วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554


ส.ส.สหรัฐมาไทยขอข้อมูลสลายแดง
         ส.ส.สหรัฐและกรรมาธิการต่างประเทศ สภาสหรัฐ เตรียมบินมาไทยสัปดาห์หน้าเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง โดยขอพบทั้งตัวแทนจากรัฐบาลและฝ่ายค้าน ระบุเพื่อยืนยันสหรัฐให้ความสำคัญเรื่องสิทธิพื้นฐานของประชาชนเท่าเทียมกันทั่วโลก หลังมีปฏิกิริยาชัดเจนต่อการประท้วงในหลายประเทศแถบตะวันออกกลาง เผยคณะกรรมการเฮลซิงกิจะทำหนังสือเชิญ “ทักษิณ” บินไปให้ข้อมูลที่สหรัฐอีกครั้ง
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้นายเท็ด โพล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา และเพื่อน ส.ส. คือนายดาร์นา โรลาบาร์คเกอร์ หนึ่งในคณะกรรมาธิการต่างประเทศของสภาสหรัฐ จะเดินทางมาประเทศไทยเพื่อพบตัวแทนฝ่ายค้าน รัฐบาล และกลุ่มต่างๆ เพื่อรับทราบสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทย
“นายโพลได้แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศแถบตะวันออกกลางและเอเชียที่ประชาชนต้องการเสรีภาพ จึงเสนอให้รัฐสภาสหรัฐแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่ายืนหยัดเพื่อสิทธิและเสรีภาพพื้นฐานของประชาชนทั่วโลก พร้อมกันนี้ได้เสนอให้คณะกรรมาธิการว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปหรือคณะกรรมการเฮลซิงกิ ที่เคยทำเรื่องเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณไปให้ข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย แต่ต้องเลื่อนออกไปเพราะติดการเลือกตั้ง ให้ทำหนังสือเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณไปให้ข้อมูลอีกครั้ง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณมีความยินดีที่จะไปให้ข้อมูล ขณะนี้กำลังรอหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการ” นายนภดลกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พรรคเพื่อไทยได้นำเอกสารพร้อมคำแปลที่นายโพลส่งมาถึงนายนพดลระบุว่า การเดินทางมาประเทศไทยต้องการรับทราบข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่มีข้อกล่าวหารัฐบาลไทยและตรวจสอบการขุมขังคนเสื้อแดง 350 คน โดยต้องการพบกับตัวแทนรัฐบาลไทยและผู้นำพรรคฝ่ายค้าน
นอกจากนี้ยังแสดงความเห็นว่ารัฐบาลไทยจำเป็นต้องจัดให้มีการเลือกตั้งแบบเสรีและเป็นธรรม เพื่อแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่ายืนหยัดเพื่อสิทธิและเสรีภาพพื้นฐานของประชาชน
**

ทำไม ในหลวง ไม่ได้ทรงพระราชทานอภัยโทษ


"เรื่องเล่า" จากแวดวงราชสำนัก:

ทำไม ในหลวง ไม่ได้ทรงพระราชทานอภัยโทษ
จำเลยคดีสวรรคต



ธรณีนี่นี้เป็นพยาน. . เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนอง

56 ปี การประหารชีวิตจำเลยคดีสวรรคต 17 กุมภาพันธ์ 2498 - 2554

โดย ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล




ที่มา เฟซบุ๊ค สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล


เมื่อ 6 ปีก่อน ในระหว่างที่ผมเขียนบทความเรื่อง "50 ปี การประหารชีวิต 17 กุมภาพันธ์ 2498" (ดาวน์โหลด pdf บทความนี้ได้ที่นี่่http://www.enlightened-jurists.com/page/136 ) ประเด็นหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกโกรธมาก คือ การที่หนังสือ The Revolutionary King (2001) ที่เขียนโดย วิลเลียม สตีเวนสัน (William Stevenson) ได้ให้ข้อมูลที่ผิดบางอย่างเกี่ยวกับการประหารชีวิตจำเลยคดีสวรรคตในหลวงอานันท์

