วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

คนไทยในญี่ปุ่นชูป้าย ประกาศไม่รับร่างรธน. ประณามตีตรวนนักศึกษา


20 ก.ค.2559 รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 11.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ที่หน้ากระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น ชาวไทยในญี่ปุ่นในนาม UDD Japan จำนวนประมาณ 35 คน รวมตัวกันชุมนุมประท้วงรัฐบาล คสช. โดยระบุว่า คสช.ได้คุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนตลอดมา นับแต่ได้เข้ามายึดอำนาจเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 โดยกลุ่ม UDD Japan ได้ประณามการตีตรวนนักศึกษาที่ออกมารณรงค์การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญขณะออกศาลเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน และทางกลุ่มยังได้ประกาศจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญโดยระบุว่าเหตุผลหลักของการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเป็นเพราะอำนาจสูงสุดไม่ได้เป็นของประชาชน
กิจกรรมมีการชูป้ายประท้วง ข้อความ “อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนชาวไทยทุกคน ประชาธิปไตยต้องมาจากประชาชนทุกคน” “คสช.ออกไป” เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีการปราศรัยประกาศจุดยืนไม่รับรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งชักชวนให้ครอบครัวในเมืองไทยช่วยกันออกไปกา Vote NO ในวันลงประชามติด้วย
เจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้มาดูแลให้การชุมนุมอยู่ในบริเวณตามที่ได้รับอนุญาต หลังจากถือป้าย ปราศรัย และเปล่งเสียงเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นเวลา 30 นาทีทางกลุ่มก็ได้ยุติการชุมนุมตามที่ได้แจ้งไว้ต่อเจ้าหน้าที่และแยกย้ายกันเดินทางกลับ

จนท.ตามค้นบ้านเสื้อแดงหลายจังหวัดภาคเหนือ หามือมืดส่ง จม.บิดเบือนร่าง รธน.


20 ก.ค.2559 ศูนย์ข่าวภาคเหนือ ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า หลังมีการลักลอบส่งจดหมายบิดเบือนรัฐธรรมนูญในหลายจังหวัดภาคเหนือทั้งเชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง ในช่วงที่ผ่านมามากกว่า 1 หมื่นฉบับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในแต่ละพื้นที่ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน พร้อมเข้าตรวจค้นบ้านแกนนำเสื้อแดง นปช.ในแต่ละพื้นที่ หาตัวมือมืดที่ลอบส่งจดหมายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
โดยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ได้มีการตรวจค้นบ้านพักแกนนำ นปช.เชียงใหม่-ชมรมคนรักประชาธิปไตย จ.เชียงใหม่ ที่เป็นแกนนำร่วมกับนักการเมืองในพื้นที่เชียงใหม่ เปิดศูนย์อบรมสื่ออาสาให้สมาชิก นปช.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา
      
ส่วนที่จังหวัดลำปาง มีรายงานว่า ร.อ.พสธร ถานี รอง ผบ.ร้อยสารวัตรทหาร มทบ.31 ลำปาง ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกับ พ.ต.ต.สมชาย ก้านชมภู สารวัตรสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง เข้าตรวจค้นที่บ้านของนายรัชชานนท์ รอดฉวาง หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดงคนสำคัญของลำปาง เมื่อ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือหลักฐานใด
      
โดยเจ้าหน้าที่ได้ขอความร่วมมือให้ รัชชานนท์พิมพ์ลายนิ้วมือที่ สภ.ห้างฉัตร อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เพื่อนำลายนิ้วมือที่ได้ทั้ง 10 นิ้ว และฝ่ามือ ไปตรวจสอบเทียบกับลายนิ้วมือแฝงที่อยู่บนซองจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ
      
อย่างไรก็ตาม รัชชานนท์ ได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่ว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือรู้เห็นต่อการส่งจดหมายบิดเบือนในครั้งนี้
      
