Tue, 2015-06-23 00:30
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) และสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) และฟอรัมเอเชีย ต่างออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลยุติการดำเนินคดีนักศึกษากลุ่มดาวดิน และกลุ่มต่างๆ ชี้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างสันติ
22 มิ.ย. 2558 จากเหตุการณ์จับกุมและออกหมายจับนักศึกษากลุ่มดาวดิน ที่จังหวัดขอนแก่น จำนวน 3 ราย เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมาสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) และสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐยุติการดำเนินคดีโดยมีความเห็นไม่สั่งฟ้องกับนักศึกษา ที่ใช้สิทธิตามสิทธิขั้นพื้นฐานซึ่งได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ และตามพันธกรณีระหว่างประเทศเพื่อแสดงออกซึ่งความคิดเห็นโดยสงบ สันติและปราศจากอาวุธ โดยให้เหตุผลว่า เพราะการดำเนินคดีในลักษณะเช่นนี้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะแต่อย่างใด
ทั้งนี้ได้เรียกร้องเพิ่มเติมด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องในการใช้อำนาจตาม คำสั่ง คสช.ต้องใช้วิจารณญาณในการใช้อำนาจอันส่งผลกระทบต่อสิทธิในร่างกายและเสรีภาพของนักศึกษา ประชาชน ตามหลักสากลของการดำเนินคดีที่เป็นธรรม หลักการบังคับใช้กฎหมาย และหลักวิธีพิจารณาความอาญาที่ดี เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นนิติรัฐ (Principle of Legal State) หากการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเป็นไปโดยมิชอบต้องมีการสอบสวนและลงโทษผู้กระทำความผิดและเยียวยาความเสียหายโดยเร็ว
ด้านสภาเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ ฟอรัมเอเชีย องค์กรสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาคแสดง ได้ออกแถลงการณ์ความไม่เห็นด้วยอย่างมากในการปราบปรามการประท้วงอย่างสงบของกลุ่มนักศึกษา สิทธิในการชุมนุม อย่างสงบนั้นได้รับการรับรองโดยมาตรา 4 ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) และกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองซึ่งรัฐไทยเป็นภาคี
โดยเอเวอลีน บาลาอิส-เซอร์ราโน ผู้อำนวยการบริหารของฟอรัมเอเชีย กล่าวว่าหากคสช.มีความจริงใจในสิ่งที่พูด คสช.ควรจะยุติการตั้งข้อหาต่อกลุ่มนักศึกษาและรับรองว่าคสช.เคารพ เสรีภาพขั้นพื้นฐานที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
"รัฐบาลไทยควรเปิดพื้นที่สำหรับความคิดเห็นและการแสดงออกที่แตกต่าง ประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยการบังคับและปราบปราม ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องสร้างขึ้นมาบนเจตจำนงของประชาชนชาวไทย” ผู้อำนวยการบริหารของฟอรัมเอเชีย กล่าว
ขณะที่มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้แถลงในประเด็นการจับกุมและดำเนินคดีนักศึกษาที่แสดงออกทางการเมืองว่าการจับกุมนักศึกษา 3 รายเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมาเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ พร้อมเรียกร้องให้ ยุติการคุมคาม ติดตาม ทั้งผู้ปกครองและนักศึกษากลุ่มดาวดินและนักศึกษากลุ่มอื่นๆ ที่ได้ดำเนินกิจกรรมโดยสงบปราศจากความรุนแรง นอกจากนี้ยังเรียกร้องอีก 3 ข้อคือ ยุติการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกโดยการร่วมกลุ่ม การแสดงความคิดเห็น โดยสงบปราศจากความรุนแรง หน่วยงานความมั่นคงจะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างระมัดระวัง มีความอดทนอดกลั้น เคารพต่อหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชนสากล แม้จะอ้างว่ามีการใช้กฎหมายพิเศษภายใต้รัฐบาลนี้ก็ตาม, ยกเลิกหมายจับนักศึกษา รวมทั้งพนักงานสอบสวนและอัยการทหารสั่งคดีด้วยความเป็นธรรมต่อนักศึกษาดาวดิน 7 คนและนักศึกษาที่กรุงเทพ 9 คน โดยการสั่งไม่ฟ้อง และยุติการดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหาร
อ่านแถลงการณ์โดยละเอียด
แถลงการณ์ขอให้ยุติการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่
ในการดำเนินคดีกับนักศึกษาที่ร่วมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างสงบและสันติ
จากกรณีที่นักศึกษากลุ่มดาวดิน ได้ร่วมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เพื่อรำลึกเหตุการณ์ ครบรอบ 1 ปีรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จังหวัดขอนแก่น ปรากฏตามภาพและรายงานของสำนักข่าวต่างๆ นั้น โดย เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมและมีการตั้งข้อกล่าวหา อาศัยอำนาจตามคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับ ที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ ดำเนินคดีกับกลุ่มนักศึกษาที่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ดังกล่าว จำนวน 7 คน ซึ่งภายหลังได้มีการปล่อยตัวและได้มีการออกหมายเรียกให้มารายงานตัวภายในวันที่ 19 มิถุนายน 2558 ในวันที่เรียกรายงานตัวดังกล่าว เวลา 13.00น. ได้มีการควบคุมตัวนักศึกษากลุ่มดาวดินเพิ่มอีก 3 คน ไปที่สถานีตำรวจภูธรขอนแก่น ขณะเดินทางนำภาพวาดของเพื่อนนักศึกษาทั้ง 7 คน ไปแสดงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจังหวัดขอนแก่น โดยนักศึกษาทั้ง 3 คน ไม่ได้มีหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ จากนั้นได้ถูกส่งไปควบคุมตัวที่ค่ายศรีพัชรินทร์ แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามสื่อต่างๆภายหลังจะได้มีการปล่อยตัวสามนักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวในวันดังกล่าวนั้น
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) และสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) เห็นว่า การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของประชาชนและนักศึกษาดังกล่าวเป็นการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน การกระทำของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก อันเป็นสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐและประชาชนทุกภาคส่วนจำเป็นต้องเคารพเสรีภาพดังกล่าว ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
- 1. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 มาตรา 4 ได้รับรองสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกไว้ ว่า “ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้”
- 2. ตามมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญดังกล่าวรัฐมีหน้าที่ต้องผูกพันตามพันธกรณีในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ค.ศ. 1966 ที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีโดยการภาคยานุวัติเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2539 และมีผลบังคับใช้กับประเทศไทยเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2540 โดยกติการะหว่างประเทศดังกล่าว ข้อ 19 บัญญัติว่า “บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะมีความคิดเห็นโดยปราศจากการแทรกแซง บุคคลทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงออก...” และข้อ 21 “สิทธิในการชุมนุมโดยสงบย่อมได้รับการคุ้มครอง”รัฐบาลไทยจึงมีหน้าที่ต้องปกป้อง คุ้มครองสิทธิ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชน ไม่ทำให้ประชาชนเกิดความขยาดหรือความหวาดกลัวในการใช้สิทธิ เสรีภาพของประชาชนรัฐบาลจึงมีหน้าที่ในการฟังความคิดเห็นของประชาชนและนำความเห็นดังกล่าวไปพิจารณา ทบทวน และพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน เสรีภาพในการแสดงออกโดยสงบ สันติ ปราศจากอาวุธจึงเป็นเสรีภาพที่สำคัญ ซึ่งหากรัฐให้ความสำคัญจะทำให้รัฐได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ปกป้อง คุ้มครองสิทธิ เสรีภาพของประชาชนอย่างแท้จริง
