วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

‘พล.อ.ประวิตร’ ชี้งบกลาโหมปีนี้น้อยกว่าปีที่แล้ว ถูกตัดเหลือร้อยละ 1.4 ของ GDP



รมว.กลาโหม ชี้งบประมาณของกระทรวงกลาโหมในปีนี้ได้น้อยกว่าปีที่ผ่านมา จากเดิมร้อยละ 1.7 ถูกตัดงบเหลือร้อยละ 1.4 ของ GDP ‘พล.อ.อุดมเดช’ วอนขอให้เชื่อมั่นการแก้ปัญหาใต้ ทุกอย่างจะดีขึ้น
17 ก.ย.2557 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีปิดการศึกษาของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 56, หลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมภาคเอกชน รุ่น 26 และหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ภาครัฐ เอกชน และการเมือง รุ่นที่ 7 ประจำปีการศึกษา 2556-2557 จำนวน 293 คน
โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2558 ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ไปเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 ก.ย.) นั้น ถือว่างบประมาณของกระทรวงกลาโหมในปีนี้ได้น้อยกว่าปีที่ผ่านมา จากเดิมร้อยละ 1.7 ถูกตัดงบเหลือร้อยละ 1.4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP)
ทั้งนี้ มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร เตรียมมอบหมายให้ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่ เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนใช้งบประมาณของหน่วยงานในสังกัดให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับ
ขณะที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า แนวทางแก้ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบแนวทางไว้แล้ว และจะสานงานต่อโดยจะทำให้ดีที่สุด ขอให้มั่นใจและให้กำลังใจ เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนการยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ท่องเที่ยว และการต่ออายุพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ต้องขอดูรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะชี้แจงทุกเรื่องในภายหลัง

สุกรี' ปี๊บคุมหัวรอบ 2 ประท้วง ‘หมอรัชตะ’ ควบ 2 ตำแหน่ง มติสภาฯมหิดลห้ามนั่งควบแล้ว


นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล เผยผลการประชุมสภามหาวิทยาลัย มีมติให้ ‘หมอรัชตะ’ ใช้ดุลยพินิจจะเลือกดำรงตำแหน่งใด เพียงตำแหน่งเดียว ระหว่างตำแหน่งอธิการบดีฯ หรือตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข โดยให้เวลา 3 สัปดาห์
17 ก.ย.2557 หลังจากเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข คณบดีวิทยาลัยดุริยางค์ศิลป์ ได้ประท้วงเชิงสัญลักษณ์โดยการนำปี๊บสวมศรีษะ เพื่อเรียกร้องให้ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี เพื่อดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข เพียงตำแหน่งเดียว
วันนี้(17 ก.ย.) รศ.ดร.สุกรี ได้ประท้วงเชิงสัญลักษณ์เป็นครั้งที่ 2 ด้วยการนำปี๊บคุมหัว เดินทางเข้าร่วมการประชุมสภามหาวิทยาลัยมหิดล ในช่วงบ่าย ทั้งนี้ ที่ประชุมในวันนี้ได้บรรจุวาระพิเศษ กรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนการเดินประท้วงได้มีเพื่อนอาจารย์และนักศึกษา ทยอยเดินทางมามอบดอกไม้และให้กำลังใจ โดยมีนายสุชาติ วงศ์ทอง ศิลปินสีน้ำทำเสื้อที่ระลึกสกรีนรูปอ.สุกรี เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวครั้งนี้
โดย รศ.ดร.สุกรี เปิดเผยว่า การใช้ปี๊บคลุมหัวครั้งนี้ เพราะยังทนไม่ได้กับการดำรงตำแหน่งควบสองตำแหน่ง ในฐานะตนเป็นอ.มหาวิทยาลัย ต้องการให้สังคมเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ซึ่งสภามหาวิทยาลัยเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการแต่งตั้งอธิการบดี จึงหวังให้สภามหาวิทยาลัย พิจารณาถอดถอนอธิการบดี
หลังจากนั้น นพ.วิจารณ์ พานิช นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผลการประชุมสภามหาวิทยาลัย มหิดล มีมติให้ ศ.นพ.รัชตะ ใช้ดุลยพินิจด้วยตนเองว่าจะเลือกดำรงตำแหน่งใด เพียงตำแหน่งเดียว ระหว่างตำแหน่งอธิการบดีฯ หรือตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข โดยให้เวลา 3 สัปดาห์ ตามที่ขอไว้ หรือภายในวันที่ 8 ต.ค. นี้
จากนั้นในการประชุมสภามหาวิทยาลัยมหิดล วันที่ 15 ต.ค. จะนำผลการตัดสินใจของ ศ.นพ.รัชตะเข้าสู่การหารือในที่ประชุมอีกครั้ง 
ทั้งนี้ มีกรรมการสภามหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยมหิดล สองคน คือนายยงยุทธ์ ยุทธวงศ์ ที่ไปเป็นรองนายยกรัฐมนตรี และนายกฤษณพงศ์ กีรติกร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แต่ทั้งสองคนได้ลาออกจากการเป็นกรรมการสภามหาลัยแล้ว

