วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์: จดหมายเปิดผนึกถึงนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ


ถึงนายสีหศักดิ์ฯ
หลังจากที่ คสช ได้ออกคำสั่ง 2 ครั้ง เพื่อเรียกตัวผมเข้าปรับทัศนคติ ซึ่งผมปฏิเสธที่จะไม่เข้าไปรับการปรับทัศนคติ เนื่องจากผมไม่ยอมรับความชอบธรรมของการทำรัฐประหารของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และผมจะไม่รับคำสั่งจากกลุ่มที่ฝักใฝ่เผด็จการ กอปรกับผมมีหน้าที่และความรับผิดชอบของการสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยเกียวโต จากนั้น เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2557 ได้มีการออกหมายจับผม เพียงเพราะผมปฏิเสธการเข้าไปรับการปรับทัศนคติดังกล่าว และในที่สุด เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2557 กระทรวงการต่างประเทศได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของผม ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างรุนแรงที่ได้รับการประนามจากองค์การระหว่างประเทศ ทำให้ผมต้องการเป็นบุคคลไร้รัฐ (stateless)
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น ตั้งแต่การออกคำสั่งเชิญตัวผมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 จนถึงวันที่หนังสือเดินทางผมถูกยกเลิกเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม (เป็นเวลา 1 เดือนครึ่ง) ผม ในฐานะคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ไม่เคยได้รับการแจ้งอย่างเป็นทางการถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น จากสถานกงสุลไทย ณ นครโอซาก้า ผมไม่เคยได้รับการติดต่อเรื่องคำสั่ง หมายจับ และการยกเลิกหนังสือเดินทาง ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของสถานกงสุลใหญ่ที่จะต้องแจ้งให้ผู้ถูกกระทำอย่างผมได้รับทราบสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ จนกระทั่งผมต้องเขียนไปทวงถามจากกงสุลใหญ่ (นายวิชิต ชิตวิมาน) เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ด้วยตนเอง

การรายงานเบื้องต้นจากสถานกงสุลใหญ่แจ้งว่า ไม่สามารถติดต่อผมได้และไม่ทราบที่อยู่ของผมที่ญี่ปุ่น โดยอ้างว่า เคยติดต่อให้ผมมายกเลิกหนังสือเดินทางเล่มเก่าที่สถานกงสุลเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ไม่ได้รับการติดต่อจากผมกลับ จึงอ้างว่าติดต่อผมไม่ได้ ความเป็นจริงก็คือ ผมยังไม่ได้เข้าไปยกเลิกหนังสือเดินทางเล่มเก่าเพราะยังไม่สามารถปลีกเวลาไปได้ แต่ทั้งนี้ ผมและสถานกงสุลได้ติดต่อกันก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่องผ่านทางอีเมล์ นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา นายวิชิต กงสุลใหญ่ ได้เดินทางมาที่ที่ทำงานผมที่มหาวิทยาลัยเกียวโต เพื่อพบกับผู้อำนวยการผม เพื่ออธิบายถึงความชอบธรรมของการทำรัฐประหาร และเพื่อกล่าวร้ายผมว่าเป็นนักวิชาการที่มีอคติต่อ คสช. การที่นายวิชิตได้เดินทางมาถึงที่ทำงานผมแล้ว แต่กลับอ้างว่าว่าไม่ทราบที่อยู่ผม เป็นคำพูดที่สะท้อนถึงความไม่รับผิดชอบในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่ที่ต้องติดต่อกับคนไทยในต่างประเทศในกรณีที่เกิดคดีที่สำคัญเช่นนี้
หลังจากที่ผมได้เขียนไปทวงถามเพื่อขอหนังสือยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการยกเลิกหนังสือเดินทางของผมจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า ผ่านทางอีเมล์และทางโทรสารอย่างเป็นทางการ ในที่สุด เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ของสถานกงสุลใหญ่ได้โทรศัพท์ถึงผมเพื่อแจ้งว่า สาเหตุที่ไม่ได้แจ้งเรื่องต่างๆ ให้ผมทราบ เพราะไม่ได้รับคำสั่งจากกรมการกงสุล ผมมีข้อข้องใจว่า เพราะเหตุใด กระทรวงการต่างประเทศจึงไม่แจ้งให้สถานกงสุลใหญ่ติดต่อกับผม นอกจากนี้ สาเหตุที่สถานกงสุลใหญ่โทรศัพท์ถึงผม แทนที่จะตอบคำถามผมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร เพราะอาจเกรงว่า จะถูกนำไปใช้เป็นหลักฐานในการแสดงถึงความบกพร่องในการทำงานของสถานกงสุลก็เป็นได้
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ผมไม่มีทางอื่นนอกจากต้องสรุปว่า รัฐบาลไทย โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ ต้องการที่จะโดดเดี่ยว (isolate) ผม โดยการเลือกที่จะไม่ติดต่อกับผม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ผมทราบดีว่า นายสีหศักดิ์ฯ มีภารกิจมากมาย ในการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อให้ความชอบธรรมกับ คสช และเพื่อล็อบบี้รัฐบาลต่างๆ ไม่ให้คว่ำบาตร คสช. รวมถึงความพยายามของนายสีหศักดิ์ฯ ในการล็อบบี้ให้ตัวเองได้เดินทางมาดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคมนี้
แต่อย่างน้อย คุณมีหน้าที่ในการแจ้งให้ผมทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น การที่คุณไม่แจ้งให้ผมทราบนั้น ถือเป็นความบกพร่องต่อหน้าที่ ในฐานะที่คุณดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
ดร. ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ รองศาสตราจารย์ ศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต
13 กรกฎาคม 2557

