วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เหลืองโชว์ถ่อยในอเมริกา


โชว์ถ่อย! เหลืองคลั่ง บุกปาสิ่งของ ขวาง "ทักษิณ" ไม่ให้จัด "งานวันแม่" ที่สหรัฐ

              (13 สิงหาคม 2555 นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา go6TV) - ผู้สื่อข่าวพิเศษ go6TV รายงานว่า ที่บริเวณไทยแลนด์พลาซา ถนนฮอลลีวูด นครลอสแองเจลิส เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.ของวันที่ 12 ส.ค.ตามเวลาท้องถิ่น กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในลอสแองเจลิส ประมาณ 100 คน ได้รวมตัวกันขว้างปาสิ่งของใส่รถยนต์ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการเดินทางเปิดงานวันแม่ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีกำหนดการมาจัดกิจกรรมที่บริเวณดังกล่าว โดยกลุ่มพันธมิตรฯ บางส่วนได้มารวมกันอยู่ด้านหน้าพลาซา ขณะที่บางส่วนอยู่ฝั่งตรงข้ามตะโกนโห่ฮาอยู่รอบงาน
   
         ผู้สื่อข่าวแจ้งว่า จำนวนพันธมิตรฯที่ได้แสดงความถ่อยได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเวลาประมาณ 19.00 น.มีประมาณ 500 กว่าคน โดยมีพันธมิตรฯ จากลาสเวกัส และโคโรลาโด เดินทางมาสมทบ และล่าสุดมีรายงานว่าจำนวนเพิ่มเป็น 300 คนแล้ว โดยที่ พ.ต.ท.ทักษิณยังเข้าไปในบริเวณงานไม่ได้ ทั้งนี้ในเบื้องต้น ทางกองบรรณาธิการ go6TV ไม่ยืนยันว่า "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่บริเวณส่วนใดบ้าง

           นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เมืองซานฟรานซิสโก พ.ต.ท.ทักษิณได้ไปพบกับกลุ่มคนเสื้อแดงซานฟรานซิสโก ที่ร้านอาหาร คิง ช่าชา แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับผู้ประท้วง โดยช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางกลับ ผู้ต่อต้านบางรายต่างวิ่งกรูเข้าล้อมรถของพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อเอาชีวิต









ความคืบหน้าแผ่นดินไหวในอิหร่าน ยอดตายพุ่งไม่หยุด


ความคืบหน้าเหตุแผ่นดินไหวทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิหร่าน ล่าสุด พบผู้เสียชีวิตแล้ว 180 ราย บาดเจ็บเพิ่มเป็น 1,300 คน…
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าล่าสุด ของเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.4 และ 6.3 ริกเตอร์ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอิหร่าน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมาว่า จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 180 รายแล้ว ขณะที่จำนวนผู้บาดเจ็บก็เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,300 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยชีวิตผู้ประสบภัย ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารที่พังทลายได้แล้วประมาณ 210 คนเมื่อเวลา 19:23น. วันที่ 11 ส.ค. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.4 ริกเตอร์ ที่ความลึก 9.9 กม. ห่างจากเมืองตาบริซไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 60 กม. และต่อมาในเวลา 19:34 นาที เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ริกเตอร์ ที่ความลึก 9.8 กม. ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง ตาบริซ ราว 49 กม. แผ่นดินไหวทั้ง 2 ครั้ง ทำให้อาคารหลายพันหลังพัวถล่มหรือเสียหาย ประชาชนกว่า 16,000 คนต้องไปอาศัยในค่ายหลบภัยฉุกเฉิน

