วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556

นปช.เลื่อนชุมนุม 10 ธ.ค. ย้ำยิ่งลักษณ์อย่าลาออก



นปช.เลื่อนชุมนุม 10 ธ.ค. ย้ำยิ่งลักษณ์อย่าลาออก

           9 ธ.ค.2556 แกนนำ นปช. นำโดย ธิดา ถาวรเศรษฐ และ จตุพร พรหมพันธ์ แถลง นปช. เลื่อนการชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ออกไปก่อน เพื่อรอประเมินสถานการณ์ แต่ไม่ใช่การยอมจำนนแต่อย่างใด
          จตุพร กล่าวว่า ขอบอกไปยังยิ่งลักษณ์ว่า อย่าลาออกเด็ดขาด เพราะไม่มีประชาชนคนไทยที่ไหนอนุญาตอีกแล้ว ให้อยู่รักษาการเพื่อเอาอำนาจไปถึงมือประชาชนอย่างแท้จริงในวันเลือกตั้ง พร้อมระบุการยุบสภาเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย
           ทั้งนี้ จตุพร กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ประกาศว่าไม่ปฏิวัติรัฐประหารโดยเด็ดขาด ดังนั้น เมื่อประเทศไม่มีรัฐประหาร ก็เหลือแต่กลุ่มของสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งขอให้เป็นภาระหน้าที่ของคนไทย 64 ล้านคน เมื่อถึงเวลาต้องสำแดงพลัง ณ จุดนัดหมาย ว่าไม่เห็นด้วยกับสุเทพ ถ้าเขาไม่ยอม อย่างไรก็ตามย้ำว่าต้องไม่เผชิญหน้า ยึดแนวทางสันติวิธี ด้วยปริมาณที่เยอะกว่า เพื่อบอกว่ามวลมหาประชาชนที่แท้จริงคือประชาชนที่รักประชาธิปไตยและไม่ยอมรับระบอบอื่นที่จะมาปกครองแผ่นดินนี้
            ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้รายงานเพิ่มเติม ถึงการแถลงของนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. ซึ่งกล่าวว่า การประกาศยุบสภาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือว่าเป็นการตัดสินตามครรลองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แม้จะมีพี่น้องหลายคนผิดหวัง แต่ก็เป็นสิทธิของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตามขณะนี้บรรยากาศยังอยู่ในระบอบประชาธิปไตย และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น เราต้องการให้รัฐบาลรักษาท่าทีท่วงทำนองว่าได้รับอำนาจมาจากประชาชนอย่างถูกต้อง ดังนั้นการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ขัดต่อระบอบประชาธิปไตย และขัดต่อวิถีทางในรัฐธรรมนูญนั้น ทำไม่ได้
            นางธิดา กล่าวอีกว่า จากมติของแกนนำทั้งหลาย เสนอว่า รัฐบาลไม่สามารถที่จะลาออกได้ ต้องรักษาการณ์อย่างนี้ต่อไป มิฉะนั้นจะทำให้เกิดสูญญากาศทางการเมือง และทำให้อำนาจอนาธิปไตยเข้ามาแทนที่ ดังนั้นรัฐบาลต้องตระหนักว่าอำนาจที่เป็นรัฐบาลมาจากประชาชน และต้องทำไปตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย จึงขอแจ้งว่า

  • 1.รัฐบาลนี้กระทำทุกอย่างตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ และตามกฎหมาย ดังนั้นอย่าทำให้เกิดอนาธิปไตย โดยการปล่อยให้เกิดสูญญากาศในประเทศ เพื่อทำให้คณะคุณสุเทพ (เทือกสุบรรณ) ได้ทำการในสิ่งที่เรียกว่า สภาประชาชน เป็นอันขาด เพราะประชาชนไม่ยอมอย่างแน่นอน
  •  2.จุดยืนของเราอยู่ที่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นวิธีการก็ต้องเป็นไปตามครรลองอย่างนี้ ไม่อย่างที่คุณสุเทพต้องการ
  •  3.ขอสนับสนุนบางกลุ่มขณะนี้ที่ตั้งเวทีคัดค้านการเมืองนอกระบบ เรายังยืนหยัดในคำขวัญว่าเราต่อต้านการเมืองนอกระบบ และต้องการสยบอำนาจเถื่อน
          “ดังนั้นพรุ่งนี้ที่เรามีนัดหมายกัน ก็คงมีคำอธิบายว่าเราจำเป็นต้องเลื่อนออกไปเพื่อดูภาพรวมของสถานการณ์ แต่อยากแจ้งให้ทราบว่าขอให้พี่น้องมีกำลังใจ เพราะว่าเราเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง เราจึงจำเป็นต้องแสดงออกอย่างถูกต้อง เพราะถ้ามีจุดอ่อนอยู่ตรงไหน ก็อาจเพลี้ยงพล้ำได้ทั้งหมด และอย่าสับสนว่าเป็นการยอมแพ้เป็นอันขาด เพราะจุดยืนของ นปช. จะไม่ยอมรับอำนาจนอกระบบทุกอย่าง” นางธิดา กล่าว

