วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เปิด 11 รายชื่อ 'คณะส่องโกงราชภักดิ์' ถูกหมายเรียกข้อหาชุมนุมเกิน 5 คน ฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.


'จ่านิว' ตร.รถไฟขอดู 11 รายชื่อถูกหมายเรียกข้อหาชุมนุมเกิน 5 คน หลังกิจกรรมนั่งรถไฟไปส่องโกงราชภักดิ์ แต่ถูกดักที่บ้านโป่ง 'การ์ตูน' เผยยังไม่กำหนดวันเข้ารายงานตัว ขณะที่ผบ.ทบ.เคยสั่งการไม่ให้ดำเนินการใดๆ นอกจากว่ากล่าวตักเตือน
20 ธ.ค.2558 จากกรณีเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา ชนกนันท์ รวมทรัพย์ หรือ การ์ตูน นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ (NDM) ให้สัมภาษณ์ประชาไทว่า ได้รับหมายเรียกของตำรวจที่ส่งไปที่บ้านในวันนี้ จากกรณีที่จัดกิจกรรมนั่งรถไฟไปตรวจสอบการทุจริตที่อุทยานราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยนอกจาก ชนกนันท์ แล้วยังมีอีก 10 คน ที่ถูกแจ้งข้อหา มั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่ายฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 3/2558 ข้อ 13
ล่าสุดวันนี้ (20 ธ.ค.58) เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'Fahroong Srikhao ฟ้ารุ่ง ศรีขาว' รายงานว่า เมื่อเวลา 13.20 น. สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ (หรือจ่านิว) เดินทางมาสถานีรถไฟธนบุรี เพื่อสอบถามถึงหมายเรียกที่ยังไม่ได้รับ หลังจากมีเพื่อนคนหนึ่งได้รับหมายแล้วพบว่าระบุชื่อนิวเป็น 1 ใน 11 ผู้ถูกออกหมายเรียกกรณีพยายามเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ด้วย ซึ่งตำรวจได้ให้เซ็นรับหมายแล้ว
โดย 11 รายชื่อ ประกอบด้วย สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ อานนท์ นำภา ชลธิชา แจ้งเร็ว ชนกนันท์ รวมทรัพย์ ธเนตร อนัตวงษ์ กิติธัช สุมาลย์ วิศรุต อนุกุลการย์ อภิสิทธิ์ ทรัพย์นาภาพันธุ์ กรกช แสเย็นพันธ์ กรกนก คำตา และวิจิตร หันหาบุญ
'การ์ตูน' ระบุยังไม่กำหนดวันเข้ารายงานตัว ขอปรึกษาทนายและเพื่อนอีก 11 คนก่อน
ผู้สื่อข่าวประชาไท สอบถามไปยัง ชนกนันท์ ถึงแนวการเคลื่อนไหวต่อไปของผู้ที่ถูกออกหมายเรียกนี้ ชนกนันท์ ระบุว่า ต้องรอคุยกับอีก 10 คนที่เหลือก่อน โดยจะมีการนัดคุยกัน พร้อมทั้งปรึกษากับทนายด้วย เนื่องจากรายชื่อจริงๆ เพิ่งออก เลยยังพยายามติดต่อคนที่เหลืออยู่ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการนัดหมายสำหรับวันไปรายงานตัว
ผบ.ทบ.เคยสั่งการไม่ให้ดำเนินการใดๆ นอกจากว่ากล่าวตักเตือน
ทั้งนี้ในวันเกิดเหตุ (7 ธ.ค.58) นั้น กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานข่าวจากกองทัพบกชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวแกนนำ และมวลชนนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตย มายัง บก.ควบคุมสถานการณ์ กองพลทหารราบที่ 9 ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม พร้อมระบุด้วยว่า คสช.สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. แต่ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส) สั่งการไม่ให้ดำเนินการใดๆ นอกจากว่ากล่าวตักเตือน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากนี้ 1 ในผู้ถูกออกหมายเรียกครั้งนีิ้คือ ธเนตร นั้น เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว ตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา ขณะเข้ารับการรักษาอาการลำไส้อักเสบในโรงพยาบาล ก่อนที่จะปรากฏตัวอีกทีโดยการควบคุมของทหารเพื่อส่งตัวให้กองปราบปราม โดยเขาถูกหมายจับจากศาลทหาร ในข้อหากระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชน โดยมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน บก.ป. สอบปากคำดำเนินคดี ก่อนจะนำตัวไปขออำนาจศาลทหารฝากขัง ก่อนที่จะได้รับการประกันตัว ด้วยหลักประกันเป็นเงินสด 1 แสนบาท ในวันนั้น

