วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

โพสต์อิสรภาพฯ ที่เชียงใหม่-เรียกร้องปล่อยตัว 14 คนอย่างไม่มีเงื่อนไข


ที่หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีการจัดกิจกรรมโพสต์อิสรภาพ เขียนข้อความให้กำลังใจ และเรียกร้องให้ปล่อยตัว 14 ผู้ถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. และ ม.116 อย่างไม่มีเงื่อนไข ขณะที่ตำรวจ-ทหารควบคุมสถานการณ์รอบพื้นที่
6 ก.ค. 2558 - เมื่อเวลา 18.00 น. วานนี้ (5 ก.ค.) มีการจัดกิจกรรมโพสต์อิสรภาพปล่อยเพื่อนเราโดยไม่มีเงื่อนไข ที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถ.ห้วยแก้ว มีนักศึกษา นักวิชาการ และประชาชนร่วมกิจกรรม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร  และเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ ได้เข้ามาประจำบริเวณโดยรอบตั้งแต่เวลา 17.30 น.
ที่มาของภาพ: เพจสมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย (ชมภาพทั้งหมดที่นี่)
สำหรับกิจกรรมที่หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นอกจากการติดกระดาษบันทึกย่อ หรือกระดาษโพสต์อิท เขียนข้อความถึงผู้ถูกควบคุมตัวจากกลุ่ม "ขบวนการประชาธิปไตยใหม่" ทั้ง 14 คน และเรียกร้องให้ปล่อยตัวพวกเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข ยังมีผู้นำบทกวีมาอ่าน รวมทั้งเล่นดนตรี นอกจากนี้ยังมีศิลปินจัดกิจกรรมศิลปะแสดงสด ด้วยการเปลือยร่างกายส่วนบน และนำผ้าผูกตา และหยุดยืนนิ่งเพื่อให้ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมนำกระดาษโพสต์อิทมาติด
ทั้งนี้มีรายงานว่ามีบุคคลในวงการต่างๆ อาทิ นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ รวมถึงผู้กำกับภาพยนตร์อย่าง อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล และ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล เดินทางมาร่วมกิจกรรมด้วย
ขณะเดียวกัน สมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย กลุ่มแม่โจ้เสรีเพื่อประชาธิปไตย At North และเครือข่ายนักศึกษาภาคเหนือ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมฉบับพิเศษ "ปล่อยเพื่อเราโดยไม่มีเงื่อนไข" โดยตอนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุว่า
"กาลครั้งหนึ่ง การแสดงออกทางการเมืองของนักศึกษาเคยเป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าชื่นชม แต่กาลครั้งนี้ การแสดงออกทางการเมืองของเรากลับเป็นเรื่องที่ทำให้เราต้องกลายเป็นจำเลย และคุมขังในฐานะนักโทษ"
"มันไม่เกินไปหน่อยหรือ ที่การยืนอยู่ข้างประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของเพื่อนเราทั้ง 14 คน นำไปสู่การถูกจับกุมและกักขังในเรือนจำ เรารู้สึกเจ็บปวด เมื่อเห็นภาพเจ้าหน้าที่รัฐเข้าจับกุมเพื่อนเราทั้ง 14 คน ความเจ็บปวดเหล่านี้ไม่ได้มาจากความเสียใจที่เพื่อนเราถูกจับและกักขัง เพราะเรารู้ดีว่าเรือนจำ จำได้เฉพาะร่างกาย แต่ไม่สามารถจองจำจิตวิญญาณแห่งอิสรภาพของเพื่อนได้ แต่ความเจ็บปวดเหล่านี้มาจากการที่เห็นเจ้าหน้าที่รัฐๆทย กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนของพลเมืองไทย ปล้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสากล กระจายอำนาจแห่งเผด็จการกดขี่และสร้างความหวาดกลัวไปทั่วทุกพื้นที่ในการที่จะปิดกั้นไม่ให้มีการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิ เพื่อที่จะเอื้ออำนวยต่อการเอารัดเอาเปรียบทางสังคมและทรัพยากร"
