“ชูวิทย์” FB แฉ กปปส. โฆษณาชวนเชื่อ ล้างสมองมวลชนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 go6TV – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 (วานนี้) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ I'm No.5
https://www.facebook.com/ChuvitOnline) โดยมีเนื้อหาดังนี้
โฆษณาชวนเชื่อ Propaganda รัฐบาลต่อสู้กับกบฏ ต้องมีการแย่งชิงมวลชนมาเป็นพวก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ “โฆษณาชวนเชื่อ” เพื่อให้อำนาจของแต่ละฝ่ายดูน่าเชื่อถือ สมัยก่อนใช้ใบปลิว วิทยุกระจายเสียง จนปัจจุบันใช้โฆษณาชวนเชื่อผ่านสังคมออนไลน์ ทั้งรัฐ ทั้งกบฏ ตอบโต้กัน “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
การโฆษณาชวนเชื่อเป็นการกระจายข่าวสาร เป่าหู โจมตีตัวบุคคล ตั้งสมญานาม พูดจาซ้ำๆ จำกัดข้อมูลเพียงด้านเดียว แบ่งแยกฝ่ายชัดเจน มักอ้างอิงถึงคุณธรรมของแต่ละฝ่าย ผลักไสผู้ที่ไม่ใช่พวกของตนออกไปเป็นฝ่ายชั่วร้าย เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Propaganda
การใช้โฆษณาชวนเชื่อเพื่อล้างสมองมวลชนที่มีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์ ปรารถนาเห็นประเทศชาติบ้านเมืองก้าวหน้ามั่นคง มักใช้ผ่านตัวแทนไม่ว่าเด็ก วีรบุรุษ พระสงฆ์องค์เจ้า หรือคนกลางที่ดูน่าเชื่อถือของสังคม แม้แต่นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ หรือ นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัคราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ล้วนตกเป็นเครื่องมือในการสร้างและทำลายของกระบวนการนี้
ทั้งสองฝ่ายผลัดกันรับผลัดกันรุก เคยเป็นรัฐบาลกันมาแล้วทั้งคู่ เชี่ยวชาญเกมส์การเมือง รู้จักกระบวนการโฆษณาชวนเชื่อเป็นอย่างดี สร้างความแตกแยกร้าวฉานไม่รู้จุดจบให้กับประชาชน ที่ต้องถูกล้างสมองโดยไม่รู้ตัว ถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคม
มีการใช้โฆษณาชวนเชื่อผ่านสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการโพสต์ คอมเมนท์ เฟสบุ๊คที่ไม่มีตัวตน IGดารานักแสดง บางคำพูดถูกตัดมาใช้เป็นประโยชน์ ประชาชนต้องระวังอย่างยิ่ง อย่าตกเป็นเหยื่อ
หลักการสำคัญของการโฆษณาชวนเชื่อคือ อย่าให้ถูกจับได้แม้แต่ครั้งเดียว จะถือว่าล้มเหลว ไม่สามารถโฆษณาชวนเชื่อได้อีก ต่างฝ่ายจึงไม่ยอมรับว่ากำลังโฆษณาชวนเชื่ออยู่ เป็นที่มาของคำว่า "แถ" ในอินเตอร์เน็ต
ประชาชนคนไทย "โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม" เหมือนดูหนังผี ควรมีเรตติ้งกำกับ โดยเฉพาะช่วงนี้ออกฉายตอน 2 ทุ่มทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ถึงขนาดมีช่องของตัวเองเปิดให้ดูทั้งวันทั้งคืน ประชาชนตั้งแต่เด็กยันแก่ติดกันงอมแงม
เข้าทำนองสำนวนไทยที่ว่า “ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด” เดี๋ยวนี้เลย “สะเออะ” มีแต่คน “กระแดะ”