'รสนา' ระบุรัฐบาลทหารคอร์รัปชั่นไม่ลด


เวทีเสวนา 'กลัวไม่ได้ปฏิรูป' อดีต สปช. 'รสนา โตสิตระกูล' ระบุรัฐบาลทหารทำตัวเหมือนรัฐบาลปกติ มุ่งทำแต่โครงการใช้เงินมหาศาลคอร์รัปชั่นไม่ลด เพราะการตรวจสอบยังเท่าเดิม 'ศศิน เฉลิมลาภ' หวังกรมอุทยานทำงานเพื่อชุมชนมากขึ้น เลิกคอร์รัปชั่น
 
20 ธ.ค. 2558 เว็บไซต์เดลินิวส์รายงานว่าที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส มีเวทีเสวนา "ความกลัวในสังคมไทย"ครั้งที่ 3 ในหัวข้อ"กลัวไม่ได้ปฎิรูป" โดย น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต สปช. กล่าวตอนหนึ่งว่า การปฏิรูปที่แท้จริงต้องเน้นเรื่องลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน และวางกลไกตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในนโยบายสาธารณะที่เป็นประชานิยม วันนี้ภาระหน้าที่ของรัฐบาลทหาร ที่ควรทำคือการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น ที่ต้องเพิ่มการตรวจสอบให้มากขึ้น โดยประชาชนการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ แต่ปัญหาการคอร์รัปชั่นในขณะนี้ ยังมีมาก เพราะการตรวจสอบไม่ได้เพิ่มขึ้น โดยรัฐบาลทหารขณะนี้ยังทำตัวเหมือนรัฐบาลปกติ ที่ยังมุ่งทำแต่โครงการที่ใช้เงินมหาศาล เช่น ตั้งโครงการมาใช้เงิน 1.4 หมื่นล้านบาท เพื่อทำถนนริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้มาขี่จักรยานเล่นกัน ถามว่าประเทศเรามีเงินทองให้ใช้มากขนาดนั้นเลยหรือ ตราบใดที่ประเทศยังมีปัญหาคอร์รัปชั่นก็สู้ใครไม่ได้ ตอนนี้เห็นแต่รัฐบาล และ ป.ป.ช.ไปจัดงานอีเว้นท์ลงชื่อขจัดคอร์รัปชั่น แต่ความจริงยังปล่อยให้เกิดการคอร์รัปชั่นกันมากในขณะนี้
 
ด้านนายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร  กล่าวว่า ตนมองเรื่องปฎิรูปสำเร็จหรือไม่อยู่ที่การขับเคลื่อนภาคประชาชน โดยเราเชื่อมั่นในการเข้าไปทำงานภาคประชาสังคม การหาข้ออุปสรรคกติกาทางกฎหมาย และนำไปสู่การขับเคลื่อนเชิงนโยบาย ไม่ได้หวังว่าจะมีมือเทวราชมากวาดบ้านให้ ตนขอแค่ในกรมอุทยานฯ ให้ทำงานเพื่อชุมชนมากขึ้น เลิกคอร์รัปชั่น กินค่าหัวคิวจากค่าเช่าต่างๆ  ก็พอ เพราะเวลานี้ป่าสงวนเหลือแค่ 10 % เท่านั้น

นกหวีดศักดิ์สิทธิ์ 'โตโต้-บอส' เผยรอดคดี หลังใส่ร่วม 'คณะส่องโกงราชภักดิ์'