กสทช.ส่งรถหาคลื่นกวนสัญญาณดาวเทียมไทยคม ชี้โทษถึงประหาร


กสทช.ส่งรถหาคลื่นกวนสัญญาณดาวเทียมไทยคม ชี้โทษถึงประหาร

              เลขาธิการ กสทช. สั่งการสำนักงาน กสทช. เขตทั้ง 14 เขตทั่วประเทศ ส่งรถตรวจสอบและหาทิศทางสัญญาณรบกวน 20 คันออกตรวจคลื่นรบกวนช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม พร้อมประกาศให้ผู้ดำเนินการรบกวนยุติการส่งสัญญาณรบกวนทันที ฝ่าฝืนจะดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาดโทษถึงประหารชีวิต
            9 ธ.ค.556 สำนักงาน กสทช. ส่งใบแถลงข่าวระบุ ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เผยผลการประชุมร่วมกับบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) กรณีมีผู้ดำเนินการส่งคลื่นรบกวนช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคมว่า บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ได้รายงานถึงรายละเอียดของการรบกวนว่า การรบกวนดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย. 2556 มีการส่งสัญญาณคลื่นรบกวนช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคม 5 ซึ่งให้เช่าช่องสัญญาณเพื่อให้บริการออกอากาศและแพร่ภาพแก่โทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเกือบ 20 ช่อง อาทิ Asia Update Blue Sky รวมถึงฟรีทีวีที่ออกอากาศให้รับชมผ่าน Set Top Box ในระบบโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม (ช่อง 3, 5, 7, 9, ThaiPBS) โดยช่วงแรกของการรบกวน เป็นการส่งคลื่นสั้นๆ ขึ้นลงตลอด เมื่อตรวจสอบการรบกวนดังกล่าวพบว่าไม่ได้มาจากแหล่งเดียวกัน เนื่องจากคลื่นที่กวนมีลักษณะแตกต่างกัน โดยพบว่าการส่งสัญญาณรบกวนจะมีมากในช่วงหัวค่ำ ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่มีกิจกรรมการปราศรัย หรือแถลงทางการเมือง
           ฐากร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ก็ได้มีการประสานและรายงานเรื่องการรบกวนของสัญญาณดังกล่าวต่อสำนักงาน กสทช. มาตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. และสำนักงาน กสทช. ได้ดำเนินการตรวจสอบการส่งสัญญาณรบกวนดังกล่าวพร้อมทั้งสั่งการบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ให้ดำเนินการตรวจสอบพร้อมทั้งรายงานการรบกวนให้สำนักงานทราบอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้ ซึ่งปัจจุบันพบว่าการรบกวนดังกล่าวยังคงมีอยู่ สำนักงานฯ จึงได้สั่งการให้สำนักงาน กสทช. เขตทั้ง 14 เขต ทั่วประเทศส่งรถตรวจสอบและหาทิศทางสัญญาณรบกวน 20 คันออกตรวจคลื่นรบกวนช่องสัญญาณดาวเทียมไทยคมจนกว่าจะมีคำสั่งให้หยุดดำเนินการ และขอแจ้งไปยังผู้ดำเนินการส่งคลื่นรบกวนรบกวนให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที หากตรวจสอบพบจะดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาด
           “ในสถานการณ์ขณะนี้ การกระทำดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนเกิดการเข้าใจผิดในสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และความมั่นคงของประเทศ และหากการกระทำนั้น กระทำเพื่อสร้างความปั่นป่วน ทำให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ย่อมเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 ที่บัญญัติให้ผู้ซึ่งกระทำการอันเป็นความผิดต่อกฎหมายก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ระบบโทรคมนาคม หากการกระทำดังกล่าวมีเจตนาเพื่อสร้างความปั่นป่วนโดยให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ผู้นั้นกระทำความผิดฐานก่อการร้าย จะต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สามปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงหนึ่งล้านบาท นอกจากความผิดที่มีอยู่แล้วตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 ที่กำหนดให้การกระทำดังกล่าวมีโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งหากการกระทำเช่นว่านั้นได้มี การนำเข้าหรือใช้เครื่องวิทยุคมนาคมหรือตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วยแล้ว ย่อมมีโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งจำทั้งปรับ  ตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกันด้วยอีกกระทงหนึ่ง” ฐากร กล่าว
         ทั้งนี้ หากประชาชนพบปัญหาในเรื่องคุณภาพการบริการในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ในการรับชม รับฟังข้อมูลข่าวสาร สามารถแจ้ง และร้องเรียนมาที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สำนักงาน กสทช. หมายเลขโทรศัพท์ 1200 ได้ทันที

ม.เที่ยงคืน ขอสังคมร่วมปฏิรูปการเมืองใต้กลไกรัฐสภา-ตามกรอบรัฐธรรมนูญ

ม.เที่ยงคืน ขอสังคมร่วมปฏิรูปการเมืองใต้กลไกรัฐสภา-ตามกรอบรัฐธรรมนูญ
           9 ธ.ค.2556 มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ออกแถลงการณ์ เรื่อง หยุดการเคลื่อนไหวที่ทำลายระบบประชาธิปไตย ระบุข้อเรียกร้อง กปปส. ที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีขอลาออกจากตำแหน่ง โดยต้องการให้มีการแต่งตั้งนายกฯ พระราชทานนั้นจะนำไปสู่ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ปราศจากความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับกรณีการยุบสภาและการลาออกของนายกรัฐมนตรีไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ในข้อเสนอเรื่องการตั้งสภาประชาชนที่จะดำเนินการติดตามมาก็ไม่ปรากฏว่าจะมีการดำเนินการในลักษณะเช่นใด ใครเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้ง หรือมีกระบวนการในการคัดเลือกอย่างไร หรือเป็นอำนาจของบรรดาผู้นำในการเคลื่อนไหวครั้งนี้เท่านั้นที่จะเป็นผู้มีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ
        มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนแนะว่า หากกลุ่มแกนนำ กปปส. มีความต้องการที่จะให้เกิดการปฏิรูปการเมืองให้มีความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ขึ้นก็สามารถทำการผลักดันและเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ ไม่ว่าจะโดยผ่านกระบวนการทางการเมืองตามปกติ เช่น การเผยแพร่ข้อเสนอและแนวทางในการแก้ไขของตนเองอย่างชัดเจนให้แก่สาธารณชนและแสวงหาการสนับสนุนจากประชาชนในการเลือกตั้ง หรือการจัดตั้งเป็นกลุ่มองค์กรอิสระที่คอยติดตามตรวจสอบในประเด็นที่ตนเองตระหนักว่าเป็นปัญหาซึ่งควรต้องได้รับการแก้ไข หรือแม้กระทั่งการปรับแก้ไขโครงสร้างของระบบการเมืองไม่ว่าจะเป็นระบบการเลือกตั้ง ระบบการตรวจสอบ ซึ่งได้มีกำหนดไว้ทั้งในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติหลายฉบับก็สามารถกระทำได้ด้วยการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายนั้นๆ
          พร้อมกันนี้ มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเรียกร้องให้สังคมร่วมกันผลักดันให้เกิดการปฏิรูประบอบการเมืองของไทยภายใต้กลไกของระบบรัฐสภาและบนกระบวนการตามกรอบของรัฐธรรมนูญ และร่วมกันปฏิเสธการเคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่การใช้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญทุกประการในการแทรกแซงและทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับระบบการเมืองที่ไม่ได้เคารพต่อหลักการประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ
 
 
00000
 
แถลงการณ์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เรื่อง หยุดการเคลื่อนไหวที่ทำลายระบบประชาธิปไตย
      
           ภายหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศยุบสภาเมื่อเช้าวันที่ 9 ธันวาคม 2556 อันมีผลให้คณะรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งพ้นไปจากตำแหน่งทั้งหมด และมีผลให้ต้องมีการจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ภายใน 60 วัน
         การยุบสภาเป็นกระบวนการในการแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองประการหนึ่งตามระบบรัฐสภาและเป็นกระบวนการที่ได้มีการรับรองไว้อย่างชัดเจนในรัฐธรรมนูญ อันถือเป็นการคืนอำนาจกลับไปสู่ประชาชนทุกคนภายในสังคมให้ร่วมกันตัดสินใจต่อปัญหาต่างๆ ที่ได้บังเกิดขึ้น บนพื้นฐานของการยอมรับความเสมอภาคและความเท่าเทียมระหว่างบุคคลทุกคนผ่านระบบการเลือกตั้ง
          แม้การยุบสภาอาจมิใช่เป็นเป้าหมายของบรรดาแกนนำ กปปส. ที่ทำการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลในขณะนี้ แต่ความพยายามในการเคลื่อนไหวที่ต้องการให้เกิดภาวะสุญญากาศทางการเมืองที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป ด้วยการเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีขอลาออกจากตำแหน่ง โดยต้องการให้มีการแต่งตั้งนายกฯ พระราชทานตามแนวทางของทางกลุ่มเคลื่อนไหวนั้นจะนำไปสู่ความขัดแย้งทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ปราศจากความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับกรณีการยุบสภาและการลาออกของนายกรัฐมนตรีไว้อย่างชัดเจน
           นอกจากนี้ในข้อเสนอเรื่องการตั้งสภาประชาชนที่จะดำเนินการติดตามมาก็ไม่ปรากฏว่าจะมีการดำเนินการในลักษณะเช่นใด ใครเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้ง หรือมีกระบวนการในการคัดเลือกอย่างไร หรือเป็นอำนาจของบรรดาผู้นำในการเคลื่อนไหวครั้งนี้เท่านั้นที่จะเป็นผู้มีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ
            ความไม่ชัดเจนในข้อเสนอเรื่องสภาประชาชนย่อมทำให้ประชาชนที่มีความเห็นแตกต่างออกไปอาจกลายเป็นผู้ไร้สิทธิ ซึ่งแนวทางดังกล่าวย่อมเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก และอาจเกิดความยุ่งยากติดตามมาหากผู้ซึ่งมีความเห็นต่างจัดการชุมนุมและเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงด้วยการอ้างอิงถึงอำนาจอธิปไตยของประชาชนเช่นเดียวกัน ทั้งหมดก็ย่อมจะนำไปสู่ภาวะที่บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพอนาธิปไตย
              หากกลุ่มแกนนำ กปปส. มีความต้องการที่จะให้เกิดการปฏิรูปการเมืองให้มีความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ขึ้นก็สามารถทำการผลักดันและเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ ไม่ว่าจะโดยผ่านกระบวนการทางการเมืองตามปกติ เช่น การเผยแพร่ข้อเสนอและแนวทางในการแก้ไขของตนเองอย่างชัดเจนให้แก่สาธารณชนและแสวงหาการสนับสนุนจากประชาชนในการเลือกตั้ง หรือการจัดตั้งเป็นกลุ่มองค์กรอิสระที่คอยติดตามตรวจสอบในประเด็นที่ตนเองตระหนักว่าเป็นปัญหาซึ่งควรต้องได้รับการแก้ไข หรือแม้กระทั่งการปรับแก้ไขโครงสร้างของระบบการเมืองไม่ว่าจะเป็นระบบการเลือกตั้ง ระบบการตรวจสอบ ซึ่งได้มีกำหนดไว้ทั้งในรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติหลายฉบับก็สามารถกระทำได้ด้วยการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายนั้นๆ
            การตั้งเป้าหมายถึงระบบการเมืองที่มีคุณภาพมากขึ้นเป็นสิ่งที่ดี แต่การเปลี่ยนแปลงด้วยความคาดหวังว่าจะทำให้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืนภายใต้การชี้นำของคนดีเพียงบางกลุ่มที่ไม่มีกฎหมายอันชอบธรรมรองรับ ไม่เพียงแต่จะเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในด้านที่ดีขึ้นเท่านั้น หากยังจะสามารถนำไปสู่ความรุนแรงในทางการเมืองระหว่างฝ่ายต่างๆ ให้บังเกิดขึ้นมากกว่าเดิม
           มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนจึงขอเรียกร้องให้สังคมร่วมกันผลักดันให้เกิดการปฏิรูประบอบการเมืองของไทยภายใต้กลไกของระบบรัฐสภาและบนกระบวนการตามกรอบของรัฐธรรมนูญ และร่วมกันปฏิเสธการเคลื่อนไหวที่จะนำไปสู่การใช้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญทุกประการในการแทรกแซงและทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับระบบการเมืองที่ไม่ได้เคารพต่อหลักการประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ การรักษาระบบและการเปลี่ยนแปลงด้วยการพัฒนาระบบให้ดีขึ้นมีความสำคัญต่อการอยู่ร่วมกันในอนาคต แต่ถ้าหากมุ่งสู่การล้มระบบที่เป็นอยู่ก็จะนำไปสู่ความปั่นป่วนวุ่นวายอย่างยากจะที่จะยุติลงได้ ซึ่งจะส่งผลเสียร้ายแรงต่อคนทุกๆ กลุ่มในสังคมไทย

9 ธันวาคม 2556

กปปส.ชุมนุมต่อ 3 วัน -สั่งนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ภายใน 24 ชม.

กปปส.ชุมนุมต่อ 3 วัน -สั่งนายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ภายใน 24 ชม.
           "คำสั่ง กปปส. ฉบับที่ 1/2556" ระบุรัฐบาลยังยื้ออำนาจ จึงประกาศว่าภายใน 24 ชม. ให้นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีไม่ปฏิบัติหน้าที่รักษาการ และไม่ให้แต่งตั้งบุคคลอื่นมารักษาการ และให้ผู้ชุมนุมช่วยชุมนุมต่ออีก 3 วัน เพื่อเตรียมปฏิบัติการอื่นๆ
สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และผู้สนับสนุน ขณะเดินขบวน 9 สาย ใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2556 ข้างหน้าของสุเทพคือสมศักดิ์ โกศัยสุข (ที่มา: ประชาไท) (ชมภาพที่นี่)
          10 ธ.ค. 2556 - ภายหลังจากการประกาศขอคืนอำนาจอธิปไตยที่เวทีแยกนางเลิ้งเมื่อเวลา 18.00 น. วานนี้ (9 ธ.ค.) นั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง) ต่อมาเมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 9 ธ.ค. ที่เวทีชุมนุมของ กปปส. อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้อ่าน "คำสั่งคณะกรรมการ กปปส.ฉบับที่ 1/2556" แถลงว่า
           "เมื่อได้ประกาศเป็นที่ทราบทั่วกันว่านับแต่บัดนี้เป็นต้นไปอำนาจอธิปไตยได้กลับมาเป็นของปวงชนชาวไทยแล้ว กปปส.ก็จะได้มีคำสั่งในการใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยออกมาให้ฝ่ายต่างๆปฏิบัติเป็นลำดับๆไป คณะกรรมการกปปส.ประชุมปรึกษาหารือกัน มีคำสั่งฉบับที่ 1 ออกมาซึ่งต้องประกาศให้ทุกฝ่ายได้ทราบและปฏิบัติตาม"
คำสั่งคณะกรรมการ กปปส.ฉบับที่ 1 /2556 เรื่องให้นายกรัฐมนตรีไม่ปฏิบัติหน้าที่รักษาการภายใน 24 ชั่วโมง ตามที่คณะกรรมการ กปปส.ได้เรียกคืนอำนาจการปกครองแผ่นดินจากกลุ่มการเมืองดังกล่าวคืนสู่ประชาชนและได้ประกาศให้ทราบโดยทั่วกันแล้วนั้น คณะกรรมการกปปส.ขอให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
1.ขอให้นายกรัฐมนตรีและครม.ไม่ปฏิบัติหน้าที่รักษาการและไม่แต่งตั้งบุคคลอื่นรักษาการ ภายใน 24 ชั่วโมงนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป
2.ขอให้มวลมหาประชาชนได้อยู่ร่วมแสดงพลังกับปฏิบัติการประชาภิวัฒน์ครั้งนี้ต่อไปอีก 3 วันเพื่อให้ปฏิบัติการอื่นๆลุล่วงไปได้ด้วยดี
          สุเทพกล่าวด้วยว่า "ขอชี้แจงเพิ่มเติมให้เข้าใจว่าที่ต้องออกคำสั่งนี้เพราะเมื่อ กปปส.ประกาศในนามมวลมหาประชาชนเรียกคืนอำนาจการปกครองแผ่นดินจากกลุ่มการเมือง ปรากฎว่ารัฐบาลนี้ยังแข็งขืน ยื้ออำนาจเราจึงประกาศเป็นคำสั่ง ให้นายกรัฐมนตรีและครม.ไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่รักษาการอีกต่อไป และไม่ต้องแต่งตั้งบุคคลอื่นๆ มารักษาการ ทั้งนี้รัฐบาลต้องปฏิบัติให้เสร็จเรียบร้อยตามคำสั่งภายใน 24 ชั่วโมงนี้ เนื่องจากอำนาจของเราเป็นอำนาจของปวงชนชาวไทยจึงจำเป็นต้องขอให้มวลมหาประชาชนอยู่ร่วมกับเราอีก 3 วัน เพื่อให้ปฎิบัติการประชาภิวัฒน์ลุล่วงไปได้ด้วยดี และถ้ามีปัญหาขัดข้องในทางปฏิบัติ เช่น รัฐบาลไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ผมและคณะกรรมการ กปปส. ก็จะมาประกาศให้พี่น้องทราบว่าคำสั่งต่อไปที่มวลมหาประชาชนจัดการกับรัฐบาลนี้จะทำอย่างไรต่อไป"

