วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2559

ประยุทธใช้ม.44 Shut Down 44 นายก อบต. ปลด 7 กรรมการ สสส. หมอวิชัย โดนด้วย


5 ม.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 1/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 3 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นผู้ลงนาม เพื่อระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตำแหน่งเดิม ทั้งผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการพลเรือน ผู้บริหารและข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว เป็นการชั่วคราวเฉยๆ กับส่วนที่ให้ไปปฏิบัติราชการประจําหน่วยงานนั้นตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย
ทั้งนี้ พบผู้ที่ถูกระงับที่น่าสนใจ เช่น นายก อบต. หลายตำบลในจังหวัดมหาสารคาม สุเมธ แย้มนุ่น รักษาการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อร่าม ศิริพันธุ์ หัวหน้าภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สำหรับ 7 กรรมการกองทุนสนับสนนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. เช่น นพ.วิชัย โชควิวัฒน เป็นต้น ถูกสั่งให้พ้นจากการเป็นกรรมการและการดำรงตำแหน่งในกองทุนดังกล่าว และให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการใหม่ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
โดยรายละเอียดของคำสั่ง หัวหน้า คสช. มีดังนี้
ตามที่มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558 เรื่อง มาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบและการกำหนดกรอบอัตรากำลังชั่วคราว ลงวันที่ 15 พฤษภาคม พุทธศักราช 2558 และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2558เรื่อง แต่งตั้งและให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำรงตำแหน่งและปฏิบัติหน้าที่อื่น ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2558 นั้นโดยที่หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบได้เสนอรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบจึงจำเป็นต้องประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่มเติมจากรายชื่อตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งดังกล่าวตามความในข้อ5ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 16/2558ประกอบกับจำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบางตำแหน่งพ้นจากตำแหน่งเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของงานอันเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปราชการแผ่นดิน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา44ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ผู้ที่มีรายชื่อในกลุ่มที่ 1 ผู้บริหารสถานศึกษา ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว
ข้อ 2 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 2 ข้าราชการพลเรือน ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราว และไปปฏิบัติราชการประจำหน่วยงานนั้นตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย
ข้อ 3 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 3 ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำรงตำแหน่งอยู่เป็นการชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน
ข้อ 4 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 4 ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้ ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่นตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดแต่ต้องมิใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผู้นั้นปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิมโดยไม่ต้องมีคำร้องขอและให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นผู้บังคับบัญชามีอำนาจมอบหมายให้ผู้นั้นปฏิบัติงานตามความเหมาะสม
ในกรณีนี้มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจำตำแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราวตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ. 2555 อันเนื่องจากการไปช่วยราชการตามคำสั่งนี้
ข้อ 5 เมื่อหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 1 ถึงกลุ่มที่ 4 ต่อหน่วยงานต้นสังกัดแล้วให้หน่วยงานนั้นเร่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือสอบสวนเพื่อดำเนินการทางวินัยในกรณีไม่พบว่ามีความผิดก็ให้รายงานนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเปลี่ยนแปลงคำสั่งต่อไป
ข้อ 6 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 5 กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้พ้นจากการเป็นกรรมการและการดำรงตำแหน่งในกองทุนดังกล่าว และให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการใหม่ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 7 ให้กำหนดตำแหน่งนายจเร พันธุ์เปรื่อง ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ไว้ในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558
ข้อ 8 การรับเงินเดือน สิทธิประโยชน์ หรือประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ของผู้มีรายชื่อในกลุ่มต่าง ๆ ตามบัญชีแนบท้ายคำสั่งนี้และตามข้อ 7 ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ
ข้อ 9 ในกรณีมีปัญหาให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนหรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องเสนอปัญหาและแนวทางดำเนินการให้นายกรัฐมนตรีวินิจฉัยคำวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด
ข้อ10 นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีแล้วแต่กรณี อาจมีคำสั่งหรือมติเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้ตามที่เห็นสมควร

คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

บัญชีแนบท้ายคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2559

กลุ่มที่ 1 ผู้บริหารสถานศึกษา(จำนวน 2 ราย)
  • 1. นายสุเมธ แย้มนุ่น รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
  • 2. นายอร่าม ศิริพันธุ์ หัวหน้าภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

กลุ่มที่ 2 ข้าราชการพลเรือน (จำนวน 2 ราย)
  • 1. นายอภิชาติ ถนอมทรัพย์ ผู้อำนวยการกองคดีสำนักงาน ปปง.
  • 2. นายสมคิด มะธิปะโน ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนแก่งนาจารย์พิทยาคมจังหวัดกาฬสินธุ์