ภาพโตโต้และเพื่อน พร้อมนกหวีดเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา

21 ธ.ค.2558 จากรณีที่วานนี้(20 ธ.ค.58)มีการเปิดเผย 11 รายชื่่อ ผู้ถูกออกหมายเรียกข้อหามั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่ายฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 3/2558 ข้อ 13 หลังร่วมกิจกรรมนั่งรถไฟไปส่องโกงราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมานั้น (อ่านรายละเอียด)
จากนั้น ปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ และ ฉัตรมงคล วัลลีย์ หรือ บอส ซึ่งร่วมกิจกรรมนั่งรถไฟไปส่องโกงราชภักดิ์ในวันดังกล่าว โดยทั้งคู่ พร้อมด้วยเพื่อนอีก 4 คน ได้พกนกหวีดที่เป็นสัญลักษณ์ของมวลมหาประชาชนกลุ่ม กปปส. ไปด้วยในลักษณะล้อเลียนเสียดสีนั้น โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสาธารณะของทั้งคู่ว่า ไม่ถูกดำเนินคดี
"รายชื่อออกมาแล้ว พวกห้อยนกหวีดไปกับผมในวันนั้น รอดทุกคนนะครับ กราบบบบ ศักดิ์สิทธิ์จริงไม่เชื่อให้หลบหลู่ครับ" ปิยรัฐ  กล่าว
ที่มา เฟซบุ๊ก Piyarat Chongthep และฉัตรมงคล วัลลีย์

มส. เผยยังไม่หารือตั้งสังฆราชองค์ใหม่ 'พุทธะอิสระ' ชวนเสนอชื่อให้นายกฯ สรรหา แนะขวางผู้ไม่เหมาะสม


มติมหาเถรสมาคม ให้สมเด็จพระวันรัต ดำรงเจ้าอาวาสวัดบวรฯ เผยยังไม่หารือตั้งสังฆราชองค์ใหม่ ด้าน 'พุทธะอิสระ' ชวนเสนอชื่อผู้เหมาะสมให้นายกฯ สรรหา แนะขวางผู้ไม่เหมาะสม เหน็บพวกวิจารณ์เป็น "หนอนขี้เดือดร้อน"
21 ธ.ค. 2558 สำนักข่าวไทย รายงานว่า นายประดับ โพธิกาญจนวัตร รองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนา กล่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.)ว่า หลังจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สิ้นพระชนม์ ส่งผลให้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารว่างลงและเสร็จสิ้นพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ แล้ว วันนี้ มส.จึงมีมติแต่งตั้ง สมเด็จพระวันรัต จากรักษาการผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และ เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต
ส่วนการเสนอรายนามสมเด็จพระราชาคณะที่มีความอาวุโสสูงสุดทางสมณศักดิ์ เสนอต่อนายกรัฐมนตรี ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ยังไม่มีการหารือในประเด็นกล่าว
โดย มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) โฆษก และกรรมการ มส.กล่าวว่า ที่ประชุม มส.ยังไม่ได้กล่าวถึงการเสนอรายชื่อสมเด็จพระราชาคณะทั้ง 8 รูปเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทูลเกล้าสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 เพราะตามมารยาทแล้ว ต้องรอให้ผ่านพ้นงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไปช่วงหนึ่งก่อน โดยขั้นตอนการเสนอชื่อต้องให้ ครม.มีต้นเรื่องมาถึง มส.เพื่อให้ มส.เสนอรายชื่อสมเด็จพระราชาคณะเข้า ครม.เพื่อทูลเกล้า
'พุทธะอิสระ' ชวนเสนอชื่อให้นายกฯ สรรหา ขวางผู้ไม่เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ 'พระพุทธะอิสระ'  เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยและแกนนำ กปปส. โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)' เสนอลักษณะอันพึงประสงค์ของพระสังฆราชองค์ที่ 20 ว่า ต้องสะอาด ต้องฉลาด ต้องสว่าง และต้องสงบ
"แม้จะเป็นพระราชอำนาจโดยตรง แต่ผู้ที่มีหน้าที่เสนอชื่อพระมหาเถระที่ควรจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้ง เป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี เช่นนี้ พวกเราชาวพุทธบริษัท ผู้รัก เคารพ เทิดทูน พระธรรมวินัย ควรจะต้องช่วยกันผลักดัน หรือขัดขวาง บุคคลที่เหมาะ และไม่เหมาะสม ให้ท่านนายกได้มีโอกาสได้ เลือกสรร คิดวิเคราะห์ สรรหา พระมหาเถระผู้ทรงคุณธรรม มีความสะอาด ฉลาด สว่าง สงบ มาทูลเกล้าถวายรายชื่อต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้ง" พระพุทธะอิสระ กล่าว
หลังจากพระพุทธะอิสระออกมาเสนอดังกล่าว ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ จนวันต่อมา(19 ธ.ค.58 และวันที่20 ธ.ค.58) พระพุทธะอิสระ ได้โพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจพร้อมเหน็บผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ โดยพุ่งเป้าไปที่กลุ่มธรรมกายซึ่งตนเองมีเรื่องก่อนหน้านั้น
"แหม... แค่คำว่า สะอาด ฉลาด สว่าง สงบ ก็ทำให้พวกหนอนขี้เดือดร้อนกันเป็นทิวแถวเชียวนะ" พระพุทธะอิสระ กล่าว
"เอาอะไรคิด ว่าพุทธะอิสระ อยากจะเป็นสังฆราช หรือจะใช้ความมักมาก อยากได้ของพวกตนมาเป็นมาตรฐานในการกำหนดคนอื่นว่าจะต้องมักมาก อยากได้ สะสม เหมือนพวกตน" พระพุทธะอิสระ กล่าว