"เรา สมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลุ่มแม่โจ้เสรีเพื่อประชาธิปไตย กลุ่ม AT Nort และเครือข่ายนักศึกษาภาคเหนือ เราภาคภูมิใจที่จะประกาศตนกับสังคมว่า เราคือแนวร่วมขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ที่เชื่อมั่นว่าหลักการกำปั้น 5 ข้อ จะนำมาซึ่งความสงบสุขและการพัฒนาชาติที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง อันประกอบไปด้วย"
"1.หลักประชาธิปไตย ต้องให้พลเมืองทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเสมอหน้าอย่างเท่าเทียมกัน
2.หลักความยุติธรรม ปราศจากสองมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรม
3.หลักการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดวิถีชีวิตของตนเอง รัฐบาลต้องคืนอำนาจให้ประชาชน
4.หลักสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ต้องเคารพและรัฐต้องหยุดละเมิดสิทธิ
5.หลักสันติวิธี คือการแก้ปัญหาทางการเมือง ต้องปราศจากการใช้ความรุนแรง หรือนำมาสู่เงื่อนไขที่ก่อให้เกิดความรุนแรง"
"ในฐานะกลุ่มนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เราไม่อาจเพิกเฉยและทนต่อระบบเผด็จการอำนาจนิยมเช่นนี้ได้ แม้ร่างกายของเราจะไม่ได้ถูกกักขัง แต่ตราบใดที่เพื่อนเรายังคงอยู่ในเรือนจำ ก็เหมือนกับกักขังจิตใจเราไปด้วย เราขอเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวเพื่อนเราทั้ง 14 คนอย่างไม่มีเงื่อนไขโดยเร็วที่สุด เพราะเราคือเพื่อนกันและเราจะไม่ทิ้งกัน" แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ
มีรายงานว่า ภายหลังที่กิจกรรมโพสต์อิสรภาพดังกล่าวสิ้นสุดในเวลา 19.00 น. ไม่นานนักมีชายคนหนึ่งเดินมาปลดกระดาษโพสต์อิท ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบนำตัวไปสงบสติอารมณ์

กป.อพช. แถลงเรียกร้องปล่อยนักศึกษาและนักกิจกรรม 14 คน โดยไม่มีเงื่อนไข


กรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนชี้ การละเมิดสิทธิเสรีภาพและสิทธิพลเมืองไม่สามารถนำพาประเทศไปสู่ความปรองดอง เรียกร้องรัฐบาลปล่อย 14 นักกิจกรรมโดยไม่มีเงื่อนไข
วันที่ 6 ก.ค. 2558 กป.อพช.ได้แถลงเรียกร้องรัฐบาล คสช. และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในทุกระดับให้ยอมรับว่าการเคลื่อนไหวโดยกลุ่มพลเมืองใดๆก็ตามที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือมาจากความปรารถนาที่จะแสดงออกซึ่งความคิดเห็นทางการเมืองดังที่กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ได้กระทำไปแล้วนั้น เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่พึงได้รับการเคารพ