กลุ่มที่ 3 ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(จำนวน 44 ราย)
  • 1. นายทองใบ บาระพรม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลลาดพัฒนา อำเภอเมืองมหาสารคามจังหวัดมหาสารคาม
  • 2. นายสมบูรณ์ คำสอนทา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแอ่ง อำเภอเมืองมหาสารคามจังหวัดมหาสารคาม
  • 3. นายธารณ ภักดีสุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกก่อ อำเภอเมืองมหาสารคามจังหวัดมหาสารคาม
  • 4. นายสัมพันธ์ เนื่องโคตะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปะหลาน อำเภอพยัคภูมิพิสัยจังหวัดมหาสารคาม
  • 5. นายสุคล สีสมัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเหล่า อำเภอโกสุมพิสัยจังหวัดมหาสารคาม
  • 6. นายบุญทัน สินธุเสน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขื่อน อำเภอโกสุมพิสัยจังหวัดมหาสารคาม
  • 7. นายเกริกฤทธิ์ อามาตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเลิงใต้ อำเภอโกสุมพิสัยจังหวัดมหาสารคาม
  • 8. นายสวัสดิ์ คำมาตย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลประชาพัฒนา อำเภอวาปีปทุมจังหวัดมหาสารคาม
  • 9. นางสาวสมกมล ภูวนกมลกรรม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโนนแดง อำเภอบรบือจังหวัดมหาสารคาม
  • 10. นายบัวลา ทัศไพร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอนงัว อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม
  • 11. นายวีระศักดิ์ โพธิ์เฮือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบรบือ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม
  • 12.นายสมคิด บุญประสงค์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโก อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม
  • 13. นายรัชพล ณไธสง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกุง อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม
  • 14. นายสนั่น บุญคะสีทา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
  • 15.นายทองคำ ชะศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมะค่า อำเภอกันทรวิชัยจังหวัดมหาสารคาม
  • 16.นายอภิชาติ วงศ์อาษา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลขามเฒ่าพัฒนา อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
  • 17. นายธนะสิทธิ์ ฉัตรธนะพานิช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชียงยืน อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม
  • 18. นายสุรัชฐ์ จันทะรัง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลยางสีสุราช อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม
  • 19. นายหมั่น แสงสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแวง อำเภอกุดรัง จังหวัดมหาสารคาม
  • 20. นายไกรษร มธิศิริกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลราษฎร์พัฒนา อำเภอพยัคภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
  • 21.นายรังสรรค์ จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเตา อำเภอพยัคภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
  • 22.นายสุภาพ ผาบพุทธา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขวาไร่ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
  • 23.นายยุทธภูมิ กุรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแพง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
  • 24.นายประสิทธิ์ สีแก้วสิ่ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังยาว อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
  • 25.นายสุชาติ ถามูลตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบอน อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม
  • 26.ดาบตำรวจพิเชษฐ ทศช่วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองคูขาด อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม
  • 27.นายภูวดล มุลนี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังใหม่ อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม
  • 28.นายสมบูรณ์ นาเพีย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขวาไร่ อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม
  • 29. นายกิตติชัย พันธไชย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคันธารราษฎร์ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
  • 30. นายสวาท ปาธิสัตย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงดวน อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม
  • 31.นายวรวิทย์ ปักกาโล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม
  • 32.พันจ่าเอก คมสันต์ บุญศร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองเรือ อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม
  • 33. นายลำพูน เพียสา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแมดนาท่ม อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร
  • 34. นายคมเดช พลอยแดง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางรักใหญ่ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
  • 35. นายเนตร สังข์เมือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดินทอง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
  • 36. นายไสว เนื้อสีจัน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังวน อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก
  • 37. นายสมบัติ วงศ์กวน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสามวัง อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี
  • 38. นายสุภคิน วงค์สา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่
  • 39. นายถวิล โพธิบัวทอง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง
  • 40. นายบุญเลิศ ฟักสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองลัดหลวง จังหวัดสมุทรปราการ
  • 41. นายอาคม พันธ์เฉลิมชัย นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
  • 42. นายสกุลศักดิ์ มะดาโอ๊ะ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลปาเสมัส อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส
  • 43. นายเกรียงไกร ชูศิลป์กุล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกำแพงแสน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
  • 44. นางสำรวย ชุนเกาะ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