ศาลอุทธรณ์เลื่อนอ่านคำพิพากษา 85 การ์ด พธม. ยึดเอ็นบีที-เหตุจำเลยมาไม่ครบ


11 จำเลยคดียึดเอ็นบีที 26 ส.ค. 2551 ไม่มาศาล - 2 รายไม่แจ้งสาเหตุผิดนัดทำให้ศาลออกหมายจับ โดยนัดฟังคำพิากษาศาลอุทธรณ์ใหม่ 17 พ.ย. นี้
18 ก.ย. 2557 - ตามที่วันนี้ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานว่า ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่กลุ่มนักรบศรีวิชัยและการ์ดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวม 85 คน มีนายธเนศร์ คำชุม เป็นแกนนำ เป็นจำเลยในความผิดฐานซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และข้อหาอื่นๆ กรณีพกอาวุธเข้าไปในสถานที่ราชการ ร่วมกันบุกรุกสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT และทำลายทรัพย์สิน เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2551 รวมมูลค่าเสียหายกว่า 6 แสนบาท โดยศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายธเนศร์ คำชุม 2 ปี 6 เดือน ส่วนที่เหลือจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปี 6 เดือน โดยศาลให้รอลงอาญาจำเลยที่เป็นเยาวชน 6 คน
นอกจากนี้ระหว่างการรอฟังคำพิพากษา 1 ในจำเลย 85 คน ทราบชื่อคือนายอมรินทร์ ยี่เฮง ลงไปชูป้ายประท้วงร้องขอความเป็นธรรมด้านหน้าศาล ทำให้เจ้าหน้าที่ศาลต้องมานำตัวออกไป โดยนายอมรินทร์ระบุว่า การที่ถูกศาลสั่งเป็นบุคคลอันตราย สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงจะฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
มีรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้มีจำเลยที่ไม่เดินทางมาศาลรวมทั้งสิ้น 11 คน ในจำนวนดังกล่าวมีจำเลย 2 คน ประกอบด้วยนายสุรสิทธิ์ แย้มประชา จำเลยที่ 36 และ นายอำไพ ศิริชยานนท์ จำเลยที่ 73 ที่ไม่แจ้งเหตุถึงสาเหตุที่ผิดนัด ศาลจึงให้ออกหมายจับ จำเลยทั้ง 2 เพื่อนำตัวมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ พร้อมให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ออกไปเป็นวันที่ 17 พฤศจิกายน