ทั้งยังอธิบายว่า การเคลื่อนไหวเรียกร้องของกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ อยู่ในกรอบสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่นานาอารยะประเทศให้การยอมรับ ดังที่ตราไว้ใน “กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) 2519” ที่ประเทศไทยเป็นภาคีตั้งแต่ปี 2539 ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจับกุม คุมขังนักศึกษานักกิจกรรมเหล่านี้ พร้อมตั้งข้อหาที่รุนแรง และดำเนินคดีโดยใช้อำนาจการไต่สวนโดยศาลทหาร จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เข้าข่ายละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และแทรกแซงกระบวนการบยุติธรรม กป.อพช.จึงขอเรียกร้องให้ปล่อยตัวพวกเขาโดยไม่มีเงื่อนไข
อ่านแถลงการณ์โดยละเอียด
เรียกร้องปล่อยนักศึกษาและนักกิจกรรม 14 คน โดยไม่มีเงื่อนไข
การละเมิดสิทธิเสรีภาพและสิทธิพลเมือง
ไม่สามารถนำพาประเทศไปสู่ความปรองดอง
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารนอกเครื่องแบบได้จับกุมนักศึกษานักกิจกรรมทางสังคมในนามกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558 ในข้อหาร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด มิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร เป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. 3/2558 นั้น
คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) เห็นว่าการเคลื่อนไหวเรียกร้องของกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ อยู่ในกรอบสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่นานาอารยะประเทศให้การยอมรับ ดังที่ตราไว้ใน “กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) 2519” ที่ประเทศไทยเป็นภาคีตั้งแต่ปี 2539 ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจับกุม คุมขังนักศึกษานักกิจกรรมเหล่านี้ พร้อมตั้งข้อหาที่รุนแรง และดำเนินคดีโดยใช้อำนาจการไต่สวนโดยศาลทหาร จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เข้าข่ายละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และแทรกแซงกระบวนการบยุติธรรม กป.อพช.จึงขอเรียกร้องให้ปล่อยตัวพวกเขาโดยไม่มีเงื่อนไข
ประเทศไทยในภาพรวมประกอบด้วยพลเมืองที่มีจิตสำนึกและความตื่นตัวทางการเมืองในระดับสูง อันเป็นผลพวงของพัฒนาการที่ต่อเนื่องของระบอบประชาธิปไตย ลังจากที่คสช.ยึดอำนาจการบริหารประเทศเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และได้ใช้มาตรการกดข่มความเห็นต่างทางการเมืองในลักษณะเหมารวม ซึ่งจนถึงเวลานี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะยุติลงเมื่อใด ย่อมทำให้ประชาชนหลายกลุ่มเกิดความรู้สึกถูกบีบคั้น กดดันเพราะไม่อาจแสดงความเห็นได้อย่างเป็นอิสระ
โดยข้อเท็จจริง การเคลื่อนไหวของนักศึกษาในนามกลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่มีเจตจำนงปกป้องราษฎรในชนบทห่างไกลที่ถูกข่มเหงรังแกโดยกลุ่มผู้มีอิทธิพล มีบุคคลในเครื่องแบบเกี่ยวข้อง และมุ่งตรวจสอบนโยบายภาครัฐที่ก่อให้เกิดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและฐานอาชีพของชุมชน อันได้ดำเนินมาตั้งแต่ก่อนพฤษภาคม 2557 กป.อพช.เห็นว่ากิจกรรมเช่นนี้ก่อประโยชน์โดยตรงต่อกลุ่มประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิ อีกทั้งยังเกื้อกูลภาครัฐที่จะต้องบริหารราชการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