พบหลอดตัวอย่างเชื้อไข้ทรพิษในศูนย์วิจัยโดยไม่มีการควบคุม



            เชื้อไข้ทรพิษหรือฝีดาษ (smallpox) นับเป็นหนึ่งในความสำเร็จของมนุษยชาติที่สามารถขจัดเชื้อโรคนี้ไม่ให้ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากโรคระบาดที่เคยระบาดเป็นวงกว้างทั่วโลกในช่วงปี 1950 องค์การอนามัยโลกและความร่วมมือของชาติต่างๆ ทั่วโลกสามารถขจัดโรคนี้ได้สำเร็จในปี 1980 ประเทศไทยเองมีการระบาดครั้งสุดท้ายในปีพ.ศ. 2504 หรือปี 1961 ตอนนี้ตัวอย่างเชื้อถูกเก็บรักษาโดยศูนย์วิจัยสองชาติ คือ รัสเซีย และสหรัฐฯ เท่านั้น

             แต่เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่าพนักงานทำความสะอาดที่ศูนย์วิจัยสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National Institutes of Health - NIH) กลับพบหลอดทดลองที่แปะป้าย "variola" ชื่อเชื้อไข้ทรพิษ อยู่ในห้องเก็บของโดยไม่มีการควบคุม

             ห้องเก็บของเป็นพื้นที่ขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ที่ได้รับต่อมาจาก NIH ตั้งแต่ช่วงปี 1972 ตัวหลอดทดลองเองระบุวันที่ไว้ในช่วงปี 1950 ในยุคที่เชื้อไข้ทรพิษยังระบาดอยู่

              หน่วยงานควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐฯ (CDC) ที่เป็นผู้เก็บรักษาตัวอย่างเชื้อ เข้าตรวจสอบหลอดทดลองและยืนยันว่ามีดีเอ็นเอของไข้ทรพิษจริง ระหว่างนี้ห้องทดสอบกำลังทดสอบว่าเชื้อนี้ยังสามารถแพร่พันธุ์บนเนื้อเยื่อตัวอย่างได้หรือไม่ โดยจะใช้เวลาทดสอบสองสัปดาห์

             ทาง CDC เชิญองค์การอนามัยโลกมาร่วมสอบสวนหลอดทดลองนี้และเป็นพยานในการทำลายเชื้อหลังทดสอบเสร็จสิ้น และระหว่างนี้จะทำงานร่วมกับ FBI สอบสวนว่าหลอดทดลองดังกล่าวไปอยู่ในห้องเก็บของได้อย่างไร

โรดแม๊ปของประยุทธจะทำให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่เข้มแข็งกว่าเดิม





           คณะทูตถาวรของไทยที่เจนีวา ส่งจดหมายที่เป็นกระบอกเสียงให้ คสช ระบุ steps ต่อไปจากนี้ ไปจนถึงเลือกตั้ง ซึ่งชี้ชัดว่า เป็นกระบวนการเผด็จการที่ไม่มีส่วนร่วมของประชาชน แถมสรุปท้ายได้น่าสลดว่า โรดแม๊ปของประยุทธจะทำให้ประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่เข้มแข็งกว่าเดิม Oh My God... มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่า รัฐประหารและโรดแม๊ปห่าเหวนี้ มีก็เพื่อที่จะสกัดศัตรูทางการเมืองไม่ให้กลับเข้ามามีอำนาจด้วยวิถีทางประชาธิปไตย... นี่คือหน้าที่กระทรวงต่างประเทศครับ เอ๊ะ หรือกระทรวงสอพลอ?

           Our diplomatic mission @ Geneva sent out this propaganda piece to tell the world that after the coup, Thailand will have a stronger democracy.... seriously??

อายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อายจังเลย กสม.