สุเทพ เทือกสุบรรณประกาศขอคืนอำนาจอธิปไตย เพื่อทำการ 'ประชาภิวัฒน์'

สุเทพ เทือกสุบรรณประกาศขอคืนอำนาจอธิปไตย เพื่อทำการ 'ประชาภิวัฒน์'
          หลังเคลื่อนขบวนชุมนุม 9 สาย เลขาธิการ กปปส. ประกาศขอคืนอำนาจอธิปไตยกลับมาเป็นของประชาชน ละจะทำการ 'ประชาอภิวัฒน์' เพื่อการปฏิรูปประเทศไทยเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และ กปปส. จะยึดมั่นพันธะกรณีระหว่างประเทศ รักษาความสัมพันธ์อันดีกับรัฐต่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศทุกประการ
สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ขณะเดินขบวน 9 สาย ใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2556 ข้างหน้าของสุเทพคือสมศักดิ์ โกศัยสุข (ที่มา: ประชาไท)
ผู้ชุมนุม กปปส. ขณะกำลังเดินขบวนใหญ่มุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2556 (ที่มา: ประชาไท)
ช่วงที่สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. อ่านแถลงการณ์และปราศรัยเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2556 (ที่มา: Blue Sky Channel)
           9 ธ.ค. 2556 - ในการชุมนุมของ "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" หรือ กปปส. วันนี้ ซึ่งมีการเดินขบวนใหญ่ 9 สาย และมีการตั้งเวทีใหญ่ที่แยกนางเลิ้งในช่วงบ่ายนั้น ต่อมาเมื่อเวลา 17.50 น. สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้ขึ้นเวทีแถลงข่าว โดยมีการเปิดเพลง แสงสุดท้าย ของบอดี้แสลม และเพลงเจ้าตาก ของแอ๊ด คาราบาว และเพลงสู้ไม่ถอย ของกรรมาชน ฯลฯ ก่อนการแถลง
           ในเวลา 18.04 น. สุเทพ เริ่มอ่านแถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุว่า ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงชัดแจ้งว่าการบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อันมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำมีการใช้อำนาจภายใต้การครอบงำ สั่งการโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีอาญาหลบหนีอยู่ต่างประเทศ ใช้อำนาจเหนือรัฐบาล และรัฐสภา ด้วยรัฐธรรมนูญ กฎหมายและหลักการปกครองหลายประการ มีการใช้อำนาจโดยเสียงข้างมากของ ส.ส. และวุฒิสภา เป็นการละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ กฎหมายและหลักการสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตย บิดเบือนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันเป็นประมุขเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจปกครองประเทศไม่เป็นไปตามวิถีรัฐธรรมนูญ ทั้งสิ้น 5 ประการ รวมทั้งเรื่องผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ หมวดที่มา ส.ว. และศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย แต่ ส.ส. และ ส.ว. ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลซึ่งเป็นการล้มล้างอำนาจฝ่ายตุลาการ ทั้งนี้รัฐบาลกลับนำร่างรัฐธรรมนูญที่มีปัญหาขึ้นทูลเกล้าไม่นำพาต่อรัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และกระทบกระเทือนพระราชอำนาจ และระคายเคืองเบื้องพระยุคคลบาท เพราะนายกรัฐมนตรีนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯ
          สุเทพระบุในตอนท้ายว่า "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข" ประกอบด้วย มวลมหาประชาชน ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ ไม่อาจยินยอมให้เผด็จการเสียงข้างมาก ใช้ระบบเผด็จการรัฐสภาหักหลังความไว้วางใจของประชาชน ทำลายดุลยภาพประชาธิปไตยกระทำการให้ได้การปกครองของประเทศโดยไม่เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย
          เมื่อรัฐบาลทรยศอำนาจที่ได้รับความไว้วางใจ กลับทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ครอบครัวและบริวาร ถือเป็นการทำลายสัญญาประชาคม ประชาชนจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้อำนาจอีกต่อไป อาศัยอำนาจของประชาชนตามมาตรา 3 ของ รัฐธรรมนูญซึ่งบัญญัติหลักการว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย จึงขอประกาศว่ามวลมหาประชาชน ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ ได้แสดงพลังร่วมกันอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์มีความจำเป็นต้องพิทักษ์หลักการประชาธิปไตยอันมีพระมหาสิทธิ์ ใช้สิทธิมวลมหาประชาชนเรียกคืนอำนาจการปกครองแผ่นดินกลับคืนมายังประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยสูงสุด อันเป็นการประชาภิวัฒน์เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ขจัดภยันตรายจากการทุจริต คอรัปชั่นให้หมดไป ดำเนินการทางการเมืองให้เกิดความเป็นธรรม อย่างแท้จริงทุกภาคส่วน คณะกรรมการ กปปส. ขอประกาศยืนยันแทนมวลมหาประชาชนว่าพวกเราทั้งหลาย ปวงชนชาวไทยทั้งหลายมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จะร่วมพิทักษ์ราชบัลลังก์ด้วยชีวิต
