วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

'หมอเหรียญทอง' ยัน รพ.มงกุฎวัฒนะ ปลอดคนคิดเลวร้าย เผยไล่ออกตั้งแต่ 53


ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะและปธ.องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน ระบุที่รพ.แม้มีคนต้านคสช.อยู่ แต่ก็เป็นส่วนน้อยและให้ความร่วมมือล่าแม่มดพวกหมิ่นฯเป็นอย่างดี แนะองค์กรอื่นเปิดเผยบอุดมการณ์ทางการเมืองบุคลากรเพื่อให้ผู้บริโภคสบายใจ

30 พ.ค. 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 10.38 น. ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ 'เหรียญทอง แน่นหนา' ของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ และประธานองค์กรเก็บขณะแผ่นดิน ได้โพสต์ (ซึ่งเฟซบุ๊กเพจ 'องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน' ได้แชร์ต่ออีกที) ว่า ขออนุญาตประชาสัมพันธ์การเปิดเผยข้อมูลเพื่อการตัดสินใจของผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการ รพ.มงกุฎวัฒนะ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุดมการณ์ทางการเมืองของแพทย์และบุคลากรส่วนน้อยบางคนตามโพสต์นี้
"ผมเป็นคนชัดเจนจึงขอเปิดเผยว่า รพ.มงกุฎวัฒนะ ก็เป็นองค์กรหนึ่งที่มีแพทย์และบุคลากรที่ต่อต้าน คสช. แต่ก็มีเพียงส่วนน้อยและไม่ถึงกับเลวร้าย (พวกที่เลวร้ายไล่ออกไปตั้งแต่ปี 53 แล้ว) แต่ที่ทำให้ผมยอมรับได้ก็เพราะแพทย์และบุคลากรส่วนน้อยเหล่านี้ให้ความร่วมมือสืบค้นและส่งรายชื่อพวกหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นจำนวนมากให้แก่ผมเป็นอย่างดี ดังนั้นท่านผู้ใช้บริการ รพ.มงกุฏวัฒนะได้โปรดอย่ารังเกียจพวกเขา อย่างไรก็ตามหากท่านต้องการเลือกตรวจรักษากับแพทย์จำนวนมากที่สนับสนุน คสช. ท่านสามารถสอบถามข้อมูลโดยตรงได้ที่ผม" พล.ต.นพ.เหรียญทอง
 
ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ระบุด้วยว่า ตนมีนโยบายเปิดเผยข้อมูล ทั้งนี้ก็เพราะทุกองค์กรมีคนประเภทนี้ปะปนอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ผู้บริหารองค์กรจะต้องเปิดเผยข้อมูลเพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจรับการตรวจอย่างสบายใจ

ศาลพิพากษา 2 จำเลยคดี 112 แอบอ้าง 'พระเทพ' สารภาพลดโทษเหลือคุก 3 ปี 8 เดือน


30 พ.ค. 2559 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลจังหวัดกำแพงเพชรนัดฟังคำพิพากษาในคดีระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดกำแพงเพชร กับ กิตติภพ และ วิเศษ (สงวนนามสกุล) ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112, ความผิดในการร่วมกันปลอมเอกสารราชการ และความผิดในการสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ
 
โดยพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ให้ลงโทษจำคุก 4 ปี ความผิดข้อหาสวมเครื่องแบบของเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ ให้ลงโทษจำคุก 4 เดือน และความผิดข้อหาร่วมกันปลอมเอกสารราชการ ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี รวมโทษจำคุก 7 ปี 4 เดือน แต่จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุกคนละ 3 ปี 8 เดือน
 
ทั้งนี้ในการอ่านคำพิพากษา ศาลได้อ่านเฉพาะเรื่องการกำหนดโทษของจำเลยทั้งสอง แต่ไม่ได้อ่านในส่วนรายละเอียดคดีและข้อวินิจฉัยทางกฎหมายต่างๆ แต่อย่างใด ในเบื้องต้น จึงยังไม่ทราบรายละเอียดเนื้อหาในส่วนดังกล่าว
 
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิฯ รายงานด้วยว่า เหตุในกรณีนี้ กลุ่มจำเลยสี่คนถูกกล่าวหาว่าได้ร่วมกันปลอมเอกสารหนังสือราชการของสำนักราชเลขานุการ กองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และได้นำไปอ้างแสดงต่อเจ้าอาวาสวัดไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมกับผู้เสียหายอีกหลายคน และยังมีการกล่าวอ้างว่าสามารถที่จะทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มาร่วมในพิธีของวัดได้ โดยมีการกล่าวอ้างแสดงตนว่าเป็นหม่อมหลวง พร้อมเรียกเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ จากผู้เสียหาย ต่อมา ทางเจ้าอาวาสวัดไทรงามได้ให้ตัวแทนเข้าแจ้งความดำเนินคดี จำเลยทั้งสี่ได้ทยอยถูกควบคุมตัวในช่วงเดือนส.ค.58
 
ต่อมา เมื่อวันที่ 22 เม.ย.59 กิตติภพ จำเลยที่ 2 และ วิเศษ จำเลยที่ 3 ซึ่งเคยให้การปฏิเสธข้อหา ได้ยื่นขอกลับคำให้การต่อศาล เป็นรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกข้อหา ศาลจึงได้นัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ ขณะที่ อัษฎาภรณ์ จำเลยที่ 1 และ นพฤทธิ์ จำเลยที่ 4 ยืนยันให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ศาลจึงให้อัยการโจทก์แยกฟ้องคดีของจำเลยที่ 1 และที่ 4 เข้ามาใหม่
 