วันเดียวกัน พ.อ.เมธา ณ พิกุล รอง เสธ.มทบ.32 ก็ได้ร่วม จนท.ตร.สภ.เมืองลำปาง, จนท.สห.มทบ.32 เข้าตรวจสอบ หาหลักฐาน และพิมพ์ลายนิ้วมือนางธมลวรรณ จินากุล หรือเจ๊เพ็ญ แกนนำเสื้อแดงอีกราย พร้อมทดสอบถ่ายเอกสารกับเครื่องถ่ายเอกสารภายในร้าน จำนวน 2 เครื่อง เพื่อหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งนางธมลวรรณได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งจดหมายบิดเบือนรัฐธรรมนูญที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
      
ขณะที่จังหวัดแพร่ เจ้าหน้าที่พบว่าผู้ใช้เฟซบุ๊ก “ฟอร์ด เส้นทางสีแดง” ได้มีการโพสต์ข้อความไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการลงประชามติว่า “ภาพแอคชั่นสวยๆ จากแคมเปญ Vote NO และ Say NO จากพี่น้องรักประชาธิปไตย อ.ลอง จ.แพร่ ช่วยกันเผยแพร่ประชาธิปไตย ไม่เอารัฐธรรมนูญที่ปิดหูปิดตาปิดปากประชาชน จำง่ายๆ เข้าคูหา กาไม่รับทั้งสองช่องนะจ้าววววว” เมื่อบ่ายวานนี้ (19 ก.ค.) โดยอ้างประชาชนในพื้นที่ จ.แพร่ เป็นแนวทางในการเคลื่อนไหวไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 59 ที่จะมีการลงประชามติใน 7 ส.ค. 59

       
ต่อมา การัณย์ เกื้อวันชัย นายอำเภอลอง จ.แพร่ สั่งการให้ ประกอบ ค้าไม้ ปลัดอำเภอ หน.ฝ่ายความมั่นคง ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า บุคคลในภาพซึ่งมีจำนวน 9 คน ส่วนใหญ่เป็นราษฎรบ้านหาดผาคัน หมู่ 8 ต.ทุ่งแล้ง อ.ลอง จ.แพร่ แต่มีบุคคลที่อยู่ในพื้นที่เพียง 4 คนเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้เดินทางไปชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และทหาร ในวันพรุ่งนี้ (21 ก.ค.) ณ ที่ว่าการ อ.ลอง จ.แพร่ เพื่อทำบันทึกข้อตกลงไม่ให้กระทำการในลักษณะดังกล่าวอีกต่อไป 
ที่มา เฟซบุ๊ก ฟอร์ด เส้นทางสีแดง 

ทหารไหว้ ปชช.ถึงบ้าน ดีเจลายพราง ชวนคนไปโหวต ด้านเพื่อไทยจี้กกต.-รบ.เร่งรณรงค์


20 ก.ค.2559 สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น รายงานว่า จิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีจาก วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า ผู้อำนวยการเขตคลองสามวา ได้ขอเรี่ยไรเงินเพื่อจัดทำป้ายรณรงค์ประชามติ 7 สิงหาคมนั้น ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะเป็นตามที่ วัชระ ได้ระบุไว้ แต่เมื่อสำรวจในพื้นที่เห็นป้ายในลักษณะดังกล่าวและด้านใต้ป้ายมีการลงชื่อบริษัทห้างร้าน จึงอยากให้รัฐบาลควรดูแลและทำให้ชัดเจนว่าเรื่องดังกล่าวสามารถทำได้หรือไม่ 
นอกจากนี้ ควรมีงบประมาณให้กับพื้นที่ ไม่ใช่ให้พื้นที่หางบประมาณดำเนินการเอง ซึ่งส่วนตัวไม่เห็นด้วยที่จะใส่ชื่อบริษัทห้างร้านลงในป้ายประชาสัมพันธ์ 7 ส.ค. เพราะจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีในการประชาสัมพันธ์เรื่องสำคัญของชาติ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวขอเรียกร้องให้รัฐบาล และคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เร่งดำเนินการจัดงบประมาณรณรงค์ในช่วงโค้งสุดท้ายเพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารและไปลงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ในฐานะเจ้าของประเทศผู้เสียภาษีให้กับรัฐบาล
ที่มาเฟซบุ๊ก 'Wassana Nanuam'
ขณะที่ วาสนา นาน่วม โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'Wassana Nanuam' ในลักษณะสาธารณะ ซึ่งเป็นภาพกิจกรรมการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การทำประชามติของเจ้าหน้าที่ทหาร ทั้งกรณีเดินไปเชิญชวนถึงบ้านประชาชน ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ รวมทั้งการจัดรายการวิทยุที่จังหวัดสมุครสงคราม ด้วย

