วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ศาลทหารสั่งพิจารณาลับ ! คดี 112

21 ต.ค.2557  ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ จากโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) ซึ่งเป็นองค์กรที่ติดตามคดีเกี่ยวกับเสรีภาพ เปิดเผยว่า วันนี้ที่ศาลทหาร กรุงเทพฯ มีนัดสอบคำให้การผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 จำนวน 2 ราย รายแรกเป็นชายไม่เปิดเผยชื่อ อีกรายคือ นายคฑาวุธ (สงวนนามสกุล) ดีเจรายการวิทยุทางอินเทอร์เน็ต โดยศาลมีคำสั่งพิจารณาคดีเป็นการลับ และนัดสอบคำให้การนายคฑาวุธในวันที่ 18 พ.ย. สอบคำให้การชายไม่เปิดเผยชื่อในวันที่ 24 พ.ย.
ทั้งนี้ ในวันนี้มีผู้สังเกตการณ์คดีทั้งจากองค์กรข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ(OHCHR) เจ้าหน้าที่จากสหภาพยุโรป (อียู) สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส) และไอลอว์
ยิ่งชีพกล่าวว่า ระหว่างรอฟังการพิจารณาคดีในช่วงสายวันนี้ เจ้าหน้าที่ของศาลทหารได้เข้ามาแจ้งกับผู้สังเกตการณ์คดีว่าศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีเป็นการลับ โดยเป็นอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อมีการสอบถามถึงเหตุผลเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตอบคำถามได้จึงได้เชิญเจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่มาชี้แจง จากนั้นมีการอนุญาตให้ผู้สังเกตการณ์ทั้งหมดเข้าห้องพิจารณาคดีได้เพื่อฟังคำสั่งศาล ในห้องพิจารณา อัยการทหารได้แถลงว่า เนื่องจากคดีนี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคง และการดูหมิ่น หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ หากข้อความที่ถูกกล่าวหาเป็นที่ล่วงรู้ไปภายนอกจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน หลังสิ้นสุดการแถลงของอัยการ ศาลได้มีคำสั่งให้การพิจารณาคดีของทั้ง 2 คดีนี้เป็นไปโดยปิดลับ ญาติผู้ต้องหาและผู้สังเกตการณ์ทั้งหมดจึงต้องออกจากห้องพิจารณาคดี
เจ้าหน้าที่จากไอลอว์ระบุด้วยว่า คำสั่งพิจารณาคดีลับนี้ได้รับการบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาคดีด้วย แต่เมื่อทนายจำเลยขอคัดสำเนารายงานดังกล่าว ศาลกลับไม่อนุญาตโดยให้เหตุผลว่าได้อ่านคำสั่งให้ฟังแล้ว
สำหรับคดีของชายผู้ไม่เปิดเผยชื่อ ทนายจำเลยได้ร้องขอต่อศาลให้เลื่อนสอบคำให้การ และศาลนัดใหม่เป็นวันที่ 24 พ.ย. ขณะที่คดีของคฑาวุธ ทนายได้ขอเลื่อนสอบคำให้การเช่นกันและศาลให้เลื่อนเป็นวันที่ 18 พ.ย.
ยิ่งชีพกล่าวอีกว่า วันเดียวกัน ทนายความของนายคฑาวุธได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวเป็นครั้งที่ 6 โดยใช้เงินสด 800,000 บาท พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกพนักงานสอบสวนมาไต่สวนเกี่ยวกับพฤติการณ์จำเลยด้วย แต่ศาลสั่งยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัวโดยระบุเหตุผลว่า
“คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 10 ปี จึงเป็นกรณีที่ศาลต้องถามโจทก์ก่อนว่าจะคัดค้านหรือไม่
โจทก์คัดค้านเนื่องจากเป็นความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และความมั่นคงของประเทศ เกรงว่าจำเลยจะหลบหนี
พิเคราะห์แล้ว คดีมีอัตราโทษสูง จำเลยอาจหลบหนี ประกอบกับโจทก์คัดค้านจึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว”
ทั้งนี้ ชายไม่เปิดเผยชื่อ ถูกทหารบุกจับกุมที่บ้านพักตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.2557 และถูกคุมขังในเรือนจำมาจนปัจจุบัน ส่วนคฑาวุธเป็นนักจัดรายการวิทยุ ใช้ชื่อว่า "คฑาวุธ นายแน่มาก" เป็นรายการวิเคราะห์การเมืองเผยแพร่ทางเว็บไซต์ เขาถูกเรียกเข้ารางานตัวตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 44/2557 หลังคุมตัวครบ 7 วัน เขาถูกตั้งข้อหาตามมาตรา 112 โดยเจ้าหน้าที่กล่าวหาว่าคลิปเสียงรายการตอนหนึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดดังกล่าว จึงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำจนปัจจุบันเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่ายรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาคดี 112 ส่วนใหญ่มีการพิจารณาโดยเปิดเผย แต่เบื้องต้นมีอยู่ 2 คดีที่ผู้พิพากษาสั่งพิจารณาคดีลับ คดีแรกคือ คดีของนายบัณฑิต อานียา นักเขียนสูงวัย มีการพิจารณาในศาลชั้นต้นเมื่อปี 2548 อีกคดีหนึ่งคือ คดีของดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด ซึ่งกรณีนี้จำเลยได้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความว่าคำสั่งพิจารณาคดีลับขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคดีพิจารณาในศาลยุติธรรมปกติ ไม่ใช่ศาลทหาร