ศาลทหารให้รอลงอาญา 3 รายคดีต้านรัฐประหารในกรุงเทพฯ




ศาลทหารกรุงเทพ อ่านคำพิพากษาผู้ต้านรัฐประหารที่ราชประสงค์-ฟอร์จูนรวม 3 ราย โดยให้จำคุก 3 เดือน ปรับ 5 พัน โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนคดีปล่อยลมยาง-พ่นสีรถทหารที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นัดสืบพยานโจทก์ 26 พ.ย.
18 ก.ย. 57 - เมื่อเวลา 9:00 น. กลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน (กนส.) ได้รายงานว่าที่ศาลทหารกรุงเทพ มีการพิจารณาคดีคดีฝ่าฝืนคำสั่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และศาลได้มีคำพิพากษาคดี นายวรภพ วิชชาสุทธิ์, นายณัฐวุฒิ นุชนารถ และนายสุเมศ วิโรจน์ชัยยันต์ ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมือง ตามคำประกาศ คสช.ที่ 7/2557 ศาลทหารกรุงเทพ ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การเป็นประโยชน์เป็นเหตุลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษกึ่งหนึ่ง ให้ลงโทษ จำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงอาญา 2 ปี
สำหรับนายวรภพ เข้าร่วมกิจกรรม "กินแมคต้านรัฐประหาร" ที่ราชประสงค์เมื่อวันที่ 25 พ.ค. และถูกจับกุมที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และถูกส่งตัวไปฝากขังที่กองปราบเป็นเวลา 7 วัน ก่อนจะถูกตั้งข้อหาและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
ส่วนนายณัฐวุฒิเข้าร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐประหารโดยการชูป้าย "Election Only" ที่หน้าแมคโดนัลด์ แยกราชประสงค์ ในวันที่ 31 พ.ค. เขาถูกควบคุมตัวในวันเดียวกันและส่งไปฝากขังที่กองปราบเป็นเวลา 7 วัน ก่อนจะถูกตั้งข้อกล่าวหาและได้รับการประกันตัว
ส่วนนายสุเมศ ถูกเจ้าหน้าที่กล่าวหาว่าร่วมปลุกระดมให้ประชาชนประมาณ 100 คน รวมตัวที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าฟอร์จูนทาวน์เพื่อคัดค้านการรัฐประหาร เหตุเกิดในเดือนพฤษภาคม เขาถูกจับกุมขณะเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว และถูกควบคุมตัวที่กองปราบ 7 วัน ก่อนจะถูกตั้งข้อกล่าวหา โดยเขายื่นประกันตัวได้ในผลัดที่สอง
อีกคดีในวันเดียวกัน ศาลทหารกรุงเทพได้ไต่สวนคำให้การคดีนางสาวพรรมณี ชูเชาว์ ถูกกล่าวหาว่า พ่นสีสเปย์รถทหารที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และนายสมบัติ โกมัยพันธ์ ซึ่งทำท่าทางปล่อยลมยางรถยนต์ทหาร เหตุเกิดวันที่ 28 พ.ค. โดยถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนประกาศ คสช. ฉบับที่ 7/2557 ที่ห้ามมิให้ชุมนุมทางการเมือง, ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้ายทำให้ผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้รับอันตรายแก่กาย และทำให้เสียทรัพย์
ศาลอ่านอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง โดยจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในส่วนของข้อหาร่วมกันฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เรื่องห้ามชุมนุมทางการเมือง และ ทำให้เสียทรัพย์ แต่ในส่วนของข้อหา ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้รับอันตรายแก่กาย ให้การปฏิเสธ เนื่องจากมิได้เป็นผู้ลงมือกระทำหรือมีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด  ทั้งนี้ ศาลทหาร นัดสืบพยานโจทก์ ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 เวลา 8.30 น.

สปสช.ปัดบริหารงบบัตรทองปี 58 ยังไม่สรุป รอบอร์ดเคาะ 22 ก.ย.นี้


สปสช. ปัดยังไม่มีข้อสรุปบริหารงบบัตรทองปี 2558 ในรูปแบบเขตสุขภาพ ยัน สธ.เข้าใจผิด แจงการประชุมเมื่อ 15 ก.ย.เพื่อรับทราบข้อมูลของ สธ. ใช้เป็นข้อมูลประกอบการประชุมบอร์ด สปสช. 22 ก.ย.นี้ ยังไม่มีการลงมติใดๆ
 
18 ก.ย. 2557 สืบเนื่องจากกรณี นพ.บัญชา ค้าของ ผู้อำนวยการกลุ่มประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่า ได้มีการหารือเรื่องการบริหารจัดการงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2558 และได้ข้อสรุปร่วมกันว่า จะมีการบริหารงานแบบเขตสุขภาพ และให้มีการจัดสรรเงินเป็นก้อนในระดับเขต นั้น
 
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การให้ข้อมูลของ นพ.บัญชา น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิด ข้อมูลดังกล่าวไม่ตรงกับความเป็นจริง การประชุมวันนั้น  ไม่มีการลงมติใดๆทั้งสิ้น เป็นเพียงการหารือ ซึ่งการหารือดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา นพ.ณรงศักดิ์ อังคะสุวพลา และ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล ที่ปรึกษา รมต.สธ. ได้เชิญปลัด สธ. และ เลขาธิการ สปสช. ประชุมหารือเพื่อรับทราบข้อมูลของกระทรวง สธ.เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ด สปสช.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ก.ย.นี้ เนื่องจากจะมีวาระสำคัญเรื่องการพิจารณาการบริหารงบกองทุนหลักประกันสุขภาพปี 58
 