ญาติเผย 1 ใน 36 นักกิจกรรมส่องราชภักดิ์ หายตัว 2 วันแล้ว


21 ธ.ค. 2558 จากกรณีที่วานนี้ (20 ธ.ค.58)  ฉัตรมงคล วัลลีย์ หรือ บอส หนึ่งในนักกิจกรรมที่ร่วมกิจกรรมตรวจสอบการทุจริตอุทยานราชภักดิ์เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา และเคยถูกอุ้มหายก่อนได้รับการปล่อยตัว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสาธารณะเวลา 17.54 น. ว่า "เพื่อนผมหายหาไม่เจอโทรไม่ติด 3 วันละ นายหนึ่ง เกตุสกุล อายุ 28ปี อยู่แขวง บางบัว เขต บางเขน กรุงเทพฯ  ใครเจอติดต่อหลังไมค์"
ล่าสุดผู้สื่อข่าว ประชาไท ได้ติดต่อสอบถามไปที่ ภนิตา จันวันคะนอง วัย 52 ปี มารดาของ หนึ่ง เกตุสกุล วัย 29 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งใน 36 นักกิจกรรมทางการเมืองที่ได้ทำกิจกรรม 'ส่องราชภักดิ์' ตรวจสอบการทุจริตอุทยานราชภักดิ์ และถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่สถานีรถไฟบ้านโป่ง ด้วยนั้น มารดาของ หนึ่ง ยืนยันว่าลูกชายของเธอได้หายตัวออกจากบ้านพักย่านบางบัวประมาณ 2 วันที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเธอทำงานและพักอยู่อีกที่จึงไม่ทราบรายละเอียด

ประชาไท ได้สอบถามไปที่ พลอย (นามสมมติ) น้องสาวของ หนึ่ง ที่พักอยู่บ้านเดียวกัน พลอยได้แจ้งว่า หนึ่ง ได้ออกจากบ้านไปตั้งแต่วันเสาร์ที่ 19 ธ.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. - 16.00 น. โดยที่ไม่ได้นำกระเป๋าเสื้อผ้าติดตัวออกไป จนปัจจุบันยังไม่สามารถติดต่อได้ เบอร์โทรศัพท์ที่ หนึ่ง ใช้อยู่ ก็โทรไม่ติด มีลักษณะเหมือนปิดเครื่อง หรือแบตหมด