ที่มาเฟซบุ๊ก 'Wassana Nanuam'

ประวิตรยันไม่เลื่อนประชามติ ขออย่ากังวลหากไม่ผ่านมีแผนรับไว้ สั่งเปิดเวทีถกทุกจังหวัด


20 ก.ค.2559 สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด และ กกต.ทั่วประเทศ เปิดเวทีให้ทุกฝ่ายแสดงความเห็นร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้ กกต.เป็นผู้ควบคุมและผู้ว่าฯ เป็นผู้กำกับดูแล ยืนยันไม่เลื่อนการออกเสียงประชามติ หากไม่ผ่าน มีแผนรองรับไว้แล้ว
โดย พล.อ.ประวิตร ย้ำว่า วันที่ 7 ส.ค. นี้ จะต้องมีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่มีการส่งจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญให้กับประชาชน ขณะนี้ มีความก้าวหน้าในการตรวจสอบ  กระทรวงมหาดไทยทราบดีว่าต้องทำอย่างไร
“ผมได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายแสดงความคิดเห็นร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ดูแล ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดจะควบคุมกำกับอีกชั้นหนึ่ง” พล.อ.ประวิตร กล่าว
เมื่อถามว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะทำอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าว ไม่ต้องกังวล เพราะจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับอื่น แต่ยังไม่ทราบจะดำเนินการแบบใด เพราะรัฐบาลและ คสช. จะเป็นผู้ดำเนินการ

NDM เชิญ โฆษกกรธ.ร่วมเวทีถก เจ้าตัวพร้อมดีเบตร่างรธน.กับทุกฝ่าย

12.53 น. เฟซบุ๊กแฟนเพจ ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ New Democracy Movement - NDM และสำนักข่าวไทย รายงานว่า ตัวแทนของ NDM  นำโดย ชนกนันท์ รวมทรัพย์ ได้ยื่นจดหมายต่อ อมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อเชิญ อมร ให้เข้าร่วมการอภิปรายเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญกับ NDM ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ซึ่งจะแจ้งเวลาและสถานที่ให้ทราบในภายหลัง โดย อมร กล่าวว่า พร้อมดีเบตกับทุกฝ่าย เพียงแต่ต้องนำหนังสือเชิญนี้กลับไปหารือกับที่ประชุมกรธ.ในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) ก่อน เนื่องจากการร่วมดีเบตต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ใช่การแลกหมัดต่อหมัด เพราะจะสร้างความขัดแย้งได้
"ส่วนที่ผมกล่าวในเวทีเสวนาว่าการประชาสัมพันธ์การออกเสียงประชามติมีความอ่อนแอ เพราะตนเองยังไม่ได้รับเอกสารจากกกต. แต่การตีพิมพ์เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญในหนังสือพิมพ์ น่าจะทำให้การรับรู้ของประชาชนกว้างขวางขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เอกสารส่งถึงบ้านเรือนประชาชนล่าช้า เพราะขั้นตอนการจัดพิมพ์ของโรงพิมพ์ล่าช้า และกกต.ต้องรอผลการลงทะเบียนใช้สิทธินอกเขตก่อน เพื่อจะได้จัดส่งได้ถูกต้องตามครัวเรือน ในกรธ.ได้พูดกันเล่น ๆ คลายเครียด โดยเปรียบเทียบการลงประชามติกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐ ว่าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบของประชาชนส่วนใหญ่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็สามารถเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้” โฆษกกรธ. กล่าว
 