ทพ.อรรถพร กล่าวต่อว่า การประชุมดังกล่าวก็เพื่อรับทราบข้อมูลจากสธ.เท่านั้น ไม่มีข้อตกลงใดๆเกิดขึ้นในการประชุม และไม่ใช่การประชุมเพื่อหาข้อยุติของเรื่องการจัดสรรเงินตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ผลการหารือก็ไม่เกี่ยวข้องกับมติการจัดสรรเงินของปี 58 ที่ผ่านความเห็นชอบของอนุกรรมการการเงินการคลังดังนั้นข้อเสนอต่อบอร์ด สปสช. จึงยังคงเป็นข้อเสนอที่ผ่านอนุกรรมการการเงินการคลัง และ อนุกรรมการยุทธศาสตร์ ตามกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทุกประการ
 
“บรรยากาศในการหารือเป็นไปด้วยดี ถ้อยทีถ้อยอาศัย  สร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับกระบวนการ ขั้นตอน สำหรับความร่วมมือในการทำงานเพื่อประชาชนต่อไป และองค์ประกอบที่พูดคุยในวันนั้น(15 ก.ย.)ไม่มีอำนาจในการปรับเปลี่ยนมติของอนุฯการเงินการคลังแต่อย่างใด” โฆษก สปสช.กล่าว