         สุเทพระบุด้วยว่า "อนึ่งคณะกรรมการ กปปส. จะยึดมั่นในพันธะกรณีระหว่างประเทศ จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับรัฐต่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศทุกประการ แถลงมาให้ทราบทั่วกันขอให้ประชาชนสร้างอนาคตที่เป็นธรรม ผาสุก สงบ สันติ ให้ลูกหลานอนุชนรุ่นหลังต่อไป ประกาศ ณ วันที่ 9 ธันวาคม 2556 ลงชื่อสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส."
ลั่นอ่านประกาศแล้วกลายเป็นกบฎขอให้มาจับได้ จะเดินหน้าไม่มีการถอยหลัง
          ภายหลังการแถลง ต่อมา สุเทพได้ปราศรัยให้ผู้ชุมนุมว่าสิ่งที่ประกาศแถลงการณ์สักครู่แปลว่าอะไร และเราต้องทำอะไรต่อไป พี่น้องที่เคารพรักทั้งหลาย คำแถลงที่ออกไปเมื่อสักครู่นั้น มีความหมายชัดเจนว่า ต่อไปนี้นับตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป มวลมหาประชาชน ปวงชนชาวไทยทั้งหลายเอาอำนาจคืนมาเป็นของประชาชนแล้ว อำนาจนี้เป็นของเรา รัฐธรรมนูญรับรองเอาไว้ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย บังเอิญคนไทยโชคร้ายมอบอำนาจให้คนชั่วเอาไปใช้ในสภา และรัฐบาล คนชั่วเหล่านี้เอาอำนาจไปใช้เพื่อประโยชน์ของทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวและบริวาร
         หลังจากอ่านประกาศแล้วทำให้เป็นกบฎแล้วขอให้มาจับได้ และเดินหน้าไม่มีการถอยหลัง ไม่ประนีประนอม เพราะเรื่องของชาติไม่ใช่เรื่องต่อรองประนีประนอมกัน แพ้กับชนะเท่านั้น ถ้าแพ้มันก็จะก้มหน้าก้มตาเป็นขี้ข้าจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ไม่ร้องไห้แม้แต่หยดเดียว เพราะสู้แล้ว แผ่นดินนี้จะสูงขึ้น ลูกหลานจะปลอดภัย เป็นเสรีชน
 เรียกร้องประชาชนเลือกข้าง และจะตั้งสภาประชาชน ตั้งนายกรัฐมนตรี ตั้งรัฐบาลประชาชน
          "นี่คือเดิมพันครั้งสำคัญสำหรับประเทศไทย ใครจะถือหางข้างระบอบทักษิณ เชิญ! ใครจะถือหางข้างประชาชน มา! ไม่มีคนกลาง ไม่มีความเป็นกลางระหว่างความดีและความชั่ว วันนี้ประชาชนหลายล้านคนเลือกแล้วว่านี่คือข้างที่ถูกต้อง พี่น้องประชาชนถามผมเมื่อสักครู่หน้าเวทีก็ถามผมแล้วยังไงต่อไปคุณสุเทพ ผมก็บอกว่าวันนี้เมื่อผมได้แถลงการณ์ของมวลมหาประชาชนว่าอำนาจอธิปไตยสูงสุดเป็นของประชาชน นั่นคือประชาชนพวกเราจะเป็นคนจัดการบริหารประเทศเอง นั่นหมายความว่าต่อจากนี้ สภาประชาชนพวกเราจะแต่งตั้งบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งรัฐบาลของประชาชน ต่อจากนี้เราจะจัดให้มีสภาประชาชนทำหน้าที่นิติบัญญัติแทนพวกทรยศหักหลังเรา"
         สุเทพกล่าวด้วยว่า "พี่น้องทั้งหลาย มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ไอ้พวกชั่วมันคงคิดสู้แล้ว เอาปรมาจารย์กฎหมายขี้ข้าสุมหัวทั้งคืนว่าพรุ่งนี้จะจัดการอย่างไร คนชั่วช้าเลวทรามไม่เห็นพี่น้องหรอก มันเชื่อเฉพาะอำนาจ วันนี้เราได้ประกาศปฏิรูปเพื่อความสุขของมวลมหาประชาชนทั้งแผ่นดิน ไม่เลือกสี ไม่เลือกข้าง สำหรับทุกคนจริงๆ เป็นธรรมจริงๆ เราใช้คำใหม่ที่พี่น้องได้ยินวันนี้คือคำว่า 'ประชาภิวัฒน์' พี่น้องจำคำนี้เอาไว้ ไม่ต้องการให้คนไปใส่ร้ายเข้าใจเราผิด คนบางคนมันจะไปกล่าวหาว่าเราเป็นกบฎ ไปยึดอำนาจ ไม่ชิงอำนาจ แต่เราบอกว่า ไม่ใช่ อำนาจเป็นของเรา กูผิดเองที่เป็นยกให้พวกมึง วันนี้กูเอาคืน เท่านั้น"
 ไม่เชื่อยิ่งลักษณ์จัดเลือกตั้ง เพราะระบอบทักษิณจะกลับมาเหมือนเดิม
         "ที่สำคัญคือ พวกมันเอาอำนาจประชาชนไปใช้บำรุงบำเรอทักษิณและคนในครอบครัว พวกพ้อง ใช้อำนาจประชาชนเพื่อความมั่งคั่งร่ำรวยของคนเดียว ตระกูลเดียว แต่พวกเราเอาอำนาจประชาชนมาทำบ้านเมืองให้ดี ให้เป็นประโยชน์ให้ทุกคนเป็นเจ้าของแผ่นดินไทย พี่น้องทั้งหลายจึงมาถึงคำตอบว่าวันนี้ ยิ่งลักษณ์ ละล่ำละลักยุบสภา แล้วอ้างว่ารัฐบาลถอยให้แล้ว คืนอำนาจให้แล้ว ประชาชนควรจะเลิกได้แล้ว กลับบ้านได้แล้ว พี่น้องว่ายังไงครับ คุณยิ่งลักษณ์ถ้าคุณดูรายการนี้อยู่ แปลว่าคุณตอแหล"