ดังที่หลายคนอาจจะทราบแล้ว สตีเวนสัน คือผู้เขียนหนังสือ A Man Called Intrepid ซึ่งในหลวงทรงแปลเป็นภาษาไทยในชื่อ"นายอินทร ผู้ปิดทองหลังพระ" ในการค้นคว้าเพื่อเขียน The Revolutionary King สตีเวนสัน ได้รับพระบรมราชานุญาตให้มาใช้ชีวิตในประเทศไทยในแวดวงราชสำนัก ได้สัมภาษณ์สนทนากับทั้งในหลวง พระราชินี พระเทพ พระราชชนนี ข้าราชบริพารในพระองค์และผู้ใกล้ชิดราชสำนักจำนวนมาก น่าเสียดายที่หนังสือของสตีเวนสัน ไม่มีเชิงอรรถอ้างอิงที่แน่นอน ทำให้เราไม่สามารถบอกได้ว่า ข้อมูลใดในหนังสือของเขา เอามาจากใครบ้าง อย่างไรก็ตาม คงไม่เป็นการเกินเลยไปที่จะคิดว่า ข้อมูลที่เกี่ยวกับราชสำนักส่วนใหญ่ในหนังสือของเขา เอามาจากการเล่าของคนในแวดวงราชสำนักเอง

ในหน้า 111 ของ The Revolutionary King สตีเวนสัน เขียนในลักษณะที่ว่าในหลวงทรงตระหนักถึงความไม่ชอบมาพากลของการดำเนินคดีสวรรคตของรัฐบาลในขณะนั้นภายใต้การบงการของกลุ่มพิบูล-เผ่า รวมทั้งการพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลย สตีเวนสันอ้างว่า ในหลวงทรงกล่าวในภายหลัง (สตีเวนสันไม่ได้ระบุว่า เอาคำพูดของในหลวงตอนนี้มาจากที่ใด)

"กระบวนการอุทธรณ์คำตัดสินกำลังดำเนินการไป" ในหลวงทรงกล่าวในภายหลัง "ข้าพเจ้าไม่สามารถบ่อนทำลายฐานะของบรรดาผู้รักษาตัวบทกฎหมายของเราอย่างซื่อสัตย์ ด้วยการเข้าแทรกแซง จนกว่าฎีกาขออภัยโทษขั้นสุดท้ายมาถึงข้าพเจ้า"

['Fresh appeals against the sentences were in the works,' he said later. 'I couldn't undermine the position of honest upholders of our written laws by intervening until a final appeal for clemancy reached me.']


สตีเวนสันเล่าต่อไปว่า แต่เมื่อถึงเวลาที่จำเลยถูกตัดสินประหารชีวิตขั้นสุดท้าย และทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ เผ่าได้ดำเนินการประหารชีวิตจำเลยไปโดยปกปิดข่าว และด้วยการกักหนังสือฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษไว้ ไม่นำขึั้นทูลเกล้าฯถวาย ในหลวงไม่ทรงทราบข่าวการประหารชีวิตนั้นเลย จนกระทั่งเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว และมีข่าวลือไปถึงพระองค์ (He had been told nothing about the executions. - The Revolutionary King หน้า 119) สตีเวนสันอ้างว่า ในหลวงทรงกริ้วอย่างยิ่ง (rage) . . .

ในหลวงทรงรีบกลับจากวังไกลกังวลเมื่อข่าวลือเรื่องการประหารชีวิตไปถึงพระองค์. พระองค์ได้ทรงปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่ทรงเข้าแทรกแซงกับกระบวนการยุติธรรม, เพราะคิดว่าทรงได้รับหลักประกัน [จากรัฐบาล] เรื่องความเป็นอิสระและเข้มแข็งของศาลแล้ว. ในความกริ้วอย่างเงียบๆของพระองค์, พระองค์ได้ตระหนักว่าพระองค์ทรงอยู่ในฐานะไร้ซึ่งอำนาจเพียงใด. พระองค์ได้ทรงยืนยันไปก่อนหน้านั้นว่า ราษฎรทุกคนมีสิทธิที่จะถวายฎีกาขออภัยโทษถึงพระองค์โดยตรง. บัดนี้ ทรงพบว่าความพยายามที่จะถวายฎีกาถึงพระองค์ของครอบครัวแพะรับบาปทั้งสามถูกหยุดยั้่งโดยบรรดาข้าราชสำนักที่ถูกตำรวจของเผ่าดึงตัวไปเป็นพวก . . . บนโต๊ะทำงานของเผ่า หนังสือฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของผู้ถูกประหารชีวิตทั้งสามถูกวางทิ้วไว้