เมื่อสอบถามว่า หนึ่ง เคยหายไปจากบ้านบ้างหรือไม่ น้องสาวของหนึ่งตอบว่า หนึ่งเคยไปพักบ้านเพื่อนบ้าง แต่คืนเดียวก็จะกลับ

ข้อมูลส่วนตัว หนึ่ง เกตุสกุล อายุ 29 ปี ผิวเนื้อ ดำแดง รูปร่างผอม สูงประมาณ 170 ซม. หนึ่งมีปัญหาสุขภาพ เนื่องจากเคยประสบอุบัติเหตุทางถนน ต้องผ่าตัดสมองและใส่กระโหลกเทียมเป็นบางส่วน

หนึ่งเคยถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจับกุมตัวที่งานศพของ พอ. ดร. อภิวันท์ วิริยะชัย เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2557 ต่อมา หนึ่งถูกนำส่งตัวยังศาลทหารเพื่อดำเนินคดีในข้อหาทำกิจกรรมต้านรัฐประหารในวันที่ 28 พฤษภาคม 2557 บริเวณอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ หรือ เดฟ หนึ่งในนักกิจกรรมส่องราชภักดิ์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ยืนยันเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ 6 คน เป็นผู้อุ้มตัวคุณหนึ่งไป สน.พหลโยธิน ตั้งแต่วันที่17ธ.ค. ที่ผ่านมาในช่วงเย็นของวัน ผมพบเขาครั้งสุดท้ายเป็นวันที่คุณหนึ่ง ไปให้กำลังใจตูน(ธเนตร อนันตวงษ์)ที่ศาลอาญา หลังจากนั้นไม่ทราบว่าถูกเอาตัวไปที่ไหนต่อ

