ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มีพระดำรัสถึงหน้าที่คนไทย
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มีพระดำรัสถึงหน้าที่คนไทย
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเสด็จทอดพระเนตรการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จ.น่าน ที่โรงเรียนบ้านหนองนก ต.กลางเวียง อ.เวียงสา จ.น่าน
ในการนี้พระราชทานพระโอวาทแด่ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จ.น่าน ที่โรงเรียนบ้านหนองนก ต.กลางเวียง อ.เวียงสา จ.น่าน ความตอนหนึ่งดังนี้
“หน้าที่แรกของคนไทยเราคือต้องจงรักภักดีต่อชาติ จงรักภักดีต่อแผ่นดินเกิด ที่ว่าจงรักภักดีนี่ทำอย่างไร ไม่มีอะไรยาก ทุกคน ทุกอาชีพ จงรักภักดีต่อแผ่นดินได้ โดย
อันนี้ต้องเน้นคำว่า สุจริต สุจริตคือซื่อสัตย์ ไม่ฉ้อ ไม่โกง ไม่รับสิบาทคาดสินบน ไม่ไปรับเงินคนอื่นเพื่อมาทำลายชาติของตัวเอง อันนี้คือหน้าที่ของคนไทยที่จะต้องจงรักภักดีต่อชาติ และศาสนา และพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ ที่ข้าพเจ้าพูดนี้ หมายถึงที่คนไทยเรียกกันว่า ในหลวง”
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงเสด็จทอดพระเนตรการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จ.น่าน ที่โรงเรียนบ้านหนองนก ต.กลางเวียง อ.เวียงสา จ.น่าน
ในการนี้พระราชทานพระโอวาทแด่ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จ.น่าน ที่โรงเรียนบ้านหนองนก ต.กลางเวียง อ.เวียงสา จ.น่าน ความตอนหนึ่งดังนี้
“หน้าที่แรกของคนไทยเราคือต้องจงรักภักดีต่อชาติ จงรักภักดีต่อแผ่นดินเกิด ที่ว่าจงรักภักดีนี่ทำอย่างไร ไม่มีอะไรยาก ทุกคน ทุกอาชีพ จงรักภักดีต่อแผ่นดินได้ โดย
- ประการแรกประพฤติตัวเป็นพลเมืองดีของประเทศไทย
- ประการที่สอง ประกอบสัมมาอาชีพด้วยความตั้งอกตั้งใจ
อันนี้ต้องเน้นคำว่า สุจริต สุจริตคือซื่อสัตย์ ไม่ฉ้อ ไม่โกง ไม่รับสิบาทคาดสินบน ไม่ไปรับเงินคนอื่นเพื่อมาทำลายชาติของตัวเอง อันนี้คือหน้าที่ของคนไทยที่จะต้องจงรักภักดีต่อชาติ และศาสนา และพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ ที่ข้าพเจ้าพูดนี้ หมายถึงที่คนไทยเรียกกันว่า ในหลวง”
ราชเลขานุการในพระองค์ ชี้แจงหนังสือของปลอม
ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ชี้หนังสือลับถึงปลัดกลาโหมเนื้อหาการรักษาความปลอดภัย “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” ระดับสูงสุดโดยให้ใช้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ ที่เผยแพร่ตามสังคมออนไลน์เป็นเอกสารปลอม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่ เอกสารราชการที่มีตราประทับชั้น “ลับที่สุด” ของสำนักราชเลขานุการในพระองค์ฯ กองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ลงนามโดย พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์ฯ
โดยเนื้อหาในหนังสือดังกล่าวระบุว่า ส่งถึงปลัดกระทรวงกลาโหม (กห.) โดยมีเนื้อหาว่าด้วย การรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีระดับสูงสุด โดยการใช้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ
ซึ่งจากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวไปยัง พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์แล้ว ได้รับการชี้แจงว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม
ล่าสุด พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันกับผู้สื่อข่าวระบุว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม และ ไม่ใช่เอกสารของทางหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์แต่อย่างใด ซึ่งทางราชเลขาฯ ก็ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนอยากขอร้องว่าไม่ควรนำการเมืองไปเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ขณะที่การดูแลความปลอดภัยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็เป็นหน้าที่ตำรวจและทหารที่อยู่ในพื้นที่ โดยไม่มีกำลังพลของหน่วยในพระองค์มาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
Post by MatichonTV.
สตช.เผยประชาชนแห่แจ้งความใช้สิทธิ์ไม่ได้ 1.1 หมื่นราย
สตช.เผยประชาชนแห่แจ้งความใช้สิทธิ์ไม่ได้ 1.1 หมื่นราย
โฆษก สตช.เผย ระหว่าง 9 ม.ค.ถึง 2 ก.พ.57 มีผู้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งรวม 57 คดี ส่วนประชาชนที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ และไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ มีจำนวน 11,041 ราย
4 ก.พ.2557 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยจำนวนประชาชนที่ไม่สามารถใช้สิทธิเลือกตั้ง เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจกว่า 1 หมื่นราย และพบมีการทำผิดกฎหมายช่วงการเลือกตั้งรวม 57 คดี
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2557 ถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 มีทั้งสิ้น 34 คดี เฉพาะวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งทั่วไป มีคดีเกิดขึ้น 23 คดี รวมคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมด 57 คดี แบ่งเป็นคดีขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 22 คดี / กล่าวหาพนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต 24 คดี / ฉีกบัตรเลือกตั้ง 10 คดี /จำหน่ายสุราในเวลาห้าม 3 คดี / ฝ่าฝืนประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2 คดี และคดีทำร้ายร่างกาย 2 คดี โดยอยู่ระหว่างการสอบสวน 55 คดี และส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 2 คดี ส่วนประชาชนที่ไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ และไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจ มีจำนวน 11,041 ราย
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)