ส่วนกรณีกลุ่มนักวิชาการร่วมลงชื่อผลักดันให้เปิดพื้นที่การแสดงความเห็นของประชาชนและให้ประชาชนรับรู้ทางเลือกกรณีร่างรัฐธรมนูญไม่ผ่านประชามติ นายอมร กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของกลุ่มนักวิชาการ  ยืนยันว่า คสช. ไม่ได้ปิดกั้นการแสดงออก โดยกรธ.กำลังรวบรวมเวทีเสวนาในรอบเดือนที่ผ่านมาว่ามีจำนวนเท่าใด เพื่อให้ทราบว่ามีการจัดเวทีการแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งคสช.ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ที่กรธ. ไม่ได้ไปร่วมพูดคุยเนื่องจากมีประสบการณ์ว่ามีการบิดเบือนและไม่เป็นธรรม อีกทั้งช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อาจทำให้เสียเวลาพิจารณาเรื่องอื่น ๆ ได้

3 ชาวบ้านเปิดศูนย์ปราบโกงหนองบัวลำภูมาศาลทหาร อีสานโดนคดีอย่างน้อย 14 ราย


อัยการทหารขอเลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้องไม่ฟ้อง 3 ผู้ต้องหาเปิดศูนย์ปราบโกงเป็น 11 ส.ค. ชาวบ้านสูงวัยจากหนองบัวลำพูยืนยันสู้คดี เชื่อไม่ได้ทำสิ่งผิด บางคนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แกนนำอีสานระบุ ชาวอีสานโดนคดีจากเปิดศูนย์แล้วอย่างน้อย 14 ราย
21 ก.ค.2559 ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 24 (มทบ.24) จังหวัดอุดรธานี อัยการทหารนัดผู้ต้องหา 3 รายคดีฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป กรณีเปิดป้ายศูนย์ปราบโกงประชามติ จ.หนองบัวลำภู ฟังผลการพิจารณาสั่งคดี
ทนายความจำเลยแจงว่า อัยการทหารขอเลื่อนฟังผลการพิจารณาสั่งคดีว่าจะฟ้องหรือไม่ ไปเป็นวันที่ 11 ส.ค.2559 เวลา 8.30 น.เนื่องจากยังพิจารณาสำนวนคดีไม่แล้วเสร็จ
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า จำเลยทั้ง 3 รายได้แก่ นายสนิท สมงาม, นายสุวาจิตร คำป้อง และนางจิตตรา จันปุย ซึ่งเป็น 3 คนที่ปฏิเสธข้อกล่าวหาและขอต่อสู้คดี จากทั้งหมดที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา 15  คน เหตุเกิดจากกรณีที่กลุ่มสตรีศรีหนองบัวเปิดป้ายศูนย์ปราบโกงฯ ที่ศาลาวัดในวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามคนที่มีรูปถ่ายกับป้ายศูนย์ปราบโกงฯ ตามที่ทหารเข้าแจ้งความ รวม 15 รายซึ่งมีบางคนไม่อยู่ในภาพหรือในที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ดี ผู้ต้องหา 12 คน รับว่าอยู่ร่วมในกิจกรรมจริง ตำรวจจึงส่งตัวเข้า ‘อบรม’ หรือปรับทัศนคติที่กองร้อยอาสารักษาดินแดงที่ 1 จ.หนองบัวลำภู โดยเซ็นเงื่อนไขว่าจะไม่เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ขัดต่อคำสั่งหัวหน้า คสช. อีก และถือว่าเป็นอันยกเลิกคดี ขณะที่อีก 3 คนให้การปฏิเสธเนื่องจากไม่ปรากฏในภาพถ่าย และไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ หลังเข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนก็เรียกให้เข้าพบกะทันหันอีกในวันที่ 6 ก.ค. และนำตัวส่งอัยการศาล มทบ.24 โดยแจ้งผู้ต้องหาว่า ทหารเร่งรัดมา
ประชาไทสัมภาษณ์ผู้ต้องหาสูงวัยทั้ง 3 รายที่มาศาลทหารจังหวัดอุดรธานีในวันนี้ 