[The King hurried back for Far-From-Worry when the rumours reached him. He had let the months passed without interfering with the due process of law, thinking he had won his demand for a strong and independent judiciary. In his silent rage, he saw how powerless he really was. He had insisted that every citizen had the right to petition him directly. Now he discovered that attempts to reach him by the scapegoats’ families had been stopped by courtiers subverted by Phao’s police. . . . . On Phao’s desk remained the last written appeals from the dead men for a king’s pardon.]


(ข้อความภาษาอังกฤษข้างต้นนี้ ผมได้อ้างไว้ในบทความ โดยไม่แปลอย่างจงใจ เพิ่งมาแปลในครั้งนี้)

ในบทความของผม ผมได้ยกข้อมูลชั้นต้นร่วมสมัยจำนวนมาก ทั้งรายงานการประชุมคณะรัฐมนตรีและรายงานข่าวหนังสือพิมพ์ มาแสดงให้เห็นว่า ในความเป็นจริงฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษของจำเลยทั้งสามได้รับการส่งผ่านจากคณะรัฐมนตรีไปถึงราชเลขาธิการและราชเลขาธิการได้นำขึ้นทูลเกล้าถวายตามกระบวนการ และต่อมา "ราชเลขาธิการแจ้ง [คณะรัฐมนตรี] มาว่า ความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว โปรดเกล้าฯให้ยกฎีกานี้" (คือไม่ทรงโปรดเกล้าฯให้อภัยโทษ) ในระหว่างที่ฎีกา ส่งถึงราชสำนักแล้ว แต่ยังไม่ทราบผล หนังสือพิมพ์สมัยนั้น รวมทั้ง สยามรัฐก็ได้รายงานข่าวอย่างแพร่หลาย มีหนังสือพิมพ์บางฉบับได้ไปสัมภาษณ์ ม.จ.นิกรเทวัญ เทวกุล ราชเลขาธิการ ด้วย ซึ่ง ม.จ.นิกรเทวัญ ทรงรับสั่งยืนยันว่า "ฎีกาของจำเลยทั้งสามคนนี้ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายมาหลายวันแล้ว" ผมยังได้ชี้ให้เห็นว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ ที ม.จ.นิกรเทวัญ จะร่วมมือกับเผ่า กักหนังสือฎีกาไว้ไม่ทูลเกล้าถวาย เพราะ ม.จ.นิกรเทวัญ เป็นผู้ที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัย โปรดเกล้าฯให้เป็นราชเลขาธิการด้วยพระองค์เองให้อยู่ในตำแหน่งราชเลขาธิการตั้งแต่ปี 2493 จนถึงปี 2505 ซึ่งรวมเวลาที่ทรงโปรดเกล้าฯต่ออายุราชการให้ถึง 5 ครั้งจนครบตามระเบียบที่ต่ออายุราชการได้

ส่วนสาเหตุที่ทรง "โปรดเกล้าฯให้ยกฎีกา" ของ 3 จำเลยคืออะไร ผมไม่สามารถบอกได้แน่ชัด เพราะไม่มีหลักฐานยืนยัน

*******

กรุณาอ่านประกอบกับกระทู้นี้https://www.facebook.com/photo.php?fbid=155497804503507&set=a.137616112958343.44289.100001298657012&theater 


เย็นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2498 เจ้าหน้าที่เรือนจำบางขวางได้ไปติดต่อกับภิกษุเนตร ปัญญาดีโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดบางขวางที่อยู่ใกล้ๆกันว่าคืนนั้นขอนิมนต์ไปเทศน์ให้นักโทษที่จะถูกประหารชีวิตฟัง เวลาเดียวกันที่เรือนจำ ผู้บัญชาการ (ขุนนิยมบรรณสาร) เรียกประชุมพัศดี ผู้คุมและพนักงานเรือนจำทั้งหมด สั่งให้เตรียมพร้อมประจำหน้าที่ . . .