กป.อพช.ขอเรียกร้องรัฐบาล คสช. และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในทุกระดับให้ยอมรับว่าการเคลื่อนไหวโดยกลุ่มพลเมืองใดๆก็ตามที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือมาจากความปรารถนาที่จะแสดงออกซึ่งความคิดเห็นทางการเมืองดังที่กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่ได้กระทำไปแล้วนั้น เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่พึงได้รับการเคารพ
คสช. รัฐบาล และเจ้าหน้าที่รัฐด้านความมั่นคง พึงยึดหลักขันติธรรม ระมัดระวังที่จะด่วนสรุปว่าการแสดงความเห็นต่างของกลุ่มพลเมืองใดๆมีผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งอาจทำให้การดำเนินนโยบายผิดพลาดยิ่งขึ้นเพราะเข้าใจปัญหาไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจส่งผลให้การนำพาประเทศไทยไปสู่ความปรองดองยิ่งห่างไกลจากความเป็นจริง
คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน
6 กรกฎาคม 2558

ฟังความรู้สึก และเหตุผลของคนมาเยี่ยม 14 ขบวนการประชาธิปไตยใหม่


6 ก.ค. 2558 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นักวิชาการ และกลุ่มศิลปิน นักเขียน กวี ได้เดินทางไปเยี่ยมนักศึกษา และนักกิจกรรม ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ทั้ง 14 คน ที่จับกุมและฝากขังตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะครบกำหนดฝากขังผลัดที่ 1
ประชาไท ได้พูดคุยกับผู้ที่มาเยี่ยม 14 ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ถึงความรู้สึก และเหตุผลที่มาเยี่ยมในวันนี้
เวียง-วชิระ บัวสนธ์ เปิดเผยก่อนเข้าเยี่ยมว่า มาวันนี้เพื่อมาให้กำลังใจ ตนเองรู้จักกับ แมน ปกรณ์ อารีกุล และหนุ่ย อภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ มาก่อน เพราะเคยไปสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยบูรพา และช่วงน้ำท่วม แมน และกลุ่มลูกชาวบ้านได้ไปช่วยตนขนย้ายหนังสือด้วย
ในส่วนประเด็นข้อเรียกร้องของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ตนเห็นด้วยทั้งหมด การสูญเสียอิสระภาพของพวกเขา ก็เพื่อจะให้คนในสังคมเข้ามาตระหนักถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพ ส่วนในตอนนี้ที่มีการดิสเครดิตนักศึกษา ตนมองว่ามันเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลชุดคสช. กลุ่มคนที่ดิสเครดิตเป็น คนเรียกร้องให้รัฐบาลชุดคสช. เข้ามา ถ้ามีการกระทำการใดที่ทำให้รัฐบาลของเขาไม่สบายใจพวกเขาก็คงออกมาปกป้อง
สุดท้าย เวียง กล่าวว่า หวังว่าคงจะมีคนอีกจำนวนมากที่จะเห็นใจหัวจิต หัวใจของคนหนุ่มสาวที่เขาต้องการเรียกร้องเสรีภาพ
ประจักษ์ ก้องกีรติ เผยหลังเยี่ยม ลูกเกด ชลธิชา ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ว่า ตอนนี้ลูกเกดสภาพจิตใจดีมาก ถึงแม้ว่าจะป่วยอยู่ และยังยืนยันในหลักการเดิม จากการที่ได้พูดคุยกับลูกเกด รู้สึกประทับใจในคำพูดของลูกเกดบอกว่า การที่สู้ตอนนี้ไม่ได้สู้เพราะเป็นนักศึกษา แต่สู้ในฐานะที่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง และลูกเกดยังบอกอีกว่า ตอนนี้อยากอ่านหนังสือ เรื่อง เหยืออธรรม, แม่ และ ท๊อปบู้ตทมิฬ
