วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554




ข่าวเด่นเพื่อไทย



*
Abhisit Pledges to Help Families Cope With Food Costs Before Election Test
Abhisit Vejjajiva, Thailand's prime minister, speaks during Thailand Focus 2011 in Bangkok. Photographer: Brent Lewin/Bloomberg
Thai Prime Minister Abhisit Vejjajiva promised policies to help families cope with rising fuel and food costs that threaten to undermine his party’s gains ahead of this year’s national elections.
Abhisit’s Democrat party leads in every region of the country except for the northeast, he said in an interview with Bloomberg Television in Bangkok today, without citing a specific poll. Abhisit has said he’ll dissolve Parliament in early May to trigger an election about six months before his term ends.

The Democrat party aims “to help put money in people’s pockets so that they can cope with rising prices,” Abhisit said. “Families are struggling despite the economic recovery to keep up with prices, and it’s better to have a government with a fresh mandate to really tackle them.”

Abhisit, 46, took power in a 2008 parliamentary vote after a court disbanded the ruling party linked to fugitive ex-Premier Thaksin Shinawatra, triggering protests from his supporters that have claimed about 100 lives. The Democrats have narrowed the gap on their main rivals in by-elections since the 2007 nationwide vote while overseeing Thailand’s fastest economic growth in 15 years.
The prime minister is “dreaming” if he thinks the Democrats will win the most seats, said Pichai Naripthaphan, a former deputy finance minister and a member of the pro-Thaksin Puea Thai party. Internal polls show his party winning as many as 300 of 500 parliamentary seats up for grabs, Pichai said.

“Things are going in our favor,” he said by phone. “Nobody can go against the people’s will.”
Government Popularity

Consumer confidence fell for the first time in three months in February after oil and food prices surged. Thailand’s central bank raised its benchmark interest rate on March 9 for the second time in three months and signaled further increases, joining Asian central banks battling to counter the highest oil costs since 2008.

“I don’t think you can take anything for granted with elections in Thailand,” said Supavud Saicheua, managing director of Phatra Securities Pcl, Thailand’s second-biggest brokerage by market value. “Higher oil prices and higher product prices, rising interest rates and several accusations of corruption have affected the popularity of this government.”*




จับขั้วการเมือง - แบ่งปันผลประโยชน์



จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้
ปีที่ 12 ฉบับที่ 3021 ประจำวัน จันทร์ ที่ 28 มีนาคม 2011


ความเคลื่อนไหวก่อนการเลือกตั้งที่น่าจับตามองคือการรวมตัวของนักการเมืองต่างๆที่ต้องการสร้างฐานอำนาจในการต่อรองกับขั้วการเมือง 2 พรรคใหญ่ ดังนั้น ภาพการหม่ำข้าวมือเที่ยงของ 2 อา-หลานต่างพรรคต่างขั้วระหว่าง “บิ๊กเติ้ง” บรรหาร ศิลปอาชา กับ “เสี่ยเป็ด” เนวิน ชิดชอบ ที่เป็นการเมืองขั้วใหม่ของไทย เพราะทั้ง 2 คนรู้ดีว่าพรรคชาติไทยพัฒนากับพรรคภูมิใจไทยไม่มีทางได้ ส.ส. เป็นกอบเป็นกำแน่ ดังนั้น การจับมือกันเพื่อสร้างอำนาจต่อรองน่าจะดีที่สุด


แม้แต่นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา ก็รู้กติกานี้เช่นกัน จึงมีการออกโชว์ตัวมากขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านั้นมีความเคลื่อนไหวสำคัญในกลุ่มการเมืองโคราช เพราะการทำงานการเมืองย่อมมีเบื้องหน้าและเบื้องหลังมากมาย และหนึ่งในความเคลื่อนไหวนั้นน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

ถ้าจะให้ชัดเจนต้องดูที่กลุ่ม 3 พี ทั้งนายพินิจ จารุสมบัติ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ และว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี ที่จับมือกับนายสุวัจน์เพื่อรวมพรรคเพื่อแผ่นดินกับพรรครวมชาติพัฒนา โดยใช้ชื่อว่า “พรรครวมชาติพัฒนา”

แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อแผ่นดินเปิดเผยว่า กลุ่ม 3 พี นำโดยนายพินิจที่สนิทสนมกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาในพรรคภูมิใจไทย ดังจะเห็นความชัดเจนได้จากการลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา เมื่อว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์สั่งลูกพรรคในกลุ่มให้ช่วยลงคะแนนให้นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีในกลุ่มมัชฌิมาเพียงคนเดียว ทำให้ได้คะแนนสูงสุด ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าชี้แจงไม่ชัดเจน

ทั้งนี้ สาเหตุที่แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินมั่นใจว่าจะเป็นพรรคอันดับ 3 เนื่องจากวิเคราะห์แล้วว่าพรรคภูมิใจไทยคงไม่สามารถเจาะฐานพื้นที่อีสานของพรรคเพื่อไทยได้ ซึ่งจะทำให้พรรคภูมิใจไทยกลายเป็นพรรคเล็กในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน

รวมกับความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ที่นักการเมืองใหญ่ทั้ง 4 คนคือ นายสุวัจน์ นายพินิจ นายปรีชา และว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี ไปนั่งรอพบผู้ใหญ่ที่ใหญ่มากขนาดคุมทั้งทหาร ตำรวจ และรัฐบาล รวมถึงอาจคุมกระบวนการสำคัญของบ้านเมืองด้วย เพื่อเข้าไปรับนโยบายมาบางอย่าง จึงเป็นที่มาของการรวมพรรคในที่สุด

นี่คือบทสรุปที่สุดท้ายการเมืองไทยยังไงก็เป็นของเล่นของผู้มีอำนาจที่แท้จริงอีกจนได้

ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน ปีที่ 12 ฉบับที่ 3021 ประจำวันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2554 คอลัมน์ เก็บมาเขียน โดย ทีมข่าวการเมือง




สจฺจํ เว อมตา วาจา”นายหัวชวนบอกคำขวัญปชป.


http://yourrevenues.appspot.com/u?purl=bG10aC41MTE5MS1kYWVyaHQ
vc3UubW9kZWVyZnRlbnJldG5pLnd3dy8vOnB0dGg%3D%0A


มาช่วยผมวิจารณ์ข่าวนี้หน่อย...
ช่วยผมที่ผมคลื่นไส้อย่างฉับพลัน
“สจฺจํ เว อมตา วาจา” 
นายหัวชวนบอกคำขวัญปชป.

[Image: g9h98cjecd7aiag89fei9.jpg]


หลังจากแม่บ้านพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม "เทพเทือก" สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรค กล่าวเป็นภาษาใต้ปิดการสัมมนาพรรคโดยตอนหนึ่งระบุว่า "ได้เชิญวิทยากรมานำเสนอแนวทางวิธีการระดมความคิดในเชิงบวก


เพื่อให้สมาชิกนำไปฝึกปฏิบัติ เพราะประชาธิปัตย์มีความสามารถอยู่เรื่องหนึ่ง คือ ด่าเพื่อน ทั้งในที่ประชุมพรรค และที่ประชุมสภา เรื่องด่าเพื่อนไม่มีแพ้ใครเลย จนทำให้เราลืมสิ่งดีๆ วิธีการพูดดีๆ ชักชวนให้เดินไปกับเราดีๆ เราลืม เราขาด เราเลยติดวิธีการแบบ "เทพไท เสนพงศ์" โฆษกประจำตัวหัวหน้า ปชป.ทำเป็นประจำ"

ถัดมาได้สองวัน "นายหัวชวน หลีกภัย" ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ก็กล่าวว่าหลักของพรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่ใช่แค่ในสมัยของคุณสุเทพแต่เป็นทุกสมัยที่​ต้องยึดคำขวัญของพรรคคือ “สจฺจํ เว อมตา วาจา” หมายถึงความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตาย และต้องกล้าพูดความจริง 
พร้อมกับบอกว่า "หลักของพรรคนั้นไม่ได้สอนให้ไปด่าคน แต่สอนให้พูดความจริง เช่น เมื่อมีการกล่าวหาก็ต้องมีการชี้แจงซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องพูด ไม่ใช่อยู่นิ่งๆ ไม่พูด แต่ไม่ได้ไปสอนให้ไปด่าใคร ส่วนใครจะชอบด่าหรือไม่ชอบด่านั้นเป็นเรื่องของส่วนบุคคล แต่โดยทั่วๆ ไปแล้วสมาชิกพรรคส่วนใหญ่จะยึดหลักความถูกต้อง ความจริง เพราะพรรคการเมืองต้องพูดกับประชาชน จะไม่พูดเลยเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ใช่อยู่ดีๆ แล้วไปด่าเขาคงไม่ได้ แต่หากใครมาว่าก็จำเป็นที่จะต้องชี้แจง หากเป็นอย่างนั้นเขาไม่ได้เรียกว่าด่าแต่เป็นการชี้แจงที่ต้องทำความเข้าใจ เป็นหลักที่พรรคดำรงมาได้จนทุกวันนี้"

แต่ส่วนในกรณีของ "เทพไท" นั้น "นายหัวชวน" ตอบว่า "ต้องไปถามคุณเทพไทเอง"

...ตกลงสไตล์ "เทพไท" ถือเป็นหลักการพูดของพรรคประชาธิปัตย์หรือเปล่า...



http://www.komchadluek.net/detail/201008...8%9B..html

ท่านอาจจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าลุงโฮ ลุงเหมา
แต่ในใจของประชาชนคนไทยจำนวนมาก
ท่านคือคนไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ประเทศเคยมีมาท่านคือทักษิณ ชินวัต



อนุมัติอีก ซื้อเรือดำน้ำมือสองใช้งานได้อีกแค่ 10 ปี อนาคตเป็นปะการังเทียมแหง

อ้างอิงจาก http://www.thaifighterclub.org/webboard....8027233357 

ทางรัฐบาลเห็นชอบให้ ทร จัดซื้อเรือดำน้ำเก่าจากประเทศเยอรมัน จำนวน 6 ลำ ที่ใกล้ปลดประจำการ แต่สามารถใช้งานได้อีกประมาณ 10 ปี มูลค่าประมาณ 7,700 ล้านบาท ผูกงบประมาณ 4 ปี พศ 2554 - 2557