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุจะใช้ความดี-ความตั้งใจแก้ไขปัญหา



นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ชี้แจง "ยิ่งลักษณ์" ไปญี่ปุ่นได้ขออนุญาต คสช. ตามขั้นตอนแล้ว ส่วนเรื่องคลื่นใต้น้ำ จะใช้ความดี-ความตั้งใจแก้ไขปัญหาประเทศต่อสู้กับกลุ่มไม่หวังดี
21 ต.ค. 2557 - เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า วันนี้ (21 ต.ค.57) เวลา 13.20 น. ณ บริเวณทางเชื่อมตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ว่า ได้มีการขออนุญาตตามขั้นตอน ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติได้อนุมัติให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น โดยต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติที่กำหนดไว้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปถึงการรายงานกรณีคลื่นใต้น้ำ ว่า มีกลุ่มคลื่นใต้น้ำจริง พร้อมกล่าวยืนยันว่าจะใช้ความดี การทำความเข้าใจกับประชาชน และความตั้งมั่นแก้ไขปัญหาประเทศเข้าต่อสู้กับกลุ่มคลื่นใต้น้ำที่ไม่หวังดี ถ้าใครออกมาสร้างสถานการณ์ สร้างความวุ่นวายตอนนี้ถือว่าอันตราย เพราะทั่วโลกจับตามองสถานการณ์ภายในประเทศอยู่
พล.อ.ประยุทธ์ อ้างว่า จากการประชุมหารือกับผู้นำ 50 กว่าประเทศ ต่างกล่าวชื่นชมถึงพัฒนาการที่ดีของประเทศ ไม่มีการติติงเลย พร้อมกล่าวว่า พร้อมเดินทางไปชี้แจงความเข้าใจกับผู้นำประเทศต่างๆ ตามคำเชิญ ทั้งนี้ ต้องดูสถานการณ์ในประเทศว่าเป็นอย่างไร และต้องดูว่าไปแล้วจะได้ประโยชน์หรือไม่

นร.ม.5 กลุ่มต้านค่านิยม 12 ประการ เผยทหารโทรถามหาที่ ร.ร.-วอน คสช.เลิกระแวงคนคิดต่าง

ณัฐนันท์ คนที่ 2 จาก ขวามือ
หลังกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทยื่นหนังสือเรียกร้องยกเลิกค่านิยม 12 ประการ ล่าสุด นร.ม.5 เผย จนท.ทหาร โทรเข้า รร. ถามหาตัวนักเรียนที่เคลื่อนไหว แจงไม่ได้ต้องการล้มล้าง คสช. แค่เห็นต่างเรื่องค่านิยม 12 ประการ ยันไม่หยุดเคลื่อนไหว
22 ต.ค.2557 ณัฐนันท์ วรินทรเวช อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และเลขาธิการกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ให้สัมภาษณ์ว่า ทราบมาว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา  มีเจ้าหน้าที่ทหารโทรศัพท์ไปที่โรงเรียนต่อสายถึงผู้อำนวยการโรงเรียน และถามหาเธอ โดยระบุถึงชื่อและนามสกุลอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ในไลน์กลุ่มห้องเรียน ยังมีอาจารย์เข้ามาไถ่ถามว่ามีใครไปเคลื่อนไหวกระทบกับ คสช.หรือไม่ ทำไมจึงมีการแจ้งเข้ามาที่โรงเรียน

เธอกล่าวว่า การเคลื่อนไหวเรียกร้องยกเลิกค่านิยม 12 ประการ เป็นความหวังดีกับ คสช. ในเรื่องของการศึกษา อยากให้ คสช.เลิกระแวงคนที่คิดต่าง โดยย้ำว่า ควรยกเลิกค่านิยม 12 ประการ เพราะมองว่าการปลูกฝังกันแบบนี้เป็นการล้างสมอง เป็นการถอยหลังลงคลองครั้งใหญ่ของการศึกษาไทย พร้อมยืนยันว่าจะไม่หยุดเคลื่อนไหวในประเด็นนี้

ณัฐนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะคนในกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทมีอุดมการณ์ทางการเมืองหลายหลาย ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะล้มล้าง คสช. เพียงเห็นต่างในเรื่องค่านิยม 12 ประการเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทได้รวมตัวหน้ากระทรวงศึกษาธิการ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านการใช้หลักค่านิยม 12 ประการ ในการชี้นำความคิดเยาวชนไทย โดยตัวแทนของกลุ่มได้อ่านบท “อาขยานถึงท่านผู้นำ” เพื่อแสดงจุดยืนถึงการคัดค้านกรณีที่รัฐบาลพยายามสร้างชุดความดีชุดเดียวให้คนนับถือ โดยมองว่าคนในสังคมนั้นมีความหลากหลาย ควรยอมรับและอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายนั้น

นอกจากนี้กลุ่มดังกล่าวยังกล่าวตั้งแคมเปญรณรงค์ล่ารายชื่อใน ‘change.org’ ถึง พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  และ ดร. สุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เรียกร้องให้มีการยกเลิกการบังคับใช้ค่านิยม 12 ประการ ในหลักสูตรการศึกษาด้วย

รมว.ศธ.ย้อนถามกลุ่มต้านค่านิยม 12 ประการ “ผิดปกติหรือเปล่า”


             รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ถามคนที่ต่อต้านค่านิยม 12 ประการ ยังปกติหรือเปล่า แจงพร้อมรับฟังถ้ามีคนไม่เห็นด้วยเยอะ

           22 ต.ค. 2557 พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช. กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มออกมาต่อต้านค่านิยม 12 ประการว่า “ก็ต้องถามว่า ค่านิยม 12 ประการ มันมีข้อไหนที่ไม่ดีบ้าง น้องลองท่องดูนะ 1. รักชาติ ศาสนา 2.ซื่อสัตย์ เสียสละ 1-12 มันก็ดีทุกข้อ ถ้าเราจะบอกคนให้ทำความดี 12 ประการอย่างงี้ ถ้ามันเป็นเรื่องผิดผมก็ว่า ต้องไปดูคนที่โพสต์หรืออยากเสนอเรื่องนี้ว่า ตัวเขาผิดปกติหรือเปล่า”
            “ผมว่านะคือคนต่างความคิด ก็อันนี้เป็นเรื่องของสังคมดีกว่า ถ้าเขาเสนอมาแล้วสังคมส่วนใหญ่ คน 50-60 ล้านคนเห็นด้วยตามเขา รัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการก็ต้องพิจารณาว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ถ้ามีคนฟังแค่ 10 คน 5 คน ผมว่าเป็นเรื่องที่เราไม่ต้องไปสนใจ เพราะว่าไอ้เรื่องแบบนี้เก็บมาใส่หัวมากๆ ปวดสมองไม่ต้องคิดทำงานทำการอะไร ก็ต้องดูมันว่ายังมีคนขวางโลกอยู่ในทุกที่”
            รมว.ศึกษาธิการ กล่าวเพิ่มเติมว่า มีการแจ้งกับองค์กรหลักที่เกี่ยวข้องแล้วว่า ไม่ได้ให้ครูสอนแบบท่องจำ ต้องมีการอธิบายเห็นเป็นภาพที่ชัดเจน อาทิ ชาติ ศาสนาสำคัญอย่างไร ต้องขึ้นอยู่ระดับการศึกษาของเด็กด้วย
           ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไทได้รวมตัวหน้ากระทรวงศึกษาธิการ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านการใช้หลักค่านิยม 12 ประการ ในการชี้นำความคิดเยาวชนไทย โดยตัวแทนของกลุ่มได้อ่านบท “อาขยานถึงท่านผู้นำ” เพื่อแสดงจุดยืนถึงการคัดค้านกรณีที่รัฐบาลพยายามสร้างชุดความดีชุดเดียวให้คนนับถือ โดยมองว่าคนในสังคมนั้นมีความหลากหลาย ควรยอมรับและอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายนั้น

         นอกจากนี้กลุ่มดังกล่าวยังกล่าวตั้งแคมเปญรณรงค์ล่ารายชื่อใน ‘change.org’ ถึง พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  และ ดร. สุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เรียกร้องให้มีการยกเลิกการบังคับใช้ค่านิยม 12 ประการ ในหลักสูตรการศึกษาด้วย