สฤณี อาชวานันทกุล มารอเยี่ยม นักศึกษาที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เธอเปิดเผยว่ามาวันนี้เพื่อให้กำลังใจ โดยนำหนังสือมาฝากพวกเขาด้วย 30-40 เล่ม เป็นหนังสือนวนิยายที่นำมาจากที่บ้านเพราะทราบมาว่า มีคนนำหนังสือแนวหนักๆ มาให้เยอะแล้ว
สฤณีเล่าต่อไปว่าใน14 คนที่ถูกฝากขัง เธอรู้จัก แมน ปกรณ์ จากการณรงค์เรื่องกฏหมาย 4 ฉบับเพื่อคนจน และรู้จัก บาส LLTD จากงานเสวนา
ส่วนในประเด็นการเคลื่อนไหวของขบวนประชาธิปไตยใหม่ สฤณีเห็นด้วยอยู่ 2 ประเด็นคือ 1.การแสดงความคิดเห็นของนักศึกษาเป็นเสรีภาพในการแสดงออกและเป็นวิธีการที่สร้างสรรค์ 2.การเคลื่อนไหวของกลุ่มดาวดินในประเด็นเรื่องสิทธิชุมชน และเรื่องสิ่งแวดล้อม
ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล (เต่านา) รอเข้าเยี่ยมลูกเกดที่ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เผยว่ามาวันนี้มาในนามตัวเอง และไม่ได้รู้จักลูกเกดมาก่อน ทีแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่า14นักศึกษาที่ถูกจับมีผู้หญิงด้วย แต่มารู้ตอนเห็นข่าวว่าตำรวจไปเยี่ยมบ้านของลูกเกด และเห็นรูปลูกเกดจากในข่าวเป็นผู้หญิงตัวผอมแห้ง ตนจึงชื่นชมในความกล้าของ14 นักศึกษา กล้าหาญที่จะรับผิดชอบในการกระทำและความเชื่อของตัวเอง
ทั้งนี้ ม.ล.มิ่งมงคล ได้นำหนังสือ ชื่อ The One Thing มาเยี่ยมลูกเกดด้วยซึ่งเนื้อหาในหนังสือจะกล่าวถึง การข้ามเข้าสู้วัยผู้ใหญ่ ด้วยลูกเกดอายุ 22 ปี ตนคิดว่าถ้าเขาได้ออกจากเรือนจำมา หนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่เขา
สุชาติ สวัสดิ์ศรี เผยอยากให้กวี นักเขียน ศิลปิน มาเยี่ยมนักศึกษาด้วย วันนี้ที่ตนมาเพราะมาในนามนักเขียนศิลปิน เพราะมองว่าคนทำงานในด้านความคิดนี้น่าจะเข้าใจการต่อสู่ของนักศึกษาได้ดี และการที่นักศึกษาโดนข้อหาหนักขนาดนี้ น่าจะเห็นใจกัน ตนอยากเลยอยากให้เพื่อนพ้องในวงการนักเขียนมาเยี่ยมด้วย และยอมรับว่าตนเองยังได้รับพลังจากนักศึกษาด้วย และเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของพวกเขา

นักวิชาการ มช.เรียกร้อง จนท.รัฐยุติการจับกุม คุมขัง ปรับทัศนคติต่อผู้แสดงออกการเมือง

ภาพกิจกรรม "โพสต์อิสรภาพฯ" ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2558 ที่ผ่านมา (ที่มา:  เพจสมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย/แฟ้มภาพ)

นักวิชาการ ม.เชียงใหม่และประชาชน ลงชื่อในแถลงการณ์แสดงความกังวล หลังเจ้าหน้าที่รัฐคุกคามนักศึกษาที่ทำกิจกรรมเรียกร้องให้ปล่อยตัว 14 นักกิจกรรม โดยเรียกร้องต่อทหาร-ตำรวจให้ยุติการจับกุม คุมขัง คุกคาม ปรับทัศนคติ รวมทั้งเรียกร้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยปกป้อง คุ้มครอง เอาใจใส่สวัสดิภาพนักศึกษาไม่ว่าจะคิดเห็นแตกต่างเช่นไร