ผบ.ทร.ยอมรับทำเรื่องเสนอขอซื้อเรือดำน้ำ 6 ลำ
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.a...0000040372
อนิจจา รถเก่าวิ่งไม่ได้ยังเข็นได้ เรือดำน้ำเก่าอาจดำน้ำหายไปเลย นี่ถ้าทักษิณไม่โดนยึดอำนาจ ได้ซื้อลำใหม่ๆ ไปแล้วทหารเรือเอ๋ย เลียนแบบ ทบ. ซื้อบอลลูนมือสองมาลอยได้แค่ยอดตาล

อ้อ แล้วเวลานี้อะนะ ชาวบ้านเขาบอกว่า จะชิบหายวายวอดอดอยากปากแห้งกันแล้ว จะเอาไปดำหาป้ามีงเหรอไง


คนรู้เรื่องเขาบอกว่าซื้อมาเป็นเป้าให้เรือดำน้ำเวียดนามกะมาเลย์เขาล่อ

....น่าจะเลือก Amur-950 สักลำยังจะดีเสียกว่า
ดีกว่าเป็นเป้าล่อตั้ง 4-6 ลำ ข้อมูลเสียงของ 206a เนี่ยคงอยู่ในฐานข้อมูลเสียงเรือรุ่นใหม่ๆกันทั้งนั้นแล้วล่ะเนี่ย สมัยนี้ไม่ใด้มานั่งปรับทิศฟังเสียงเหมือนสงครามโลก มีระบบคอมข้อมูลเทียบเคียงเสียง คอยช่วยฝ่ายโซน่าห์ ให้ง่ายขึ้นอีกเยอะ
สลับสับเปลี่ยนกันฝึกยังจะมีความกะตือรือร้นมากกว่า เรียนรู้สิ่งใหม่ๆเทคโลโลยีใหม่ๆยังจะดีกว่า
งบไม่พอก็รออีกสักหน่อย ความคุ้มค่ามันจะมีมากกว่ากันเยอะเลย

Confused ประชาชน คือรากแก้วของแผ่นดิน Shy

*




เพื่อนไม่ทิ้งกัน ครั้งสุดท้ายของ เพื่อนเสื้อแดง ส่งศพ วีรชน 10 เมษายน เทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์

ลุงยิ้ม ตาสว่าง

Image has been scaled down 12% (640x410). Click this bar to view original image (720x461). Click image to open in new window.
[Image: 90252441ebccc5a2208e5f916fc03cc18fd0c31.jpg]

กำหนด การเคลื่อนศพ คุณ เทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์

วันที่ 2 เมษายน

09.00 น.พบกันที่วัดพลับพลาชัย เอาศพขึ้นรถ
10.00น. นำศพมาเชิญวิญญาน ที่สี่แยกคอกวัว
11.30 เคลื่อนขบวน ไปถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เลี้ยวขวาเข้าทาง นานา แล้วเลี้ยวซ้าย เข้าถนนสุขุมวิท ไปที่ สุขุมวิท ซอย 31 หัดร้องเพลง ความหวังของไพร่ไปด้วย ถ้าไม่ให้ผ่าน เอาศพลง ตั้งสวด จัดงาน ซอย สุขุมวิท 31 เพราะเราไปต่อไม่ได้

http://www.facebook.com/login/setashome....02&theater

Image has been scaled down 20% (640x480). Click this bar to view original image (800x600). Click image to open in new window.
[Image: 9025175951297de5720eeb184a148938de6e306.jpg]

2 เมษายน ร่วมเวทีปราศรัย
หลังจากเอา ศพ วีรชน 10 เมษายน คุณ เทิดศักดิ์ พุ้งกลิ่นจันทร์
ตั้ง ณ ศาลา 1 วัดสีกัน ดอนเมือง
ปราศรัยยาว กลางวันยันกลาคืน
พระสวดหยุด สวดเสร็จ ลุยต่อ
มาแน่ๆ คุณโด่ง อรรถชัย เบญจมิน แต้ม ฝ้ายคำ ดีเจอ้อ 91.15
คุณ พระรถ แดงสยาม กะลาแม สายไหม นายเอม บิดา มารดาคุณเทิดศักดิ์ ฯลฯ

ภาพประทับใจ ไม่มีวันลืม ความโหดร้ายที่พี่น้องเราถูกกระทำ

Image has been scaled down 20% (640x468). Click this bar to view original image (800x585). Click image to open in new window.
[Image: 9025205d34d209abf765d31d96e882579893526.jpg]

Image has been scaled down 20% (640x468). Click this bar to view original image (800x585). Click image to open in new window.
[Image: 90252083945d5bd0e0dbc21b7f2c97d5cc91c8c.jpg]

Image has been scaled down 20% (640x444). Click this bar to view original image (800x555). Click image to open in new window.
[Image: 902522046c4776c570faf70e9e9809ac2608dbc.jpg]

สุรชัย-กำแพงลม สุรชัย-กำแพงลม และ สุรชัย-กำแพงลม

สุดปลายทาง ยุคมืดแห่ง อวิชชา
แสงสว่าง ทางปัญญา มาแทนที่
เมื่อพระเจ้า กำเนิดข้า มาเสรี
พระเจ้าองค์นี้ มีชื่อว่า --- ประชาชน