‘ประยุทธ์’ ขอโทษแล้ว ปัดดูถูกชาวต่างชาติใส่บิกินี แจงพูดแรงเพราะกดดัน


‘ประยุทธ์’ ขอโทษหากพูดแล้วเกิดไม่สบายใจ แจงความปลอดภัยไม่เหมือนกัน สั่งมหาดไทย-ตำรวจดูแลแล้ว เปรยที่พูดแรงเพราะกดดัน ไม่อยากวัวหายล้อมคอก ยันปิดเกาะเต่าจนกว่าจะจับคนร้ายได้ ‘ไก่อู’ อยากให้ดูบริบท วอนสื่อไทยช่วยแก้ข่าว
18 ก.ย. 2557 ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่า ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์เรื่องนักท่องเที่ยวใส่บิกินีที่พูดในการชี้แจงนโยบายแก่ข้าราชการระดับสูง เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ คืนวันศุกร์ 19 ก.ย.ตนจะพูดเรื่องนี้ด้วย ต้องขอโทษด้วยถ้าพูดไปแล้วทำให้ไม่สบายใจ ตนไม่ได้หมายความดูถูกหรือว่าใคร เพียงแต่เตือนบางครั้งต้องระมัดระวังเหมือนกันในแต่ละสถานที่หรือบางเวลา ตนจะไปดูถูกหรือว่าเขาได้อย่างไร วันนี้ก็ยังรับรองอยู่ว่าปลอดภัย เว้นเพียงแต่ว่ามันมีคนไม่ดีอยู่ ซึ่งก็เหมือนกันทุกที่ในโลกนี้ ฉะนั้นต้องระมัดระวังเหมือนกัน เพราะบ้านเมืองเรากับบ้านเมืองเขาบางทีมีความปลอดภัยไม่เหมือนกันจึงเป็นห่วง
เวลานี้ได้สั่งให้กระทรวงมหาดไทย ตำรวจ และฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปดูมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นซึ่งเขาทำอยู่แล้วเพียงแต่ต้องเข้มขึ้นมากกว่าเดิม เพราะชาวต่างชาติเขาไม่รู้คิดว่าปลอดภัยอยากมาเที่ยว เราก็ต้องช่วยกันดูแลอย่าให้คนร้ายคนไม่ดีปะปนอยู่ คนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนแรงงานอะไรต่างๆ มาทำงานไม่ได้ มันอันตรายและเป็นผลเสีย
“บางครั้งผมพูดแรงไปเพราะผมกดดัน และเกิดจากความเสียใจที่มีคนตายคนเจ็บ จะเป็นคนไทยคนต่างชาติเสียใจทั้งนั้น ไม่อยากให้มีการสูญเสียอีก เพราะเราก็วัวหายล้อมคอกทุกครั้ง นี่ก็สั่งการไปแล้วทั้งรัฐมนตรีมหาดไทย และฝ่ายความมั่นคงให้ไปหามาตรการเพิ่มเติมว่าจะทำอย่างไร ข้อสำคัญต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากๆ เพราะทำให้เสียการท่องเที่ยวในพื้นที่เขา รายได้ก็สูญหายไปด้วย ดังนั้นต้องช่วยกัน จะรอเจ้าหน้าที่อย่างเดียวไม่ได้” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงหรือไม่หากกรณีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คนถูกฆ่าที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี แล้วจับตัวคนร้ายไม่ได้จะทำให้เกิดปัญหาตามมา นายกฯ กล่าวว่า ยังไงก็ต้องจับได้ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยจับไม่ได้ ต้องจับได้ ยิ่งสมัยนี้ด้วย ส่วนความคืบหน้าของคดีขณะนี้กำลังตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอกันอยู่ คนที่จับมาแล้วทราบว่าดีเอ็นเอไม่ตรง เดี๋ยวหาได้จนตรงเพราะเขาปิดเกาะทั้งหมดอยู่แล้ว ไม่ให้ออกไปข้างนอก
เมื่อถามว่า แสดงว่าจะปิดเกาะจนกว่าหาคนร้ายได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องทำจนกว่าจะคลี่คลายได้ แต่ถ้าใครจะออกจากเกาะก็ต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เรื่องนี้อย่าไปขยายอีกเลย ปล่อยให้เป็นเรื่องของการสอบสวน และอย่าให้เกิดขึ้นอีก เมื่อถามว่า ทางสถานทูตอังกฤษได้ติดต่อมาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คุยกันหมดแล้ว วันนี้ก็เห็นมาคุยเข้าใจกันดี เขาก็ปล่อยให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม สอบสวนให้ได้โดยเร็ว มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว เราก็ไม่อยากให้เกิด เขาก็ไม่อยากให้เกิด ตนก็เสียใจกับเขา เพียงแต่บอกว่ามันเป็นประเพณีคนละประเพณีฉะนั้นของเราต้องระมัดระวังมากหน่อย ซึ่งบางทีเขาคิดว่ามันปลอดภัย แต่ไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัย เดี๋ยวไม่มีใครกล้ามาอีก คือขอโทษถ้าพูดแรงไป ทำให้เข้าใจผิดต้องขอโทษทุกเรื่อง บางทีมัน pressure (กดดัน) เสียใจ และในคืนวันศุกร์นี้จะพูดในทุกฐานะที่ตนเองมี
‘ไก่อู’ อยากให้ดูบริบท วอนสื่อไทยช่วยแก้ข่าว
ด้านเนชั่น รายงานว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้รับทราบข้อมูลที่สื่อต่างประเทศนำเสนอถ้อยคำของนายกรัฐมนตรีที่พูดระหว่างการมอบนโยบายผู้บริหารระดับสูง เกี่ยวกับการใส่ชุดว่ายน้ำบิกินี่ของนักท่องเที่ยวแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่ได้เป็นการติเตียนหรือมีเจตนาให้ร้ายใคร จึงอยากให้ดูบริบทของประโยคประกอบด้วย เพราะสิ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องการสื่อสารมีเป้าหมายต้องการให้เจ้าหน้าที่และทุกคน ช่วยกันในการลดความเสี่ยง
ดังนั้น จึงอยากให้สื่อมวลชนไทยได้ช่วยกันชี้แจงถึงเจตนาที่แท้จริงของนายกรัฐมนตรีที่มีหวังดี และไม่ได้ต้องการให้ร้ายใคร ย้ำว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาให้กับทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติหรือชาวไทยด้วยความเท่าเทียม ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีได้เตรียมชี้แจงเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียดในรายการคืนความสุขให้คนในชาติที่จะออกอากาศในวันพรุ่งนี้แล้ว

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้มีรายงานว่าทันทีที่นายกรัฐมนตรี มีถ้อยประโยคนี้ออกมา เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย ได้โทรศัพท์มาสอบสอบถามความชัดเจนและความหมายที่นายกรัฐมนตรีสื่อสาร มายังคณะทำงานของนายกรัฐมนตรี และคณะทำงานได้ชี้แจงในเบื้องต้นแล้ว ว่านายกรัฐมนตรีพร้อมขอโทษหากคำพูดดังกล่าวทำให้เกิดความไม่สบายใจและอาจกระทบความสัมพันธ์