”ฟาร์” สำนักข่าวกึ่งทางการของอิหร่าน รายงานอ้างคำพูดของนายฮัสซัน กาดามี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรื่องจำนวนผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บดังกล่าว ส่วนสำนักข่าว ”ไออาร์เอ็นเอ” เผยว่า เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิต ออกมาจากซาปรักหักพังในเมือง วาซากัน และเมืองอาฮาร์ได้แล้ว 210 คน อย่างไรก็ดี ฟาร์ ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่งมีอาการสาหัส และทีมกู้ภัยยังไม่สามารถเข้าให้ความช่วยเหลือ หมู่บ้านที่ประสบภัยอีกราว 20 แห่งได้ทั้งนี้ หน่วยการปกครองท้องถิ่นในเมืองที่ได้รับผลกระทบ ทั้งเมืองวาซากันและเมืองอาฮาร์ เรียกร้องให้ประชาชน ซึ่งกำลังขาดแคลนอาหารและน้ำสำหรับบริโภคอย่างหนัก อาศัยอยู่แต่ภายนอกอาคาร เนื่องจากเกรงว่าอาคารบ้านเรือนอาจพังถล่มลงมาเพราะอาฟเตอร์ช็อก ที่เกิดแล้วกว่า 20 ครั้ง และคาดว่าจะเกิดขึ้นอีก ขณะเดียวกัน สภากาชาดของประเทศตุรกี ได้ส่งรถบรรทุกพร้อมเสบียงและปัจจัยฉุกเฉิน มายังชายแดนเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในอิหร่านแล้ว

ฝ่ายค้าน"ถอย" รัฐบาลรุกคดี 98 ศพ

ารเมืองครึ่งหลังเดือนสิงหาคม 55

ต้องจับตาไปที่คิวการช่วงชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภาคนใหม่ ที่กำลังจะตัดสินชี้ขาดกันในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า

ระหว่างนายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา เป็นตัวแทนส.ว.สายเลือกตั้งส่งเข้าประกวด ขณะที่นายพิเชต สุนทรพิพิธ เป็นตัวแทนส.ว.สายสรรหาลงชิงชัย

ใครเป็นฝ่ายชนะ จะตัดสินกันด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งหรือ 73 เสียง จากจำนวนส.ว.ที่มีอยู่ทั้งหมดขณะนี้ 146 เสียง แบ่งเป็นสายเลือกตั้ง 76 คน และสายสรรหา 70 คน

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านายนิคม ซึ่งมีภาพลักษณ์โน้มเอียงไปทางฝั่งรัฐบาลจะ"แบเบอร์"

เพราะความจริงคือในหมู่ส.ว. สายเลือกตั้งมีจำนวนหนึ่งที่อิงอยู่กับฐานเสียงการเมืองในซีกพรรคประชาธิปัตย์

ดังนั้นศึกชี้ชะตาวันที่ 14 สิงหาคมนี้ จึงคู่คี่ก้ำกึ่ง สามารถออกได้ทั้งสองหน้า

โดยเฉพาะส.ว.สายเลือกตั้งถ้ายังรักษาอาการ"เสียงแตก"ไม่ได้

โอกาสที่ส.ว.สายสรรหาจะผนึกกำลังโหวตส่งให้นายพิเชต ขึ้นยึดโควตาเก้าอี้ประธานเป็นสมัยที่ 3 ต่อจากนายประสพสุข บุญเดช และพล.อ.ธีรเดช มีเพียร ก็มีความเป็นไปได้สูง

การที่ใครจะได้เป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่นั้น

นอกจากเป็นการบ่งบอกให้เห็นถึงทิศทางการทำหน้าที่ตรวจสอบ คานอำนาจรัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายครองเสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนฯ ว่าจะมีความเข้มข้นมากขึ้น หรือลดดีกรีลงแล้ว

ยังจะมีผลต่อสถานการณ์เฉพาะหน้าทั้งในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามแรงผลักดันของรัฐบาล

และกระบวนการถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ที่วุฒิสภารับเรื่องต่อมาจากป.ป.ช.อีกด้วย

จบจากเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่

จะเป็นคิวของสภาผู้แทนฯ พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท ในวาระ 2 และ 3

ที่มีการวางโปรแกรมการอภิปรายไว้ 3 วันต่อเนื่อง 15-17 สิงหาคม

ถัดจากนั้นจะเป็นวาระการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปี ที่เลื่อนจากเดิม 23 สิงหาคมออกไปเป็นราวๆ ต้นเดือนกันยายน

