วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เวทีกบฏตอแหล น้องสาวออกมาแฉ๋ พี่สาวไม่ได้ทำนา

พี่สาวแจงน้องสาวผูกคอไม่เกี่ยวกับจำนำข้าวเพราะไม่ได้ทำนา
            กรณีข่าวผูกคอตายที่สุโขทัย เพราะไม่ได้เงินจำนำข้าวนั้น ล่าสุดพี่สาวชี้แจงว่าน้องสาวไม่ได้มีอาชีพทำนา และยังไม่เสียชีวิตขณะนี้รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลอาการยังน่าห่วง ขณะที่ต้นตอข่าวมาจากการออกสื่อของกำนันที่พาลูกบ้านไปทวงเงินจำนำข้าว
           11 ก.พ. 2557 - ตามที่มีข่าวว่าที่หมู่ 3 ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย มีชาวนาชื่อ นางเพ็ญศินี ทองช้อย ผูกคอตายเนื่องจากเครียดจัดเพราะไม่ได้รับเงินจำนำข้าวนั้น ล่าสุดในรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ออกอากาศทางช่อง 3 เมื่อ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้สัมภาษณ์พี่สาวของนางเพ็ญศินี ที่ชี้แจงว่าน้องสาวผูกคอจริง แต่ยังไม่เสียชีวิต กำลังนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล อาการแม้จะทรงตัวแต่ยังน่าเป็นห่วง เรื่องที่พยายามฆ่าตัวตายเป็นเรื่องครอบครัว ไม่เกี่ยวกับการจำนำข้าว เพราะน้องสาวประกอบอาชีพทำร้านเสริมสวยและทำที่นอนนุ่นขาย ยอมรับว่ามีที่นาแต่ไม่เคยทำนาเลย และขอร้องว่าอย่านำเรื่องนี้ไปโยงเรื่องการเมือง เนื่องจากขณะนี้มีหน่วยงานเข้ามาสอบถามและช่วยเหลือทำให้วุ่นวายไปหมด
          สำหรับข่าวดังกล่าวมาจากการให้สัมภาษณ์ของนายพิชัย อำนาจศักดิ์ กำนันตำบลบ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ ลงเผยแพร่ในสื่อหลายฉบับ เช่น โพสต์ทูเดย์ , เอเอสทีวีผู้จัดการ,  เครือเนชั่น ที่ระบุว่าตอนนี้ชาวนาเดือดร้อนกันมาก เพราะกว่า 5 เดือนแล้วยังไม่ได้เงิน ล่าสุดเช้าวันนี้เกิดเหตุสลดใจขึ้น เพราะมีชาวนาลูกบ้านเครียดจัดจนผูกคอตายแล้ว
         โดยในช่วงเวลานี้ จะมีรายงานข่าวชาวนาฆ่าตัวตายหลายราย และในข่าวมักมีการระบุสาเหตุว่าเนื่องจากยังไม่ได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าว อย่างไรก็ตามในกรณีที่เกิดขึ้นที่ อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย ญาติของผู้ประสบเหตุได้ออกมาชี้แจงว่าไม่ได้มีสาเหตุเกี่ยวข้องกับนโยบายจำนำข้าวดังกล่าว

‘เฉลิม’ของขึ้นลั่นใช้กฎหมายเด็ดขาด ปิดที่ราชการ-บ้านคนจับทันที ขู่คณะฯคิดปฏิวัติ มีคลิปชัด

‘เฉลิม’ของขึ้นลั่นใช้กฎหมายเด็ดขาด ปิดที่ราชการ-บ้านคนจับทันที 
ขู่คณะฯคิดปฏิวัติ มีคลิปชัด


              เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผอ.ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ให้สัมภาษณ์ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ยอมรับแล้วว่าชายชุดดำที่ยืนในเหตุการณ์ที่แยกหลักสี่เป็นพรรคพวกกับ กปปส.มายิงเพื่อป้องกันระมัดระวังให้พุทธอิสระปลอดภัย และนายสุเทพ ยังยืนโค้งคำนับ โบราณบอกว่าน้ำลดตอผุดทุกอย่างใกล้เข้ามาแล้ว และนับจากนี้ไปตนจะใช้มาตรการตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ไม่ได้เตือนเฉพาะกปปส.แต่เตือนทุกภาคส่วน การขัดขวางการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ใครผิดก็จะถูกตั้งข้อหา ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือคนขัดขวางการลงคะแนน

          หากจากนี้ใครก็ตามที่ไปปิด บุกรุกสถานที่ราชการ ตนจะใช้กำลังจับกุม ความผิดตามพระราชกำหนด หากต่อสู้ขัดขวางการจับกุมจะดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ถ้าไม่ออกจากสถานที่บุกรุกจะเอากำลังไปจับออก ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ พร้อมกันนี้ตนได้บอกหน่วยงานที่ถูกบุกรุกให้แจ้งความร้องทุกข์ จากนี้ กปปส.ไปบุกรุก ปิดล้อมบ้านใคร หากตำรวจอยู่ต้องจับ เพราะถือเป็นความผิดซึ่งหน้า แต่จะไม่มีการสลายม็อบ คนละประเด็นกัน ขอให้สื่อมวลชนเข้าใจลักษณะอย่างนี้ไม่ใช่การเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นพฤติกรรมของการก่อกวนให้ประเทศชาติเกิดความไม่สงบ ซึ่งตนจะทำหนังสือแจ้งไปยังสถานทูตทั่วโลกในนาม ผอ.ศรส.และจะแจ้งสื่อมวลชนของไทยให้รับทราบ

         “อย่ามาบอกว่า ผอ.ศรส.ใช้อำนาจเกินขอบเขต และอย่ามาว่าผมบ้าอำนาจ ขอเตือนบรรดานักคิดที่ไปแอบชุมนุมกระซิบอะไรกันจะปฏิวัติ นั่นถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว เดี๋ยวผมบ้าขึ้นมาบ้างสั่งจับ คนเรานาทีสุดท้ายต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก ไม่มีใครกลัวใครจากนี้เอาแน่” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

          ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นผลมาจากที่ กปปส.นำมวลชนปิดล้อมสำนักงานปลัด กระทรวงกลาโหมในเมืองทองธานีใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่ประชาชนทน กปปส.ไม่ได้ เมื่อคืน 3 ก.พ. เหลือ 6,000 คน และที่ยุบบางพื้นที่ ไม่ใช่เพื่อความปลอดภัยแต่เป็นเพราะคนไม่มี แต่จากนี้ตนไม่ยอมให้ปิดหรือบุกรุกสถานที่ราชการแล้ว

          เมื่อถามว่าที่บอกว่ามีการคบคิดเรื่องการปฏิวัติ พอบอกได้หรือไม่เป็นกลุ่มไหนและใช้สถานที่ใด ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า มีคลิปแล้ว เป็นการนั่งพูดนั่งคุย จะปฏิวัติ นึกสนุก แต่ไม่ขอบอกเป็นใครและใช้สถานที่ใด

          ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวย้ำว่า จากสถานการณ์วันนี้ การลงทุน การท่องเที่ยวลด ถ้าปล่อยให้มีการบุกรุกสถานที่ราชการหรือเคหะสถานจะกระทบความน่าเชื่อถือ ไทยกำลังจะก้าวสู่เออีซี แต่พอเห็นไทยเป็นอย่างนี้ใครจะลงทุน ในฐานะที่ตนเป็น ผอ.ศรส.ใจเย็น อดทนมานาน แต่ ณ วันนี้ได้เวลาแล้ว จะใช้มาตรการทางกฎหมาย ไม่ต้องแจ้งเตือน ไม่ต้องใช้แก๊สน้ำตา ถ้าสู้ก็จับตามพระราชกำหนด จะดำเนินการเฉียบขาด เพราะรุกล้ำมากไป ตำรวจก็อัดอั้นเจอคนทำผิดก็ระงับ แต่วันนี้ตัดสินใจแล้วอะไรจะเกิดก็เกิด อยากมีเรื่องเชิญ พร้อมแล้วตั้งแต่บ่ายวันนี้ จะใช้กฎหมายเป็นหลัก ไม่ใช้อารมณ์ แต่จะยังไม่จับแกนนำเพราะจับแล้วสูญเสีย แต่จะรอให้นายสุเทพมอบตัว

