ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554
คุก "โจ กอร์ดอน" คดีหมิ่นฯแปลหนังสือต้องห้าม 5 ปี | ||
คุก "โจ กอร์ดอน" คดีหมิ่นฯแปลหนังสือต้องห้าม 5 ปี
เวลา 09.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขคดีดำ อ.3328/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายเลอพงษ์ วิไชยคำมาตย์ หรือสิน แซ่จิ้ว หรือ โจ – กอร์ดอน ( Joe Wichai Commart Gordon ) อาชีพ 54 ปี สัญชาติไทย-อเมริกัน อาชีพเซลล์ขายรถ และจิตรกร เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ , กระทำให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน และเป็นผู้นำเข้าและเผยแพร่สู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ,116, พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3 ,14 ตามฟ้องโจทก์สรุปว่า เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2554 ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 2 พฤศจิกายน 2550 - 24 พฤษภาคม 2554 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้นำข้อความเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นข้อความหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ในบล็อกแสดงความคิดเห็นในอินเตอร์เน็ต ที่ชื่อบาทเดียวโดยจำเลยใช้นามแฝงว่า สิน แซ่จิ้ว และจำเลยอ้างตัวเป็นผู้แปลหนังสือต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรชื่อ “The King Never Smile” เหตุเกิดที่ ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา และทั่วราชอาณาจักร และนอกราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน โดยจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงสั่งสืบเสาะประวัติก่อนนัดพิพากษาคดี ขณะที่วันนี้ศาลได้สอบถามจำเลยเกี่ยวกับคำให้การอีกครั้งตามที่จำเลยเคยให้การว่า ไม่เคยรู้เรื่องการเมืองไทย ไม่เกี่ยวข้องกับมวลชนสีเหลือง และสีแดง ไม่เคยโพสต์ข้อความดูหมิ่นสถาบันและไม่รู้จักกับบุคคลที่ใช้ชื่อสิน แซ่จิ้วนั้น จะเท่ากับจำเลยให้การปฏิเสธใช่หรือไม่ นายเลอพงษ์ จำเลย และนายอานนท์ นำพา ทนายความ จึงแถลงต่อศาลยืนยันว่า จำเลยให้การรับสารภาพ และไม่เคยกล่าวพาดพิงหรือโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันในคดีอื่น จากนั้นศาลจึงอ่านคำพิพากษา โดยศาลพิเคราะห์คำฟ้อง คำรับสารภาพของจำเลย ประกอบรายงานการสืบเสาะประวัติแล้ว เห็นว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 112 ฐานดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ ฯ ให้จำคุก 5 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ เหตุควรลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่ง คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน ภายหลังฟังคำพิพากษา นายเลอพงษ์ หรือโจ กอร์ ดอน จำเลย กล่าวว่า ยอมรับโทษที่ศาลพิพากษา โดยจะไม่ยื่นอุทธรณ์คดี ด้านนายอานนท์ นำพา ทนายความกล่าวว่า อัตราโทษที่ศาลพิพากษาลงโทษนายเลอพงษ์ 5 ปี ถือว่าเป็นอัตราโทษที่ต่ำกว่าคดีอื่นๆ ที่จะอยู่ระหว่าง 6-10 ปี ขณะที่รับสารภาพแล้วโทษลดเหลือ 2 ปี 6 เดือน ซึ่งนายเลอพงษ์ ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำตั้งแต่ถูกจับกุมถึงวันนี้ เป็นเวลา 6 เดือนแล้ว คงเหลือเวลาอีก 2 ปี โดยเราจะไม่ยื่นอุทธรณ์ แต่หลังจากนี้จะยื่นเรื่องขออภัยโทษผ่านกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรมตามขั้นตอนซึ่งเราจะมีเวลาประมาณ 1 เดือนดำเนินการ | ||
http://redusala.blogspot.com |
"บอมบ์"ราชดำเนิน สัญญาณเตือนภัย"รัฐบาลปู" | |