หมายเหตุ - เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา นักวิชาการกลุ่มหนึ่งที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และประชาชน ได้ลงชื่อท้ายแถลงการณ์ "คณาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยความกังวลต่อสวัสดิภาพของนักศึกษาที่แสดงออกทางการเมืองอย่างสันติ" เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งทหารและตำรวจ ยุติการจับกุม คุมขัง ดำเนินคดี คุกคาม หรือเรียกตัวเพื่อ "ปรับทัศนคติ" นักศึกษาและผู้แสดงออกทางการเมืองอย่างสันติทั้งหมดในทันที เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ยังเรียกร้องต่อผู้บริหารให้ปกป้องคุ้มครองและเอาใจใส่ต่อสวัสดิภาพของนักศึกษาของมหาวิทยาลัย ไม่ว่าความคิดเห็นทางการเมืองจะแตกต่างหลากหลายเช่นไร โดยรายละเอียดของแถลงการณ์มีดังนี้
000
แถลงการณ์คณาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ตามรายชื่อด้านล่าง)
ด้วยความกังวลต่อสวัสดิภาพของนักศึกษาที่แสดงออกทางการเมืองอย่างสันติ
เนื่องด้วยวันที่ 29 มิถุนายน 2558 มีนักศึกษามหาวิทยาลัยในจังหวัดเชียงใหม่ดำเนินกิจกรรมอย่างสันติเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัว 14 เพื่อนนักศึกษากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยใหม่ที่ถูกคุมขังที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ รวมทั้งล่าสุด กิจกรรมจุดเทียนและเขียนอิสรภาพในวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่และที่อื่นๆ ถูกคุกคามโดยเจ้าหน้าที่รัฐในสถานการณ์ที่เกี่ยวเนื่องหลายกรณี พวกเรา คณาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ดังรายชื่อที่ลงนามด้านล่างนี้ ไม่สามารถนิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ดังกล่าวที่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยและที่อื่นถูกคุมคามได้เนื่องจาก
(1) เราเชื่อว่าเสรีภาพในการแสดงออกเป็นพื้นฐานสำคัญยิ่งของสังคมไทย ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างหลากหลายอย่างไร เสรีภาพนี้จะเป็นหลักประกันให้เราทั้งหมดอยู่ด้วยกันได้แม้จะมีความเห็นไม่ลงรอยกัน ทั้งนี้ กลุ่มนักศึกษาได้ปฏิบัติซึ่งสิทธิเสรีภาพพื้นฐานนี้โดยสันติ
(2) เจ้าหน้าที่รัฐคือผู้มีรายได้จากภาษีของประชาชน มีหน้าที่รับใช้และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและสวัสดิภาพของประชาชน มิใช่คุกคามและละเมิดประชาชน
ด้วยหลักการพื้นฐานนี้ พวกเรามีข้อเรียกร้อง ข้อ ดังต่อไปนี้
(1) ข้อเรียกร้องต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งทหาร ตำรวจ ฯลฯ ให้ยุติการจับกุม คุมขัง ดำเนินคดี คุกคาม หรือเรียกตัวเพื่อ “ปรับทัศนคติ” นักศึกษาและผู้แสดงออกทางการเมืองอย่างสันติทั้งหมดในทันที เนื่องจากเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างร้ายแรง
(2) ข้อเรียกร้องต่อผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ปกป้องคุ้มครองและเอาใจใส่ต่อสวัสดิภาพของนักศึกษาของมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ไม่ว่าความคิดเห็นทางการเมืองจะแตกต่างหลากหลายเช่นไร เราเชื่อมั่นและหวงแหนในเสรีภาพทางความคิดและการแสดงออกอันเป็นสิ่งที่มหาวิทยาลัยทุกแห่งควรบ่มเพาะและปกป้อง โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ซึ่งมีภูมิหลังจากการเรียกร้องของชุมชนในระดับท้องถิ่นและภูมิภาคและเติบโตขึ้นจากภาษีประชาชน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะต้องเปิดพื้นที่ให้กับการแสดงความคิดเห็นอันหลากหลายของประชาชนและทำหน้าที่อันควรจะเป็นอย่างแท้จริง ได้แก่การสร้างพื้นที่อิสระแห่งความรู้ความคิด ซึ่งนับวันจะค่อยๆ หดหายไปจากสังคมไทย