ทั้ง 2 เวทีถูกมองว่าเป็นสนาม"ซ้อมใหญ่"ของฝ่ายค้านพรรคประชาธิปัตย์ ที่เพิ่งจะประกาศทอดเวลาการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐบาล

จากเดิมที่เคยคาดหมายว่าจะยื่นทันทีที่สภาเปิดสมัยประชุมเดือนสิงหาคม เลื่อนไปเป็นช่วงปลายสมัยประชุม หรือในราวๆ เดือนพฤศจิกายน 

พรรคประชาธิปัตย์และวิปฝ่ายค้านให้เหตุผลการลากยาวเกมซักฟอกออกไปอีก 2-3 เดือนว่า ต้องการเห็นความล้มเหลวผิดพลาดในโครงการของรัฐบาลเป็นรูปธรรมชัดเจนกว่านี้ก่อน

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบป้องกันน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท และโครงการรับจำนำข้าวที่เริ่มมีกลิ่นตุๆ โชยมาเข้าจมูกฝ่ายจ้องขย้ำรัฐบาล

พรรคประชาธิปัตย์จับจ้อง 2 ประเด็นนี้ชนิดตาเป็นมัน

หวังจะใช้เป็นประเด็นขยายผลลบล้างคำสบประมาท ที่ว่าฝ่ายค้านชุดนี้ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เก่งแต่คัดค้านในเรื่องที่ไม่เป็นสาระ

ตรงตามโพลให้คะแนนผลงานพรรคแกนนำฝ่ายค้านในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา สอบตกได้แค่ 3.5 คะแนนกว่าๆ สวนทางกับคะแนนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ที่ปรับตัวขึ้นจากเมื่อ 6 เดือนก่อน มาอยู่ที่ 5.3 คะแนน

ตรงจุดนี้เองที่หลายคนเชื่อว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ฝ่ายค้านยังรีรอ ไม่กล้ายื่นขอเปิดอภิปรายซักฟอกรัฐบาลในตอนนี้ เพราะรู้ว่ากระแสนิยมยังตกเป็นรอง

การอาศัยวาทกรรมสาดโคลน จ้องจับผิดแต่ในเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งแล้วนำมาปั่นกระแสหวังให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต

ตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่า ไม่ได้ผล หนำซ้ำยังเป็นการเพิ่มคะแนนความเห็นใจให้กับน.ส.ยิ่งลักษณ์โดยไม่รู้ตัว

เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้ประชาธิปัตย์ยังไม่พร้อมสำหรับการเปิดศึกชี้เป็นชี้ตายกับรัฐบาล

ก็เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านเองก็ยังมีแผลฉกรรจ์ติดตัว ทั้งในเรื่องประวัติการติดยศ"ร้อยตรี" รับราชการทหารเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

ที่โดนพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ขุดเอกสารการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาโชว์ให้เห็นพิรุธกันแบบจะจะ

แต่นั่นก็ยังไม่ร้ายกาจเท่ากับข้อมูลฉบับซีรีส์ของ"สิบตรีพานทองแท้ ชินวัตร" ที่มีการนำมาตั้งข้อสังเกตเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก

เล่นงาน"เจ้าของสุนัข"เสียอ่วม

เถียงไม่ออกทั้งเรื่องการเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยจปร.เพียงแค่ 35 วัน หรือการลาราชการ 221 วัน เพื่อไป"ฮันนีมูน"ในต่างประเทศหลังแต่งงาน

หลายคนเฝ้ารอดูอยู่ว่าร้อยตรีอภิสิทธิ์ จะฟ้องร้องกลับพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต และสิบตรีพานทองแท้ ชินวัตร ที่นำเรื่องนี้มากล่าวร้ายให้เสื่อมเสีย

เหมือนอย่างที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ แจ้งความฟ้องร้อง 3 เกลอสายล่อฟ้ากรณี"ว.5 โฟร์ซีซั่นส์" หรือไม่

