4 พ.ย.2557 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์สมานฉันท์ ศาลอาญา รัชดา มีนัดฟังคำพิพากษา คดีที่อัครเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 ตกเป็นจำเลยในคดี 112
ศาลพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดตาม ม.112 ประมวลกฎหมายอาญา และม.3, 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กระทำผิดหนึ่งกรรม ผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามกฎหมายที่โทษหนักสุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 พิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือ 2 ปี 6 เดือน
"พิเคราะห์พฤติการณ์จำเลยเป็นการหยาบหยามสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพยิ่งของปวงชาวไทย กระทำการในลักษณะเป็นการโฆษณา ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ การกระทำของจำเลยเป็นภัยร้ายแรง ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ"
ทั้งนี้ อัครเดชถูกจองจำในเรือนจำมาแล้วราว 5 เดือน โดยวันที่ 18 มิ.ย.57 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสารกว่า 10 นาย นำหมายจับไปจับกุมตัวเขาจากบ้านพักในเขตหนองจอก พร้อมทั้งยึดโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเป็นของกลาง ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่สน.สุทธิสาร จากนั้นในวันที่ 20 มิ.ย.ตำรวจได้นำตัวไปฝากขังที่ศาล อัครเดชถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ขณะที่ครอบครัวยื่นคำร้องขอประกันตัวทั้งสิ้น 5 ครั้งโดยใช้เงินสด 150,000 – 200,000 บาทแต่ศาลไม่อนุญาต
เขาถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ใช้นามแฝง “น้าดมก็รักในหลวงนะ” โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก 1 ข้อความในวันที่ 15 มี.ค.57 ซึ่งเป็นการถกเถียงกันระหว่างผู้เห็นต่างในเฟซบุ๊ก จากนั้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมมีผู้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษเขากับเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สน.สุทธิสารพร้อมนำหลักฐานเชื่อมโยงมายังตัวอัครเดชมาให้เจ้าหน้าที่ด้วย เขาถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา และมาตรา 14 (1) , (2) , (3) , (4) , (5) ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน และต่อมาให้การรับสารภาพในชั้นศาล ระหว่างกระบวนการ "สมานฉันท์"