หากสังคมไทยจะดำเนินไปในครรลองของสันติ กลไกสำคัญของสังคมอย่างเจ้าหน้าที่รัฐและมหาวิทยาลัยจะต้องตระหนักถึงขอบเขตหน้าที่ของตน และหันกลับมาสู่ครรลองของการเคารพและปกป้องสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีของประชาชนในทันที
ผู้ลงนาม
  • นิธิ เอียวศรีวงศ์ (อดีตอาจารย์)
  • ชัชวาล ปุญปัน (อดีตอาจารย์)
  • กรรณิกา วิทย์สุภากร (อดีตอาจารย์)
  • อานันท์ กาญจนพันธุ์
  • ยศ สันตสัมบัติ
  • อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์
  • สายชล สัตยานุรักษ์
  • สมชาย ปรีชาศิลปกุล
  • ทัศนัย เศรษฐเสรี
  • ขวัญชีวัน บัวแดง
  • อรัญญา ศิริผล
  • ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี
  • ไพบูลย์ เฮงสุวรรณ
  • นัทมน คงเจริญ
  • กัญญา หิรัณย์วัฒนพงศ์
  • ยุพา มหามาตร
  • วิเชียร อันประเสริฐ
  • กฤษณ์พชร โสมณวัตร
  • ทศพล ทรรศนกุลพันธ์
  • จณิษฐ์ เฟื่องฟู
  • อรภัคค รัฐผาไท
  • ศรยุทธ เอี่ยมเอื้อยุทธ
  • วราภรณ์ เรืองศรี
  • เก่งกิจ กิติเรียงลาภ
  • สิงห์ สุวรรณกิจ
  • เอกณพ สุวรรณโกสุม
  • อนุสรณ์ ติปยานนท์
  • อานนท์ นงค์เยาว์

ร่วมด้วย
  • สุริยา สมุทคุปติ์ (นักวิชาการอิสระ)
  • ธีรมล บัวงาม (สื่อมวลชน)
  • ชัยพงษ์ สำเนียง
  • ยุคล พิทักษา
  • พิสิษฏ์ นาสี
  • ธนศักดิ์ โพธิ์ศรีคุณ
  • ธัญณ์ณภัทร์ เจริญพานิช
  • ธนยศ รูปขจร
  • อุษามาศ เสียมภักดี
  • สุจารวี โคตพันธุ์
  • เกียรติพงศ์ แสนวงศ์วรรณ
  • ฉันทพิชญา สุธรรม
  • ณัฐยา สมวะเวียง
  • อิสราภรณ์ พิศสะอาด
  • ธนทร ปิยารากิจ
  • ฐานัตถ์ กุมาร
  • อัคร ปัจจักขะภัติ
  • พุธิตา ชัยอนันต์
  • ปิยณัฐ ประถมวงษ์
  • ปิยธิดา ชัยหัง
  • วรท เตชะวณิช
  • ศราวุฒิ เรือนคง

‘ประยุทธ์’ ชี้ คำสั่งคสช. ทุกๆฉบับคือกฎหมาย


6 ก.ค.2558 ข่าวสดออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลา 11.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินคดีกับ 14 สมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่เคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหาร ว่า ต้องแก้ปัญหาด้วยกฎหมาย ด้วยกระบวนการยุติธรรม
ต่ดคำถามที่ว่ากรณีดังกล่าวต้องขึ้นศาลทหารเท่านั้นใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กฎหมายประกาศไว้อย่างไร ต้องรู้ว่าทหารเขาทำอย่างไรในยามที่ไม่ปกติ หรือเมื่อที่ต้องใช้อำนาจพิเศษ เพราะมีการประกาศออกมาแล้ว ว่าคดีใดที่จะต้องขึ้นศาลทหาร ไม่ใช่ประกาศมาหลังจากเกิดการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหว โดยหลังจากนี้ต้องว่าไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ว่าจะดูแลได้แค่ไหน แต่ก็พยายามที่จะขุดคุ้ยให้ได้ เขามีการประกาศคำสั่งคสช.แล้ว เวลาเขียนข่าวก็เขียนให้มันชัด ว่ากี่เรื่องที่ขึ้นศาลทหาร 1.คดีอาญามาตรา 112 และ 2.ขัดคำสั่งคสช. ซึ่งหมายถึงกฎหมายตามคำสั่งคสช.ทุกฉบับ