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1323316138&grpid=01&catid=&subcatid= (ที่มา : มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 8 ธันวาคม 2554) เหตุลอบวางระเบิดบริเวณ "หน้ากองสลากกินแบ่งรัฐบาล" ถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสรุปว่า "คนร้าย" ต้องการสร้างความปั่นป่วน เพราะต่อวงจรไม่สมบูรณ์และตั้งเวลาระเบิดในช่วงที่กิจกรรมย่านนั้นเลิกราไปแล้ว แต่ถือเป็นการสร้างความปั่นป่วนที่เปี่ยมไปด้วยสัญญาณ "ทางการเมือง" สถานที่เกิดเหตุ วัน เวลา เป็นเรื่องน่าคิด ท้าทายให้‰ประเมินว่าเป็นการลองเชิง-ชิมลาง-หยั่งกระแส ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือไม่ เพราะการสร้างสถานการณ์จนทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เป็นสาเหตุที่ให้ "รัฐบาล" อยู่ไม่ได้มานักต่อนักแล้ว โดยเฉพาะรัฐบาลที่มีความเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งในอดีตปรากฏให้เห็นแล้วว่า รัฐบาลที่มีความเกี่ยวข้องกับ "พ.ต.ท.ทักษิณ" มี "จุดอ่อน" อยู่ที่งาน "ด้านความมั่นคง" มักโดนเขย่าอำนาจด้วยการลอบวาง "ระเบิด" ก่อกวนมาเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ยุค สมัคร สุนทรเวช มีการลอบวางระเบิดในช่วงการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลของ "คน เสื้อเหลือง" กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จนทำให้สถานการณ์ปั่นป่วนวุ่นวายจนยากจะควบคุม จนกระทั่ง "ศาลรัฐธรรมนูญ" วินิจฉัยให้ "นายกฯสมัคร" สิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรีจากกรณีเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์แล้วได้รับค่าตอบแทน รัฐบาล "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" มีการชุมนุมทางการเมืองเกิดเหตุ "ระเบิด" และเกิดเหตุปะทะกันขึ้นมากมาย จนกระทั่ง "ศาลรัฐธรรมนูญ" ออกมาทำหน้าที่ "ยุติเกมการเมือง" อีกครั้ง กับการอ่านคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคพลังประชาชนเป็นเหตุให้ "สมชาย" สิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั้งที่เจอเหตุการณ์การชุมนุมใหญ่ของกลุ่ม "คนเสื้อแดง" กลางเมืองหลวง แต่ "อภิสิทธิ์" สามารถประคับประคองให้รัฐบาลอยู่ได้ ซึ่งปัจจัยด้าน "ความมั่นคง" ทั้งทหาร-ข่าวกรอง คือกลไกสำคัญที่่ เอื้ออำนวยและค้ำจุนตำแหน่งฝ่ายบริหาร ซึ่งนั่นอาจจะอธิบายได้จาก "ความสัมพันธ์" ระหว่างรัฐบาลและกองทัพมีความแนบแน่น สวนทางกับ รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ทั้งที่เสมือนมี "ช่องว่าง" อันมีพื้นฐานมา จาก "คนเสื้อแดง" ที่เป็นมวลชนของ พรรคเพื่อไทยซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกองทัพ จึงทำให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่สามารถ "จูนความสัมพันธ์" กับกองทัพได้ .. แต่นั่นก็มีเหตุและปัจจัยอื่นที่เข้ามาแทรกซ้อนทำให้ไม่สามารถ "กำจัดจุดอ่อน" ได้สำเร็จ ตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลมาเมื่อเดือนสิงหาคม "ยิ่งลักษณ์" ไม่เคยเรียกประชุม "หน่วยงานด้านความมั่นคง" อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ทำให้การประเมินและประมวลข่าวสารทางลับจากหน่วยงานต่างๆ แคบลง เพราะส่วนใหญ่รับรู้แค่ข่าวจาก "สันติบาล" อันเนื่องมาจากคนในรัฐบาลเต็มใจใช้บริการตำรวจมากกว่าทหาร ทำให้ข่าวลับจาก "กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร" (กอ.รมน.) "สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ" (สขช.) ถูกปิดตายเกือบทั้งหมด การรับรู้ ข้อมูลความเคลื่อนไหว "บนดิน-ใต้ดิน" ของฝ่ายตรงข้าม มีข้อจำกัดและด้อยประสิทธิภาพลงไป!! และหากหันไปตรวจแนวความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาล "นิ่งเฉย" กับฝ่ายความมั่นคง ที่นับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศ มีการประชุมและมอบหมายงานกันแค่ครั้งเดียว ทั้งๆ ที่เกิดเหตุระเบิดทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐเสียชีวิตต่อเนื่องเกือบทุกสัปดาห์ การลอบวางระเบิดแม้จะไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมีความเกี่ยวพันกับปัญหาในภาคใต้ แต่ในภาวะที่เกิดความห่างเหินของรัฐบาลกับฝ่ายความมั่นคง ขณะที่ปรากฏการณ์นี้มองกันว่า "ลองของ" รัฐบาล แต่หากไม่มีการปรับเปลี่ยนการทำงานและเตรียมรับมือ เหมือนที่เคย "ผิดพลาด" ในการบริหารจัดการน้ำมา เหตุการณ์ ระเบิดป่วนเมืองส่งท้ายปีเก่าต‰อนรับปีใหมˆเหมือนในอดีต อาจกลับมาเขย่าขวัญอีกครั้งก็ได้ | |
http://redusala.blogspot.com |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)