นักโทษ 3 คน ถูกนำตัวออกจากห้องขังมาทำการตีตรวนข้อเท้าตามระเบียบ ทั้ง 3 คน รู้ตัวทันทีว่ากำลังจะถูกประหารชีวิต . . .

นักโทษคนหนึ่งมีอาการปรกติ ขณะที่อีก 2 คนแสดงความตื่นตระหนก จนนักโทษคนแรกต้องหันไปดุว่า “กลัวอะไร เกิดมาตายหนเดียวเท่านั้น” นักโทษคนแรกยังพูดหยอกล้อกับผู้ตีตรวนได้

หลังตีตรวนเสร็จ ทั้งสามถูกนำไปพิมพ์ลายนิ้วมือและตรวจโรคทำบันทึกสุขภาพ แล้วถูกพาไปที่ห้องขังชั่วคราว (ปรกติเป็นห้องเยี่ยมญาติ) ขณะนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ที่นั่นนอกจากมีผู้คุมเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด เข้าประกบนักโทษคนต่อคนตลอดเวลาแล้ว ยังมีแพทย์คอยสังเกตและตรวจอาการเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ป่วยเจ็บก่อนถูกประหาร มีเสื่อปูให้นอน แต่ไม่มีใครนอน ราว 19 นาฬิกา แพทย์ฉีดยาบำรุงหัวใจให้นักโทษคนแรก 1 เข็ม แต่เขายังสามารถพูดคุยกับผู้คุมได้ ขณะที่อีก 2 คน มีอาการ กอดอก ซึมเศร้า เวลา 22 นาฬิกา ผู้คุมเป็นพยานให้นักโทษทั้งสามเขียนพินัยกรรมหรือจดหมายฉบับสุดท้ายถึงญาติ . . . .


และกระทู้นี้ https://www.facebook.com/photo.php?fbid=155570287829592&set=a.137616112958343.44289.100001298657012&theater

ธรณีนี่นี้เป็นพยาน. . เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนอง : 56 ปี การประหารชีวิตจำเลยคดีสวรรคต 17 กุมภาพันธ์ 2498 - 2554


. . . . ประมาณตี 2 หัวหน้ากองธุรการเรือนจำอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้นักโทษทั้งสามฟัง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ นักโทษทั้งสามนั่งฟังโดยสงบเป็นปรกติ หลังจากนั้น ภิกษุเนตร (ซึ่งมาถึงตั้งแต่ตี 2) ได้เทศน์ให้นักโทษทั้งสามฟังใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ระหว่างการเทศน์ นายเฉลียวมีอาการปรกติ ยังสามารถนำอาราธนาศีลได้ นายชิตนั่งสงบขณะที่นายบุศย์กระสับกระส่าย เมื่อเทศน์จบแล้ว ระหว่างที่ภิกษุเนตรกำลังจิบน้ำชาและพูดคุยกับนักโทษ นายบุศย์ซึ่งมีอาการโศกเศร้าที่สุดและหน้าตาหม่นหมองตลอดเวลา บอกกับภิกษุเนตรว่า “เรื่องของผมไม่เป็นความจริง ไม่ควรเลย” และพูดถึงแม่ที่ตายไปแล้วว่าเป็นห่วง ตายนานแล้วยังไม่ได้ทำศพ นายเฉลียวทำท่าจะสั่งเสียบางอย่างกับภิกษุเนตร “กระผมจะเรียนอะไรกับพระเดชพระคุณฝากไปสักอย่าง” แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร พอดีกับ เผ่า ศรียานนท์ พร้อมด้วยบริวารเกือบ 10 คน เดินทางมาถึงและเข้ามานั่งในห้องที่เก้าอี้ด้านหลังภิกษุเนตร เผ่าอยู่ในชุดสูทสากลหูกระต่าย สวมหมวกแบเร่ต์สีแดง นายเฉลียวเห็นเข้าก็เอ่ยขึ้นว่า “อ้อ คุณเผ่า” หลังจากนี้ภิกษุเนตรก็กลับวัด . . . .

หลังพระเทศน์ นักโทษถูกนำกลับห้อง ทางเรือนจำจัดอาหารมื้อสุดท้ายให้ แต่ไม่มีใครกิน . . . .