จิตตรา จันปุย
จิตตรา จันปุย วัย 61 ปี คนเสื้อแดงชาวหนองบัวลำภู อาชีพค้าขายในตลาดนัด เล่าเหตุการณ์ว่าเธอได้ร่วมอยู่ในกิจกรรมดังกล่าวจริง แต่เธอคิดว่ากิจกรรมดังกล่าวไม่ได้ผิดกฎหมาย เนื่องจากจัดโดยเจตนาบริสุทธิ์์เพราะต้องการาณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์เยอะๆ และเป็นการตรวจสอบเพื่อให้กระบวนการทำประชามติ 7 สิหาคมมีความโปร่งใส ถือเป็นการช่วยเหลือรัฐบาล
เมื่อถามเธอว่า ทราบหรือไม่ว่าข้อหาที่เธอถูกแจ้งความดำเนินคดีมีโทษหนักแค่ไหน เธอบอกว่าไม่ทราบ ไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
สนิท สมงาม คนเสื้อแดงชาวหนองบัวลำภู วัย 73 ปี อาชีพทำนา เล่าเหตุการณ์ว่า เขาไม่ได้อยู่ในกิจกรรมดังกล่าว เนื่องจากถูกเรียกตัวปรับทัศนคติก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีโดยถูกเจ้าหน้าที่ระบุว่าอยู่เบื้องหลังการจัดกิจกรรม
“ผมไม่ได้จัด แต่มวลชนจะจัด ผมบอกมวลชนว่าผมเปิดไม่ได้แล้วนะ ถูกเอาไปปรับทัศนคติแล้ว ทีนี้พวกคุณผู้หญิงก็บอกว่า ถ้าคุณไม่เปิด พวกฉันจะเปิด เขาเลยดำเนินการเปิดศูนย์ปราบโกงวันที่ 19 มิถุนายนได้ แต่ก็ยังโดนดำเนินคดี ข้อหาเป็นแกนนำหรือยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาหาว่าผมอยู่เบื้องหลัง ทั้งที่ไม่เข้าไปอยู่ที่นั่นหรือร่วมอะไร” สนิทกล่าว
สุวาจิตร คำป้อม อดีตผู้ใหญ่บ้านและหมอดินอาสา บ.นามะเฟือง ตำบลนามะเฟือง. อ. เมือง วัย 68 ปี อาชีพเกษตรกรชาวสวนยาง
"บอกไม่ให้เปิดก็ไม่เปิด ในเมื่อขอกันแล้วก็จะไม่เปิด” สุวาจิตรกล่าว