โดย เพียงคำ ประดับความ
*





ผ่าขบวนการซาบซึ้งแล้วรวย Man behind the scene

ควายบาว คือวินิจ คนอยู่ฉากหลังวินิจตะคุ่ม ๆ คือเนวิน

http://thaienews.blogspot.com/2011/03/man-behind-scene.html

*
แมนบีไฮนด์เดอะซีน-แอ๊ด คาราบาว แถลงขอโทษจากเหตุทุ่มกีตาร์ทิ้ง โดยโยนความผิดให้ลูกน้องในวงว่าทำให้หงุดหงิด ที่บริษัท เฟรช แอร์ เฟสติวัล จำกัด ของดีเจวินิจ เลิศรัตนชัย ผู้จัดคอนเสิร์ต มหกรรมคอนเสิร์ต 30 ปี คาราบาว ที่อ้างว่าใช้งบในคอนเสิร์ตนี้100ล้านบาท โดยวินิจนั่งประกบตลอดเวลาแถลงข่าว



โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
25 มีนาคม 2554

ทำไมแอ๊ดต้องไปแถลงที่บริษัทของวินิจ นั่นก็เพราะวินิจเป็นแมนบีไฮนด์เดอะซีน หรือผู้อยู่ฉากหลังในการจัดคอนเสิร์ต 30 ปีคาราบาวที่เวลโลโดมหัวหมาก มูลค่า 100 ล้านบาทเมื่อวันที่ 19-20 มีนาคมที่ผ่านมา และหากชื่อเสียงคาราบาวปี้ป่น คนเจ๊งก็คือวินิจที่ต้องเสี่ยงกับการขายเทป ซีดี คอนเสิร์ต สปอนเซอร์ และผลประโยชน์ก้อนโตต่างๆที่จะเจ๊งตามมาอีกสารพัด

ก่อนหน้านั้นมีข่าวว่าวินิจเข้ามาเทกโอเวอร์วงคาราบาวไว้แล้ว

แต่Man behind the scene ตัวจริงของจริงที่อยู่ฉากหลังวินิจอีกทีคือเนวิน ชิดชอบ ผู้ดึงงบมาให้วินิจจัดงานวันพ่อกว่า 650 ล้านบาทก่อนหน้านี้ ( แน่นอนว่ารวมทั้งงบ 100 ล้านที่จัดคอนเสิร์ต 30 ปีคาราบาว ซึ่งในปีมหามงคลนี้ แอ๊ด คาราบาว ได้แต่งเพลงพิเศษเพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวงของเรา ในชื่อเพลง "ผู้ปิดทองหลังพระ" ร้องและบรรเลงในคอนเสิร์ต 30 ปีฯด้วย 

ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า ฟังจากแผ่นตัวอย่างแล้วน้ำตาซึมที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยภายใต้พระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน)


คู่บุญ?-เนวิน ชิดชอบ กับวินิจ เลิศรัตนชัย คีย์แมนสำคัญในการจัดงานอีเว้นต์เทิดพระเกียรติที่เน้นสีแสงอลังการ จนถูกคนนินทาว่าทำอะไรรู้กันแค่ 2 คน ไม่บอกใคร เนวินโต้ว่าทำเพื่อพ่อของแผ่นดินไม่จำเป็นต้องบอกใคร.. แต่ประเด็นก็คืองานนี้คู่บุญทั้งสองไม่ได้ทำฟรีๆ แต่เป็นงบประมาณจากภาษีประชาชน 650 ล้านบาท ( ปี 2552 จำนวน150ล้านบาท,ปี53จำนวน 200 ล้านบาท ผูกยาวถึงปี 2554 อีก 300 ล้านบาท) ขณะที่ภาพบรรยากาศงานด้านล่าง (ดูภาพชุดจาก เวบMthai) คือสิ่งที่ผู้เสียภาษีมีสิทธิถามว่า คุ้มค่าหรือไม่?


แกะรอยเส้นทางคู่บุญ หรือคนบาป?เนวินห้อย-วินิจ เลิศรัตนชัย อาศัยพลังศรัทธามาร์เก็ตติ้ง ดูดเงินภาษีประชาชนเข้ากระเป๋าปลิ้น ตั้งบริษัทรับงานทันทีที่เนวินเปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาลเทพประทาน จากที่เคยหนี้ท่วมหัว 20 ล้านแต่สามารถตั้งบริษัทใหม่ทุนจดทะเบียน 30 ล้าน ปีแรกฟัน 400 กว่าล้าน งานวันพ่อสี่มิติ,โอท็อปได้ทั้งเงินทั้งกล่อง มาปีนี้โกยเงินเพิ่ม20% คิวยาวถึงปี 2554เฉพาะเฉลิมพระเกียรติวันพ่อก็ปาเข้าไป 650 ล้านแล้ว กำไรจนทุ่มเงินเทกโอเวอร์วงคาราบาว วินิจรับหน้าชื่นพี่ห้อยให้เป็นโบนัส ถ้าไม่ได้"ท่าน"โอกาสที่จะได้ทำงานนี้ก็ยากมาก 