เลิกกลางคัน ! หลังนศ.ดื้อจัดต่อห้องเรียนปชต. ตำรวจคุมตัว 3 นศ.ผู้จัดงาน


ทหาร "ขอความร่วมมือ" ผ่านมหาวิทยาลัยให้นักศึกษางดจัดเสวนาการล่มสลายของเผด็จการในต่างประเทศ นักศึกษาดื้อจัดต่อ ผู้ฟังนั่งพื้นเต็มโถงอาคาร เริ่มงานได้ครึ่งชั่วโมง ตำรวจบุกควบคุมตัวนักศึกษาผู้จัดไป สภ.คลองหลวง 

18 ก.ย.2557 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารบรรยายรวม1 มีการจัดเสวนาที่โถงชั้นลาง ‘ห้องเรียนประชาธิปไตยบทที่ 2 การล่มสลายของเผด็จการในต่างประเทศ’ และระหว่างการเสวนาดำเนินไปราวครึ่งชั่วโมงก็ถูกยกเลิกกลางคัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยได้เข้าพูดคุยกับนักศึกษาผู้จัดงาน ระหว่างการปาฐกถาของนิธิ เอียวศรีวงศ์ เพื่อขอให้ยุติการจัดงานครั้งนี้ แต่นักศึกษายังคงยืนยันที่จะจัดต่อไป ทำให้เจ้าหน้ที่ตำรวจพูดคุยกับนิธิโดยตรงเพื่อขอให้ยุติการเสวนาทั้งหมด
จากนั้นได้เชิญตัวนักศึกษากลุ่ม LLTD 3 คนไปยัง สภ.คลองหลวง ท่ามกลางเสียงโห่ของผู้ร่วมฟังเสวนา ส่วนอาจารย์ร่วมเสวนาทั้งหมดเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวไปพูดคุยยังชั้นบนอาคารบรรยายรวม 1 ราว 15 นาทีก่อนที่อาจารย์ทั้งหมดจะเดินทางต่อไปยัง สภ.คลองหลวงเพื่อดูแลนักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวไปก่อนหน้า
สถานการณ์ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
ทั้งนี้ ธีระ สุธีวรางกูร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มธ. หนึ่งในสมาชิกกลุ่มนิติราษฎร์ได้โพสต์สเตตัสรูปจดหมายจากพ.อ.พัลลภ เฟื่องฟู ผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมกรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 2 ขอความร่วมมือกับทางมหาลัยให้ประสานกับกลุ่มผู้จัดเพื่องดจัดงานดังกล่าว เนื่องจากเกรงจะเกิดความแตกแยกทางการเมือง กระทบต่อการแก้ปัญหาประเทศของ คสช.
งานเสวนาดังกล่าวจัดโดย กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (LLTD) โดยก่อนหน้าเวลาจัดงานราว 1 ชั่วโมง ผู้สื่อข่าวพบตำรวจนอกเครื่องแบบและในเครื่องแบบราว 10 นายบริเวณที่จัดงาน เมื่อสอบถามจากเจ้าหน้าที่กองกิจการนักศึกษาของมหาวิทยาลัยได้ความว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามแจ้งไม่ให้มีการจัดงานในวันนี้ ส่วนผู้จัดงานยังคงยืนยันว่าจะจัดงานต่อ และได้เตรียมสถานที่ใหม่ที่ชั้นล่างของอาคารบรรยายรวม 1 
งานดังกล่าวมีวิทยากรคือ นิธิ เอียวศรีวงศ์, เชาวฤทธิ์ เชาว์แสงรัตน์, จันจิรา สมบัติพูนศิริ, ภาณุ ตรัยเวช พิธีกรโดย ประจักษ์ ก้องกีรติ
เมื่อถึงกำหนดจัดงานในเวลา 16.45 น. นักศึกษาเริ่มมายังบริเวณจัดงานมากขึ้น และนิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้เดินทางมาถึงที่จัดงานแล้วเช่นกัน
เวลาประมาณ 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดเสวนายังคงดำเนินต่อไป มีนักศึกษาและผู้สนใจเข้าร่วมจนเต็มพื้นที่โถงชั้นล่างและผู้ฟังจำนวนมากต้องนั่งกับพื้น
 
ก่อนหน้าการกล่าวปาฐกถาของนิธิ เอียวศรีวงศ์ จะเริ่มต้นขึ้น ผู้จัดได้ชี้แจงกับผู้เข้าร่วมงานว่า ทาง คสช.ได้สั่งระงับการจัดกิจกรรม และทางมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้ใช้ห้องบรรยาย แต่ผู้จัดยังคงยืนยันที่จะจัดกิจกรรมต่อไปจึงต้องย้ายสถานที่อย่างกระทันหัน