นอกเหนือจาก 3 คำ"ดีแต่พูด" ที่เหมือนจะเป็นยี่ห้อประจำตัวใครบางคนไปแล้ว

กรณีที่ว่า"ใคร"เป็นคนสั่งการสลายม็อบเสื้อแดง 98 ศพเมื่อปี 2553 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์

ยังเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาโจมตีโต้ตอบกันทุกครั้งระหว่างการอภิปรายในสภา ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายนโยบาย หรือผลงานของรัฐบาล

เป็นชนักปักหลังอดีตรัฐบาลที่นอกจากจะสลัดไม่หลุดแล้ว นับวันยิ่งบาดลึกมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ มีการปรับเปลี่ยนทีมพนักงานสอบสวนคดี 98 ศพชุดใหม่ เพื่อให้คดีเดินหน้ารวดเร็วกว่าเดิม

ที่ต้องจับตาควบคู่กันไปก็คือการปรับทีมสอบสวนครั้งนี้ยังมุ่งไปที่การสอบสวนคดีที่มีผู้บาดเจ็บจำนวนเกือบ 2,000 คน

เพื่อพิจารณาว่าจะเข้าข่ายฐานความผิดพยายามฆ่า หรือเจตนาทำให้บาดเจ็บสาหัสได้หรือไม่

โดยขั้นตอนทางดีเอสไอจะเรียกเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำถึงการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาเกิดเหตุ ว่ามีขั้นตอนการปฏิบัติอย่างไร ผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่

เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาร่วมกับสำนวนสอบสวนของตำรวจ ซึ่งที่ผ่านมาได้สอบสวนพยานแวดล้อมไว้ค่อนข้างสมบูรณ์แล้วเกือบทุกสำนวน

เป็นวิบากกรรมใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์โดยแท้

ปิดโปรแกรม "ทักษิณ" ในอเมริกา 12 สิงหา จัดบุคคลไทย บุคคลโลก รำลึกชีวิตหลังปฏิวัติ


          6 ปีก่อน "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ต้องกลายเป็นคน "ตกงาน" กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ถูกบังคับให้ลงจากเก้าอี้ผู้นำประเทศด้วยปลายกระบอกปืน ด้วยน้ำมือการรัฐประหารของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

           ณ ห้องสูท โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท กลางกรุงนิวยอร์ก งานเลี้ยงอาหารค่ำระหว่างบุคคลใกล้ชิด-ทีมงานที่ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ในชั่วโมงถูกยึดอำนาจ มีแต่ความเงียบงัน นานครั้งจะมีคำพูดสักคำขึ้นมาทำลายความเงียบนั้น  และในกลางดึก "พ.ต.ท.ทักษิณ" โบยบินออกจาก "สหรัฐอเมริกา" หลบภัยการเมืองไปอยู่ดินแดนต้นแบบประชาธิปไตย "อังกฤษ"

          6 ปีหลังการถูกไล่ล่าจากขั้วอำนาจตรงข้าม "พ.ต.ท.ทักษิณ" กลับมากุมอำนาจเด็ดขาดในมืออีกครั้ง มีบารมีเหนือรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ผู้เป็นน้องสาว

           จากที่เคยถูก "อังกฤษ" กีดกันห้ามเข้าประเทศ ถูก "สหรัฐ" ปฏิเสธการอนุมัติวีซ่า เป็นบุคคลต้องห้ามทางการเมืองที่ได้รับการหมายหัว  แต่ 6 ปีหลังการรัฐประหาร เมื่อ "พ.ต.ท.ทักษิณ" กลับมามีอำนาจ

         โซ่ตรวนเสรีภาพการเดินทางจึงถูกปลด "พ.ต.ท.ทักษิณ" กำหนดวงโคจรของตัวเองอีกครั้ง วางเป้าหมายไปที่ดินแดนแห่งเสรีภาพ ที่ที่ตัวเขาจากมานับจาก 19 กันยายน 2549

         เมื่อแผ่นดินแห่งเสรีภาพอ้าแขนต้อนรับ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ครั้งแรกในรอบ 6 ปี "นิวยอร์ก" จึงเป็นที่ที่นึกถึงเพื่อย้อนรำลึกถึงค่ำคืนยะเยือก