          สุเทพกล่าวด้วยว่า และผมก็เห็นด้วยกับพี่น้องประชาชนว่ามันตอแหลจริงๆ ที่ผมว่ามันตอแหล เพราะมันบอกว่าคืนอำนาจประชาชนให้ประชาชนไปเลือกตั้งใหม่ ประชาชนไม่ได้โง่เหมือนมึง มึงมันคิดอะไรเองไม่เป็นต้องให้พี่คิดให้ แต่ประชาชนคิดเป็น ให้ประชาชนเลือกตั้ง แต่มีกติกาเดิม กกต. เดิม มีข้าราชการประจบสอพลอ มีตำรวจเหมือนเดิม มีการโกงเลือกตั้ง มึงก็กลับมาเหมือนเดิม
          ผมไม่กลัวเลือกตั้ง ไม่กลัวเลือกตั้งแพ้ เพราะผมประกาศกับพี่น้องว่าผมไม่ลงเลือกตั้งแล้ว แต่ผมไม่ต้องการให้ใครมาหลอกลวงให้พี่น้องฝันลมๆ แล้งๆ ว่าเลือกตั้งแล้วมันจะแพ้ คนดีจะมาบริหารบ้านเมือง คนดีสู้เงินและอำนาจไม่ได้ครับ
จะจัดเลือกตั้งได้ต้องแก้ไขกติกา และเสนอปฏิรูปกระจายอำนาจ ปฏิรูปตำรวจ
       จะไปเลือกตั้งได้เหมือนกัน แต่ต้องเขียนเลือกตั้งใหม่ ต้องจัดองค์กรตรวจสอบเลือกตั้งใหม่ ปฏิรูปพรรคการเมืองใหม่ ไม่ให้พรรคการเมืองถูกบงการโดยคนชั่วอย่างทักษิณ ให้เวลาสภาประชาชน รัฐบาลประชาชนจัดการเรื่องนี้ เร็วที่สุด 8 เดือน 12 เดือน 15 เดือนเร็วที่สุด แล้วจัดการเลือกตั้งที่สะท้อนเจตนารมณ์ประชาชนจริงๆ ไม่ใช่ให้คนชั่วเข้ามามีอำนาจ ต้องจัดการคอร์รัปชั่นที่มันกล้าโกง กล้าคอร์รัปชั่นเพราะวันนี้มันมีตัวอย่างโกง 46,000 ล้าน ถูกศาลลงโทษจำคุก 2 ปี หนีไปดูไบ ยังมีอิทธิพลเหนือประเทศไทย เพราะยังมีขี้ข้าช่วยเหลือ และมันหวังว่าอยู่เมืองนอกไม่กี่ปี มันก็ได้กลับมาเมืองไทย เพราะคงมีขี้ข้าเขียนกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดให้ หรืออยู่จนหมดอายุความก็จะได้กลับมาใช้เงินที่เหลือ เพราะฉะนั้นต้องเขียนในรัฐธรรมนูญว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นไม่ให้ใครเขียนกฎหมายล้างผิดได้ จนตายก็ต้องไม่หมดอายุความ
          สุเทพประกาศด้วยว่าจะให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจ และให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และจะปฏิรูประบบตำรวจ
เสนออีกวิธีให้รัฐบาลรักษาการลาออกเปิดทางนายกรัฐมนตรีคนกลาง
         สุเทพเสนออีกทางเลือกด้วยว่า ให้คณะรัฐมนตรีไปลาออกเพื่อไม่ให้มีรัฐมนตรีรักษาการ จะได้มีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง "ลาออกพรุ่งนี้ตอนเช้า ตอนเย็นทำหนังสือกราบบังคมทูลลาออกรักษาการด้วย ให้ไม่มีรัฐบาลเลย แล้วจะหานายกรัฐมนตรีคนใหม่คนกลางคนหนึ่ง ทำให้ประเทศได้นับหนึ่งได้ใหม่ แม้ไม่ใช่วิธีที่พวกเราสู้อยู่ แบบนี้เราพอรับได้" แต่หลอกกูวันละนิดวันหน่อย ขอบอกว่าพวกกูคิดเป็น
 ขอให้ผู้ชุมนุมอดทนเพราะไม่มีรถถังเสนอให้ ขรก. ปฏิเสธระบอบทักษิณ พร้อมตั้งอาสาสมัครตามชุมชน
       สุเทพประกาศด้วยว่า รัฐบาลสิ้นสภาพแล้ว ถ้าจะสั่งราชการได้ ต้องมาแย่งชิงอำนาจได้ใหม่ เอากำลังมาชิงเลย เรารออยู่ จะสู้ด้วยมือเปล่า สู้ด้วยมือเปล่า ไม่รับร้อน อีกสักห้าวัน สิบวันไม่เป็นไร แต่ต้องรักษาอำนาจของเราเอาไว้ให้ได้ พวกผมจะไปกำหนดขั้นตอนที่เหมาะสม ตามลำดับ คือพูดให้พี่น้องเข้าใจ ถ้าเป็นคณะปฏิวัติ จอมผิณ จอมพล ป. จอมถนอม พล.อ.สนธิ ถ้าเขาประกาศว่าอำนาจเป็นแบบนี้แปลว่า เขาเป็นรัฏฐาธิปัตย์ แต่งตั้งคนเป็นนายกรัฐมนตรี เรียกข้าราชการมารายงานตัว นั่นคือความเป็นจริง แต่นักปฏิวัติเหล่านั้นเขามีรถถัง มีปืนกล มีกำลัง เรามันมือเปล่า กับหัวใจโตๆ เพราะฉะนั้นเราจะให้โอกาสกับทุกฝ่าย ให้โอกาสข้าราชการทั้งหลายรู้สึกรู้สมกันบ้างหรือไม่ที่ประชาชนสี่ห้าล้านคนแสดงตนทั้งประเทศอย่างกล้าหาญ ปฏิเสธเป็นขี้ข้าระบอบทักษิณ คิดเองได้แล้วหรือยัง ประชาชนเขาถาม พวกเราเจ้าของประเทศจะนอนรอกลางถนนด้วยความอดทน ใครมาถือว่าอยู่ข้างอำนาจประชาชน ใครไม่มาถือว่าอยู่ข้างยิ่งลักษณ์ ทักษิณ
         ตอนท้าย สุเทพเรียกร้องให้มีการตั้ง กองกำลังอาสาสมัครรักษาความสงบเรียบร้อยประชาชนด้วย โดยปราศรัยว่า "คณะกรรมการ กปปส. ทุกหมู่บ้าน ชุมชน ตำบล ร่วมมือกัน จัดตั้งกองกำลังอาสารักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัย ชีวิตทรัพย์สิน เนื่องจากตำรวจมึนหัว ลังเล ช่วยกันนะครับ กองกำลังอาสารักษาความสงบนี้ จะเป็นกำลังสำคัญของการต่อสู้ประชาชนต่อไป ตั้งแต่วันนี้ปรึกษากันและเตรียมการกันทำได้ พี่น้องทำได้ ต้องการหัวใจใหญ่ๆ เท่านั้น"