เวลาประมาณ 4.20 น. นายเฉลียวถูกนำตัวเข้าสู่หลักประหารเป็นคนแรก โดยอยู่ในท่านั่งงอขา หันหลังให้ที่ตั้งปืนกลของเพชรฆาต ห่างจากปืนกลประมาณ 5 เมตร นักโทษถูกมัดเข้ากับหลักประหาร มือทั้งสองพนมถือดอกไม้ธูปเทียนไว้เหนือหัวมีผ้าขาวมัดไว้ และมีผ้าขาวผูกปิดตา ด้านหน้านักโทษเป็นกองดิน ด้านหลังเป็นฉากผ้าสีน้ำเงิน บังระหว่างนักโทษกับเพชรฆาต บนฉากผ้ามีวงกลมสีขาวเป็นเป้าสำหรับเพชรฆาต ซึ่งตรงกับบริเวณหัวใจของนักโทษ เมื่อได้เวลา เพชรฆาตประจำเรือนจำ นายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง ก็ยิงปืนกลรัวกระสุน 1 ชุด จำนวน 10 นัด เสร็จแล้วแพทย์เข้าไปตรวจดูนักโทษเพื่อยืนยันว่าเสียชีวิต

หลังการประหารนายเฉลียวประมาณ 20 นาที นายชิต ก็ถูกนำตัวมาประหารเป็นคนต่อไปในลักษณะเดียวกัน . . . .

หลังจากนั้นไปอีก 20 นาที ก็ถึงคราวของนายบุศย์ เขามีโรคประจำตัวเป็นลมบ่อย และเป็นลมอีกก่อนถูกนำเข้าหลักประหารเล็กน้อย ต้องช่วยให้คืนสติก่อน . . .

เพชรฆาตยิงนายบุศย์เสร็จ 1 ชุดแล้ว ตรวจพบว่านายบุศย์ยังมีลมหายใจ จึงยิงซ้ำอีก 2 ชุด โดยยิงรัว 1 ชุด แล้วตามด้วยการยิงทีละนัดจนหมดอีก 1 ชุด

ผลการยิงถึง 30 นัดนี้ทำให้เมื่อญาติทำศพ พบว่านายบุศย์เหลือเพียงร่างที่แหลกเหลว และมือขาดหายไป . . .

คลิปตาสว่างกลางอเมริกา-นิวยอร์ก,ชิคาโก้,ฟลอริด้า,ดัลลัส,แอลเอ,เวกัส แดงลามโลก-ก่อนรัตนโกสินทร์ล่มสลาย


โดย RED USA

ขอจดจารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์
และขอบันทึกไว้ให้พี่น้องไทยทั่วโลก
ได้รับทราบตามคลิปข้างบน

ว่าคนไทยจากแดนไกลอย่างสหรัฐอเมริกา
จากบ้านไปไกลแต่เพียงกาย แต่ใจนั้นยังโหยไห้ ห่วงหา
ยังเป็นห่วง และเฝ้าติดตามความเป็นไปของบ้านเกิด

อยากให้ประเทศเมืองแม่ และประชาชนร่วมชาติ
ได้ลืมตา อ้าปาก และเจริญพัฒนาอย่างนานาอารยะประเทศ

ข่าวคราวที่ประชาชนคนรากหญ้า
ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกเข่นฆ่าอย่างหมูหมา
เพียงเพราะผู้ปกครองใจอำมหิต
ต้องการครองอำนาจไว้ให้นานแสนนาน
ก่อความโกรธเกลียด คลั่งแค้นชิงชัง
ขึ้นในจิตและในใจของคนเสื้อแดงในสหรัฐอเมริกา
ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพี่น้องเสื้อแดงในประเทศไทยและทั่วโลก

ความโกรธเกลียดชิงชั่ง เพิ่มขึ้นตามความชั่ว
ความเลว ความอยุติธรรม ของอำมาตย์และสมุน
ที่ใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดง คุมขังแกนนำ และตามล่าตามล้าง
คนเสื้อแดงผู้แสวงหาประชาธิปไตย และความเป็นธรรม