ก่อนหน้านี้วินิจเป็นหนี้อยู่ 20 ล้านจากกิจการธุรกิจด้านเพลงที่เขาถนัด และไปเป็นลูกจ้างเฮียฮ้อได้แค่ปีเดียว ก่อนจะนำไอเดียการจัดงานอีเว้นต์มาจับมือกับเนวิน ไม่ถึงปีก็กลายเป็นเสี่ยวินิจ เพราะทำเงินได้400ล้านบาทเศษ เขายอมรับว่าหากไม่ได้เนวินก็โอกาสยากมากที่จะได้งาน"พิเศษ"(ด้วยวิธีพิเศษ)แบบนี้ จึงถือเป็น"โบนัส"ที่พี่มอบให้น้องอย่างเขา

เราตามแกะรอยเส้นทางของวินิจ-เนวินพบว่าช่างสะดวกดายราวลัดปลายนิ้ว เมื่อธุรกิจผนึกการเมือง แล้วใช้ศรัทธามาร์เก็ตติ้ง ที่ยากจะมีคนตั้งคำถามเรื่องความใปร่งใส เป็นช่องทางโกยเงิน เพราะหากมองเผินๆงานแบบนี้ควรได้แค่"กล่อง" แต่ทั้งสองทำอย่างไรจึงได้ทั้งเงินก้อนโตไปอีกด้วย

29 สิงหาคม 2550-บริษัทRSของเฮียฮ้อก่อตั้งบริษัท RS FRES AIR จำกัด มอบหมายให้นายวินิจ เลิศรัตนชัย เป็นผู้บริหารทีม เพื่อทำธุรกิจคอนเสิร์ต โดยตั้งเป้าทำเงิน 100 ล้าน ต่อมานายวินิจลาออกจากสถานะลูกจ้าง และขายหุ้นในส่วนของเขาคืนเฮียฮ้อหมด

2 ธ.ค.2551-ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยุบ 3 พรรคการเมือง รวมทั้งพรรคพลังประชาชน จากนั้นกลุ่มเพื่อนเนวิน ของเนวิน ชิดชอบ ไปร่วมมือกับพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลเทพประทานในค่ายทหาร

นายศุภชัย โพธิ์สุ สมาชิกคนสำคัญของกลุ่มเพื่อนเนวิน ให้เหตุผลในการย้ายขั้วว่า "รู้ไหม ขณะนี้ กำลังสู้อยู่กับใคร สู้อยู่กับสถาบันฯ ไม่มีทางชนะหรอก"...แต่ยังไม่มีคำอธิบายมาจนบัดนี้ว่าเป็นสถาบันไหน...?

14 ม.ค.2552-เปิดตัวพรรคภูมิใจไทย รังใหม่ของเนวิน ขณะที่พรรคของเขาได้คุมกระทรวงสำคัญ รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย งานนี้มีนายวินิจ เลิศรัตนชัย อดีตดีเจชื่อดังเป็นคนจัดอีเว้นต์เปิดตัวพรรคภูมิใจไทย และแต่งเพลงและริงโทนให้พรรคด้วย

9 มี.ค. 2552-นายวินิจ เลิศรัตนชัย ที่ปรึกษาของนายเนวิน ชิดชอบ จดทะเบียนก่อตั้ง บริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด ทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ ซื้อขาย ผลิตสื่อโฆษณาทางวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์และวารสาร รับจ้างทำโฆษณา จัดทำรายการวิทยุ โทรทัศน์ 

ไทยโพสต์รายงานว่า วงการการเมืองรู้กันดีว่า วินิจ อดีตเจ้าของรายการไพรเรตร็อก วิทยุเพลงร็อก 24 ชั่วโมงคลื่นแรกในเมืองไทย แต่สุดท้ายต้องปิดฉากพร้อมกับเป็นหนี้ 20 ล้าน มีความแนบแน่นและเป็นหุ้นส่วนสำคัญของ TRAF หรือทราฟฟิค คอนเนอร์ ที่มี "เสี่ยป๊อป" สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย เป็นเจ้าของ และรู้กันดีว่าสุรพงษ์มีสายสัมพันธ์อันดีกับเนวินและศักดิ์สยาม ชิดชอบ มาร่วม 10 ปี

ไม่มีใครรู้ว่าคนที่เพิ่งออจากงานค่ายRSมา และเป็นหนี้นับ20ล้านบาท ทำไมจึงมีเงิน30ล้านบาทมาจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่ และอาจจะประหลาดใจกว่านั้นหากพบว่าแค่ปีเดียว บริษัทที่จัดตั้งใหม่หมาดนี้ก็ทำเงินมากกว่า 400 ล้าน และเติบโตพรวดพราดในเวลาต่อมา จนพอที่จะมีเงินไปเทกโอเวอร์วงดนตรีคาราบาว!

11 พ.ย.2552-นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีมหาดไทย มีคำสั่งแต่งตั้งนายเนวิน ชิดชอบ เป็นประธานคณะทำงานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ และตั้งงบดำเนินการไว้ประมาณ 150 ล้านบาท ( ข่าวอสมท.)

