วนนี้เขียนไว้ชัดเจน ถามเพื่อความแน่นอนใจเท่านั้น ไม่ได้จะไปโต้อะไร" พล.ต.ต.ชยุต กล่าว
เปิดถนน"ทำเนียบฯ-สภา"14เส้นทางสัญจรได้ปกติ
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.)แจ้งเปิดการจราจรทุกเส้นทางโดยรอบทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาให้ประชาชนสัญจรไปมาได้เป็นปกติแล้วตั้งแต่เวลา21.00น.ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจนครบาล( บช.น.)มีคำสั่งเปิดการจราจร 14 เส้นทาง ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกพล.1 ถึง แยกวัดเบญจมบพิตร
- ถนนราชวิถี ตั้งแต่แยกการเรือน ถึง แยกราชวิถี
- ถนนนครราชสีมา แยกสวนรื่นฤดี ถึงแยกประชาเกษม
- ถนนสุโขทัย ตั้งแต่แยกสวนรื่นฤดี
- ถนนนครสวรรค์ ตั้งแต่แยกพิษณุโลก ถึงสะพานเทวกรรม
- ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกวังแดง ถึงแยกพานิชยการ ถนนอู่ทองใน ตั้งแต่แยกอู่ทองใน ถึง ลานพระราชวังดุสิต(ลานพระรูป)
- ถนนลิขิต ถนนพระราม5 ตั้งแต่สะพานอรทัย ถึงแยกพานิชยการ
- ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกพระรูปฯ ถึงแยกมัฆวาน
- ถนนลูกหลวง ตั้งแต่แยกสะพานวิศุกรรมนฤมน ถึง สะพานเทวกรรม
- ถนนพิชัย ตั้งแต่แยกขัตติยานีถึงถนนราชวิถี
- ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกประชาเกษม ถึงแยกเทวกรรม และ ถนนนครปฐม
หลังจากมีคำสั่งเปิดการจราจร 14 เส้นทาง ตาม พ.ร.บ.มั่นคงฯลดผลกระทบด้านการจราจร โดยเจ้าหน้าที่ได้ยกแท่นแบริเออร์และสิ่งกีดขวางออกจากพื้นผิวจราจรแล้วรถสามารถวิ่งผ่านไปมาได้ปกติทุกเส้นทาง
"ถาวร"ยืดอกรับรู้จักนศ.รามฯแกนนำม็อบอุรุพงษ์
นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ส.สงขลา เดินทางมาที่ด้านหลังเวทีการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) ที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ พร้อมเปิดเผยว่า เรื่องที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นักการเมือง อักษร "ถ" ให้การสนับสนุนนักศึกษารามคำแหงให้ออกมาร่วมชุมนุมนั้น ยอมรับว่า รู้จักกับนักศึกษารามคำแหง เพราะเด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กใฝ่ดีที่ติดตามสถานการณ์บ้านเมือง จึงเดินทางมาให้กำลังใจลูกหลาน เพราะเด็กกลุ่มนี้ ไม่หลงแสงสี ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ดังนั้นนายสุภรณ์ไม่ต้องใช้ตัวย่อ แต่ให้ระบุชื่อว่า "นายถาวร เสนเนียม" อย่างไรก็ตาม อยากเรียกร้องไปถึงผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่า อย่ากีดกันนักศึกษา และอย่ารังแกเด็กที่ออกมาชุมนุม พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องให้นักศึกษามหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่สอบเสร็จแล้วออกมาร่วมชุมนุมคัดค้านรัฐบาลที่จะออกกฎหมายล้างผิดให้แก่คนเผาบ้านเผาเมือง
"ขอฝากไปยังรัฐบาลว่า อย่ารังแกประชาชนที่ออกมาชุมนุมตามรัฐธรรมนูญปราศจากอาวุธด้วยการตัดน้ำตัดไฟ และใช้พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร อย่ากดดันการใช้สิทธิเสรีภาพ และคิดว่า รัฐบาลควรส่งคนมารับฟังข้อเสนอและนำไปแก้ไขจะดีกว่า ส่วนกรณีที่มีการมองว่า พรรคประชาธิปัตย์ให้ท้ายม็อบกลุ่มนี้ ผมขอปฏิเสธ เพราะผมมาให้กำลังใจเด็ก เพื่อจะได้เป็นเยี่ยงอย่างให้แก่เยาวชนคนอื่น ส่วนที่ถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะออกมาเคลื่อนนอกสภาหรือไม่นั้น นายสุเทพเคยยืนยันหลายครั้งต่อกฎหมายล้างผิดว่า ถ้าถึงจุดนั้น และถึงเวลาที่สมควรที่กฎหมายนิรโทษกรรมจะออกเป็นกฎหมาย นายสุเทพจะออกมา" นายถาวร กล่าว
หน่วยมั่นคงวิเคราะห์ม็อบแตก 3 กลุ่ม
แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงจากทำเนียบรัฐบาลได้วิเคราะห์กลุ่มผู้ชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์ว่า เป็นกลุ่มมวลชนที่ยังคงมีอารมณ์ค้างจากการที่แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ยุติการชุมนุมที่ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2556 โดยกลุ่มมวลชนได้แตกเป็น 3 กลุ่ม
- กลุ่มแรกเป็นกลุ่มกองทัพประชาชนฯ ที่กลับไปรวมตัวที่สวนลุมพินีแล้ว มีจำนวน 150 - 200 คน
- กลุ่มที่สอง ที่ชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์ เป็นกลุ่มที่แปรสภาพจากม็อบ กปท.แล้วจัดตั้งมวลชนใหม่ในชื่อ “เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)" ซึ่งมีนายอุทัย ยอดมณี นายกองค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นแกนนำ และยังทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานเครือข่าย โดยมีแนวร่วมส่วนหนึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง จากพรรคสานแสงทอง
- กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาภาคใต้ เครือข่ายกลุ่มกรีน ที่มีนายนิติธร ล้ำเหลือ อดีตทนายความของกลุ่มพันธมิตร เป็นผู้ประสานงาน ในฐานะที่ปรึกษากลุ่มกรีน รวมทั้งยังมีแนวร่วมที่เป็นเครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ใช้สถานีโทรทัศน์บลูสกายเป็นกระบอกเสียง และมีกลุ่มนักเรียนอาชีวะที่มาร่วมชุมนุมในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์และหลังเลิกเรียนด้วย ซึ่งในกลุ่มที่สองนี้ มีกองทัพธรรมเป็นหน่วยสนับสนุนในเรื่องของอาหาร รวมแล้วมีจำนวนประมาณ 300-400 คน มีรูปแบบการตั้งเวทีปราศรัยแบบชุมนุมยืดเยื้อ และในช่วงเย็นแต่ละวันจะมีกลุ่มที่ชุมนุมจากสวนลุมพินีตามมาสมทบด้วย และแนวร่วมที่เลิกงานมาฟังการปราศรัยทำให้มีจำนวนมากถึงหลักพันคน แต่จะอยู่ฟังการปราศัยของแกนนำถึงเวลา 22.00 น.ก็จะแยกย้ายกันกลับ จนเหลือแต่แนวร่วมหลักเพื่อรักษาพื้นที่เท่านั้น ส่วนกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มของนายไทกร พลสุวรรณ ที่แตกออกมาจาก กปท.และไปชุมนุมอยู่ที่สนามหลวง ตรงข้ามกับศาลฎีกา ซึ่งกลุ่มนายไทกรยังเป็นกลุ่มเล็กมีจำนวนประมาณ 30 คนเท่านั้น
“ในการข่าวก็ยังจับทิศทางของทั้ง 3 กลุ่มไม่ได้ว่า ตกลงแล้วแตกคอกันหรือแยกกันตีกันแน่ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงไม่มั่นใจในสถานการณ์ที่ไร้รูปแบบ จึงตัดสินใจตรึงพื้นที่ให้มากที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้ยึดสถานที่ราชการ เช่น ยึดทำเนียบรัฐบาลเหมือนที่ผ่านมา” หน่วยความมั่นคงระบุ
พท.เย้ยม็อบจุดกระแสไม่ติด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยมีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค โดยที่ประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคปท.ว่า น่าจะมีการยกระดับการชุมนุมให้เข้มข้นกว่าเดิมแน่นอน แต่ขณะนี้ยังไม่มีประเด็นที่ทำให้จุดกระแสได้ เพราะรัฐบาลยังไม่มีเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น ส่วนจะใช้ประเด็นชาตินิยมนั้น กรณีคดีเขาพระวิหารก็มีการเลื่อนออกไปแล้ว นอกจากนี้ อดีตกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเฉพาะนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย ดังนั้นจะเหลือเพียงกลุ่มนักศึกษาและนักเรียนอาชีวะเท่านั้น ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ชุมนุมขณะนี้ส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในโครงการยุวประชาธิปัตย์เป็นหลัก ดังนั้นรัฐบาลจะต้องใช้วิธีการที่ละมุนละม่อมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เลือดตกยางออกขึ้น
ตำรวจขอคืนพื้นที่.…สพานมัฆวาน พบตัวประลาดด้วย.…?
ตำรวจขอคืนพื้นที่.…สพานมัฆวาน พบตัวประลาดด้วย.…?