นอกจากถูกกลั่นแกล้ง กดขี่สารพัดรูปแบบ
คนไทยยังโชคร้ายที่มีผู้ปกครองขี้ขลาดตาขาว
ใช้กฏหมายอำมหิตอย่าง ม.112 เป็นเครื่องมือทำลายล้าง
ความจริงที่น่าขยะแขยงนี้ของผู้ปกครองชั่ว อำมาตย์เลว
จะต้องหมดไปจากประเทศไทย

การใช้ ม.112 เพื่อปิดปากคุมขังประชาชนจะต้องถูกยกเลิก
ก่อนที่ประชาชนจะกระชากผู้ยิ่งใหญ่ที่ใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมือง
มาลงประชาทัณฑ์ให้สาสมกับความโหดเหี้ยมที่ก่อไว้
ในฐานความผิดที่หมิ่นความเป็นมนุษย์ของประชาชน

กิจกรรมการต่อต้านอำมาตย์ของคนเสื้อแดงกลุ่มต่างๆ
ในสหรัฐอเมริกาจึงทะยอยออกมาเป็นระยะๆ
พร้อมทั้งส่งกำลังใจและกำลังเงิน
มาช่วยพี่น้องเสื้อแดงในประเทศไทย
ตามกำลังของแต่ละบุคคล

การเดินทางไกล
ของ สส.สุนัย จุลพงศธร จากพรรคเพื่อไทย
เพื่อไปปราศรัยยังเมืองใหญ่ๆในหลายมลรัฐ ของประเทศสหรัฐอเมริกา
ระหว่าง วันที่ 4 มกราคม 2554 ถึง วันที่ 2 กุมภาพันธุ์ 2554
เป็นการยืนยันถึง..."ตาสว่าง".....ของคนไทยในสหรัฐอเมริกา
และยังเป็นการสื่อไปยังอำมาตย์ผู้ปกครองประเทศไทย
ได้รับรู้ว่าคนเสื้อแดงได้เกาะกลุ่มกันเป็นเครือข่าย
อย่างเหนียวแน่นทั่วสหรัฐอเมริกา

ที่พร้อมจะร่วมมือ ประสานพลังเคียงข้างไปกับ
คนเสื้อแดงทั่วโลกเพื่อสนับสนุนภาระกิจ
ของคนเสื้อแดงในประเทศไทย
เพื่อปลดปล่อยคนไทยจากทาสให้เป็นไท

การปราศรัยที่แฝงไว้ด้วยนัยะหลายต่อหลายประเด็น
ของ สส.สุนัย จุลพงศธร
เรียกเสียงเฮและเสียงตบมืออย่างกึกก้องจากผู้ฟัง
โดยที่ผู้ปราศรัยมิได้เอ่ยถึงใคร

เพียงคำว่า "เหี้ย" หรือ "ห่า"
ก็เรียกเสียงเฮได้กึกก้อง
แต่ทั้งๆที่ท่านสุนัย เป็นสส.จากนครสวรรค์
ท่านกลับไม่เอ่ยถึงเทวดาและนางฟ้าเลย....
หรือว่านครสวรรค์ของท่านไม่มีเทวดาและนางฟ้าสิงสถิตย์อยู่กระมัง 

********
เรื่องเกี่ยวเนื่อง

-ภาพและคลิปส.ส.สุนัยเดินสายตาสว่างกลางอเมริกา+ทักษิณโฟนอินละเอียดครบ6เมืองใหญ่

-แดงอเมริกามอบทุนหนุนสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์สู้'เราไม่ทอดทิ้งกัน' ไทยอีนิวส์ส่งต่อGOLF4FREEDOMปลดปล่อยนักโทษแดง

ใครลืม แต่เราไม่ลืม

Crackdown in Bangkok


Earlier today, soldiers from the Thai Army broke down barricades and entered the fortified camp occupied by anti-government Red Shirt protesters for the past several weeks in downtown Bangkok. Several clashes took place, and Red Shirt leaders announced to their followers that they were surrendering to police as the soldiers approached. Many protesters dispersed, but some continued to battle with grenades, guns, slingshots and fire, setting as many as 20 locations ablaze in central Bangkok. At this stage, it is unclear how many have been killed or injured, but at least five are known to have died, with dozens more injured. Thai authorities have imposed a curfew as they battle fires, process detainees and clear the rest of the Red Shirt encampment. (39 photos total)


