วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผู้มนุมกับม็อบสุเทพ หายตัวไม่ไปกลับบ้าน ลูกชายเป็นห่วงประกาศตามหาตัวด่วน


ผู้มนุมกับม็อบสุเทพ หายตัวไม่ไปกลับบ้าน ลูกชายเป็นห่วงประกาศตามหาตัวด่วน




แม่ขึ้นมาชุมนุมกับม็อบสุเทพ หายตัวไม่กลับบ้าน ลูกชายเป็นห่วงประกาศตามหาตัวด่วน

          ที่ไอดีเฟสบุ้ค Canac Natanan ได้เผยแพร่ภาพหญิงคนหนึ่ง โดยแจ้งว่าเป็นแม่ของเพื่อน ได้หายตัวไปจากม็อบกปปส และไม่ติดต่อทางบ้าน ลูกชายเป็นห่วงมาก ที่เวทีประกาศหาให้เพียงรอบเดียวก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ โดยมีข้อความว่า



         “มีเพื่อนขอความช่วยเหลือครับ แม่ขึ้นมาร่วมชุมนุมกับ กปปส. แล้วหายไปร่วมสัปดาห์  ในภาพตามวงกลมสีเหลือง ชื่อป้าภัค สุภัค ทองชั้น อายุประมาณ 55-60 ปี ใครเคยพบเห็น ติดต่อกลับ ปอนด์ (ลูกชาย) 085-477-3494

         ป้าภัคขึ้นมาจากภูเก็ต แล้วหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ล่าสุดโทรศัพท์คุยกับลูกชาย ป้าภัคอยู่หัวลำโพง จากนั้นสายหลุดไป จนถึงวันนี้ยังติดต่อไม่ได้และไม่มีการติดต่อกลับอีกเลย ตอนนี้ลูกชายกำลังเดินทางขึ้นมา กทม. เพื่อมาตามหาแม่ครับ

รบกวนด้วยครับคนทางบ้านร้อนใจมาก
(ได้สอบถาม รพ. กับศูนย์เอราวัณแล้ว ไม่มีในชื่อคนบาดเจ็บ - เสียชีวิต ครับ)”

I am sad.


An upsetting run in Lumpini as Bangkok public space is slowly allowing itself to be taken over by lawless thugs.

          An upsetting run in Lumpini as Bangkok public space is slowly allowing itself to be taken over by lawless thugs.




           I run in Lumpini park everyday. Today I entered the park at 1pm and on my right was a group of mob guards surrounding one Thai guy. They were intimidating him and put his head between his legs and were hitting him on the head. Maybe the guy did something wrong maybe not, but physical abuse is not okay.

          I saw this and asked them what they were doing and took a picture. The picture upset them and then I told them they were not police, which upset them a bit more... the one guy got quite aggressive in his speech and approached me and said he was a police officer, I once again, told him he wasn't.

          They didn't touch me but it left me quite shaken. There were no park security in that area so I went up to the gate near the police station side of wireless and found REAL, security guards and asked them why they were not patrolling and being a big baby, subsequently burst into tears....they said they were not allowed over there by the mob guards.

           Which leads me to point...Thai citizens, are you not worried about what is going on? Protesters wear cute tshirts and throw around jargon whilst people with no authority are seizing it and creating an unsafe and hostile city.

         I am sad.

แย้งเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ฉวยโอกาสหวังผลทางการเมือง

แย้งเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ฉวยโอกาสหวังผลทางการเมือง
เครือข่ายบุคลากรด้านการขนส่งสาธารณะแย้งข้อเสนอทาการเมืองของเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ว่าข้อเสนอละเมิดหลักการ สร้างปัญหาเพิ่ม เสนอรัฐบาลดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม เร่งรัดการจับกุมผู้ใช้ความรุนแรงในสถานที่ชุมนุมมาดำเนินคดี พร้อมกับรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ
จดหมายเปิดผนึกใจถึงใจ
จากเครือข่ายบุคลากรด้านการขนส่งสาธารณะถึงเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข

              ตามที่ “เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข” ได้ออกแถลงการณ์และจัดกิจกรรมใส่ชุดดำเพื่อประณามความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2557 เราในนามของ “เครือข่ายบุคลากรด้านการขนส่งสาธารณะ” ซึ่งมีความรู้สึกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากท่านทั้งหลาย ขอร่วมไว้อาลัยต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น และขอประณามผู้สั่งการ ผู้กระทำเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น รวมถึงทุกฝ่ายที่มีแนวคิดที่จะใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ
           สำหรับในส่วนของข้อเรียกร้องที่ “เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข” เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกนั้น เราเห็นว่า
  • 1.ข้อเรียกร้องดังกล่าวมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมได้ว่า “ฉวยโอกาสหวังผลทางการเมือง นำความสูญเสียที่เกิดขึ้นมาใช้ประโยชน์ทางการเมือง” ข้อเรียกร้องดังกล่าวอาจจะนำมาซึ่งความแตกแยกขัดแย้งในวงกว้างมากกว่าความสุขสันติอย่างที่เราปรารถนาอยากเห็น
  • 2.ในปัจจุบันการทำหน้าที่ของรัฐบาลเป็นรัฐบาลรักษาการ การลาออกของรัฐบาลรักษาการจะนำมาซึ่งปัญหาอื่นๆที่จะตามมาอีกมากมาย

           เราเห็นว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน สิ่งที่เราเห็นควรเรียกร้องคือ มาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่การชุมนุมทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ชุมนุม,การช่วยกันผลักดันให้การเลือกตั้งแล้วเสร็จ,การผลักดันให้มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎรและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประเทศได้มีรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั่วประเทศมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ดำรงอยู่ต่อไปในอนาคตอย่างสันติ

พร้อมกันนี้ เราขอแสดงความคิดเห็นและข้อเรียกร้องของเราต่อรัฐบาลรักษาการและแกนนำผู้ชุมนุมดังต่อไปนี้

  • 1.เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการเพิ่มมาตราการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมในพื้นที่การชุมนุม โดยเน้นการเฝ้าระวัง,ระงับเหตุ และจับกุมผู้ก่อเหตุความรุนแรง
  • 2.เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุความรุนแรงที่ผ่านมาให้ได้โดยเร็วที่สุด พร้อมรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการให้สังคมได้รับรู้โดยทั่วกันอย่างใกล้ชิด
  • 3.เราขอเรียกร้องให้แกนนำผู้ชุมนุมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลรักษาการและเจ้าหน้าที่รัฐในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม และดูแลการชุมนุมให้เป็นไปโดยสงบปราศจากอาวุธ

          สุดท้ายนี้เราขอชี้แจงว่าเนื่องด้วยบรรยากาศความรุนแรงทางการเมือง ที่ไม่เอื้อให้มีการแสดงความคิดเห็นทางเมืองที่แตกต่าง ด้วยความไม่ปรารถนาที่จะเห็นการเคลื่อนไหวที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันมากกว่านี้ ซึ่งจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ และสุดท้ายเราไม่ต้องการเอาอาชีพและความคิดเห็นทางการเมืองมาเป็นเงื่อนไขในการให้บริการสาธารณะ เราจึงของดการแสดงออกทางกิจกรรมหรือทางสัญลักษณ์ใดๆ เพื่อแทนความไว้อาลัยอย่างบริสุทธิ์ใจ

ขอดวงวิญญาณของผู้จากไปจงสงบสุขสันติ ขอจิตใจของผู้สูญเสียจงมีแต่ความเข้มแข็ง

เครือข่ายบุคลากรด้านการขนส่งสาธารณะ

ศาลอาญายกคำร้องเพิกถอนหมายจับ 19 แกนนำ กปปส.

ศาลอาญายกคำร้องเพิกถอนหมายจับ 19 แกนนำ กปปส.
              ศาลอาญายกคำร้องเพิกถอนหมายจับ 19 แกนนำ กปปส.ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระบุขณะออกหมายจับแกนนำ กปปส. ทั้ง 19 ราย ชอบด้วยกฎหมายทุกประการ แม้ต่อมาศาลแพ่งจะมีคำสั่งห้าม ศรส. กระทำการตามประกาศใน 9 ข้อ แต่ศาลแพ่งไม่ได้สั่งเพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกทั้งจำเลยในคดีศาลแพ่งยังสามารถอุทธรณ์คดีและฎีกาได้อีก
27 ก.พ. 2557 มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่ห้องพิจารณาคดี 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำสั่ง ที่นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนาย กปปส. ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาเพิกถอนหมายจับแกนนำ กปปส. 19 ราย ประกอบด้วย 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. 2.นายสาธิต วงศ์หนองเตย 3.นายชุมพล จุลใส 4.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 5.นายอิสสระ สมชัย 6.นายวิทยา แก้วภราดัย 7.นายถาวร เสนเนียม 8.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 9.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 10.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 11.นายนิติธร ล้ำเหลือ 12.นายอุทัย ยอดมณี 13.เรือตรี แซมดิน เลิศบุศย์ 14.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 15.นายรัชต์ยุตม์ หรืออมร ศิรโยธินภักดี 16.นายกิตติชัย ใสสะอาด 17.นายสำราญ รอดเพชร 18.นายพานสุวรรณ ณ แก้ว และ 19.นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ที่ถูกศาลออกหมายจับข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 11 (1) และมาตรา 12 วันที่ 5 กุมภาพันธ์

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ขณะที่ศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องสงสัยทั้ง 19 รายนั้น ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้นการออกหมายจับดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายทุกประการ แม้ต่อมาศาลแพ่งจะมีคำพิพากษาในคดีที่ นายถาวร เสนเนียม ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์กับพวกรวม 3 คน ให้เพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯแล้วก็ตาม แต่ศาลแพ่งก็ไม่ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงแต่อย่างใด

ส่วนที่คำพิพากษาศาลแพ่งดังกล่าวจะสั่งห้ามมิให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กับพวกห้ามนำประกาศและข้อกำหนดรวม 9 ข้อ ซึ่งรวมถึงการให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจับกุมและควบคุมตัวบุคคลที่สงสัยจะเป็นผู้ร่วมกระทำการให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือผู้ใช้ผู้โฆษณา ผู้สนับสนุน การกระทำเช่นว่านั้น อันเป็นที่มาของการที่ผู้ร้องขอออกหมายจับดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อปรากฏคำพิพากษาศาลแพ่งดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด คู่ความสามารถใช้สิทธิอุทธรณ์ และฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งศาลอุทธรณ์ หรือฎีกา อาจพิพากษายืนกลับ แก้ไขคำพิพากษาได้ หรือหากไม่มีการอุทธรณ์คดีก็จะถึงที่สุดเมื่อระยะเวลาแห่งการอุทธรณ์ได้ล่วงพ้นไป

ส่วนที่ศาลอาญามีคำสั่งที่ ฉฉ.11/2557 ฉบับลงวันที่ 24 ก.พ. 2557 ให้ยกคำร้องของพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในคดีที่ขอหมายจับ 13 แกนนำ กปปส. โดยกล่าวถึงการที่ศาลแพ่งมีคำพิพากษาเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงว่าเป็นพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นเพียงเหตุผลประกอบดุลพินิจที่เห็นสมควรยังไม่ออกหมายจับเท่านั้น ในชั้นนี้จึงยังไม่มีเหตุเพิกถอนหมายจับนายสุเทพกับพวกดังกล่าว จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ภายหลังฟังคำสั่ง นายวิโรจน์ ทนายความ กปปส. กล่าวว่า เตรียมจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่เพิกถอนหมายจับครั้งนี้  เพราะว่าเมื่อศาลแพ่งมีคำวินิจฉัยห้ามใช้ประกาศและข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จึงต้องส่งคำร้องเพื่อให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย แต่คำวินิจฉัยที่ออกมาครั้งนี้พวกตนก็น้อมรับ

อนุมัติหมายจับผู้ปาระเบิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

สตช. เผยศาลอนุมัติหมายจับผู้ปาระเบิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
          โฆษก สตช. เผยความคืบหน้าคดีก่อเหตุรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม โดยศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาปาระเบิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 19 ม.ค. แล้ว และออกหมายจับผู้ต้องหาคดียิงสุทิน ธราทิน แกนนำ กปท. วันเลือกตั้งล่วงหน้า นอกจากนี้พบ 6 จุดต้องสงสัยใช้ยิงระเบิด 40 มม. ตกหน้าบิ๊กซีราชดำริ
บุคคลในภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุปาระเบิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อ 19 ม.ค. 57 ล่าสุดวันนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเผยว่า ศาลอนุมัติหมายจับนายกฤษดา ไชยแค บุคคลในภาพแล้ว
           27 ก.พ. 2557 - ตามที่ในช่วงบ่ายวันที่ 19 ม.ค. มีผู้ปาระเบิดในพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 28 ราย ต่อมาผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่ได้เสียชีวิต 1 ราย จากอาการป่วยโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดปอด จนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว คือนายอนนท์ ไทยยดี อายุ 65 ปี เจ้าของสมญา "ขอทาน เขียนหนังสือ" นั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)
           ล่าสุดวันนี้ (27 ก.พ.) สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีเหตุรุนแรงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม อาทิ เหตุระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่คาดว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน โดยระบุว่าศาลได้ออกหมายจับนายกฤษดา ไชยแค อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาปาระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 700,000 บาท นอกจากนี้ ยังออกหมายจับ ชายไทยไม่ทราบชื่อในข้อหาผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ คดียิงนายสุทิน ธาราทิน แกนนำ คปท. ขณะที่เหตุปะทะบริเวณแยกหลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ ตำรวจขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 4 ราย ศาลยกคำร้อง 1 ราย และนัดฟังคำสั่งวันที่ 11 มีนาคมนี้
         ส่วนเหตุยิงระเบิด 40 มม. จากเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ จากการตรวจสอบทิศทางและอาคารสูงทุกจุดรอบพื้นที่ พบว่า มีความเป็นไปได้ 6 จุด ได้แก่ บนอาคารโรงแรมโนโวเทล, ห้างพาราเดียม, ห้างแพลททินัม, โรงแรมแกรนด์ไดมอน, ชุมชนหลังวัดปทุมวนาราม และชุมชนหลังห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ
         ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตั้งชุดพิเศษติดตามกลุ่มคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงระเบิด 40 มม. ใส่สถานที่ต่างๆ พร้อมเน้นกำลังพลให้ดูแลป้องกันเหตุ เร่งหาพยานหลักฐาน ติดตามจับกุมคนร้าย และให้บริการประชาชน พร้อมขอความร่วมมือผู้ชุมนุม ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่ เพื่อเก็บพยานหลักฐาน และเร่งคลี่คลายคดีให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว

ศาลอาญาไม่อนุมัติหมายจับ! "มือปืนป็อบคอร์น"


ศาลอาญาไม่อนุมัติหมายจับ! "มือปืนป็อบคอร์น" เหตุปะทะแยกหลักสี่ อ้างให้หาพยานหลักฐานมาเพิ่ม




          รายงานความคืบหน้าล่าสุดจากตำรวจ ในคดีเหตุปะทะที่หลักสี่ในวันนี้ คดีนี้ทางฝ่ายสืบสวนได้รวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุซึ่งเบื้องต้นสามารถกำหนดกลุ่มที่ใช้อาวุธปืนได้ อีกทั้งทาง พล.ต.อ.จรัมพรฯ ได้ทำภาพจำลองตำแหน่งผู้กระทำผิดต่างๆเพื่อประกอบสำนวนการ

           เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย
ปรากฏว่า 1 ใน 4 รายนั้น ทางศาลได้ยกคำร้องโดยให้หาพยานหลักฐานมาประกอบเพิ่มเติม
ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 รายนั้น ทางศาลอาญา ได้นัดฟังคำขออนุมัติออกหมายจับ ในวันที่ 11 มีนาคม 2557

“ชูวิทย์” FB แฉ กปปส. โฆษณาชวนเชื่อ ล้างสมองมวลชน


“ชูวิทย์” FB แฉ กปปส. โฆษณาชวนเชื่อ ล้างสมองมวลชน

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 go6TV – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 (วานนี้) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ I'm No.5 https://www.facebook.com/ChuvitOnline) โดยมีเนื้อหาดังนี้


โฆษณาชวนเชื่อ Propaganda

             รัฐบาลต่อสู้กับกบฏ ต้องมีการแย่งชิงมวลชนมาเป็นพวก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ “โฆษณาชวนเชื่อ” เพื่อให้อำนาจของแต่ละฝ่ายดูน่าเชื่อถือ สมัยก่อนใช้ใบปลิว วิทยุกระจายเสียง จนปัจจุบันใช้โฆษณาชวนเชื่อผ่านสังคมออนไลน์ ทั้งรัฐ ทั้งกบฏ ตอบโต้กัน “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”

           การโฆษณาชวนเชื่อเป็นการกระจายข่าวสาร เป่าหู โจมตีตัวบุคคล ตั้งสมญานาม พูดจาซ้ำๆ จำกัดข้อมูลเพียงด้านเดียว แบ่งแยกฝ่ายชัดเจน มักอ้างอิงถึงคุณธรรมของแต่ละฝ่าย ผลักไสผู้ที่ไม่ใช่พวกของตนออกไปเป็นฝ่ายชั่วร้าย เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Propaganda

           การใช้โฆษณาชวนเชื่อเพื่อล้างสมองมวลชนที่มีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์ ปรารถนาเห็นประเทศชาติบ้านเมืองก้าวหน้ามั่นคง มักใช้ผ่านตัวแทนไม่ว่าเด็ก วีรบุรุษ พระสงฆ์องค์เจ้า หรือคนกลางที่ดูน่าเชื่อถือของสังคม แม้แต่นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ หรือ นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัคราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ล้วนตกเป็นเครื่องมือในการสร้างและทำลายของกระบวนการนี้

           ทั้งสองฝ่ายผลัดกันรับผลัดกันรุก เคยเป็นรัฐบาลกันมาแล้วทั้งคู่ เชี่ยวชาญเกมส์การเมือง รู้จักกระบวนการโฆษณาชวนเชื่อเป็นอย่างดี สร้างความแตกแยกร้าวฉานไม่รู้จุดจบให้กับประชาชน ที่ต้องถูกล้างสมองโดยไม่รู้ตัว ถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคม

          มีการใช้โฆษณาชวนเชื่อผ่านสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการโพสต์ คอมเมนท์ เฟสบุ๊คที่ไม่มีตัวตน IGดารานักแสดง บางคำพูดถูกตัดมาใช้เป็นประโยชน์ ประชาชนต้องระวังอย่างยิ่ง อย่าตกเป็นเหยื่อ

          หลักการสำคัญของการโฆษณาชวนเชื่อคือ อย่าให้ถูกจับได้แม้แต่ครั้งเดียว จะถือว่าล้มเหลว ไม่สามารถโฆษณาชวนเชื่อได้อีก ต่างฝ่ายจึงไม่ยอมรับว่ากำลังโฆษณาชวนเชื่ออยู่ เป็นที่มาของคำว่า "แถ" ในอินเตอร์เน็ต

          ประชาชนคนไทย "โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม" เหมือนดูหนังผี ควรมีเรตติ้งกำกับ โดยเฉพาะช่วงนี้ออกฉายตอน 2 ทุ่มทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ถึงขนาดมีช่องของตัวเองเปิดให้ดูทั้งวันทั้งคืน ประชาชนตั้งแต่เด็กยันแก่ติดกันงอมแงม

         เข้าทำนองสำนวนไทยที่ว่า “ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด” เดี๋ยวนี้เลย “สะเออะ” มีแต่คน “กระแดะ”