          เมื่อถามว่า การพูดท้าทายใช้มาตรการที่เด็ดขาดแบบนี้จะเป็นการเรียกแขกหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ห่วง แขก ไม่ได้กลัวคนพวกนี้ เมื่อถามว่าจะเข้าทางของผู้ที่ต้องการให้ใช้ความรุนแรงหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่เป็นไร เข้าทางใครก็เข้า เอากฎหมายเป็นหลัก และทั้งหมดพรรคประชาธิปัตย์สุมหัวด้วย อวดดีจะมา ศรส.มาสักทีเกมจะได้โอเวอร์ ใช้มาตรการทางกฎหมายเด็ดขาดบ้านเมืองจะได้ไปได้ ไม่อย่างนั้นมันอึมครึม บุกรุกจับคดีอาญา ส่วนม็อบที่ชุมนุมอยู่ไม่ขอยุ่ง ปล่อยไปให้อยู่จนกว่าไม่มีเงิน


           เมื่อถามว่าที่บอกว่ามีการคบคิดเรื่องปฏิวัติ คิดว่าทหารจะเอาด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่รู้แต่ดูตามคลิป ถ้ามีจังหวะจะเปิดเผย วันนี้ต้องยึดหลักกฎหมาย ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเดินต่อไปไม่ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้แค่โล่กับตะบอง และมีขั้นตอนดำเนินการ

           เมื่อถามว่าได้ยาดียาแรงมาจากไหนทำไมดุดันท้าทาย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พอจะจับก็หาว่าได้ยาดี เป็นรมว.แรงงาน เป็นจับกังต้องเข้มแข็ง กระทรวงแรงงานเปิดได้แล้ว เจ้าหน้าที่เซ่นไหว้แล้ว

         ร.ต.อ.เฉลิม เปิดเผยด้วยว่า พบรถที่จอดข้างสำนักงานปลัด กระทรวงกลาโหม ในเมืองทองธานี เป็นรถบรรทุกอาวุธคันเดียวกับที่หลักสี่ อย่ามาเลย ระวังถูกจับ และที่นำรถขนอาวุธมา เพราะหวังจะเตรียมถล่ม 


[Image: 1391398403-3225579532-o.jpg]


[Image: 1391348339-2225572037-o.jpg]







        เมื่อถามว่า เป็นอาวุธของกลุ่มกปปส.หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังจับไม่ได้ ถ้าพูดจะเป็นการใส่ร้าย แต่อยู่กองปราบมา 11 ปี ไม่มีพลาด ตอนนี้ติดตามอยู่ อย่างไรก็ตามตนอยากแก้ปัญหาโดยสันติ แต่คนที่จะบริหารประเทศต้องยึดหลักกฎหมาย ถ้ายึดหลักแห่งความกลัว ต้องกลับไปบวช


โอนคดี สนธิญาณ เป็นคดีพิเศษให้ดีเอสไอทำต่อแล้ว


             ดีเอสไอ เผย จับ ‘สนธิญาณ’ ตามหมาย ฉ. ไม่ต้องฝากขังต่อศาลใน 7 วัน ด้าน ตร. ระบุ โอนคดีเป็นคดีพิเศษให้ดีเอสไอทำต่อแล้ว ขณะ ตร.โพธิ์แก้ว ขอเข้าค้นบ้านพัก ‘สนธิญาณ’ ย่านพุทธมณฑลสาย 4 แล้ว


         พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ตามที่ทาง ศรส. ได้จับกุมตัว นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำ กปปส. ผู้ต้องหาตามหมายจับ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และนำตัวไปควบคุมที่ ตชด.ภ.1 จ.ปทุมธานี นั้น ขั้นต่อนต่อไปคือ การสอบสวนตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือ

         ไม่ต้องนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลตามขั้นตอนปกติ ตาม ป.วิอาญา เนื่องจากฎหมายให้อำนาจ พงส.ในคดี สามารถควบคุมตัวไว้ได้ เป็นเวลา 7 วัน และเมื่อครบกำหนด 7 วันแล้ว ก็ให้นำตัวไปฝากขังต่อศาลได้อีกครั้ง 7 วัน แต่ไม่เกิน 30 วัน ซึ่งในช่วงนั้นผู้ต้องหาถึงจะสามารถใช้สิทธิ์ประกันตัวได้ หากศาลไม่ให้ควบคุมตัวต่อ

          ส่วนกรณีขอหมายจับ แกนนำ กปปส. ลอตที่สอง จำนวน 13 คนนั้น ในวันที่ 13 ก.พ. ศาลนัดไต่สวนผู้ขอหมาย คือ ดีเอสไอ ซึ่งจะนำ ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขึ้นเบิกความต่อศาล ก่อนที่ศาลจะนัดหมายฟังคำสั่งต่อไป

         ด้าน พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผช.ผบ.ตร. หน.ชุดจับกุม นายสนธิญาณ เปิดเผยว่า คดีนี้เมื่อจับกุมตัวได้ ก็ได้โอนคดีให้กับทางดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษไปแล้ว โดยตนเองถือว่าหมดหน้าที่แล้ว และจะตามจับกุมคนที่เหลือตามหมายจับต่อไป

ระบอบสุเทพ กำลังขาขึ้น (เอาหัวลง)










เปิืดคำทำนาย โล้น อิสระ


เปิดคำทำนาย "พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา" จะได้รับชัยชนะ ถ้าไม่ชนะ คงปฏิวัติไม่สำเร็จ?



           เปิดคำทำนาย หลวงปู่พุทธะอิสระ หรือพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย (ธรรมะอิสระ) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ที่ให้สัมภาษณ์ "มติชนออนไลน์" ถึงเบื้องหลังการเชิญพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) พลเอกสมทัต อัตตะนันทน์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) และอดีต ผบ.ทบ. พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เป็นประธานเททองหล่อพระเกตุมาลาพระนาคปรก "ปกเกล้า ปกแผ่นดิน" และยกองค์ฐานองค์พระฯขึ้นประดิษฐาน ที่วัดอ้อน้อย เมื่อวันที่ 27 มกราคมนั้น มีคำสัมภาษณ์เบื้องหลังสำคัญอยู่ข้อความหนึ่ง ถึงคำทำนายของพลเอกอนุพงศ์ เผ่าจินดาว่า จักได้รับชัยชนะ หากไม่ได้รับชัยชนะ คงทำปฏิวัติไม่สำเร็จ

หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษไว้ ความว่า
           “คนสมัยโบราณเวลาสร้างหลักบ้านหลักเมืองหรือสมมุติว่าเราจะขึ้นบ้านใหม่ เขาก็จะเอาคนที่มีบุญญาธิการ มีคุณงามความดี มีบุญบารมี หรือไม่ก็มียศฐาบรรดาศักดิ์ มาเป็นผู้ยกหลักเมือง หลักบ้านหรือเสาเอก มันเป็นความเชื่อ แล้วเราก็ได้รับการสอนมาเป็นอย่างนี้เรื่อยมา แล้วสมัยโบราณอย่างทีเขายกเสาหลักเมือง เขาจะใช้ขุนทหารแม่ทัพนายกองซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีสติปัญญา เป็นที่รักใคร่มีคุณธรรมมาอยู่ประจำในทิศทั้งสี่ แต่ในวันที่ทำพิธีกรรม เราจะเห็นว่าเขาจับสลาก เขามีการจับฉลาก แล้วพวกเขาจับฉลากกันแม่นมาก