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิฯ รายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ในส่วนคดีของ อัษฎาภรณ์และ นพฤทธิ์ ที่ยังต่อสู้คดี พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องเป็นคดีใหม่ต่อศาลจังหวัดกำแพงเพชรมาเมื่อวันที่ 27 เม.ย.59 โดยคำฟ้องในคดีใหม่นี้เขียนในลักษณะเดียวกันกับคำฟ้องในคดีเดิม แต่ไม่ได้มีการฟ้องในข้อหาสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 146 เหมือนในคดีแรก โดยศาลได้นัดพร้อมและสอบคำให้การในคดีใหม่นี้ในวันที่ 6 มิ.ย.59
 
กรณีนี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิฯ ได้เข้าให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายกับ นพฤทธิ์ อายุ 28 ปี ซึ่งทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ นพฤทธิ์ ระบุว่าเขารู้จักกับ วิเศษ จำเลยอีกคนในคดีนี้ในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และไม่เคยรู้จักจำเลยอีกสองคนมาก่อน แต่วิเศษได้มาชวนไปร่วมทำบุญ โดยอ้างว่าให้เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ที่วัดไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร ในช่วงเดือนเม.ย.58 แต่เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแอบอ้างตามข้อกล่าวหา ไม่ทราบเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร และไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ โดยญาติของนพฤทธิ์เคยยื่นขอประกันตัวต่อศาลแล้ว 3 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาต
 
ก่อนหน้านี้ ในนัดสอบคำให้การครั้งแรก นพฤทธิ์และทนายความได้เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้น ในประเด็นสถานะของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีว่าเป็นบุคคลตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่ แต่ศาลได้ให้ยกคำร้องฉบับนี้ โดยระบุว่าชั้นนี้ยังไม่มีเหตุสมควรวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมาย
 
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิฯ ระบุว่า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 บัญญัติบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองประกอบด้วยพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

ทอม ดันดี กลับคำให้การรับสารภาพ คดี112 คดีแรก เหลืออีกคดีที่ศาลทหาร


30 พ.ค.2559 ที่ห้องพิจารณาคดี 912 ศาลอาญารัชดา นายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือ ทอม ดันดี นักร้องดังวัย 58 ปีมาศาลในนัดตรวจความพร้อมของคู่ความ ในคดีหมายเลข อ.3575/2558 ก่อนจะถึงนัดสืบพยานในวันที่ 26-29 ก.ค.ที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม ในนัดนี้ทอม ดันดี ได้กลับคำให้การจากที่ปฏิเสธข้อกล่าวหาขอต่อสู้คดี เป็น รับสารภาพทุกข้อกล่าวหาและขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและตัดสินคดีโดยเร็วเพื่อให้จำเลยได้มีโอกาสรับประโยชน์จากการพระราชทานอภัยโทษ ศาลได้ยกเลิกกำหนดสืบพยานเดิมและนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 1 มิ.ย.นี้เวลา 10.00 น.
ทอม ดันดี กล่าวว่า เหตุที่ให้การรับสารภาพเนื่องจากติดคุกมาเกือบ 2 ปีแล้วถูกฟ้องคดี 112 ทั้งที่ศาลอาญาและศาลทหารโดยมองไม่เห็นทางว่าการต่อสู้คดีนั้นจะจบลงที่ใดจึงขอกลับคำให้การเพื่อให้คดีสิ้นสุดและเพื่อดำเนินการขออภัยพระราชทานอภัยโทษโดยเร็ว
ทั้งนี้ ทนายจำเลยระบุว่าคาดว่าในศาลทหารที่มีกำหนดสืบพยานในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ ทอม ดันดีก็จะกลับคำให้การเป็นรับสารภาพด้วยเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทอม ดันดี ถูกจับกุมตัวโดยเจ้าหน้ามที่ทหารเมื่อวันที่ 9 ก.ค.2557 เขาถูกแจ้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคสช.ไม่มารายงานตัว ศาลลงโทษจำคุก 6 เดือนแต่ให้รอลงอาญา 2 ปี จากนั้นเขาถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีก 2 คดี คือ ความผิดตามมาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) (3) และ (5)
คดี 112 คดีแรก พิจารณาคดีในศาลทหาร โดยอัยการทหารยื่นฟ้องเขาจากกรณีการปราศรัยเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2556 ปรากฏเป็นคลิปในอินเทอร์เน็ตระหว่าง 6 พ.ย.2556-27 มิ.ย.2557 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังรัฐประหาร และคสช.ประกาศให้คดี 112 ขึ้นศาลทหาร 
คดี 112 คดีที่สอง อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 ยื่นฟ้องเขาต่อศาลอาญา รัชดา ในวันที่ 19 ต.ค.2558 ซึ่งเป็นเวลาหลังจากเขาถูกคุมขังมา 1 ปี 3 เดือน เหตุจากกรณีมีคลิปปราศรัยของเขาปรากฏในอินเทอร์เน็ตระหว่างวันที่ 13 พ.ย.2556- 26 เม.ย.2557 ซึ่งเป็นเวลาก่อนการรัฐประหาร