สนิท สมงาม


สุวาจิตร คำป้อง
สุวาจิตรกล่าวว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ได้มีการประกาศเปิดศูนย์ปราบโกงขึ้นที่ ต. โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ตัวเขาก็ไม่ได้ไปร่วม วันนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชื่อ ร.ต.ท.ถาวร แสงพา ไปหาที่บ้าน และตำรวจคนดังกล่าวยังได้ต่อโทรศัพท์ให้เขาได้คุยกับ พ.ต.ท.อำนาจ ฉิมมา ซึ่งเมื่อได้คุยกันเขาก็ยืนยันว่าจะไม่ไปเข้าร่วม และเมื่อถูกสอบถามว่ามีใครเข้าร่วมบ้างก็ไได้บอกไปว่าไม่รู้ รุ่งขึ้น วันที่ 20 มิ.ย. ทาง ร.ต.ท. ถาวรได้นำหมายเรียกมาให้เขาไปพบที่ สภ.อ.เมืองเพื่อทำการสอบสวนแต่เช้า เขาไปตามหมายเรียกและนั่งรอทั้งวันก็ไม่ได้มีการสอบปากคำแต่อย่างใด จนถึงตอนเย็นจึงได้รับอนุญาตให้กับบ้าน ต่อมาวันที่ 21 มิ.ย. ร.ต.ท. ถาวร ได้นำหมายมาให้เพื่อให้เขากลับมาที่ สภ.อ. เมืองอีกครั้งจากนั้นจึงได้รับแจ้งข้อกล่าวหาว่า ขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. มีการกระทำอันถือว่าเป็นการมั่วสุมทางการเมือง 5 คนขึ้นไป ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
เมื่อถามว่าจะสู้คดีหรือไม่ สุวาจิตรวัย 68 ปี ยืนยันว่าจะต่อสู้คดี เพราะเชื่อว่าไม่ได้ทำผิด
“ในวันเกิดเหตุก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่กับเราตลอด แล้วก็ไม่รู้ว่าเอาข้อหามาให้เราได้อย่างไร กิจกรรมพ่อก็ไม่ได้ไปทำกับเขา”สุวาจิตกล่าว

ศักดิ์ระพี พรหมณ์ชาติ
ผู้สื่อข่าวสอบถาม ศักดิ์ระพี พรหมณ์ชาติ เลขาธิการ นปช. ภาคอีสาน 20 จังหวัด ซึ่งติดตามคดีจัดตั้งศูนย์ปราบโกงทั้งหมดในภาคอีสานว่ามีคดีจำนวนเท่าไร ศักดิ์ระพี ตอบว่า ปัจจุบันได้มีการแจ้งข้อหาแล้ว ที่จังหวัดสกลนคร 5 คน นครพนม 1 คน อุดรธานี 4 คน หนองบัวลำภู 3 คน สุรินทร์ 1 คน รวมเป็น 14 คน นอกจากนี้จากกิจกรรมเปิดศูนย์ปราบโกงเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมามีคนเสื้อแดงในภาคอีสานถูกเรียกรายงานตัวทั้งสิ้นประมาณ 600 คน
ศักดิ์ระพี เป็น 1 ในผู้ต้องหาทั้งจากคดีเปิดศูนย์ปราบโกงจังหวัดสกลนคร และที่ กทม. กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุเขาอยู่ที่สถานี Peace TV ที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าว กรุงเทพฯ แต่กลับโดนแจ้งข้อหาที่สกลนครด้วย ซึ่งคาดว่าเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนคนเสื้อแดงในพื้นที่ทำให้รู้ว่าเขาเป็นคนนำเสื้อและอุปกรณ์การทำกิจกรรมเปิดศูนย์ปราบโกงมาให้ จึงแจ้งข้อหาขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนที่จังหวัดสกลนครด้วย
ศักดิ์ระพีกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ต้องให้เครดิตตำรวจในหลายพื้นที่ที่ไม่เอาเรื่องและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน แต่ก็เข้าใจได้ว่าหลายจังหวัดที่ดำเนินคดีกับชาวบ้านเป็นเพราะเกรงกลัวอำนาจรัฐ เพราะไม่อยากเดือดร้อนต้องถูกโยกย้าย