        "ทุกคนจับสลากกันแม่นมาก ตรงกับที่เค้าอธิษฐานทุกคนเลย แม่นมาก คือคุณประวิตร(วงษ์สุวรรณ) หัวเข่าไม่ดี ขึ้นที่สูง เค้าบอกเค้าไม่ไหว เค้าขอให้สุขภาพแข็งแรง เค้าก็ได้ในทิศที่เค้าอยู่ แข็งแรง เออ ได้แข็งแรง ท่านผบ.ทบ.คนปัจจุบัน (พลเอกประยุทธ์) เค้าก็อยากให้หน้าที่ฐานะการงานเค้ารุ่งเรือง ก็ได้รุ่งเรืองตามที่เค้าปรารถนา" เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อยกล่าว

          ผู้สื่อข่าวถามว่า พลเอกอนุพงษ์จับสลากได้ทิศชนะหมายความว่าอย่างไร หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวว่า ถ้าไม่ชนะ คงปฎิวัติไม่สำเร็จ ส่วนพลเอกสมทัต เค้าก็ได้ทิศมั่นคง เขาไม่หวั่นไหว ใครมาชวนเขาเป็นนักการเมือง ก็ไม่หวั่นไหว เค้ารู้จักกับชั้นตั้งแต่สมัยเป็นผบ.ทบ. คือพวกนี้เค้ามาวัด มาทอดกฐิน มาทอดผ้าป่า มาวัดบ่อย มาช่วยชั้นบวชพระบวชเณร เค้าเป็นลูกศิษย์อยู่เก่า "ในสายตาของชั้น เขาเป็นคนซื่อตรง เขาเป็นคนดี เราก็เลยเชิญเขามาให้เป็นฐานอำนาจที่จะข่มคนที่คิดไม่ดี ทำไม่ดี พูดไม่ดีต่อบ้านต่อเมือง เป็นนัยยะเป็นนิมิตรมงคลนาม เค้าเรียกว่า เป็นเคล็ดในการทำยันตพิธี ที่จริงก็มีคนถามว่าทำไมไม่เอาสามเหล่าทัพก็คือทหารบก เรือ อากาศ แล้วก็ตำรวจ เท่าที่เราดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ในแผ่นดินสยามที่ก่อตั้งรากฐานมา บทบาทที่มีอยู่มากและอย่างสูงก็คือ ทหารบกที่กอบกู้บ้านเมือง ปกป้องแม้กระทั่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ท่านก็เป็นต้นตำรับของทหารบกต้นตำรับของหน่วยจู่โจมเราก็เลย เอาล่ะ ใช้ท่านอดีตผบ.ทบ.กับผบ.ทบ.คนปัจจุบันมาทำหน้าที่ เขาก็ยินดีอุตส่าห์เสียสละปลีกเวลาแล้วอยู่จนจบพิธี" หลวงปู่พุทธะอิสระกล่าว

         สำหรับพิธีเททองหล่อพระเกตุมาลาพระนาคปรก “ปกเกล้า ปกแผ่นดิน” และยกองค์ฐานองค์พระฯขึ้นประดิษฐาน ที่วัดอ้อน้อย มีขึ้นเมื่อเวลา 16.00น.วันที่ 27 มกราคม 3 อดีตผบ.ทบ.ประกอบด้วย พลเอกประวิตร พลเอกสมทัต พลเอกอนุพงษ์ และ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ร่วมป็นประธานฯ