Thai soldiers storm through the barricade of anti-government protesters on Wednesday, May 19, 2010, 
in Bangkok, Thailand. Downtown Bangkok became a raging battleground Wednesday as the army 
stormed a barricaded protest camp and toppled the Red Shirt leadership, enraging demonstrators 
who fired grenades and set fires that cloaked the skyline in a black haze. (AP Photo/Wong Maye-E )


Thick black smoke billows through the air behind the main Chulalongkorn hospital near the Red Shirt 
encampment on Wednesday May 19, 2010 in Bangkok, Thailand. (AP Photo/Wong Maye-E ) #

Thai Security forces take cover behind an armored personnel carrier as they advance toward protesters 
on May 19, 2010 in Bangkok, Thailand. (Athit Perawongmetha/Getty Images) #

Firemen douse a fire at a barricade of Lumpini Park put up by anti-government protesters in downtown 
Bangkok, Thailand, Wednesday, May 19, 2010. (AP Photo/ Manish Swarup) #

Thai soldiers make their way toward an anti-government barricade during a military crackdown Wednesday, 
May 19, 2010, in Bangkok, Thailand. (AP Photo/Wason Wanichakorn) #

An armored personnel carrier moves toward a burning anti-government barricade during a military 
crackdown Wednesday, May 19, 2010, in Bangkok, Thailand. (AP Photo/Wason Wanichakorn) #

Thai soldiers and journalists run towards cover near an anti-government barricade on Wednesday 
May 19, 2010 in Bangkok, Thailand. (AP Photo/Vincent Yu) #

An armored vehicle breaks through a Red Shirt barricade on Wednesday May 19, 2010 in Bangkok, 
Thailand. (AP Photo/Vincent Yu) #

A group of hardline Thai Red Shirt anti-government protesters take cover behind a wall as they fight 
with security forces in downtown Bangkok on May 19, 2010. (BAY ISMOYO/AFP/Getty Images) #

A Thai soldier fires his weapon towards Red Shirt protesters inside their camp in Bangkok on 
May 19, 2010. (MANAN VATSYAYANA/AFP/Getty Images) #

Red Shirt anti-government protest leaders announce their surrender to a gathered crowd from 
the stage inside the protesters' camp in downtown Bangkok on May 19, 2010. Thai protest 
leaders surrendered and told thousands of Red Shirt supporters to end their weeks-long rally 
after an army assault on their fortified encampment. (PORNCHAI KITTIWONGSAKUL/AFP/Getty Images) #

Red Shirt anti-government protesters scream and burst into tears as their leaders announce to
 the crowd their surrender in downtown Bangkok on May 19, 2010. 
(NICOLAS ASFOURI/AFP/Getty Images) #

Red Shirt protesters leave the main stage and climb over walls to take cover in a hospital after 
their leaders announced their surrender in Bangkok on May 19, 2010. 
(NICOLAS ASFOURI/AFP/Getty Images) #

Thai military move in on the Red Shirt camp during an early morning siege on 
May 19, 2010 in Bangkok, Thailand. (Paula Bronstein/Getty Images) #

A detainee lies on the ground during an operation to evict anti-government Red Shirt protesters 
from their encampment in Bangkok May 19, 2010. (REUTERS/Sukree Sukplang) #

A Buddhist monk who was detained by Thai army soldiers sits with his hands tied during an 
operation to evict Red Shirt protesters from their encampment in Bangkok May 19, 2010. 
(REUTERS/Damir Sagolj) #

An anti-government protester piles tires on a fire at a shopping center Wednesday, 
May 19, 2010, in Bangkok, Thailand. (AP Photo/Wally Santana) #

Smoke billows from fires in a commercial area of Bangkok where Red Shirt demonstrators 
had their camp on May 19, 2010. Thai fire authorities said that arsonists have set 20 locations 
ablaze in Bangkok, including a massive shopping mall and bank branches. 
(MANAN VATSYAYANA/AFP/Getty Images) #

The body of a protester who was killed during an operation to evict Red Shirt protesters from their 
encampment lies in the street in front of a burning barricade in Bangkok May 19, 2010. 
(REUTERS/Damir Sagolj) #