“คำสั่ง คสช. คือกฎหมายทุกฉบับ ใช่แล้วยังไง แล้วผิดตรงไหน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
“พอได้แล้ว ไม่ว่าจะแต่งตั้ง ซื้อโน่นซื้อนี่ เขียนกันให้พัลวัน มันได้อะไรกับประเทศชาติบ้าง ผมอยากจะรู้นัก เขาเขียนกฎหมายมาก็จะแหกกฎหมายทุกดอก ผมถามว่ากฎหมายเหล่านี้ใช้กับคนอื่นด้วยหรือเปล่า คนอื่นเขาโดนด้วยหรือเปล่า เมื่อขัดขืนกฎหมาย คสช. แล้วเขาโวยวายไหมเล่า ทำไมจะต้องให้พื้นที่ อย่างนี้ทุกวันๆ กลัวมันจะไม่เดือดร้อนหรืออย่างไร กลัวจะไม่ปลุกขึ้นมาทั้งประเทศหรืออย่างไร ชอบแบบนั้นใช่หรือไม่” พล.อ .ประยุทธ์ กล่าว
ขอความร่วมมือ หยุดพูด สิ่งที่เป็นปัญหากับประเทศ
วันเดียวกัน ไทยรัฐออนไลน์ รายงานด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการกระทำของคนในชาติและคำพูด ถ้าไม่อยากให้ประเทศเสียหายไปมากกว่านี้ก็ควรจะหยุดพูด ในสิ่งที่จะเป็นปัญหากับประเทศ พร้อมย้ำว่า ทุกการกระทำของตนเองไม่ได้มีเจตนาให้ใครมาเกลียด แต่ถ้าความเกลียดนั้นทำให้ประเทศเปลี่ยนแปลงก็ยินดี พร้อมย้ำว่า ขอให้เร่งระบบการปฏิรูปในระบบราชการให้มีการพัฒนาสอดคล้องกับโรดแม็ป ที่กำลังจะปฏิรูป

น.ศ.ไทยในยุโรปร้องทูตสิทธิฝรั่งเศส จับตาฝากขัง 14 น.ศ.


นักเรียนไทยในยุโรปที่ไม่เอารัฐประหารกังวลการใช้ดุลพินิจศาลทหารพิจารณาวันฝากขังรอบสอง เข้าพบทูตสิทธิมนุษยชนประจำกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศสร่วมเขียนโพสต์อิทให้กำลังใจนักศึกษา
6 ก.ค.2558 ตัวแทนกลุ่มนักเรียนไทยในยุโรปที่ไม่เอารัฐประหาร เข้าพบ แพทริเซียนนา สปารซิโน (Patrizianna Sparacino) เอกอัครราชทูตด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศฝรั่งเศส เพื่อยื่นแถลงการณ์ ‘เพื่อเพื่อนเรา’ ซึ่งร่วมลงนามโดยนักเรียนและนักศึกษาไทยในยุโรปรวม 84 รายชื่อจาก 15 ประเทศ เพื่อชี้แจงสถานการณ์เร่งด่วนกรณีการละเมิดนักศึกษาและนักกิจกรรมไทยที่ถูกจับกุมจากการต้านรัฐประหาร
ตัวแทนนักเรียนในยุโรปชี้แจงเรื่องความกังวลเร่งด่วนในสองประเด็น คือ การควบคุมตัวกลุ่มนักศึกษาซึ่งในวันอังคารที่ 7 กรกฎาคมนี้จะเป็นวันครบกำหนดฝากขังรอบที่หนึ่ง ซึ่งศาลทหารจะต้องพิจารณาว่าจะอนุญาตฝากขังรอบต่อไปหรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเร่งด่วนกรณีนางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว นักศึกษาหญิงที่ล่าสุดอาการป่วยจากโรคประจำตัวกำเริบและปัจจุบันรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์​
เอกอัครราชทูตแพทริเซียนนาตอบกลุ่มนักศึกษาว่า มองเห็นปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีสุขภาพของนางสาวชลธิชาและจะพิจารณาดูว่าจะร่วมประสานงานในระดับภูมิภาคและให้ความช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง
นอกจากนี้ กลุ่มนักศึกษาได้เล่าถึงบรรยากาศความกลัว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหารโดยตรง และกลุ่มที่ให้การสนับสนุนด้านสิทธิมนุษยชนของนักศึกษาที่กำลังถูกคุกคามเพิ่มมากขึ้น ทางคณะทูตจึงร่วมสนับสนุนหลักพื้นฐานโดยร่วมเขียนโพสต์อิทให้กำลังใจไปยังนักศึกษาด้วย