กลุ่มที่4 ข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(จำนวน 4 ราย)
  • 1. นายยุทธเดช พลอยสังวาลย์ ท้องถิ่นจังหวัดนครพนม
  • 2. สิบตำรวจตรี บุญส่ง ทศพร ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลนพรัตน์ จังหวัดปทุมธานี
  • 3. นายณรงค์ฤทธิ์ คล้ายทอง ปลัดเทศบาลตำบลท่าข้าม อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์
  • 4. นางสาวจันทร์ประภา อิสสอาด ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี

กลุ่มที่ 5 กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(จำนวน 7 ราย)
  • 1. นายแพทย์ วิชัย โชควิวัฒน กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพรองประธานคนที่สอง
  • 2. นายสงกรานต์ ภาคโชคดี กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
  • 3. นายเอ็นนู ชื่อสุวรรณ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
  • 4. นายยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
  • 5. นายสมพร ใช้บางยาง กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
  • 6. รองศาสตราจารย์ประภัทร นิยม กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
  • 7. นายวิเชียร พงศธร กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

ย้าย'ธนกฤต' จากคุกขอนแก่น มาขัง มทบ.11 ทนายยื่น ปปช.กรณี จนท.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบวันนี้


ราชทัณฑ์เผย เตรียมย้ายผู้ถูกออกหมายจับกรณี ป่วน Bike for Dad มาขังที่เรือนจำ มทบ.11 ทนายความค้าน ชี้ปัญหาสวัสดิภาพของลูกความ เนื่องจากเป็นคู่กรณีกับทหาร  เตรียมยื่นหนังสือยืนยันดำเนินคดีต่อฝ่าย กม.คสช.ข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ม.157 วันนี้ที่ ปปช.
 5 มกราคม 2559 เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความของ ธนกฤต ทองเงินเพิ่ม  ผู้ต้องหากรณีขอนแก่นโมเดล ซึ่งปัจจุบันถูกขังอยู่ในเรือนจำ จ.ขอนแก่น ได้แจ้งว่า ได้มีเจ้าหน้าที่จากเรือนจำ จ.ขอนแก่น โทรศัพท์มาแจ้งว่ากำลังจะมีการย้ายตัวธนกฤตไปคุมขังไว้ที่ เรือนจำชั่วคราว มทบ.11 จากการที่นายธนกฤตได้ถูกแจ้งความโดยฝ่ายกฎหมายของ คสช. ในข้อหากระทำความผิดตาม กม.อาญา ม.112 จากการพูดคุยกับผู้ต้องขังเรือนจำระหว่างรับโทษคุมขังในคดีส่วนตัว ทนายแจ้งว่าจะดำเนินการฟ้อง ม.157 ต่อหัวหน้าส่วนปฏิบัติการ คณะทำงานกฎหมาย คสช.และชุดสอบสวนคดีหมิ่นพรุ่งนี้ที่ ปปช.
เบญจรัตน์ให้สัมภาษณ์ว่าตนได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากเจ้ืาหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่นว่า ธนกฤต ทองเงินเพิ่ม ซึ่งเป็นลูกความของตนในคดีขอนแก่นโมเดลจะถูกย้ายตัวไปคุมขังที่เรือนจำชั่วคราว มทบ.11  มณฑลทหารบกที่ 11 ถ.พระราม 5 แขวงถนนนครไชยศรี กรุงเทพ โดยที่ยังไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ การย้ายตัวครั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่มีข่าวว่ามีเตรียมการป่วน Bike for Dad ซึ่ง พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เข้าแจ้งความที่กองบังคับการกองปราบปราม นำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหา 9 คน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558  ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยถึงที่สุดแล้ว นายธนกฤตกลับถูกกล่าวหาว่า กระทำผิด มาตรา 112 จากการพูดคุยกันในเรือนจำระหว่างที่เขารับโทษจำคุกในคดีปลอมแปลงเอกสารและคดีขอนแก่นโมเดลในปี 2557-2558
เบญจรัตน์แสดงความกังวลว่า การย้ายตัวธนกฤตไปคุมขังที่เรือนจำชั่วคราว มทบ.11 ไม่น่าเป็นผลดีต่อตัวธนกฤต เนื่องจากธนกฤตได้มอบอำนาจให้เบญจรัตน์แจ้งความดำเนินคดี พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ในฐานะหัวหน้าส่วนปฏิบัติการ คณะทำงานกฎหมาย คสช. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานหมิ่นเบื้องสูง พร้อมคณะ โดยกล่าวหาว่า ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และแจ้งความเท็จ จากกรณีที่ออกหมายจับเขา จึงถือว่าธนกฤตเป็นคู่กรณีโดยตรงกับทหาร การถูกควบคุมตัวในเรือนจำชั่วคราวซึ่งตั้งอยู่ในค่ายทหารทำให้ธนกฤตไม่มีหลักประกันเรื่องความปลอดภัย
เบญจรัตน์เปิดเผยอีกว่า วันนี้ 6 มกราคม 2559 เวลา 13.00 น. ตนซึ่งได้รับมอบอำนาจจากนายธนกฤต จะเข้ายื่นหนังสือยืนยันการดำเนินคดีต่อ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง, พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล พร้อมคณะ ในข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ที่สำนักงานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ธนกฤตได้ถอนแจ้งความไปแล้วสองครั้ง เนื่องจากเจ้าหน้าที่เสนอให้เขาถอนแจ้งความ แลกกับการถอนหมายจับในคดีเตรียมการป่วน Bike for Dad แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีอาญาแผ่นดินซึ่งไม่สามารถยอมความได้ ทางกองปราบฯ จึงได้ส่งเรื่องไปที่ ปปช. เพื่อให้พิจารณาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ปชป.อีสาน ร้องรบ.-หน่วยมั่นคง เฝ้าระวังการแจกปฎิทิน แนะสอบภาพนักโทษหนีคดี