เรียน ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมการ

เรื่อง ขอปฏิเสธการเสนอชื่อตนในการรับรางวัลฯ และข้อเสนอบางประการ


            อันเนื่องจากมีนักสิทธิมนุษยชนในองค์กรฯของท่านได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่า อาจารย์ อมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคุณวิสา คณะกรรมการสิทธิฯ ได้มีกะใจเสนอชื่อให้ข้าพเจ้าเป็นหนึ่งในผู้ได้รับรางวัลสิทธิมนุษยชน ในประเภทเด็กและเยาวชน จากงานของสมาพันธ์นักเรียนไทยเพื่อการปฏิวัติระบบการศึกษาไทยซึ่งต่อสู้เรื่องสิทธิมนุษยชนในโรงเรียน ในประเด็นเรื่องทรงผม ข้าพเจ้ามีความปีติยินดียิ่ง และเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเยาวชนคนหนึ่ง

            หากข้าพเจ้าขอปฏิเสธการเสนอชื่อตนในการรับรางวัลฯ เพราะ

  • ๑) ข้าพเจ้าไม่ถนัดในการส่งประวัติตนเองในการเสนอรางวัลใดๆ 
  • ๒) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนชุดนี้มีสักกี่คนที่ทำงาน และสนใจประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างใจจริง กรณีเมษา-พฤษภา ๕๓ เป็นอย่างไร ดูแทบจะไม่ไยไพด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เขาเหล่านั้นเป็นประชาชน ไม่ต้องเอ่ยถึงการละเมิดสิทธิเสรีภาพทางความคิดของฝ่ายรัฐได้สนใจบ้างหรือไม่ 
  • ๓) ข้าพเจ้าในนามสมาพันธ์นักเรียนฯได้เคยส่งจดหมายรายงานเรื่องสิทธิมนุษยชนในโรงเรียนไปยังแก่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แต่ทางคณะกรรมการฯมิได้ตอบกลับ แล้วข้าพเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าทัศนคติขององค์กรนี้เป็นอย่างไร มีน้ำใสใจจริงเพียงไหนกัน

          ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว นี่คือเหตุผลในการปฏิเสธ และข้าพเจ้าขอเสนอแนะต่อคณะกรรมการสิทธิฯต่อไปว่า สิทธิมนุษยชนในโรงเรียนยังถูกละเมิดอย่างร้ายแรง มีอาทิกรณีทรงผมนักเรียน เป็นต้น ในหลายโรงเรียนยังจำกัดสิทธิเสรีภาพบนศีรษะนักเรียนอยู่ ทางกระทรวงศึกษาธิการเองในเวลานี้ เจ้ากระทรวงฯก็ไม่ได้สนใจใยดีต่อสิทธิเสรีภาพของนักเรียนเลย วิสัยทัศน์แห่งศตวรรษที่ ๒๑ แห่งการเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียนและพลโลกก็คือไร้แก่นสารไป ทั้งนี้ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้คณะกรรมการสิทธิฯได้เป็นที่พึ่งแห่งสิทธิมนุษยชนสากลอย่างแท้จริง อย่าถูกหยุดกับเพียงกรอบความเป็นไทยเท่านั้น ข้าพเจ้าเห็นใจคณะกรรมการสิทธิฯในสภาพสังคมเช่นนี้ จึงขอแสดงความห่วงใยมาถึงด้วย

          ในท้ายที่สุด ถ้าท่านมีความจริงใจและเห็นด้วยกับหนึ่งในสิทธิมนุษยชนสากล คือสิทธิในร่างกายของตนเองแล้ว ผู้ได้รับรางวัลปีนี้ในประเภทเด็กและเยาวชน ข้าพเจ้าขอเสนอแก่ท่านว่าผู้ที่ควรรับคือ “นักเรียนไทยทั้งหมดผู้กำลังต่อสู้และส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในโรงเรียนของพวกเขา” ซึ่งเป็นนักสิทธิมนุษยชนตัวจริง ผู้อดทนและเหน็ดเหนื่อยซ้ำอาจถูกกล่าวร้ายในโรงเรียนของพวกเขา ทั้งจากเพื่อนนักเรียนเอง ครู หรือกระทั่งกระทรวงศึกษาธิการ ถ้าท่านประกาศผู้ได้รับรางวัลดังกล่าวคือพวกเขาเหล่านี้ ถ้าได้เช่นนี้ข้าพเจ้าก็ขออนุโมทนาสาธุการแก่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดนี้
ด้วยความเคารพนับถือ

(เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล)

นักเรียน

ปล. อนึ่งข้าพเจ้าขอเสนอให้นายไท ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข นักศึกษา มธ บุตรชายนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ได้รับรางวัลด้วย จะในฐานะตัวแทนพ่อ หรือประเภทเด็กเยาวชนก็ได้ ถ้าทำได้จะเป็นการกู้ศักดิ์คณะกรรมการสิทธิ และเป็นการขอโทษที่เมินเฉยต่อสิทธิทางการพูด พิมพ์ เขียน ทางความคิดโดยตลอด (เพิ่มเติมทีหลัง)

https://www.facebook.com/pages/Netiwit-Ntw/144948172233316