- 3. ตามหลักสากลของการดำเนินคดีที่เป็นธรรมและหลักการบังคับใช้กฎหมายและการใช้ดุลพินิจใน การปฏิบัติตามกฎหมายของเจ้าพนักงาน ต้องสอดคล้องกับหลักวิธีพิจารณาความอาญาที่ดี กล่าวคือต้องมี ความเป็นนิติรัฐ (Principle of Legal State) เป็นเสรีนิยม สามารถคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคล เป็นการกระทำเพื่อสังคมและเป็นประชาธิปไตย หมายความว่า การที่รัฐจะเอาตัวบุคคลใดไว้ในอำนาจรัฐ ต้องมีกฎหมายให้อำนาจ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติตามกฎหมายต้องตีความในการปฏิบัติตามกฎหมาย ดังกล่าว โดยต้องเชื่ออย่างปราศจากข้อสงสัยว่า การกระทำของบุคคลนั้น กระทำผิดกฎหมาย ซึ่งตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่3 /2558 มุ่งหมายการกระทำของบุคคลที่เป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ การชุมนุมของกลุ่มนักศึกษา กลุ่มดาวดิน เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นเชิงสัญลักษณ์ ย่อมไม่เป็นภัยคุกความความอยู่รอดของชาติ ด้วยเหตุดังกล่าวเจ้าหน้าที่จึงไม่มีอำนาจในการจับกุมและควบคุมตัวนักศึกษาที่ใช้เสรีภาพในการแสดงออกโดยสงบและสันติ อีกทั้งไม่อาจใช้อำนาจและกระทำการที่ก่อให้เกิดการกระทบต่อสิทธิในร่างกาย และเสรีภาพของประชาชน
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) และสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ขอเรียกร้องแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้
- 1. ยุติการดำเนินคดีโดยมีความเห็นไม่สั่งฟ้องกับนักศึกษา ที่ใช้สิทธิตามสิทธิขั้นพื้นฐานซึ่งได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ และตามพันธกรณีระหว่างประเทศเพื่อแสดงออกซึ่งความคิดเห็นโดยสงบ สันติและปราศจากอาวุธ ทั้งนี้เพราะการดำเนินคดีในลักษณะเช่นนี้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะแต่อย่างใด
- 2. เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องในการใช้อำนาจตาม คำสั่ง คสช.ต้องใช้วิจารณญาณในการใช้อำนาจอันส่งผลกระทบต่อสิทธิในร่างกายและเสรีภาพของนักศึกษา ประชาชน ตามหลักสากลของการดำเนินคดีที่เป็นธรรม หลักการบังคับใช้กฎหมาย และหลักวิธีพิจารณาความอาญาที่ดี เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นนิติรัฐ (Principle of Legal State) หากการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเป็นไปโดยมิชอบต้องมีการสอบสวนและลงโทษผู้กระทำความผิดและเยียวยาความเสียหายโดยเร็ว
ด้วยความเคารพในสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.)
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.)
000
ประเทศไทย: หยุดตั้งข้อหากลุ่มนักศึกษา, ส่งเสริมสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
(กรุงเทพฯ/22 มิถุนายน 2558) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ควรหยุดตั้งข้อหาต่อเจ็ดนักกิจกรรม
กลุ่มดาวดิน ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษากฎหมายจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ถูกจับในวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 สภาเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาแห่งเอเชีย (ฟอรัมเอเชีย) องค์กรสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาคแสดง ความไม่เห็นด้วยอย่างมากในการปราบปรามการประท้วงอย่างสงบของกลุ่มนักศึกษา สิทธิในการชุมนุม อย่างสงบนั้นได้รับการรับรองโดยมาตรา 4 ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) และกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองซึ่งรัฐไทยเป็นภาคี