          พล.ต.ต.โกสินทร์ บุญสร้าง รองผบช.ตชด. ประธานมูลนิธิธรรมอิสระ และมูลนิธิอโรคยาศาลา กล่าวรายงานในพิธีว่า โครงการจัดสร้างพระมหาพุทธพิมพ์นาคปรก “ปกเกล้า ปกแผ่นดิน” นี้ขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความกตัญญูที่มีต่อแผ่นดิน และต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ หลวงปู่พุทธอิสระ ได้ดำริให้จัดสร้างพระนาคปรก โดยใช้เหรียญสตางค์ ซึ่งมีพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ติดเป็นเกร็ดพญานาค การจัดพิธีครั้งนี้ มีขึ้นในห้วงสถานการณ์การเมืองเริ่มคุกรุ่นด้วยเสียงวิวาทะในประเด็นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมถึงการผลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์ ขณะที่นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางไปราชการที่อินเดีย และสวิตเซอร์แลนด์
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จับสลากได้ทิศตะวันตกขององค์พระฯ ซึ่งมีความหมายว่า "แข็งแรง"
พลเอกสมทัต อัตตะนันทน์ อดีต ผู้บัญชาการสูงสุด(ผบ.สส.) และอดีต ผบ.ทบ.ได้ทิศใต้ขององค์พระฯ ซึ่งมีความหมาย ว่า "มั่นคง"

พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ได้ทิศเหนือขององค์พระฯ มีความหมายว่า"ชัยชนะ"

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. คนปัจจุบัน จับสลากได้ทิศตะวันออกขององค์พระฯ มีความหมายว่า" รุ่งเรือง"

ด่วนครับ...เรียกรถ พยาบาลทีครับ

ไม่ไหวแล้วพี่น้องเอ๊ยยยยยยย
จาก http://dangdd.com/threads/%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%96-%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A.8373/


[​IMG]
[​IMG]


[​IMG]



[​IMG]














image

ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติและธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ. 2529 ข้อ 19 การกระทำต่อธงชาติโดยไม่ให้ความเคารพ มีดังนี้
  • 19.1 การกระทำอันเป็นการเหยียดหยามต่อธงชาติ ได้แก่ การกระทำต่อธงชาติรูปจำลองของธงชาติ หรือแถบสีธงชาติ ด้วยเจตนาเหยียดหยามประเทศชาติ เช่น ฉีกทำลาย ถ่มน้ำลายรด ใช้เท้าเหยียบ วางเป็นผ้าเช็ดเท้า ซึ่งเป็นการแสดงความดูถูกดูหมิ่นเหยียดหยามชาติไทย
  • 19.2 การกระทำที่ไม่สมควรต่อธงชาติ รูปจำลองของธงชาติ หรือแถบสีธงชาติ เช่น
    • (1) การประดิษฐ์รูป ตัวอักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายอื่นในผืนธงรูปจำลองของธง หรือแถบสีของธง
    • (2) การใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีของธงอันมีลักษณะตามข้อ (1)
    • (3) การใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีของธงไว้ ณ สถานที่หรือวิธีอันไม่สมควร
    • (4) การประดิษฐ์ธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงไว้ ณ ที่หรือสิ่งใด ๆ โดยไม่สมควร
    • (5) แสดงหรือใช้สิ่งใด ๆ ที่มีรูปธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงอันมีลักษณะตามข้อ (4)
การกระทำการต่อธงชาติโดยไม่ให้ความเคารพมีความผิด ต้องระวางโทษตามกฎหมายดังนี้
  1. กระทำการใด ๆ ต่อธงชาติหรือเครื่องหมายอื่นใด อันมีความหมายถึงรัฐ เพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 118)
  2. กระทำการใด ๆ ต่อธงชาติ รูปจำลองของธงชาติ หรือแถบสีของธงชาติ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีข้อ 19.2 ข้างต้น (ข้อความดังกล่าวลอกมาจากพระราชบัญญัติธงอีกทีหนึ่ง) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522 มาตรา 53)
  3. ผู้ใดกระทำการกระทำใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการเหยียดหยามต่อธง รูปจำลองของธงชาติ หรือแถบสีของธงชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522 มาตรา 54)
























“ธงชาติไทย” แฟชั่นฮิต เบียดทุกลายกระเด็น!!

“ธงชาติไทย” แฟชั่นฮิต เบียดทุกลายกระเด็น!!

“ธงชาติไทย” แฟชั่นฮิต เบียดทุกลายกระเด็น!!