ตร.กำลังรื้อถอนตาข่าย เพื่อขอเคลียร์พื้นที่ กลุ่ม คปท.ถ.ราชดำเนิน
เจอบ้องกัญชาด้วย อิอิ ปฏิรูปประเทศกันสนุกสนานมาก
นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
บรรยากาศล่าสุดที่ บชน. ตำรวจเตรียมกำลังความพร้อม หลัง ศรส จ่อคืนพื้นที่ ลดปัญหาอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้ ปชช. ขณะที่ แกนนำ คปท. นำผู้ชุมนุม เคลื่อนขบวนออกจากพื้นที่แล้ว อุบปลายทาง ขณะตำรวจถอนกำลังออกไปแล้ว
บรรยากาศ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจเตรียมพร้อม ปฎิบัติการคืนพื้นที่บางส่วน หลัง จาก ศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส.มีประกาศว่าจะขอคืนพื้นที่บางส่วน เพื่อลดปัญหาเเละอำนวยความสะดวกของประชาชนด้านการจราจร เบื้องต้นมีรายงานเเจ้งว่า จะเข้าขอพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่ถนนราชดำเนิน ช่วง เเยกมิสกวันถึงเเยก มัฆวานรังสรรค์ ซึ่งเป็นบริเวณที่กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาปฎิรูปประเทศไทยเข้ายึดพื้นที่กว่า 2 เดือน โดยปฎิบัติการครั้งนี้ มีพลตำรวจตรีฉันทวิทย์ รามสูต รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์ นำกำลัง ขอคืนพื้นที่ ซึ่งจะใช้กำลัง ประกอบด้วย ชุดควบคุมฝูงชน ชุดเคลื่อนที่เร็ว อีโอดี หรือหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เเละสุนัขตำรวจ
ส่วนสาเหตุ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเกี่ยวกับการสัญจรที่ติดขัดผูกพันทั่วกรุงเทพมหานคร ขณะเดียวกันก็ต้องการเปิดพื้นที่บริเวณประตู 5 ของทำเนียบรัฐบาล ให้ข้าราชการของทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากมีการปิดทำเนียบรัฐบาลมานานกว่า 2 เดือน
คปท.เคลื่อนขบวนออกจากพื้นที่อุบปลายทาง
บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ที่บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล ด้านสะพานชมัยมรุเชฐ ล่าสุด นายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำ นำผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนออกจากพื้นที่ โดยตั้งขบวนบริเวณแยกนางเลิ้ง มีขบวนของรถจักรยานยนต์นำขบวนต่อด้วยขบวนธงชาติ รถติดเครื่องเสียง และแถวผู้ชุมนุมแต่ยังไม่เปิดเผยจุดหมายปลายทางที่จะไป
ทั้งนี้ ก่อนที่กลุ่ม คปท. จะเริ่มตั้งขบวนนั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหลายกองร้อยมาปิดล้อมไว้ แต่สุดท้ายได้ถอนกำลังกลับไป อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ขบวนเคลื่อนออกไปแล้วก็ยังมีประชาชนผู้ชุมนุมอีกส่วนหนึ่งยังคงปักหลักอยู่ที่เวที
กปปส.ราชประสงค์ จัดชุดเคลื่อนที่เร็วสมทบรับมือคืน พท.
บรรยากาศการชุมนุมปิดกรุงเทพมหานคร วันที่ 33 ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชาและวันวาเลนไทน์ ของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่บริเวณแยกราชประสงค์ เช้านี้ เป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยผู้ชุมนุมได้ตื่นมาปฏิบัติภารกิจส่วนตัว ทยอยรับประทานอาหารเช้า ขณะที่ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งได้ปักหลักอยู่บริเวณหน้าเวที เพื่อร่วมกิจกรรมวันชุมนุมใหญ่ บอกรักประเทศไทย ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมด้วย นายชุมพล จุลใส และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ แกนนำหลักเวทีราชประสงค์ ได้นำมวลชนร่วมประกอบศาสนพิธีเนื่องในวันมาฆบูชา
ทั้งนี้จากการสังเกตพบว่า กลุ่มผู้ชุมนุมและหน่วยเคลื่อนที่เร็วได้มีการเตรียมความพร้อมสำหรับการเคลื่อนขบวนไปสมทบ หากมีการเข้าขอคืนพื้นที่ของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) สำหรับมาตรการในการรักษาความปลอดภัยยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวด การ์ดอาสาตรวจตราบริเวณรอบพื้นที่และบุคคลที่เข้าออกอย่างละเอียด
ตร.เริ่มปฏิบัติการ ขอคืนพื้นที่ราชดำเนินแล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ เริ่มปฏิบัติขอคืนพื้นที่ถนนราชดำเนิน ตั้งแต่แยกสวนมิสกวัน -แยกมัฆวานรังสรรค์แล้ว โดยมีการใช้รถขยายเสียงแจ้งเตือนให้ผู้ชุมนุมที่อยู่ในพื้นที่ทราบก่อน โดยระบุว่า วันนี้ตำรวจมีความจำเป็นในการต้องขอคืนพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อันตราย มีการก่อสถานการณ์ ทั้งยิงปืน ปาประทัดยักษ์ หรือทำร้ายร่างกายอยู่เป็นประจำ รวมไปถึงมีคนร้ายตามหมายจับหลายราย หลบซ่อนตามพื้นที่ดังกล่าวด้วย อีกทั้งได้แจ้งว่าขณะนี้ผู้ชุมนุมได้กระทำความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยขอให้ผู้ชุมนุมที่อยู่ในพื้นที่ ถนนราชดำเนิน ตั้งแต่แยกสวนมิสกวัน - แยกมัฆวานรังสรรค์ ให้ความร่วมมือกับตำรวจในการปฏิบัติงานและอยู่ในความสงบ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแจ้งเตือนผู้ชุมนุมตำรวจได้เริ่มดำเนินการรื้อสิ่งขีดขวางพื้นผิวการจราจรแล้ว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)