6 ม.ค.2559 กระแสการวิพากษ์วิจารณ์กรณีการแจกปฏิทิน ทักษิณและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง จากวานนี้ (5 ม.ค.59) ทหารจาก มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น ได้เรียกตัวนางปิญฉาย นาชัย อายุ 72 ปี ประธานกลุ่มสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน และนางอรทัย โพธิ์ศรี อายุ 48 ปี แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงขอนแก่น มารายงานตัวและปรับทัศนคติ หลังร่วมกันแจกจ่ายปฎิทินดังกล่าว รวมทั้ออกมาเคลื่อนไหวขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ และอดีต ส.ส.เพื่อไทย เดินทางมาพบปะประชาชนและทำบุญเนื่องในเทศกาลปีใหม่ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น โดยใช้เวลาในการพูดคุยนานกว่า 1 ชั่วโมง (อ่านรายละเอียด)
วันนี้ (6 ม.ค.59) สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การเชิญผู้ที่แจกปฏิทินดังกล่าว ไปปรับทัศนคติ จะไม่เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะเป็นธรรมดาที่ต้องทำให้สังคมรู้ว่าจุดมุ่งหมายมีเรื่องเดียวเพื่อให้เกิดความสงบในประเทศไม่ให้เกิดความขัดแย้งอีก ถ้าเจ้าหน้าที่ประเมินว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองก็ต้องยอมรับ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้มองเรื่องปฏิทิน แต่มองเรื่องความสงบเรียบร้อย มองว่าเป็นเรื่องของการกระทำที่เคลื่อนไหวทางการเมือง
“ถ้าบ้านเมืองกลับไปวุ่นวายอีก ประเทศจะเดินต่อไปไม่ได้ มันกำลังจะประสานกันดีอยู่แล้ว ผู้คนกำลังจะลืม อย่ากลับไปแตกแยกกันอีก คงไม่ดีกับประเทศชาติ” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
 
ปชป.อีสาน ร้องรบ.-หน่วยมั่นคง เฝ้าระวังการแจกปฎิทิน แนะสอบภาพนักโทษหนีคดี
เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า นายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และกิจกรรมพิเศษ ภาคอีสาน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากฝากทำความเข้าใจถึงพี่น้องชาวอีสานเรื่องประเด็นการแจกปฏิทินดังนี้ 1.ส่วนตัวมีความเข้าใจว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)หรือทางรัฐบาลไม่ได้มีเจตนาปิดกั้นการแจกปฏิทินหรือสคส.ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือประชาชนก็ตามซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน 2.การแจกปฏิทินในแต่ละพื้นที่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ต้องเฝ้าดูและเฝ้าระมัดระวังในพื้นที่ที่จะแจก ซึ่งถ้าแจกในหน่วยงานราชการอาจจะเป็นการไม่เหมาะสมหรือผิดกฎหมาย 3.ขอฝากไปยังรัฐบาล หน่วยงานความมั่นคงและฝ่ายปกครองโปรดพิจารณาการนำรูปนักโทษที่หนีคดีแจกจ่ายไปทั่วราชอาณาจักรเป็นการเหมาะสมหรือไม่ ผิดกฎหมายหรือไม่