ไทยโพสต์รายงานว่า
สำหรับ FRESH AIR ที่ได้จัดอีเวนต์ครั้งนี้ จากเอกสารข่าวที่แจกจ่ายกับสื่อมวลชนระบุไว้ชัดว่า "ได้รับการจัดจ้างให้จัดกิจกรรมโดยวิธีพิเศษ"

อันหมายถึงเป็นการได้งานภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ที่หัวหน้าส่วนราชการจะพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ เช่น ผลงานที่ผ่านมา โดยอาจไม่ต้องมีการ Bid เสนอราคาขึ้นมา


5 ธ.ค.2552-นายเนวิน ชิดชอบ จัดฉายภาพสี่มิติเทิดพระเกียรติวันพ่อที่ลานพระรูปทรงม้า เป็นที่ฮือฮา เพราะเป็นการฉายภาพสี่มิติในที่กลางแจ้ง ครั้งแรกในไทย โดยมีนายวินิจแห่งเฟรชแอร์เฟสติวัล เป็นมือทำงาน คนไม่รู้ก็นึกว่านายเนวินทำฟรีเอากล่อง แต่ความจริงคือการให้นายวินิจรับจ้างไปทำ

15 ธ.ค. 2552 - กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้ว่าจ้าง บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ดำเนินโครงการจัดงานเมืองแห่งภูมิปัญญาไทย (Otop city) ครั้งที่ 6 ปี 2552 วงเงิน 88.4 ล้านบาท 

ในปีแรกที่ก่อตั้งบริษัท นายวินิจเปิดเผยว่า ทำรายได้ 400 ล้านบาทปลายๆ ส่วนใหญ่มาจากโครงการ"พิเศษ"คือ งานโอท็อป มิดเยียร์, งานโอท็อปซิตี้ และงานวันพ่อ หรืองานกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 

วินิจกล่าวยอมรับว่า ได้งานมาเพราะเนวิน "ผมยอมรับว่าถ้าไม่ได้ท่านโอกาสที่จะได้ทำงานนี้ก็ยากมาก" และย้ำว่า"ผมรักพี่เนวิน ผมและเขาคือพี่น้อง ที่พี่เขาให้มาทำผมถือเป็นโบนัส " (อ่านรายละเอียดในประชาชาติธุรกิจ)

20 เม.ย. 2553-ระหว่างการประท้วงอันดุเดือดของกลุ่มเสื้อแดง ที่ประชุมครม.ในราบ11 ได้ อนุมัติในหลักการ ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2554 จำนวน 500 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 

โดยแบ่งงบประมาณเป็น 2 ปี ได้แก่งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น จำนวน 200 ล้านบาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 งบกลางรายการค่าใช้จ่ายจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 จำนวน 300 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ครม.ได้กำชับเรื่องการใช้งบประมาณให้คำนึงถึงความสมพระเกียรติ ประหยัดและเหมาะสม โดยคณะกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการใช้งบประมาณนั้นมีหน้าที่พิจารณารายละเอียด ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานดังกล่าว

25 พ.ย.2553-วินิจให้สัมภาษณ์ประชาชาติธุรกิจว่า ปีนี้จะมีรายได้ขยายตัวได้อีกราว 20% โดยมีรายได้หลักจาก งานเฉลิมพระเกียรติวันพ่อ 5 ธันวาคม 2553 ที่แม่น้ำเจ้าพระยา หน้าโรงพยาบาลศิริราช จากนั้นจะตามด้วยนิทรรศการถาวร King Pavilion ของในหลวงตลอดทั้งปี ตั้งแต่เกือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ที่แอร์พอร์ตลิงก์ มักกะสัน 

เขาไม่ได้ระบุว่ารวมถึงงานวันพ่อปีหน้า 2554 ที่จะเป็นงานใหญ่ งบประมาณที่ครม.อนุมัติให้ล่วงหน้า 300 ล้านบาทด้วยหรือไม่ แต่เรื่องนี้คงเดาได้ไม่ยาก

นอกจากนั้นเขายังได้เข้าไปบริหารวงดนตรีคาราบาว คาดว่าน่าจะมีรายได้จากโครงการนี้ประมาณ 350 ล้านบาท เฉพาะด้านโฆษณา ไม่รวมจัดคอนเสิร์ต

3 ธ.ค.2553-เนวิน ชิดชอบ ประธานคณะทำงานจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ กล่าวว่า ถูกตำหนิเป็นอย่างมากว่า ทำอะไรทำไมไม่บอกคนอื่น แต่ที่จริงแล้วตนเห็นว่า การทำความดีถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวใคร ไม่จำเป็นที่จะต้องมานั่งประชาสัมพันธ์ว่าทำอะไรอยู่ แต่สิ่งที่เราทำอยู่ พวกเราทุกคนรู้ดีว่ารักพ่อมากแค่ไหน 

5 ธ.ค.2553-โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจถ่ายทอดสดงานพิธีเฉลิมฉลองวันพ่ออลังการยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะการถวายพระพรทางน้ำ การฉายภาพสี่มิติ โดยคีย์แมน2คนเป็นผู้ปั้นงานนี้กับมือคือเนวิน ชิดชอบ+วินิจ เลิศรัตนชัย อย่างไรก็ตามจากการตั้งเป้ามีเรือเข้าจุดเทียนถวายพระพร 700 ลำ มีการลดลงมาเมื่อถึงวันจริง 555 ลำ 