ศาลทหาร ชี้ รินดาโพสต์เฟซบุ๊กไม่ผิด ม.116 แต่หมิ่นประยุทธ์-ภรรยา


ศาลทหาร ชี้ คดีรินดาโพสต์เฟซบุ๊ก ปม “ประยุทธ์โกงเงินไปฝากธนาคารสิงคโปร์” ไม่ใช่ความผิดฐานยุยงปลุกปั่น ม.116 แต่เป็นหมิ่นประยุทธ์ และภรรแทน เบื้องต้นสั่งให้ระงับการพิจารณาคดีชั่วคราว รอฟังการวินิจฉัยเขตอำนาจศาลก่อน
21 ธ.ค. 2558 10.00 น. ที่ศาลทหาร ได้มีการนัดสอบคำให้การ คดีรินดา โพสต์เฟซบุ๊ก ปม “ประยุทธ์โกงเงินไปฝากธนาคารสิงคโปร์” ซึ่งถูกตั้งข้อหายุงยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายมาตรา 116 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหาว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และภรรยาทุจริตภาษีประชาชน โอนเงินไปประเทศสิงคโปร์หลายหมื่นล้านบาท
ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้ให้ข้อมูลว่า ศาลได้มีการอ่านคำฟ้องของโจทก์ และให้ความเห็นว่า ข้อความที่มีการโฟสต์ลงเฟซบุ๊ก ในบัญชีผู้ใช้ชื่อ “รินดา พรศิริพิทักษ์” ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. – 7 ก.ค. 2558 ซึ่งมีใจความโดยสรุปว่า พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา และภรรยานางนราพร จันทร์โอชา ทุจริตเงินภาษีประชาชนจำนวนหลายหมื่นล้านบาท และได้นำเงินไปฝากไว้ที่ธนาคารในสิงคโปร์ นั้นไม่เข้าข่ายความผิดยุยงปลุกปั่น ให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ตามาตรา 116 ซึ่งเป็นความผิดที่เกี่ยวกับความมั่นคง แต่เป็น การใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามให้เกิดความเสียหาย ซึ่งถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328
ทั้งนี้ ความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ไม่ได้เป็นความผิดตามประกาศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 37/2557 เรื่องความผิดที่อำนาจในอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ก็ไม่ได้เป็นการกระทำที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 38/2557 เรื่อง คดีที่ประกอบด้วยการกระทำหลายอย่างเกี่ยวโยงกันให้อยู่ในอำนาจของศาลทหาร
จากนั้นศาลได้ถามความเห็นของทนายความ ซึ่งภาวิณีเห็นว่า คดีความนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจศาลทหาร ส่วนจะอยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลอาญาหรือไม่ คงเป็นเรื่องของการสู้คดีต่อไป ด้านอัยการทหาร ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ เห็นว่าไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 และศาลทหารไม่มีอำนาจพิจารณาคดี
จากนั้นศาลได้แถลงต่อว่า คดีดังกลาวศาลทหารมีอำนาจวินิจฉัย แต่เมื่อเห็นว่าอัยการโจทก์คัดค้าน จึงสั่งให้ระงับการพิจารณาคดีนี้ไว้ชั่วคราว และจะส่งคำร้องไปให้ศาลอาญาพิจารณาว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลอาญาหรือไม่ ซึ่งหากศาลอาญาเห็นตรงกันกับศาลทหาร ก็จะจำหน่ายคดีให้ไปฟ้องที่ศาลอาญาแทน
ภาวิณี กล่าวต่อไปว่า หากศาลอาญาเห็นว่าคดีนี้ไม่ได้อยู่ขอบเขตของศาลอาญา จะมีการส่งเรื่องไปที่ คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลต่อไป
00000
ความเป็นมาของคดีนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ก.ค.2558 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พร้อมคณะ ได้นำตัว รินดา ปฤชาบุตร อายุ 44 ปี มาแถลงข่าวเนื่องจากเป็นผู้ต้องหา คดีโพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหาพล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และภรรยาโอนเงินไปสิงคโปร์หมื่นล้าน
รินดา ถูกเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบบุกจับกุมที่บ้านพักจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ไปควบคุมตัวที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ 1 คืนก่อนนำส่งกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ในวันต่อมา ตำรวจแจ้งข้อหาว่าว่ารินดากระทำความผิดโพสต์ข้อความดังกล่าวในเฟซบุ๊ก วันที่ 6 ก.ค.เวลา 06.41 น. มีความผิด 3 ข้อหา คือ  มาตรา 14(2) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ,มาตรา 116 ประมวลกฎหมายอาญา กระทำให้ปรากฎแก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่น อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดง ความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบให้เกิดในราชอาณาจักร โทษจำคุกสูงสุด 7 ปี , มาตรา 384 ประมวลกฎหมายอาญา แกล้งบอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือจนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจ
ต่อมาในวันเดียวกัน เธอถูกนำตัวมาฝากขังที่ศาลทหาร ด้านญาติของรินดาได้ขอยื่นประกันตัวโดยใช้เงินสด 100,000 บาทเป็นหลักทรัพย์ แต่ศาลมีคำสั่งไม่อนุมัติให้ประกันตัวรินดาโดยให้เหตุผลว่า แม้พนักงานสอบสวน ผู้ร้องไม่คัดค้านการปล่อยชั่วคราว แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าผู้ต้องหาถูกจับกุมในคดีความ ผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่า หากปล่อยชั่วคราวอาจเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่การสอบสวน จึงไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง
เธอถูกจองจำอยู่ใน อยู่ในทัณฑสถานหญิงกลาง เป็นเวลา 3 วันก่อนได้ประกันตัวเมื่อวันที่ 13 ก.ค 2558 โดยศาลได้ให้เหตุผลว่า ผู้ต้องหาไม่น่าจะหลบหนีประกอบกับมีภาระต้องเลี้ยงดูบุตร 2 คน แต่มีเงื่อนไข ห้ามยุยงปลุกปั่นเคลื่อนไหวทางการเมืองและห้ามเดินทางออกนอกประเทศ