Thai security forces shoot towards Red Shirt protesters in their encampment 
on May 19, 2010 in Bangkok, Thailand. (Athit Perawongmetha/Getty Images) #

Journalists lie down and take cover during a gun battle between Thai army and anti-government 
protesters at Lumpini park in downtown Bangkok, Thailand, Wednesday, May 19, 2010.
 (AP Photo/ Manish Swarup) #
***************************************






Warning:
This image contains graphic
or objectionable content


click here to view it.
Canadian journalist Chandler Vandergrift (left) lies wounded near injured Thai soldiers after they were hit by a grenade on May 19, 2010 in Bangkok, Thailand. (Athit Perawongmetha/Getty Images) #

Thai firefighters work to control a fire on Wednesday, May 19, 2010, in Bangkok Thailand. 
(AP Photo/Wason Wanichakorn) #

Thai soldiers march past the body of a Red Shirt protester during the early morning attack on the 
red shirt camp May 19, 2010 in Bangkok, Thailand. (Paula Bronstein/Getty Images) #

The City Hall building burns after it was set on fire by Red Shirt protesters in Ubon Ratchathani 
province, north-east of Bangkok, May 19, 2010. Rioting and fires swept Bangkok on Wednesday 
after troops stormed a protest encampment, forcing protest leaders to surrender, but sparking 
clashes in Bangkok and triggering other unrest in northern Thailand. (REUTERS/Stringer) #

Blindfolded detainees sit on the ground during an operation to evict Red Shirt protesters from 
their encampment in Bangkok May 19, 2010. (REUTERS/Kerek Wongsa) #

A Thai soldier stands in front of photographs put up by protesters in the Red Shirt encampment 
in Bangkok May 19, 2010. (REUTERS/Sukree Sukplang) #

Thai soldiers carry a wounded comrade from the Red Shirt camp in Bangkok on May 19, 2010. 
(PEDRO UGARTE/AFP/Getty Images) #

A Red Shirt protester throws a rock at a burning shopping mall on Wednesday, May 19, 2010. 
(AP Photo/Wason Wanichakorn) #

A statue and a torn Thai national flag remain in front of Bangkok's Central World shopping mall, 
which was gutted by fire after army soldiers advanced towards an encampment of thousands 
of Red Shirt protesters, May 19, 2010. (REUTERS/Adrees Latif) #

A person takes a photograph of deserted Lumpini Park following a crackdown on anti-government 
protesters, in downtown Bangkok, Thailand, Wednesday, May 19, 2010. (AP Photo/ Manish Swarup) #

A Red Shirt protester sits alone in the deserted protest camp after the leaders of the movement 
announced their surrender in downtown Bangkok on May 19, 2010. 
(BAY ISMOYO/AFP/Getty Images) #

Blindfolded detainees lie on the ground during an eviction operation in Bangkok on 
May 19, 2010. (REUTERS/Damir Sagolj) #

Freelance photographer Fabio Polenghi, 48, of Italy lies on a stretcher at Police Headquarter 
Hospital Wednesday, May 19, 2010, in Bangkok, Thailand, after being shot during a government 
crackdown on anti-government protestors. Polenghi was later pronounced dead by Thai doctors. 
(AP Photo/Wally Santana) #

Thai soldiers shoot rubber bullets towards protesters inside their camp in downtown 
Bangkok on May 19, 2010. (BAY ISMOYO/AFP/Getty Images) #

A front-end loader removes debris from the dismantled main barricade set up by Red Shirt 
protesters on Wednesday, May 19, 2010 in Bangkok, Thailand. (AP Photo/Wong Maye-E) #

Red Shirt supporters rescue a fellow protester who was shot after army soldiers penetrated a 
barricade where thousands of protesters were encamped in Bangkok May 19, 2010.
 At least two other protesters lie injured on the sidewalk in the background. (REUTERS/Adrees Latif) #

A Red Shirt protester who had been shot in the head is carried into a hospital on Wednesday, 
May 19, 2010, in Bangkok, Thailand. (AP Photo/Wally Santana) #

Smoke rises from fires burning in downtown Bangkok, Thailand, following the surrender 
of anti-government leaders and capture of their encampment, Wednesday May 19, 2010. (