และมีผู้อ้างว่า ผู้จัดอีเว้นต์เกณฑ์คนมาลงเรือหัวละ 120 บาท ทำให้คนหวนนึกถึงวีรกรรม"ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ"ของใครคนหนึ่ง

19-20 มีนาคม 2554-จัดคอนเสิร์ต 30 ปีคาราบาว มีเพลงซาบซึ้งในหลวงคือเพลง"ผู้ปิดทองหลังพระ" งานนี้ทุ่มงบ 100 ล้านบาท 

23 มีนาคม 2554-เกิดเหตุแอ๊ด คาราบาว ทุ่มกีตาร์ทิ้งในงานประกวดดนตรีของสีสันอะวอร์ด

24 มีนาคม 2554- แอ๊ด คาราบาว ออกมาแถลงข่าวขอโทษ โดยมีวินิจนั่งขนาบข้างตลอดเวลาแถลงข่าว

********
ข้อมูลจำเพาะ

Name : วินิจ เลิศรัตนชัย 
ฉายา : ดีเจวินิจ
Age : 49 ปี 
วันเกิด : 1 กรกฎาคม 2505
Status : สมรสแล้วกับเพ็ญ พิสุทธ์ อดีตนางเอกหนัง มีลูกสาว 2 คน คนโตอายุ 12 ปี คนเล็กอายุ 9 ปี
Education : ปวส. แผนกการโฆษณา โรงเรียนพณิชยการพระนคร 

Career Highlights : 

-ปัจจุบัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Fresh Air Festivalจำกัด 
-ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท Max Maker จำกัด ขายโฆษณาบนเครื่องบินและสื่อนิตยสารบนเครื่องบิน 
-ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Wave Worker จำกัด ทำ Sport Event, เว็บไซต์ 
-ที่ปรึกษาเนวิน ชิดชอบ
-ที่ปรึกษาการตลาด สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ของเนวิน

2544-2548 กรรมการบริหาร บริษัททราฟฟิกคอร์นเนอร์ ของสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย
2541-2544 กรรมการผู้จัดการ บริษัท Dream Media 
2537-2538 กรรมการผู้จัดการ บริษัท Prirate Radio จำกัด 
2530 นักจัดรายการ บริษัทมีเดีย พลัส จำกัด 
2528 นักจัดรายการ โลกสวยด้วยเพลง บริษัท ไนท์ สปอร์ต จำกัด 
2527 ดีเจ บริษัท โน้ต โปรโมชั่น จำกัด 
2526 นักจัดรายการวิทยุ รายการวิทยุ Sunday Gap 
2525 ผู้ประกาศข่าว สถานีวิทยุ พล.ปตอ. 603 กิโลเฮิรตซ์

*******

เรื่องเกี่ยวเนื่อง:แดง40ล้านบอยคอตควายบาวหงุดหงิดทุ่มกีตาร์ทิ้ง*





พสกนิกรปลื้ม"ลูกหมี"สุนัขทรงเลี้ยงฟ้าหญิงเล็ก 

คิดถึง"คุณต่งต๊ง"ที่เคยใส่เพชร150ล้านเดินแฟชั่นโชว์


http://thaienews.blogspot.com/2011/03/150.html


(ภาพบน)สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงอุ้ม "ลูกหมี" สุนัขทรงเลี้ยง ขณะพระราชทานสัมภาษณ์พิเศษรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" (ภาพล่าง)"คุณต่งต๊ง"สุนัขทรงเลี้ยงเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ เมื่อครั้งงานแฟชั่น ชุดคริสต์มาส ด็อก ขึ้นเวทีในชุดคลุมซานตาคลอสสีแดง ประดับเพชร 150 ล้าน 

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
31 มีนาคม 2554

พสกนิกรต่างปลาบปลื้มปิติเป็นล้นพ้นในการที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงอุ้ม "ลูกหมี" สุนัขทรงเลี้ยง พระราชทานสัมภาษณ์พิเศษรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา (อ่าน :กระทู้เฉลิมไทย พันทิปซาบซึ้ง ฟ้าหญิงทรงขอความเป็นธรรมให้แก่พระเจ้าอยู่หัวกับราชินี)

อย่างไรก็ดีพสกนิกรผู้จงรักภักดีจำนวนไม่น้อย ก็หวนนึกถึง"คุณต่งต๊ง"สุนัขทรงเลี้ยงอีก 1 สุนัขของเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ไม่ได้ โดยในกระดานสนทนาประชาทอล์กพสกนิกรก็อยากทราบข่าวคราวคุณต่งต๊งกันมาก

ทั้งนี้หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552 นำเสนอข่าวพาดหัวเรื่อง "คุณต่งต๊ง"สุนัขทรงเลี้ยง-ใส่เพชร150ล. ฟ้าหญิงเล็ก ให้เปิดตัว เดินแฟชั่น โดยมีรายละเอียดข่าวดังนี้

ฮือฮา "คุณต่งต๊ง" สุนัขทรงเลี้ยงเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ เปิดตัวครั้งแรกในงานแฟชั่น ชุดคริสต์มาส ด็อก ขึ้นเวทีในชุดคลุมซานตาคลอสสีแดง ประดับเพชร 150 ล้าน ต่อด้วยการแสดงความสามารถต่อหน้าประชา ชนจำนวนมาก เผยเป็นพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟ เวอร์ เพศผู้ อายุ 4 ปี ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเทพฯ

ฮือฮาเปิดตัว"คุณต่งต๊ง" สุนัขทรงเลี้ยงเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 11 ธ.ค.ภายในงาน "ที คัพ ด็อก 2009 แอท เซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า" ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงมีพระมหา กรุณาธิคุณ พระราชทานสุนัขทรงเลี้ยง "คุณต่งต๊ง" พันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เพศผู้ อายุ 4 ปี มาร่วมเดินแฟชั่นโชว์ในชุดคริสต์มาส ด็อก พร้อมทั้งร่วมโชว์ความสามารถ ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากรอชื่นชมความสวยงามและความสามารถของสุนัขทรงเลี้ยง "คุณต่งต๊ง"

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกก.ผจก. ใหญ่ สายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า กล่าวบนเวทีถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่า จากกระแสนิยม การเลี้ยงสุนัขพันธุ์เล็กในปัจจุบัน การจัดงานครั้งนี้จึงมุ่งหวังเป็นสื่อกลางให้ผู้รักสุนัขพันธุ์เล็กมีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้การดูแลสุนัข ระหว่างผู้เลี้ยงด้วยกันเอง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ และสัตวแพทย์

จากนั้นมีการเดินแฟชั่นโชว์ ซึ่งเป็นไฮไลต์ของงาน โดย 3 ดาราสาวสวยเซ็กซี่ ซาร่า มาลากุล เลน, หมิง-ชาลิสา บุญครองทรัพย์ และไอซ์-อภิษฎา เครือคงคา อุ้มสุนัขพันธุ์เล็ก ชิวาว่า เดินแฟชั่น ปิดท้ายด้วยการเดินแบบชุด ฟินาเร่ โดย"คุณต่งต๊ง" สุนัขทรงเลี้ยงของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในชุดคลุมแบบซานตาคลอส สีแดง ประดับเพชร 100 กว่ากะรัต มูลค่าเกือบ 150 ล้านบาท เป็นเพชรสีขาว 300 กว่าเม็ด เพชรเม็ดใหญ่ 1 เม็ดหนัก 8 กะรัต และเพชร สีเหลืองอีก 7 เม็ดๆ ละ 1 กะรัตกว่า

นอกจากเดินแฟชั่นโชว์แล้ว "คุณต่งต๊ง"ยังแสดงความสามารถ ด้วยการทำตามคำสั่งครูฝึก ทั้งยืนสองขา คาบตะกร้าเดิน สร้างความตื่นเต้นประทับใจให้กับประชาชนจำนวนมากที่มาร่วมงาน หลายคนใช้กล้องและโทรศัพท์ถ่ายภาพ"คุณต่งต๊ง"ตลอดการแสดง โดยสุนัขทรงเลี้ยงของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ไม่ได้แสดงอาการตื่นแต่อย่างใด

ภายหลังเสร็จสิ้นการแสดง ทางผู้จัดงานนำภาพการเดินแฟชั่นโชว์ของ"คุณต่งต๊ง" 1 ภาพ มาจัดประมูลเพื่อนำรายได้มอบให้กับสถาบัน วิจัยโรคมะเร็ง โดยภาพดังกล่าวจะเปิดประมูลไปจนถึงวันที่ 16 ธ.ค.ที่ลานโปรโมชั่น ชั้นจี ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ซึ่งราคาประมูลวันแรกมีผู้เสนอจำนวนสูงสุดที่ 150,000 บาท

สำหรับ"คุณต่งต๊ง" สุนัขทรงเลี้ยงของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เกิดเมื่อวันที่ 18 ส.ค.2548 มีแม่ชื่อคุณเค้าแมว พ่อชื่อคุณโกลด์ คลอดออกมาทั้งหมด 9 สุนัข "คุณต่งต๊ง"เป็นสุนัขที่ 2 มีอุปนิสัยร่างเริง เรียบร้อย ช่างสังเกต ช่างเอาอกเอาใจ สุขภาพแข็งแรง ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

ส่วนที่มาของชื่อ"ต่งต๊ง"นั้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงได้แนวทางจากการเสด็จพระราช ดำเนินเยือนประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน พระราชทานชื่อลูกสุนัขทรงเลี้ยงทั้งหมดเป็นภาษาจีน และงานนี้ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของ"คุณต่งต๊ง"




สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงอุ้ม "ลูกหมี" สุนัขทรงเลี้ยง ขณะพระราชทานสัมภาษณ์พิเศษรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" เมื่อวันที่ 29 มี.ค.(ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด )

************
เรื่องเกี่ยวเนื่อง:

-ฟ้าหญิงตรัส:ไม่อยากให้ฟังข่าวลือ ฉันอยากให้ในหลวง พระราชินีได้รับความยุติธรรมตามที่ท่านควรจะได้รับ 

--กระทู้เฉลิมไทย พันทิปซาบซึ้ง:ฟ้าหญิงทรงขอความเป็นธรรมให้แก่พระเจ้าอยู่หัวกับราชินี*