'ขอนแก่น-สตูล' มือมืดลักลอบเผาบัญชีรายชื่อหน่วยออกเสียงประชามติ


21 ก.ค.2559 จากกรณีมีมือมืดฉีกบัญชีผู้มีสิทธิลงคะแนนประชามติร่างรัฐธรรมนูญ หน่วยที่ 5 โรงเรียนวชิรสารศึกษา หมู่ที่ 5 บ้านเหนือ ต.สลกบาตร อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร เมื่อวันนี้ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าเกิดจากความซุกซนของเด็กหญิง 2 คน อายุเพียง 8 ขวบไปวิ่งเล่นกันที่บริเวณกระดานติดรายชื่อดังกล่าว (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
ล่าสุดวันนี้ (21 ก.ค.59) สำนักข่าวไอเอ็นเอ็นและไทยรัฐออนไลน์ รายงานตรงกันว่าว่า เกิดเหตุมีผู้ลักลอบเผาบัญชีรายชื่อหน่วยออกเสียงประชามติที่ จ.ขอนแก่น และ จ.สตูล
พันธุ์เทพ เสาโกศล นายอำเภอชุมแพ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สรายุทธ์ ฉ่ำผิว ผกก.สภ.ชุมแพ และ ร.ท.ชัยยัน ศรีระบุตร หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ร้อย รส.ร.8 พัน 2 ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุคนร้ายลอบทำลายบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนที่ทำการติดตั้งอยู่ภายในหน่วยเลือกตั้งที่ 36 ชุมชนใหม่สามัคคี เขตเทศบาลเมืองชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น หลังได้รับแจ้งจากผู้นำชุมชนว่าเกิดเหตุคนร้ายบุกเข้ามาก่อเหตุเมื่อช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา (20 ก.ค.) ซึ่งจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบเอกสารประกาศกำหนดหน่วย หรือใบ อ.ส.4 และ บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์ หรือ อ.ส.6 ถูกแกะลงมาจากกระดานที่ติดไว้ก่อนถูกคนร้ายเผาทำลายทั้งชุดขณะที่บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิถูกเผาไป 4 แผ่น
นายอำเภอชุมแพ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เร่งสอบปากคำพยานแวดล้อมรวมไปถึงผู้ที่พบคนแรก ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ที่มาพบเอกสารสำคัญดังกล่าวถูกทำลายและเผาทิ้งไว้ ทั้งนี้คาดว่า คนร้ายน่าจะก่อเหตุกลางดึก ซึ่งเป็นช่วงที่ไม่มีผู้คนสัญจรผ่านไป-มา อีกทั้งหน่วยเลือกตั้งที่ 36 นี้ได้กำหนดใช้เป็นสถานที่สำหรับการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานไปยัง กกต.จังหวัด ในการส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมตรวจสอบพร้อมทั้งเร่งทำเอกสารชุดใหม่มาทำการติดตั้งแทนเพื่อให้การดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ นั้น ดำเนินการต่อไป

สตูล ผวจ.เร่งล่า

ภัทรพนธ์ รัตนพิเชฏฐชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ด้วยว่า เมื่อกลางดึกของคืนที่ผ่านมา (20 ก.ค. 59) ได้เกิดเหตุคนร้ายเข้าไปลอบฉีกทำลาย และเผาบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียงลงประชามติ ที่ติดตั้งไว้บริเวณจุดลงทะเบียน บ้านเจ๊ะบิลัง ต.เจ๊ะบิลัง อ.เมือง จ.สตูล ส่งผลให้เอกสารได้รับความเสียหายบางส่วน ล่าสุด ตนได้กำชับไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้เกี่ยวข้องให้เพิ่มมาตรการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตามจุดเลือกตั้งทุกหน่วยที่เหลือทั่วทั้งจังหวัดสตูล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก นอกจากนี้ ยังได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งดำเนินการติดตามตัวมือมืดมาดำเนินคดี เบื้องต้นได้มีการแจ้งความไว้แล้ว 
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างสอบสวนหาต้นเหตุ ว่าเป็นการกระทำโดยหวังผลทางการเมือง หรือ เป็นฝีมือของกลุ่มวัยรุ่นที่คึกคะนอง