พรรคประชาธิปัตย์ทรยศ! ตอบรับเลือกตั้งส่ง "อภิสิทธิ์" ลงชิงนายกฯ แฟนคลับด่าเละ


พรรคประชาธิปัตย์ทรยศ! ตอบรับเลือกตั้งส่ง "อภิสิทธิ์" 
ลงชิงนายกฯ แฟนคลับด่าเละ


           วันที่ 10 ธันวาคม 2556 (go6TV) ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต แถลงยอมรับว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะส่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ประกบชนกับพรรคเพื่อไทย ที่จะส่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย และยอมรับว่าจะไม่เป็นเงื่อนไขให้ประเทศ และจะไม่บอยคอตการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557

          หลังจากได้เผยแพร่ข่าวนี้ ผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ได้แสดงความผิดหวังอย่างรุนแรง ที่พรรคประชาธิปัตย์หลอกลวงประชาชนไปร่วมชุมนุมล้มรัฐบาล หลอกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปเป็นแกนนำมวลชน จนโดนตั้งข้อหากบฏ พรรคประชาธิปัตย์ก็ประกาศลาออกเพียงแค่วันเดียว แต่กลับตอบรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในต้นปีหน้า




ประจานม็อบกบฏ! บุกสำนักงานจเรตำรวจ ศูนย์ราชการ งัดฮาร์ดดิสก์คดีความหายเกลี้ยง


ประจานม็อบกบฏ! บุกสำนักงานจเรตำรวจ ศูนย์ราชการ
งัดฮาร์ดดิสก์คดีความหายเกลี้ยง










พระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฏร พ.ศ. 2556


พระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฏร พ.ศ. 2556




               เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา http://www.ratchakitcha.soc.go.th ได้เผยแพร่พระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2556 ดังกล่าว มีรายละเอียดดังนี้



หน้า ๑
เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๑๑๕ ก ราชกิจจานุเบกษา ๙ ธันวาคม ๒๕๕๖

พระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฎร
พ.ศ. ๒๕๕๖

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เป็นปีที่ ๖๘ ในรัชกาลปัจจุบัน


               พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า


               โดยที่นายกรัฐมนตรีได้นําความกราบบังคมทูล ฯ ว่า ตามที่รัฐบาลได้เข้ารับหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๔ รัฐบาลได้มีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความเท่าเทียมกันของประชาชนทั้งประเทศ นอกจากนั้น รัฐบาลได้ดําเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ซึ่งครอบคลุมทั้งภาคการเกษตร ภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รวมไปถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยเพิ่มกําลังซื้อภายในประเทศ สร้างสมดุลและความเข้มแข็ง อย่างมีคุณภาพให้แก่ระบบเศรษฐกิจมหภาค เพื่อรองรับสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือ กับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ


                 รัฐบาลได้ให้ความสําคัญในการปฏิรูปการเมืองโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างกว้างขวางแต่เนื่องจากปัจจุบันได้เกิดปัญหาความขัดแย้งและความแตกแยกของชนในชาติ ส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ตลอดจนชื่อเสียงของประเทศชาติ ทั้งนี้ รัฐบาลได้พยายามคลี่คลายปัญหาด้วยสันติวิธีและดําเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและวิถีทางของรัฐธรรมนูญแล้วก็ตามแต่ไม่อาจยุติปัญหาดังกล่าวได้ จึงเห็นสมควรยุบสภาผู้แทนราษฎร และจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อคืนอํานาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชนทั้งประเทศและให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดําเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง


            อาศัยอํานาจตามความในมาตรา๑๐๘ และมาตรา ๑๘๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้



  • มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๖”
  • มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
  • มาตรา ๓ ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่
  • มาตรา ๔ ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ ๒
  • กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๗
  • มาตรา ๕ ให้นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้


ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี

"พานทองแท้" ติงประชาธิปัตย์ เลือกตั้งแพ้ตลอด เลยตั้งระบอบเมือกตั้ง!!!


"พานทองแท้" ติงประชาธิปัตย์ เลือกตั้งแพ้ตลอด เลยตั้งระบอบเมือกตั้ง!!!

8 ธันวาคม 2556 go6TV - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความลงเฟสบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra โดยมีเนื้อหาดังนี้



  • "ระบอบเลือกตั้ง" จะแข่งกี่ครั้ง ก็แพ้แม่มตลอด 
  • สส.พรรคประชาธิปัตย์ เลยลาออกมานำม็อบ 
  • เสนอ "ระบอบเมือกตั้ง" แม่มเบยครับ..!! 

           ทำแบบนี้จึงจะมีสิทธิ์ชนะได้จัดตั้งรัฐบาลบ้าง ไม่ต้องเลือกต้งเลือกตั้งมันแล้วประเทศไทย ใครอยากเป็นอะไรก็ไปขอให้สุเทพฯตั้งเลย คณะ กปปส. นายสุเทพฯก็ก่อตั้งขึ้นมาเอง แล้วสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นเลขาธิการ มีอำนาจสูงสุดเด็ดขาด สั่งให้คนไปยึดนู่น-ปิดนี่ได้ตามอำเภอใจ เช้าวันจันทร์รถติดโคตรๆอยู่แล้ว แกอยากปิดถนนทีเดียวแปดเก้าสายแกก็สั่งปิด สั่งการให้ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม กระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา สั่งให้หยุดงาน และกำลังบีบให้รัฐบาล มอบอำนาจบริหารประเทศทั้งหมด ให้กับว่าที่นายกฯเมือกตั้ง ให้มีสภาประชาชน ที่มาจาก "มวลมหาประชาธิปัตย์" ทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร

            ประเทศไทยคงเป็นประเทศเดียวในโลก ที่แกนนำพรรคฝ่ายค้านออกมานำม็อบ พามวลชนออกมาเสนอให้ไม่ต้องมีการเลือกตั้ง แล้วพวกตนจะเลือกคนมาบริหารประเทศเอง โดยอ้างว่านี่คือตัวแทนของพี่น้องประชาชน ส่วนพรรคการเมืองที่พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่เลือกเข้ามา ก็ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ หลีกไปให้พ้นๆจากการเมืองไทย

          ดูแล้วข้อเสนอของม็อบ มวลมหาประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ก็เหมือนกับเป็นภาค2 ของม็อบแช่แข็งประเทศไทยของเสธ.อ้ายครับ เสนอให้หยุดพัฒนาประเทศทุกรูปแบบ ไม่ต้องมีการเลือกตั้ง และแต่งตั้งคนที่ม็อบชื่นชอบ มาบริหารประเทศโดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง ต่างกันตรงที่เสธ.อ้ายเป็นคนมีสัจจะครับ บอกว่าถ้าคนมาม็อบไม่ถึงล้าน เสธ.อ้ายจะเลิกนำม็อบ ก็ทำตามคำพูด ม็อบไม่ยืดเยื้อประเทศก็ไม่บอบช้ำมาก แต่นักการเมืองอย่างสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่เคยรักษาคำพูดครับ

          ชุมนุมแป๊บเดียวเลิก, 24พย.เผด็จศึก, 30พย.ไม่ชนะจะผูกคอตาย, เข้าทำเนียบได้จะประกาศชัยชนะขั้นเด็ดขาด, เราชนะแล้วออกมาฉลองกันให้เต็มถนนเยอะๆ, หนนี้เอาอีกแล้วครับ วันที่ 9ไม่ชนะจะเลิกม็อบเข้ามอบตัวข้อหากบฏ คอยดูกันครับว่าจะรักษาคำพูด หรือว่าเป็นเพียงการปลุกเร้าอารมณ์แนวร่วม ให้ความหวังกับคนที่เป็นกลางว่า ทนเอาหน่อยวุ่นวายไม่นานเดี๋ยวก็เลิก

           "สัจจะไม่มีในหมู่โจร" แปลอีกอย่างได้ว่า "อยากจะเป็นคนดีก็ควรต้องมีสัจจะ"ครับ คนไทยไม่ได้กินหญ้า หลอกกันที2ทียังพอทน นี่เล่นหลอกกันรายวัน คนกลางๆอาจเห็นด้วยในช่วงแรก พอหลอกกันหลายๆครั้งเข้า เขาก็เริ่มรู้ทันและเริ่มเบื่อครับ ยิ่งชุมนุมยืดเยื้อธุรกิจก็ยิ่งเจ๊งกันเป็นแถบๆ ตกลงจะทำเพื่อประเทศชาติ หรือเพื่อประโยชน์ของพรรคฯพวกตนกันแน่

เอาเป็นว่าจนถึงตอนนี้ ประกาศชัยชนะไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ยกระดับขึ้นไปเรื่อยไม่เลิกเสียที จะเรียกร้องให้รัฐบาลทำอะไรก็คลุมเครือ ยุบสภาก็ไม่เอา นายกฯลาออกก็ไม่เอา เสนอมาแต่ละอย่างกฏหมายรองรับก็ไม่มี ระบอบที่เสนอว่า นายกฯและสมาชิกสภาฯไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง ฟังดูแล้ว เป็นการล้มล้างระบอบการปกครองของไทย โดยอ้างมาตรา7 ที่ในหลวงทรงเคยรับสั่งว่าไม่เอา เพราะไม่เป็นประชาธิปไตยใช่หรือไม่

          ฉลอง 81 ปีประชาธิปไตยไทย ด้วยการนำเสนอระบอบ "เมือกตั้ง" คิดได้แค่นี้หรือครับ "มวลมหาประชาธิปัตย์"..!!

แถลงการณ์นายกรัฐมนตรี เรื่อง การยุบสภาผู้แทนราษฎร


แถลงการณ์นายกรัฐมนตรี เรื่อง การยุบสภาผู้แทนราษฎร


           นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบว่า จากการหารือและรับฟังข้อคิดเห็นของทุกภาคส่วนแล้ว ดิฉันจึงได้ตัดสินใจขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวาย ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๕๖ เพื่อทรงมี
พระบรมราชวินิจฉัย ด้วยเหตุผลดังนี้


  • ๑. การยุบสภาผู้แทนราษฎรเป็นกระบวนการปกติของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ดังที่ปรากฏอยู่ในหลายประเทศที่ใช้ระบอบนี้ ซึ่งประเทศไทยได้ยึดถือธรรมเนียมการปฏิบัติดังกล่าวมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ บัญญัติรองรับการยุบสภาผู้แทนราษฎรไว้ และได้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วหลายครั้ง เช่น เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๙ พ.ศ. ๒๕๔๓ พ.ศ. ๒๕๔๙ และ พ.ศ. ๒๕๕๔
  • ๒. ตามที่รัฐบาลได้เข้ารับหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่เมื่อวันที่.... โดยมีภารกิจสำคัญในการแก้ไขวิกฤติการณ์ภายในประเทศหลายประการ ทั้งในเรื่องของมหาอุทกภัย ผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน รวมทั้งการฟื้นฟูประชาธิปไตยในประเทศ การพยายามสร้างความปรองดอง ตลอดจนฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อให้เกิดความมั่นใจในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งรัฐบาลก็ได้ดำเนินการอย่างสุดความสามารถ แก้ปัญหาต่างๆจนลุล่วงไปได้ด้วยดี
          อย่างไรก็ตาม ในประเด็นด้านความขัดแย้งทางการเมืองนั้น ยังคงดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง และถึงแม้รัฐบาลจะพยายามที่จะสร้างความเข้าใจอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการเสนอแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเปิดเวทีปฏิรูปการเมือง หรือการทำประชามติ ก็ยังมีผู้ที่เห็นต่างและคัดค้าน ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะรับฟัง หากการคัดค้านนั้นเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา แต่ปรากฎว่ามีผู้คัดค้านจำนวนหนึ่งรวมทั้งสมาชิกพรรคฝ่ายค้านกลับเลือกที่จะใช้วิถีทางการชุมนุมต่อต้านนอกเวทีรัฐสภา ซึ่งรัฐบาลก็ได้ดำเนินการบริหารการชุมนุมอย่างละมุนละม่อมและด้วยท่าทีที่ประนีประนอม อันเป็นการเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานในการแสดงความคิดเห็นมาโดยตลอด และเพื่อรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้ประเทศและคนไทยต้องมีการสูญเสียอีก ด้วยประเทศไทยเจ็บปวดมามากพอแล้ว


          แต่สถานการณ์ในวันนี้ รัฐบาลได้คำนึงถึงแนวคิดที่แตกต่าง และต่างฝ่ายต่างอ้างว่าเป็นตัวแทนประชาชนจำนวนมาก ดังนั้นรัฐบาลจึงเห็นว่าภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เมื่อถึงจุดที่ความคิดขัดแย้งอาจนำไปสู่ความแตกแยกของคนในชาติและมีความรุนแรงจนอาจเกิดความสูญเสียขึ้น การคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินด้วยการยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เป็นวิถีทางที่เป็นไปตามหลักการแห่งระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่า คนส่วนใหญ่ต้องการแนวทางใด และจะให้ใครมาบริหารประเทศตามแนวทางนั้น

     รัฐบาลใคร่ขอเชิญชวนให้ทุกกลุ่มทุกพรรคการเมืองที่มีความคิดเห็นแตกต่างหลากหลาย ใช้เวทีการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยเป็นที่นำเสนอทางเลือกต่างๆให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
  • ๓. เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว รัฐมนตรีทั้งคณะย่อมพ้นจากตำแหน่งไปด้วยตามมาตรา ๑๘๐ (๒) แต่ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๑ ซึ่งกำหนดไว้ด้วยว่า คณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็น ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดในมาตราดังกล่าว
  • ๔. ขอให้ประชาชนทั้งหลายให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ซึ่งจะได้หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้งถึงการกำหนดวันเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้รัฐบาลขอให้ประชาชนทำหน้าที่และใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยความพร้อมเพรียง ใส่ใจ และรอบคอบ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมที่สุด ซึ่งจะเป็นการแสดงเจตจำนงทางการเมืองโดยสันติตามวิถีทางรัฐธรรมนูญและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย