วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ด่วน! การ์ด กปปส.ช่อง 5 ไล่แทงสองผัวเมียท้องแก่ ผัวโดนแทงปอด-ตับเข้า ICU เมียท้องแก่โดนกระทืบตกเลือดหนักแท้งลูก





           การ์ด กปปส.ช่อง 5 ไล่แทงสองผัวเมียท้องแก่ ผัวโดนแทงปอด-ตับเข้า ICU เมียท้องแก่โดนกระทืบแท้งลูกเลือดไหล
            รายงานด่วนว่า นายธนกฤต ปิ่นวิเศษ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73 หมู่ 4 ต.ห้วยคันแหลน อ.วิเศษไชชาญ. จ.อ่างทอง ถูกการ์ด กปปส.ทำร้ายอาการสาหัส อยู่ห้อง ICU รพ.ราชวิถี ตึกสิรินธร ชั้น 3 โดยเมื่อวันที่ 10พฤษภาคม 2557 เวลาประมาณ 23.00 น. เศษฝนกำลังตก ผู้บาดเจ็บได้ขับรถผ่านถนนพหลโยธินหน้าช่อง 5 เพื่อไปส่งน้ำแข็งปรากฏว่ามองไม่เห็นกรวยของการ์ด กปปส.รถจึงชนเข้ากับกรวยที่ การ์ดตั้งไว้ ปรากฏว่ากลุ่มการ์ดได้เข้ามารุมทำร้ายใช้มีดแทงทะลุปอด,ตับ ไปรักษาตัวที่ รพ.ราชวิถี ส่วนภรรยาชื่อ น.ส.นันทวดี ช่วยมาลีชม ภรรายาคนเจ็บท้อง 7 เดือนนั่งรถมาโดนซ้อมทั้งที่ตะโกนบอกว่าท้องแก่ใกล้คลอด แต่การ์ดม็อบ กปปส.ไม่ฟัง ถูกกระทืบจนแท้งลูกต้องคลานหนีตายเกือบเอาชีวิตไม่รอด

เมือกหงอยแดก หลังรับรู้ว่าใครสั่ง แผ่นแนบกลับสวนลุม


            เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่10 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำคปท.เดินทางเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาลเพื่อเจรจากับตำรวจและทหารที่ดูแลความปลอดภัยในบริเวณทำเนียบรัฐบาลเพื่อจะใช้พื้นที่ตึกสันติไมตรีเป็นกองบัญชาการของเแกนนำกปปส.ในช่วงที่ชุมนุมอยู่บริเวณทำเนียบรัฐบาลอีกทั้งยังใช้เป็นสถานที่สำหรับอ่านแถลงการณ์ประจำวัน ทั้งนี้การขอใช้พื้นที่ตึกสันติไมตรี นั้นในเบื้องต้นจะอนุญาตให้เฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาตเข้ามาในพื้นที่เท่านั้น แต่ไม่อนุญาตให้ผู้ชุมนุมเข้าไปด้านในเด็ดขาด

            ด้าน พ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน รองผู้บังคับการกรมทหารม้า ศูนย์การทหารม้า ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการ กล่าวว่า หลังจากการเจรจากับนายสุเทพ ได้ยอมให้นายสุเทพใช้พื้นที่ตึกสันติไมตรีทั้งหลัง ด้วยเหตุผลว่าหากไม่ยินยอมให้ใช้พื้นที่แล้วอาจมีผู้ชุมนุมบุกเข้ามาทำลายทรัพย์สินให้ได้รับความเสียหายได้ ทั้งนี้ตนได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ของทำเนียบรัฐบาลที่ดูแลสถานที่ให้ทราบแล้วแต่จะจำกัดให้นายสุเทพใช้พื้นที่เฉพาะตึกสันติไมตรีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อนายสุเทพพร้อมแกนนำได้เจรจาเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาลเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยใช้เวลาเจรจา1ชั่วโมงก็ได้เดินทางกลับไปยังเวทีปราศรัยที่สวนลุมพินีทันที ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้างวดของการ์ด กปปส.


โล้นอิสระ แกล้งเดี้ยงอีกแล้ว



พุทธะอิสระทรุดหลังโดนแก๊สน้ำตา


                (9 พ.ค.) หลังจากที่พุทธะอิสระ นำมวลชนกปปส.มาปิดล้อมหน้าสโมสรตำรวจ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ศอ.รส. แต่ไม่มีผู้ใดออกมาเจรจา จึงพยายามนำมวลชนจึงเข้าไปด้านใน และเมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. เกิดเหตุชุลมุนเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เริ่มปฏิบัติการด้วยการฉีดน้ำและยิงแก๊สน้ำตา 7 ลูกต่อเนื่อง ใส่มวลชน กปปส. ศูนย์เอราวัณรายงาน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 รายเป็นชาย 2 หญิง 2 ถูกนำส่ง รพ.วิภาวดีฯ


                  ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก Thefukks Fathers ได้แชร์ภาพ พุทธะอิสระ หลังถูกตำรวจฉีดน้ำและยิงแก๊สน้ำตาใส่จนจีวรเปียกชุ่ม พร้อมโชว์หลักฐานชิ้นส่วนแก๊สน้ำตาที่ตำรวจยิงมา โดยหลวงปู่พุทธะอิสระ ขอให้ตำรวจรับแจ้งความ ชี้พยายามฆ่า ทำเกินกว่าเหตุ และละเมิดสิทธิประชาชน



จตุพร ชี้ ....เป็นไปไม่ได้...ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครอง ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานวุฒิสภา สุมหัวแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 .





              เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 10 พ.ค. ที่ถ.อักษะ บริเวณชุมนุมของกลุ่มนปช. นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานนปช. แถลงถึงกรณี ที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เสนอให้ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครอง ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และประธานวุฒิสภา ประชุมกันในวันที่ 12 พ.ค. เพื่อให้มีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 ว่า ข้อเสนอดังกล่าวของนายสุเทพ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่ประธานวุฒิสภา ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง จึงยังทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ใดๆได้ ซึ่งกระบวนการเลือกประธานวุฒิสภาเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่่ผ่านมานั้น ถือว่าขัดต่อหลักปฏิบัติของวุฒิสภาที่จะมีการเลือกประธานฯในสมัยสามัญ ไม่ใช่สมัยวิสามัญแบบครั้งนี้ ทั้งยังถือเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ กระทำการนอกเหนือไปจากที่ พ.ร.ฎ.เปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ กำหนดไว้ ถ้าหากมีผู้ไปร้องศาลกระบวนการโปรดเกล้าฯก็จะต้องล่าช้าไปอีก และ ก็เป็นนายสุเทพเอง ที่ออกมาปฏิเสธว่า นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจในการทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้ง ก็เท่ากับว่า จะไม่มีใครนำชื่อประธานวุฒิสภาขึ้นทูลเกล้าฯ ตนคิดว่านายสุเทพวางสนุ้กตัวเอง

            นายจตุพร กล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่า นายนิวัฒน์ธำรง มีอำนาจตามที่นายกรัฐมนตรีรักษาการมีทุกอย่าง และจากเหตุการณ์เมื่อปี 51 ที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ให้ นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี สิ้นสภาพความเป็นนายกรัฐมนตรี และยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาประชาธิปไตย นั้น นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล ซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอันดับ 3 ก็ขึ้นมารักษาการนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ ก็ไม่เคยทักท้วงว่า นายเชาวรัตน์ จะรักษาการไม่ได้ จนกระทั่งมีการดีลจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปัตย์ในค่ายทหารจนสำเร็จ แต่ครั้งนี้กลับมาปฏิเสธว่า รองนายกฯไม่สามารถรักษาการนายกรัฐมตรีได้

             ประธานนปช. กล่าวอีกว่า ข้อเสนอที่ให้ประธานวุฒิสภา และประธานศาลทั้ง 3 ประชุมกัน เป็นสิ่งที่ไม่มีในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ ประธานศาล จะมีอำนาจมาปรึกษาหารือกันเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ตนจึงอยากเรียกร้องไปยังประธานศาลทั้ง 3 ว่า หากดำเนินการตามที่นายสุเทพยุแยงจะถือเป็นการสร้างวิกฤติชาติ อันจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง ทางออกของประเทศไทยต้องเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ไม่มีอำนาจฝ่ายใดมาอยู่เหนือการเมืองได้ และขอยืนยันว่า ตอนนี้ประเทศไทยไม่มีสุญญากาศทางการเมือง

             "ขอเรียกร้องให้ประธานศาลโดยเฉพาะประธานศาลฎีกาอันถือเป็นประมุขของฝ่ายตุลาการ ที่ไม่เคยถูกประชาชนเคลือบแคลงสงสัยมาก่อนว่า อย่าไปประชุมปรึกษากันในวันที่ 12 พ.ค. หรือวันที่ 11 พ.ค. เพื่อหวังจะเร่งเกมให้เสร็จโดยเร็วตามข้อเสนอของนายสุเทพ ซึ่งเป็นกบฎตามที่อัยการส่งฟ้องศาลแล้ว เพราะจะเป็นการทำให้อำนาจฝ่ายตุลาการต้องมาแปดเปื้อน กลุ่ม นปช.หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประชุมดังกล่าวในวันที่ 12 พ.ค. จะไม่เกิดขึ้น เพราะคนเสื้อแดงไม่อาจยอมรับการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยได้ ผมคาดหวังว่าประมุขฝ่ายตุลาการจะคลี่คลายปัญหา ไม่ใช่มาสร้างวิกฤติความขัดแย้ง หากประธานศาลและประธานวุฒิฯมีการไปประชุมกันเมื่อไร ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นความขัดแย้งครั้งเลวร้ายที่สุดที่จะเคยมีมาในประเทศไทย มันจะกลายเป็น สงคราม กลางเมือง และกลุ่มคนเสื้อแดงก็จะชุมนุมกันยืดเยื้อยาวนานจนกว่าประเทศนี้จะเป็นประชาธิปไตย โดยจะยึดหลักสันติวิธีเอาไว้" ประธานนปช. กล่าว 

ระเบิด 40 มม. ลงข้างทำเนียบ - มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย

Sun, 2014-05-11 04:28
          เกิดเหตุลอบยิงระเบิด 40 มม. 2 ลูก ตกใกล้ที่ชุมนุม คปท. เมื่อคืนนี้มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดช่วงแกนนำ กปปส.-คปท. หารือกันหลังเวที
           11 พ.ค. 2557 - เมื่อเวลา 22.35 น. เกิดเหตุลอบยิงระเบิดชนิด 40 มม. ตกใส่บริเวณที่ชุมนุมของ คปท. จำนวน 2 ครั้ง แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมลึกบริเวณริมรั้วทำเนียบรัฐบาล ด้านสะพานชมัยมรุเชฐ โดยหลังเกิดเหตุมีผู้บาดเจ็บสองรายได้แก่ นายณรงค์ชัย ลีศิริรุ่งโรจน์ อายุ 52 ปี และนางอิสระ ศรีคล้าย อายุ 58 ปี โดยได้รับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ภาพตัวอย่าง
ภาพเครื่องยิง ตัวอย่าง
         นอกจากนี้ มีรายงานใน เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ว่าขณะเกิดเหตุ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กำลังประชุมหารือแนวทางการเคลื่อนไหวอยู่หลังเวที คปท. ต่อมาได้รับการยืนยันว่านายสุเทพปลอดภัย
          ทั้งนี้ ศูนย์เอราวัณ สรุปตัวเลขผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดข้างทำเนียบรัฐบาลที่ 2 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ตรงสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามเป้า ใกล้พื้นที่ชุมนุมของกองทัพธรรมด้วย



ภาพชุด ยิง M79 ใส่ทำเนียบรัฐบาล และหน้าโรงเรียนราชวินิตฯ












           วันที่ 11 พ.ค. พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผู้กำกับการกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ตกภายในทำเนียบรัฐบาล และบริเวณหนัาโรงเรียนราชวินิตมัธยม ข้างเวทีเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) โดยกล่าวว่า จุดเกิดเหตุบริเวณหน้าตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ทำให้มีหลุมกว้าง 5 เซนติเมตร และลึกประมาณ 5 เซนติเมตร มีร่อยรอยของสะเก็ดระเบิดโดยรอบ โดยระเบิดเอ็ม 79 จะมีรัศมีจะทำลาย 5 เมตร ในส่วนวิถีการยิง ยังไม่ทราบแน่ชัดโดยจะตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าระยะที่ยิงเป็นระยะไม่เกิน 400 เมตร และระยะที่หวังผลได้ คือ 200 เมตร

            โดยเวลาประมาณ 22.50 น. วันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา เกิดระเบิด 2 ครั้ง บริเวณหลังเวทีการชุมนุมกลุ่ม คปท.ด้านหน้า รร.ราชวินิต และอีกจุดบริเวณเต็นท์ด้านข้างทำเนียบรัฐบาล ส่งผลให้ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ 2 คน เป็นชาย 1 คนหญิง 1 คน ขณะนี้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว

         จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบตู้โทรศัพท์สาธารณะได้รับความเสียหาย กระจกแตก รถผู้ชุมนุม 3 คันที่จอดอยู่ ถูกสะเก็ดระเบิด ยางแตก กระจกและประตูรถมีรอยสะเก็ดระเบิด โดยแกนนำขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ อย่าตื่นตระหนกเพราะมีการ์ดรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว

         ส่วนวิถีกระสุนและชนิดของระเบิดนั้น นายยัสเซอร์ ยีหมะ ผู้ประสานงานกลุ่ม คปท. และ หน.การ์ด เปิดเผยว่า แกนนำได้ประสานเจ้าหน้าที่อีโอดีให้เข้าตรวจสอบหาหลักฐานในเวลา 09.00 น. วันที่ 11 พ.ค. โดยขณะเกิดเหตุเป็นช่วงที่มีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ไม่มีใครพบเห็นยานพาหนะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นคาดเป็นระเบิดชนิด M79

สุเทพ เทือกสุบรรณจะใช้ตึกสันติไมตรีเป็นกองบัญชาการ กปปส.


Sun, 2014-05-11 00:15

เลขาธิการ กปปส. จะใช้ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เป็นกองบัญชาการ-ใช้ประชุมแกนนำ-อ่านแถลงการณ์ โดยรอง ผบ.กรมทหารม้า ตั้งเงื่อนไขเข้าได้เฉพาะแกนนำและให้รักษาความสะอาด ขณะที่จันทร์นี้ กปปส.จะย้ายจากสวนลุมพินีมาปักหลักที่ ถ.ราชดำเนิน-ทำเนียบรัฐบาล
11 พ.ค. 2557 - เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (10 พ.ค.) สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำ คปท. เดินทางเข้าเจรจากับตำรวจและทหารที่ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอใช้พื้นที่ตึกสันติไมตรี เป็นกองบัญชาการของ กปปส. และใช้เป็นสถานที่นัดพบของแกนนำย่อยในช่วงที่ยังชุมนุมอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล รวมถึงจะใช้เป็นสถานที่อ่านแถลงการณ์ประจำวัน โดยนายสุเทพ ยืนยันว่าจะไม่อนุญาตให้มวลชนเข้าไปชุมนุมด้านในอาคารอย่างเด็ดขาด
ขณะที่ พ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน รองผู้บังคับการกรมทหารม้า ศูนย์การทหารม้า ซึ่งเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ เปิดเผยภายหลังจากการเจรจากับ เลขาธิการ กปปส. ว่า เบื้องต้นยินยอมให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ใช้พื้นที่ตึกสันติไมตรีทั้งหลังเพื่อป้องกัน ในกรณีที่ผู้ชุมนุมอาจไม่พอใจและบุกรุกเข้ามาทำลายทรัพย์สินให้เสียหายได้ โดยได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ของทำเนียบรัฐบาลที่ดูแลสถานที่ให้ทราบแล้ว และจะจำกัดให้ใช้เฉพาะตึกสันติไมตรีเท่านั้น
สุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. หารือภายในตึกสันติไมตรี เมื่อวันที่ 10 พ.ค. โดย กปปส. จะใช้ตึกสันติไมตรีเป็นกองบัญชาการและที่ประชุมของ กปปส. และในวันที่ 11 พ.ค. จะมีการย้ายมวลชนมาจากสวนลุมพินี มาปักหลักที่ ถ.ราชดำเนิน และทำเนียบรัฐบาล (ที่มา: เพจสุเทพ เทือกสุบรรณ)
ผู้สื่อข่าวประชาไทรายงานเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้มีรายงานว่า นายนัสเซอร์ ยีหมะ หัวหน้าการ์ด คปท. รับมอบดูแลพื้นที่ต่อ โดยเงื่อนไขที่ กปปส. และฝ่ายทหาร-ตำรวจตกลงกันนั้นได้แก่ หนึ่ง จะไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาภายในทำเนียบ สอง ต้องไม่ทำสถานที่ราชการเสียหาย ต้องตรวจสอบคนที่จะเข้ามาและรักษาความสะอาด สาม ใช้ได้เฉพาะตึกสันติไมตรี สี่ ช่วงที่มีการใช้สถานที่ต้องรับผิดชอบให้ทุกอย่างสงบเรียบร้อย
โดยภายหลังเจรจากับนายทหารผู้รักษาทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพได้เดินทางกลับไปยังเวที กปปส. สวนลุมพินี และในช่วงค่ำได้ขึ้นปราศรัย โดยระบุว่าวันที่ 12 พ.ค. หลังรับประทานอาหารกลางวันแล้ว จะเก็บข้าวของจากสวนลุมพินี และย้ายมาปักหลักตลอด ถ.ราชดำเนิน จนถึงทำเนียบรัฐบาล
"เราจะเคลื่อนย้ายมวลมหาประชาชนจากเวทีลุมพินีไปทำเนียบรัฐบาล ยึดถนนราชดำเนินหมดทั้งสาย เราสัญญากันว่าเราจะกลับไปฉลองชัยที่ราชดำเนิน บัดนี้ได้เวลาที่จะต้องกลับไปฉลองชัยกันที่ราชดำเนินแล้ว พี่น้องชาวสวนลุมพินี พรุ่งนี้เก็บข้าวของปัดกวาดให้เรียบร้อย ส่งมอบพื้นที่สวนลุมพิธี คืนให้กับ กทม. วันมะรืนนี้กินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว ผมจะเดินนำขบวนอพยพไปราชดำเนิน ทำเนียบรัฐบาล" สุเทพปราศรัยตอนหนึ่ง
สุเทพยังกล่าวว่า ถ้ากระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยวุฒิภาเป็นไปโดยราบรื่น ได้คนดี คนเก่ง ตรงใจประชาชน ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตั้งรัฐบาลใหม่ รับมอบภารกิจในการปฏิรูปประเทศตามเจตนารมณ์ กปปส. แล้วก็จะจุดพลุฉลองชัยแล้วกลับบ้าน "แต่ถ้ากระบวนการที่ได้นายกรัฐมนตรีไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ประชาชนก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจัดการด้วยมือประชาชน ให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นมาให้ได้ จึงจะจบภารกิจของเรา" สุเทพระบุ

พระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จแทนพระองค์ให้ทหาร-ตำรวจชั้นนายพลเฝ้าปฏิญาณตน

Sun, 2014-05-11 04:01

พระเจ้าอยู่หัวฯ โปรดเกล้าให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จแทนพระองค์ให้นายทหาร-นายตำรวจชั้นนายพล 874 นายที่ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้น-เฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยทรงให้นายทหารทบทวนพระบรมราโชวาทของพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ว่าทหารและตำรวจต้องภูมิใจในเกียรติและรักษาวินัย
ที่มาของภาพ: ข่าวในพระราชสำนัก/โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
             11 พ.ค. 2557 - สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานข่าวในพระราชสำนักวันที่ 10 พ.ค. ว่าวันนี้ เวลา 15.44 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จออกแทนพระองค์ ณ อาคารใหม่สวนอัมพร พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายทหารชั้นนายพลจำนวน 755 นาย และนายตำรวจชั้นนายพลจำนวน 119 นาย ที่ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้น ประจำปี 2556 เฝ้าทูลละอองพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณ
           ในโอกาสนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานพระราโชวาท ความว่า ทหารและตำรวจนั้นมีหน้าที่สำคัญ คือการรักษาความมั่นคงของประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นภาระอันหนักและยากลำบาก ทุกคนจึงต้องมีหลักยึดเหนี่ยวสำหรับเป็นเครื่องรักษาตน และกำกับประคับประคองให้งานทุกอย่างดำเนินไปอย่างถูกต้องเที่ยงตรง สิ่งนั้นก็คือเกียรติและวินัย ในเรื่องนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เคยพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ที่ประชุมนี้ครั้งหนึ่งนานมาแล้วว่าทหารและตำรวจย่อมต้องมีเกียรติและมีวินัย คือมีความภูมิใจในเกียรติของตนที่มีหน้าที่สำคัญ และรักษาวินัย เพราะว่าเป็นงานที่จะต้องใช้ความรู้ด้านหนึ่ง ใช้ความกล้าหาญด้านหนึ่ง ใช้ความซื่อสัตย์สุจริตด้านหนึ่ง เพื่อสามารถที่จะทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันจากภัยอันตรายทั้งหลายที่จะมาจากภายนอกประเทศ ภายในประเทศ ภายนอกตัวเอง และภายในตัวเอง จึงขอให้พิจารณาทบทวนพระบรมราโชวาทดังกล่าวให้ทราบโดยตระหนัก แล้วน้อมนำไปเป็นหลักในการประพฤติตนปฏิบัติงาน เพราะเกียรติและวินัยทั้งสองประการนี้ เป็นปัจจัยอย่างสำคัญที่จะคุ้มครองตนให้รอดพ้นจากความผิดพลาดและความเสื่อมเสียทั้งปวงได้ ทั้งจะเกื้อหนุนให้ประสบความสำเร็จ ได้รับความเชื่อถือยกย่องในเกียรติในศักดิ์ศรี และในความสามารถพร้อมทุกประการ

"สุเทพ" แถลงแบไต๋ สมคบ "ปธ.วุฒิสภา, ปธ.ศาลฎีกา, ปธ.ศาลรัฐธรรมนูญ. ปธ.ศาลปกครอง, ปธ.กกต." ตั้งนายกฯคนกลางทันที







            วันที่ 10 พฤษภาคม 2557 (go6tv) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวที่ทำเนียบรัฐบาล เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกายโดยสรุปความว่า

           “การต่อสู้ของมวลมหาประชาชน ทำให้ระบอบทักษิณล่มสลายลง ด้วยความทุจริตฉ้อฉล ทำให้ทุกองค์กร ทหาร ข้าราชการตำรวจ ทหาร ผู้พิพากษา ประชาชน ทำให้ประเทศไทยขณะนี้อยู่ในสภาพไม่มีรัฐบาลบริหารประเทศ

              เพราะประเทศไทยไม่มีนายกฯ จนรัฐบาลสิ้นสภาพ ไม่มีรัฐบาลประเทศ มีแค่รองนายกรัฐมนตรีรักษาการ ไม่มีศักดิ์ ฐานะเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล ไม่สามารถใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลได้ ประเทศไทยจึงไม่มีนายกรัฐมนตรีโดยชอบด้วยกฎหมาย

              ขอเรียกร้องให้ประธานวุฒิสภา ปธ.ศาลฎีกา ปธ. รธน. ปธ.ศาลปกครอง ปธ. กกต. ดำเนินการให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ทันที ทั้งนี้ มวลมหาประชาชน จะชุมนุมด้วยสงบจนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี มาบริหารประเทศตามเจตนารมย์มวลมหาประชาชน

               ผมได้ทำหนังสือถึง ประธานวุฒิสภา ปธ.ศาลฎีกา ปธ. รธน. ปธ.ศาลปกครอง ปธ. กกต. ให้ร่วมกันปรึกษาหารือเพื่อจัดให้มีนายกรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด”

             ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ฟรีทีวี ไม่ได้ใช้วิธี "ถ่ายทอดสด" แต่อย่างไร แต่เลี่ยงให้ใช้การรายงานข่าวตัดเข้าแถลงการณ์สั้นๆ ในช่วงข่าวแทนการถ่ายทอดสด

นปช. แถลงโต้ทันที "ข้อเสนอนายสุเทพ ผิดรัฐธรรมนูญ หรือประธานศาลทั้งหมด อยากทำผิดรัฐธรรมนูญ?"




           วันที่ 10 พฤษภาคม 2557 (go6tv) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. แดงทั้งแผ่นดินได้แถลงการณ์ตอบโต้การแถลงการณ์ของนายสุเทพ ที่ถนนอักษะ พุทธมณฑลสาย 4 ความว่า

            “นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ไม่อาจยอมรับการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย และไม่เป็นไปตาม รธน.ได้ เรามีความคาดหวังว่า ประมุขฝ่ายตุลาการต้องเป็นฝ่ายแก้ไขปัญหา ไม่ใช่เป็นฝ่ายสร้างปัญหา
มีข่าวว่าจะมีการประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะเชื่อว่า หากมี จะเป็นจุดเริ่มต้นความขัดแย้งในประเทศไทย

               ในขณะนี้ ประธานวุฒิสภา เพิ่งได้รับการเลือกตั้ง แต่ยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาเลยซึ่งจะต้องมีการโปรดเกล้าฯ ก่อน และคนจะนำทูลเกล้าคือ นายกรัฐมนตรี ดังนั้นจึงไม่สามารถทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา และประธานรัฐสภา ได้

             ข้อเสนอนายสุเทพ ผิดกฎหมาย ทำไม่ได้ตามกฎหมาย เป็นข้อเสนอที่ให้ทุกศาล ทำผิดรัฐธรรมนูญ หากฟ้องได้ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะศาลไม่มีอำนาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีสุญญากาศทางการเมืองแต่อย่างไร
รธน.กำหนดให้ นายกฯ ต้องมาจาก ส.ส.เท่านั้น ดังนั้น ประธานศาลจึงไม่มีอำนาจใดๆ ไปแต่งตั้งนายกฯ ตามคำร้องขอของนายสุเทพ เท่ากับว่า ประธานศาลไปทำตามคำสั่งกบฏ จะยิ่งเป็นความผิดไปกันใหญ่

นปช.ขอยืนยันว่า เราจะต่อสู้ต่อไปจนกว่าบ้านเมืองจะเป็นประชาธิปไตย”

"โรเบิร์ต" แดกดัน "อำมาตย์ไทย" เหตุล้มล้างประชาธิปไตยครั้งแล้วครั้งเล่าเพียงแค่ "กลัวทักษิณ"




            วันที่ 10 พฤษภาคม 2557 (go6tv) นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความต่างประเทศของ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ได้ปราศรัยบนเวทีชุมนุมเสื้อแดง ถนนอักษะ ชี้ถึงความกลัวของระบบอำมาตย์ ที่ต้องล้มล้างประชาธิปไตยครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยเหตุจากความกลัว “ทักษิณ”

นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีความว่า

         “สัปดาห์ที่ผ่านมา เราผ่านอะไรมามากมาย ศัตรูของเราพยายามยุยง ยั่วยุ ให้ประชาชนออกมาปะทะกันบนท้องถนนเราทราบดีว่า เวลานี้ดีท่สุดที่รัฐบาลจะลงนามให้ยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศชั่วคราว อาทิตย์ที่แล้วกลุ่มอำมาตย์ได้เผยโฉมตัวเองออกมา ขณะที่เราต้องการประชาธิปไตย แต่พวกเขาต้องการทรราชย์

           เราต้องการความยุติธรรม แต่พวกเขาต้องการสองมาตรฐาน เราต้องการปฏิรูป เขาต้องการสร้างแต่ความไม่เป็นธรรม เราอยากจะบอกว่า หากเราไม่อดทนอดกลั้น เป็นเรื่องยากที่เราจะได้ชัยชนะ

           กลุ่มตรงข้ามเรานั้น แต่ก่อนเรียกว่า พรรคประชาธิปัตย์ แต่ว้ันนี้เขาเป็นอันธพาลของสุเทพ พวกเขากำลังเจ็บป่วยอย่างร้ายแรงจากโรค “กลัวทักษิณ”

            เขาพยายามใช้ทุกอย่างเพื่อนำเรากลับไปสู่อดีต นี่คืองานและหน้าที่ของเราที่จะต้องเดินหน้าสู่อนาคตด้วยหลักนิติธรรม และความยุติธรรม

           แต่ยังมีคนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นคนที่ม็อบรังเกียจ เรายินดีที่จะต้อนรับกลุ่มคนที่ต้องการปฏิรูป เพื่อให้ร่วมขบวนการเพื่อการเป็นธรรมและความเท่าเทียมกันในสังคมเหมือนกับเรา

            ทางเดียวที่จะทำให้เกิดขึ้นไป คือการทำงานการต่อสู้กับพี่น้องที่อยู่ในต่างประเทศ เราเป็นหนี้บุญคุณองค์กรระหว่างประเทศที่เข้ามาจับตาดูการเมืองไทย และเราก็เสียใจที่คุณลิซ่า โปแลงกี น้องสาวนักข่าวผู้ร่วมอุดมการณ์ที่จากเราไปไม่นานนี้ คุณลิซ่าได้ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ช่วยเหลือนักข่าวในประเทศไทย ก่อนเขาจากไป เขาได้ร่างโครงการสร้างอนุสาวรีย์เหยื่อแห่งความอยุติธรรมเมื่อปี 53 เราจะร้องขอให้รัฐบาลได้สร้างอนุสาวรีย์ดังกล่าว เพื่อรำลึกถึงวีรชนทุกคน เราไม่สามารถลืมความเศร้าโศรกในเหตุการณ์นั้น และเราก็ไม่ลืมเลือนเพื่อนนักโทษในคุกการเมือง เราต้องรณรงค์แก้ไขกฎหมายมาตรา 112 เพราะฝ่ายตรงข้ามใช้กฏหมายข้อนี้ในการทำลายเสรีภาพทางการพูดและประชาธิปไตย

              เราทราบว่ากลุ่ม กปปส. ได้รุมทำร้ายนักข่าวอีกครั้งล่าสุด อยากเตือนพี่น้องทุกคน สิ่งที่ปกป้องนักข่าวเพราะเป็นวิธีที่จะฟื้นฟูประชาธิปไตยในไทย รัฐบาลอาจจะอนุญาตให้นักข่าวสวมใส่เสื้อเกราะ เพราะหากสถานการณ์แย่ลง นักข่าวควรจะปกป้องตัวเองได้

            ในอีกไม่กี่สัปดาห์ ผมจะร้องขอให้สหภาพยุโรป ในการลงทัณฑ์เป็นรายบุคคล ต่อบุคคลที่ทำลายล้างประชาธิปไตยในประเทศไทย และผมจะเดินทางไปยังองค์กรพรรคการเมืองนานาชาติเพื่อถามว่า ทำไมยังสนับสนุนคนในพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นเผด็จการ ผมเข้าใจว่าคุณอภิสิทธิ์ นำเสนอตนว่าจะแก้ไขวิกฤตนั้น

            มันมีแค่ในไทยเท่านั้น ที่คนมีคดีฆ่าคนตาย จะนำเสนอตัวเองเป็นผู้นำสันติภาพ

            มีแค่ไทยเท่านั้น ที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สามารถถูกถอดถอนได้แค่ข้อหาว่า “อาจจะมีส่วนร่วม” กับทุจริต  เหตุที่เกิดในไทย พี่น้องไทยคงไม่ต้องการที่จะเห็นในลักษณะนี้

           เราต้องการรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชนอย่างแท้จริง ไม่มีที่ไหนเหมือนประเทศไทย ที่รัฐบาลประชาธิปไตยจากประชาชนจะถูกล้มล้างครั้งแล้วครั้งเล่า มีแค่ประเทศไทยที่เขาจะสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน นั้นคือความหวาดกลัว “ทักษิณ” หวาดกลัว “ความยุติธรรม” หวาดกลัว “สิทธิมนุษยชน”

              เราต้องบอกต่อพวกเขาว่า เราต้องไม่กลัวต่ออนาคต เราต้องเรียนรู้ว่า เราต้องมีความอดทนอดกลั้น เพื่อให้ได้ประเทศไทยในแบบที่เราต้องการในอนาคต”