นักศึกษาทั้งเจ็ดคน – จตุภัทร บุญภัทรรักษา, อภิวัฒน์ สุนทรารักษ์, พายุ บุญโสภณ, ภานุพงศ์ ศรีธนา นุวัฒน์, สุวิชชา ฑิพังกร, ศุภชัย ภูครองพลอย และวสันต์ เสธสิทธิ– ถูกจับกุมในขณะที่ประท้วงต่อต้านการ ปกครองโดยทหารอย่างสงบในวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 ซึ่งเป็นวันครบรอบหนึ่งปีรัฐประหาร กลุ่มนักศึกษาได้ถือป้ายต่อต้านรัฐประหารที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในจังหวัดขอนแก่น นักศึกษากลุ่มดาวดินถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 7/2557 ซึ่งห้ามการชุมนุมเกินห้าคน กลุ่มนักศึกษาได้รับการปล่อยตัวในวันต่อมาบนเงื่อนไขว่าต้องมารายงานตัวในวันที่ 19 มิถุนายน 2558 ผู้ปกครองของกลุ่มนักศึกษาได้รับการข่มขู่ว่าจะถูกเรียกตัวในกรณีที่กลุ่มนักศึกษาไม่เข้ามารายงานตัว
สามนักศึกษาจากกลุ่มเดียวกันถูกตำรวจคุมขังเพื่อสอบสวนเป็นเวลาหลายชั่วโมงในวันที่ 19 มิถุนายน 2558 เนื่องจากพกพาตุ๊กตากระดาษที่เป็นรูปตัวแทนของกลุ่มนักศึกษาเจ็ดคน ก่อนจะถูกส่งไปยังค่ายทหารทหาร ในบริเวณใกล้เคียง มีการเคลื่อนกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจกว่า 100 นายในจังหวัดขอนแก่นในวันที่ 19 มิถุนายนเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวและปราบปรามกิจกรรมของกลุ่มดาวดิน
ตั้งแต่มีการรัฐประหารในปี 2557 กลุ่มดาวดินได้ทำการประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหารอย่างสงบรวมถึงการชูสามนิ้วอันเป็นสัญลักษณ์ของการขัดขืนต่อรัฐประหารในประเทศไทยต่อหน้านายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรัฐประหาร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในเดือนพฤศจิกายน 2557 นักศึกษาทั้งห้าคนถูกจับกุมและนำตัวไปยังค่ายทหารในบริเวณใกล้เคียง กลุ่มนักศึกษาดาวดินทำงานสนับสนุนชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาและอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมาโดยตลอด กลุ่มนักศึกษาและครอบครัวถูกเรียกรายงานตัว, ติดตามและข่มขู่จากเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเนื่องจากการต่อต้านรัฐประหารและกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนอื่นๆ เจ้าหน้าที่ยังได้เรียกตัวสมาชิกของกลุ่มต่างๆ เช่นกลุ่มคนรักบ้านเกิดและกลุ่มอีสานใหม่ที่ แสดงการสนับสนุนกลุ่มนักศึกษาดาวดิน เพื่อตั้งคำถามถึงความเกี่ยวข้องระหว่างกลุ่มเหล่านั้นและกลุ่มดาวดิน องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและชุมชนต่างแสดงออกถึงการสนับสนุนกลุ่มดาวดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้มอบรางวัลให้กับกลุ่มนักศึกษาดาวดินในประเภทเด็กและเยาวชนเนื่องจากงานที่กลุ่มดาวดินทำกับชุมชนต่างๆ การเคารพสิทธิในการชุมนุมอย่างสงบเป็นหนทางนำไปสู่สังคมประชาธิปไตย คสช.ได้กำหนดกรอบเวลาและย้ำอยู่เสมอว่ากำลังทำงานบนโรดแมปเพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงสำหรับประเทศไทย
“หากคสช.มีความจริงใจในสิ่งที่พูด คสช.ควรจะยุติการตั้งข้อหาต่อกลุ่มนักศึกษาและรับรองว่าคสช.เคารพ เสรีภาพขั้นพื้นฐานที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ” กล่าวโดยเอเวอลีน บาลาอิส-เซอร์ราโน ผู้อำนวยการบริหารของฟอรัมเอเชีย
“รัฐบาลไทยควรเปิดพื้นที่สำหรับความคิดเห็นและการแสดงออกที่แตกต่าง ประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยการบังคับและปราบปราม ประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องสร้างขึ้นมาบนเจตจำนงของประชาชนชาวไทย”
000
ยกเลิกการออกหมายจับนักศึกษา ยุติการดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหาร การแสดงออกทางความคิดเห็นโดยสงบและปราศจากความรุนแรงไม่ใช่ อาชญากรรม
กิจกรรมนักศึกษาในการแสดงออกทางความคิดเห็นโดยสงบและปราศจากความรุนแรงไม่ใช่อาชญกรรม นักศึกษามิใช่อาชญกรของรัฐ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 มีนักศึกษาทั้งกลุ่มที่แสดงออกทางสัญลักษณ์ด้วยกิจกรรม “เวลา” ที่หอศิลปกรุงเทพฯ และการแสดงออกทางสัญลักษณ์ที่อนุสาวรีย์จังหวัดขอนแก่น รัฐมีความพยายามที่จะยุติบทบาทของนักศึกษาด้วยการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งทหารตำรวจจับกุมนักศึกษาทั้งที่กรุงเทพและที่ขอนแก่น ที่ผ่านมารัฐติดตามนักศึกษามาโดยตลอดโดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาดาวดิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น อีกทั้งต่อมามีการเผยแพร่ผ่านสื่อสาธารณะว่าจะมีหมายเรียกผู้ปกครองของนักศึกษาที่ตกเป็นเป้าของการคุกคามของเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้อ้างเหตุผลความจำเป็นด้านความมั่นคงที่มีการตีความอย่างกว้างขวางว่ากิจกรรมแสดงความคิดเห็นโดยสงบเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกฝ่ายควรอดทนอดกลั้นต่อกิจกรรมลักษณะดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางที่สอดคล้องกับแนวนโยบายด้านการปรองดองและแนวทางการปฎิรูปของรัฐบาล โดยไม่ขัดขวางและยึดมั่นแนวทางสันติเพื่อให้ประเทศไทยกลับคืนสู่หนทางประชาธิปไตยโดยเร็ว
ล่าสุดมีการแถลงถึงวิธีการกดดันโดยอาศัยอำนาจพิเศษในการออกหมายจับนักศึกษาดาวดินจำนวน 7 คนและนักศึกษาที่กรุงเทพจำนวน 9 คนโดยศาลทหาร กิจกรรมทั้งที่กรุงเทพและที่ขอนแก่นในวันครบรอบหนึ่งปีรัฐประหารเป็นกิจกรรมแสดงออกทางความคิดเห็นโดยสงบและปราศจากความรุนแรง เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่โดยปกติรัฐมีพันธกรณีตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นรัฐสมาชิกในการสนับสนุน ส่งเสริม และเติมเติมให้กับทุกคน
อีกทั้งเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. เวลา 13.30 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น นักศึกษาจำนวน 3 คน ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ไปยังค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่น ได้แก่ น.ส.ขวัญหทัย ปทุมถาวรสกุล, น.ส.จิรัชญา หาญณรงค์ และ นายกฤต แสงสุรินทร์ โดยทั้ง 3 คน จะนำรูปวาดเพื่อนนักศึกษา 7 คนไปตั้งบริเวณอนุสาวรีย์ดังกล่าว แต่ถูกตำรวจทหารดักยึดอุปกรณ์ภาพวาดพร้อมนำตัวทั้ง 3 ไปที่สภ.ขอนแก่น ก่อนคุมตัวต่อไปยังค่ายศรีพัชรินทร นักศึกษาทั้งสามคนไม่เคยถูกหมายเรียกแต่อย่างใด และไม่ได้กระทำการอันใดเป็นการผิดกฎหมาย ถึงแม้ว่าต่อมาได้รับการปล่อยตัวในวันเดียวกันเวลา 16.30 น. กระทำของเจ้าหน้าที่ที่จับกุมนักศึกษาทั้งสามคนโดยพลการเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุอีกทั้งเป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอเรียกร้องให้
- 1) ยุติการคุมคาม ติดตาม ทั้งผู้ปกครองและนักศึกษากลุ่มดาวดินและนักศึกษากลุ่มอื่นๆ ที่ได้ดำเนินกิจกรรมโดยสงบปราศจากความรุนแรง
- 2) ยุติการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกโดยการร่วมกลุ่ม การแสดงความคิดเห็น โดยสงบปราศจากความรุนแรง หน่วยงานความมั่นคงจะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างระมัดระวัง มีความอดทนอดกลั้น เคารพต่อหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชนสากล แม้จะอ้างว่ามีการใช้กฎหมายพิเศษภายใต้รัฐบาลนี้ก็ตาม
- 3) ยกเลิกหมายจับนักศึกษา รวมทั้งพนักงานสอบสวนและอัยการทหารสั่งคดีด้วยความเป็นธรรมต่อนักศึกษาดาวดิน 7 คนและนักศึกษาที่กรุงเทพ 9 คน โดยการสั่งไม่ฟ้อง
- 4) ยุติการดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหาร