จะมี “นองเลือด” อีกไหม ?! | |
โดย...สอาด จันทร์ดี http://pchannel.org/?name=saad&category=7&file=readknowledge&id=624 ![]() แต่ถ้าจะมีสภาประชาชนและกองทัพประชาชนก็เพราะ “กองทัพแห่งชาติ” ของประเทศไทยไม่ยอมเป็นของประชาชน ไม่ยอมรับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่กลับไปน้อมรับเอา “มหาอำมาตย์” มาเป็นที่พึ่ง โดยมิยอมอยู่ใต้อำนาจของประชาชน ซึ่งพวกทหารไม่ควรทำ ? เป็นเพราะผมตอบแบบนี้ จึงมีคำถามว่า แล้วจะมีการนองเลือดอีกไหม ? จากคำถามประโยคนี้ ผมจึงเอามาเขียนในเชิงการแสดงความคิดเห็น โดยหวังว่าท่านผู้อ่านอีกจำนวนหนึ่งก็จะได้ช่วยกันขบคิดไปด้วย ดังนี้ ผมขอเริ่มด้วยการกล่าวว่า เนื่องจากได้สังเกตเห็นทหารใหญ่ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในฐานะ ผบ.ทบ. แสดงอาการแข็งทื่อกับนายก ![]() กองทัพแห่งชาติมันเป็นเสียอย่างนี้...เป็นไปแล้ว อย่างไม่น่าเชื่อ เป็นเพราะมันเป็นไปแล้ว จึงอยากขอความกรุณาอ่านให้จบ...เพื่อจะไปพบบทสรุปในท่อนสุดท้ายว่าในอนาคต จะมีการ “นองเลือด” อีกไหม ? การที่จะพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะมีการนองเลือดอีกหรือไม่ จำเป็นต้องรำพันในนานาสาระที่มัดผูกประเทศไทยอยู่จึงจะเข้าใจ นั้นก็คือต้องย้อนกลับไปดูพรรคเพื่อไทยอีกครั้งหนึ่งที่ได้รับชัยชนะเลือกตั้งจากประชาชนมากกว่า ๑๕ ล้านเสียง เป็นการแสดงพลังทางกายภาพเพื่อจะเอาชนะพวกเสื้อเหลือง ในเวลาเดียวกัน พลังทั้ง ๑๕ ล้านเสียงก็ตกผลึกจนเกิดอานุภาพที่ยิ่งใหญ่กลายเป็นจิตใต้สำนึกยากได้ประชาธิปไตยขึ้นมา บวกกับมีความต้องการ “ช่วยเหลือ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร” ผสมเข้ากับความต้องการความเป็นธรรม ต้องการปลดปล่อยตนเองให้หลุดพ้นไปจากลัทธิเผด็จการ ไม่อยากเห็นประเทศไทยอันเป็นที่รักจมปรักอยู่กับความล้าหลัง อันเกิดจากพวกอำมาตย์ไดโนเสาร์ ที่เอาแต่ความโหดเหี้ยมมาบริหารประเทศ พอใจใครก็ยกย่อง ไม่พอใจใครก็ฆ่าทิ้ง ฆ่า ๑๐ เมษายน และฆ่า ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ! พลังแดง.. ๑๕ ล้านเสียงจึงกลายเป็นพลังที่ท้าทายพวกอำมาตย์อย่างยิ่ง ![]() คนเสื้อแดงมากกว่า ๑๕ ล้านเสียงใช้สิทธิ์ผ่านสถาบันแห่งนี้ช่วงชิงอำนาจทางการเมือง อันหมายถึงเป็นการช่วงชิงอำนาจไปจากอิทธิพลของมหาอำมาตย์ ซึ่งได้ใช้สีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ เมื่อกล่าวเช่นนี้ เราก็จะเห็นคนอีกกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันบ่อนทำลายคนเสื้อแดงมาโดยตลอด แสดงความเกลียดชังอย่างเปิดเผยและร้ายกาจรุนแรงถึงขั้นฆ่าคนเสื้อแดงกลางถนน ฆ่าอย่างทารุณโหดร้าย คนพวกนั้นแหละคือพวกปฏิกิริยา ซึ่งใช้สีเหลือง..มีอยู่หลายสิบล้านคน การเรียกขานเช่นนี้ เรียกจาก “พฤติกรรม” ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงเพื่อความเจริญ ซึ่งพวกเขาได้แสดงออกในการต่อต้านการพัฒนาประเทศ [ แอนตี้การพัฒนา ] แบบสุดขอบ ไม่มีการประนีประนอม ไม่ยอมอ่อนข้อให้ มีแต่จะฆ่าท่าเดียว คนพวกนั้นประกอบด้วยนายทุน - ขุนศึก - มหาอำมาตย์ และพวกสาวกระดับหัวแถวทั้งหลาย เช่นสันติอโศก พันธมิตร พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ รองลงมาได้แก่พวกเสื้อเหลืองประชาชนชาวบ้าน ที่ตกเป็นสาวกทางความคิด ถูกเป่าหูให้หลงเชื่อ จนไม่อาจเข้าใจแม้กระทั่งความจำเป็นของตัวเอง คนพวกนั้น จึงกลายเป็นพวกปฏิกิริยาแล้วไหลไปรวมกับพวกทากทางสังคม อันหมายถึง “ตัวทาก” ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าดิบที่ชอบดูดเลือดคนเดินป่าด้วยการกระโดดเข้าเกาะตามผิวหนัง รักแร้ ร่องใบหู ใต้เปลือกตา แล้วดูดเลือดจนอิ่ม ผมเขียนบรรยายเพียงเท่านี้คงจะพอเพียงให้ท่านผู้อ่านเข้าใจได้ลึกว่า ใครคือพวกปฏิกิริยา... ?ใครคือพวกทาก...? ซึ่งรวมกันเรียกว่าเป็นพวกปฏิกิริยาต่อต้านการเปลี่ยนแปลง คำถาม ๒ ประโยคนี้ เป็นคำถามเกี่ยวกับประโยชน์โดยส่วนรวมของสังคม และคำตอบของเรื่องนี้ก็เป็นคำตอบประโยชน์โดยส่วนรวมของสังคมทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่ปัญหามีอยู่ว่าสังคมไทยไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ “พวกปฏิกิริยา” มาก่อน และไม่เคยได้ยินว่าประเทศไทยมีทากทางสังคม จึงไม่ง่ายเลยที่จะสามารถทำความเข้าใจได้ แต่ถ้าเราสามารถทำความเข้าใจได้ จะทำให้การต่อสู้ของคนเสื้อแดงง่ายขึ้น ![]() ในเวลาเดียวกัน ถ้าได้มีการเผยแพร่เรื่องนี้ไปยังมวลมหาประชาชนอย่างกว้างขวาง ด้วยการสื่อไปให้ถึงด้วยความรักและความปรารถนาดี ก็เชื่อเหลือเกินว่าจิตใจที่ถูกครอบงำอย่างยาวนานจะเริ่มเข้าใจต่อตัวเองมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากตัวเองก็ต้องการความเป็นธรรมเฉกเช่นเดียวกัน ความจริงแล้ว ในหมู่ของพวกปฏิกิริยา ก็ไม่พ้นที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกรังแก ถูกกดขี่ข่มเหงและถูกเล่นงานอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้เนื่องจากชนชั้นปฏิกิริยาไม่เคยมีความเมตตาให้ใคร ดังจะเห็นได้จากการตกดอก ออกเงินกู้ การคดโกงในตลาด มีคดีขึ้นโรงขึ้นศาลในหมู่ของคนเสื้อเหลืองด้วยกันนับไม่ถ้วน มีคนล้มละลายรายวัน สังคมเต็มไปด้วยความเน่าเละเฟะฟอน สำส่อน มากชู้หลายผัว ทำแท้ง บ้านเมืองเต็มไปด้วยโจรผู้ร้ายฆ่ากันตายปานว่าเล่น ความเป็นอยู่ของพวกปฏิกิริยา ยังคงจมปรักอยู่กับความหมองหม่น ความหมองหม่นอย่างนี้ คนเสื้อแดงทนไม่ได้ คนเสื้อแดงต้องการ “ยกระดับ” ความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และการยกระดับนั้นมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนภายใต้ “นโยบาย” ของพันตำรวจโท ดร. ทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้คำว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ก็ได้ผลสมปรารถนาในระดับหนึ่งด้วยการได้กำชัยในการเลือกตั้ง ได้เป็นรัฐบาล ![]() สันติอโศก (โพธิรักษ์) ยังคงตามฟัดตามเหวี่ยง สถานีวิทยุชุมชน FM. ๙๒.๒๕ เม็กกะเฮิร์ท ของประชัย เลี่ยวไพรัช ยังคงกระหน่ำไม่หยุด เอเอสที่วี ของสนธิ ลิ้มทองกุล ถล่ม ๒๔ ชั่วโมง คลื่น FM ๑๐๑ เม็กกะเฮิร์ท ของกองทัพบก ยังคงเป็นศัตรูทางความคิด แม้แต่สถานีโทรทัศน์ Thai PBS (ไอทีวีเก่า) ที่กินเงินของประชาชน ก็ยังเอนเอียงไม่เลิก นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ...ย่ำเท้าอยู่กับที่ด้วยการฟัดเหวี่ยงรัฐบาลหาว่าจะทำเพื่อ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณชินวัตร เพียงคนเดียว ตั้งตัวเป็นนายกรัฐมนตรีเงา ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญอย่างท้าทาย ![]() สำหรับกองทัพบกนั้น เห็นจะต้องเอ่ยนาม “พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผบ. ทบ. แสดงตนชัดว่าเป็นอิสระในแผ่นดินนี้ราวกับจะไม่ยอมขึ้นกับรัฐบาล ทั้งๆที่เงินเดือนทั้งปวง ล้วนแต่เป็นเงินภาษีอากรของประชาชนทั้งสิ้น กองทัพบกได้สำแดงจุดยืนเป็นกองทัพอิสระขึ้นตรงต่อพวกปฏิกิริยา ?! ไม่ยอมขึ้นกับรัฐบาล ...? เมื่อได้เห็นพวกปฏิกิริยาแสดงออก...ทำให้เกิดความหดหู่อย่างยิ่ง นึกไม่ถึงว่าบ้านเมืองที่ได้มีการเลือกตั้งอย่างถูกต้องทุกประการ มีการรับรองจาก กกต. และได้เปิดประชุมสภาตามวันเวลาที่กำหนด รวมทั้งได้มีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และเลือกนายกรัฐมานตรี ไปจนถึงการโปรดเกล้าฯ ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมานตรี ล้วนแต่ถูกต้องครบถ้วนกระบวนความ แต่ในมุมอีกมุมหนึ่ง...กลับเต็มไปด้วยการแอนตี้ ? ผมอยากกล่าวว่าสิ่งที่พวกปฏิกิริยารพากัน “แอนตี้” ไม่เลิกอย่างนี้ คิดหรือว่าจะกำหลาบคนเสื้อแดงได้ ตรงกันข้าม มันยิ่งจะเป็นการเร่งให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาใหม่ ระหว่างคนเสื้อแดงกับพวกปฏิกิริยา ทั้งนี้เนื่องจากคนเสื้อแดงคิดอยู่ก่อนแล้วว่า พวกปฏิกิริยาไม่มีวันยอม คนเสื้อแดงก็จะไม่ยอมเหมือนกัน คนเสื้อแดงเขาจดจำความวิปโยคที่สังคมไทยตกเป็นเหยื่อ “อธรรม” อันยาวนานจนลุมาถึงยุค ๑๐ เมษายน – ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ ที่มีการสั่งให้ฆ่าคนที่ต้องการประชาธิปไตย เป็นผลให้เห็นตัวตนของคนกลุ่มหนึ่งว่าใครคือพวกปฏิกิริยา และใครคือพวกทาก หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งเมื่อมีร่างของคนเสื้อแดงตกเป็นเหยื่อกระสุน สังเวยชีวิตให้แก่พวกนักฆ่า จึงสามารถมองเห็น “ตัวทาก” และพวกปฏิกิริยา อย่างกระจ่างตา และชัดเจนอย่างไม่เคยมีมาก่อน ![]() ขอโทษ อย่าเพิ่งโมโหฉุนเฉียวต่อบทวิพากย์เรื่องนี้ที่ใช้คำว่าพวกปฏิกิริยาและใช้คำว่า “พวกทาก” เพราะว่าถ้าโมโหโกรธาเสียก่อน ก็จะไม่ได้รับรู้เนื้อหาสาระว่าเข็มมุ่งในการนำเสนอเรื่องนี้เพื่ออะไร และจะไม่เข้าใจต่อสภาวะของพวกปฏิกิริยาและพวกทากที่มีอยู่ในสังคมไทย ผมอยากกล่าวว่าหากกลั้นใจอ่านเสียให้จบ ก็จะเข้าใจโดยไม่ยากขอรับ เริ่มต้นด้วยประโยคที่ว่า ชนชั้นสูงทั้งหลายทั้งปวง ย่อมตะหนักแก่ใจของท่านเองว่าท่านต้องการให้ตัวเองมั่งคั่งไม่รู้จักหมด มีอยู่มีกิน มีความสุข มีฐานะการเงินที่มั่นคง มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต มีเกียรติในสังคม และยังต้องการให้ผู้สืบสกุลได้รับมรดกตกทอด เป็นผู้รับพินัยกรรม รับช่วงต่อจากพ่อแม่ จากปู่ย่าตาทวด ซึ่งพวกท่านทั้งหลาย...ต้องการเช่นนั้นครบทุกวงศ์ตระกูลของชนชั้นสูง คนกลุ่มนี้เป็นพวกปฏิกิริยา เป็นทากเกาะกินบนหลังของประชาชนแล้วสูบเลือดสดๆ ! ประชาชนที่ถูกทากดูดเลือดได้แก่ชนชั้นกลางและชนชั้นรากหญ้า ผมขอกล่าวว่า ถ้าไม่ได้ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยจะไม่มีวันรู้ตัวเองว่าได้ถูกสูบเลือดมาอย่างยาวนาน คนไทยผู้รักความสงบได้พากันสงบในท่ามกลางความยากจน นั่งมองความก้าวหน้าของคนรวยตาปริบๆ ไม่มีปากเสียง คนไทยเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ก่อนปี ๒๔๗๕ มาจนถึงปัจจุบัน คนไทย (คนเสื้อแดง) เพิ่งจะตื่นจากภวังค์เมื่อครั้งได้นายกรัฐมนตรีชื่อ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร และที่ได้มากที่สุด ภายหลังทหารลุยฆ่าประชาชน ! ความจริงแล้ว ย้อนดูประวัติศาสตร์ จะพบกับความสะเทือนใจอย่างยิ่ง จะพบว่าพวกปฏิกิริยาได้ก่ออาชญากรรม เข่นฆ่าคนอื่นตั้งแต่สมัยเกาะตะรุเตา มาจนถึงยุคนายปรีดี พนมยงค์ นายเตียง ศิริขันธ์ และยุค ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ มาจนถึง ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ รวมทั้งพฤษภาทมิฬ ๒๕๓๕ ! ที่กล่าวมานี้ คือเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่พวกปฏิกิริยาไม่ต้องการให้รื้อฟื้น ไม่ต้องการให้กล่าวถึง ![]() และไม่ต้องการให้ใคร “ฟื้นฝอยหาตะเข็บ” พวกเขาต้องการให้มันถูกลืมเลือนหายไปกับกลีบเมฆดุจคลื่นกระทบฝั่ง เช่นเดียวกับที่ได้พยายามทำมาแล้วกับกรณีปรีดี พนมยงค์ และกรณีเตียง ศิริขันธ์ ทำสำเร็จไปหลายครั้ง โดยไม่มีใครกล้าหือ...แม้แต่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ? เหตุไรประเทศไทยจึงปล่อยให้ความวิบัติย่อยยับเกิดขึ้นกับคนในชาติโดยฝีมือของพวกปฏิกิริยาที่อ้างตัวเองว่าเป็นผู้รักษาความมั่นคงให้แก่สถาบัน อ้างขึ้นมาในท่ามกลางสถาบัน “มั่นคงยิ่งกว่าเสาหิน” ซึ่งเราไม่เคยเห็นประชาชนเดินถนนคนไหนสามารถแตะต้องเสาหินได้ เห็นมีแต่ถูกกล่าวหาครั้งแล้วครั้งเล่าว่าจะล้มเจ้า กล่าวหาคนโน้น คนนี้ เล่นเอาคนที่ถูกกล่าวหาถึงกับล้มทั้งยืน ไม่อาจฝ่ากระแสวิชามารได้ ในที่สุดก็ต้องระเห็จออกนอกประเทศ หลังจากนั้นพวกปฏิกิริยาก็พากันสูบเลือดประชาชนอย่างอิ่มหนำสำราญ หลายคนร้องเสียงหลง...ไอ้บัดซบ...?! ทว่า แม้จะส่งเสียงร้องโหยหวนเพียงไรก็ไม่แตกต่างจากเสียงฝูงแพะที่ถูกต้อนเข้าเครื่องบูชายัญ พวกเขาถูกทหารเหนี่ยวไกปืนยิงทีละศพ...ทีละศพ ณ สี่แยกคอกวัว บ่อนไก่ ศาลาแดง แยกราชประสงค์ และวัดปทุมวนาราม พวกปฏิกิริยาจากนรก ใจดำอำมหิต ฆ่าไม่เลือกวันเวลา ฆ่าแล้วก็โยนความผิดให้คนที่ตายว่าเป็นก่อการร้าย พร้อมกับไล่ล่า จับยัดคุก และล่ามโซ่ ตีตรวนทำยังกะว่าพวกเขาคือ “คนต่างด้าวท้าวต่างแดน” ที่เข้ามาคุกคามประเทศไทย นี้ไง...คือพวกปฏิกิริยากากเดนทรราช ที่เป็นพวก “ทาก” ป่าคอนกรีตที่กระโดดเกาะดูดเลือดมนุษย์เจาะไชเข้าไปในเนื้อหนังอย่างไม่ปราณีปราศรัย พวกมันดูดเลือดใครบ้างต้องตามไปดูรายชื่อ “คนเสื้อแดง” ที่ถูกฆ่า รวมแล้วมากกว่า ๙๑ คน บาดเจ็บอีกต่างหากมากกว่า ๒,๐๐๐ คน ยังไม่รวมคนที่สูญหายไร้ร่องรอยมาจนกระทั่งบัดนี้..?! กล่าวถึงเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เราจะพบว่าพวกปฏิกิริยาชนชั้นได้เข่นฆ่าประชาชนมาหลายยุคหลายสมัย โดยกล่าวหาว่าเป็นภัยต่อระบอบการปกครอง คนพวกนี้มีแต่ความละโมบโลภมาก อยากได้อะไรก็เข้ายึดครองโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เขายายเที่ยง...เขาสอยดาว และอื่นๆอีกมากมาย ฯลฯ ?! กระบวนการของพวกปฏิกิริยาที่ทรงอำนาจเหลือล้น ยังมีอยู่ในสังคมไทยตั้งแต่ใจกลางเมืองหลวงออกไปจนถึงชายแดนและขุนเขา พวกเขาเขมือบป่า เขมือบยอดดอย ครอบครองและเกาะติดแผ่นดินนี้ยิ่งกว่าทากในป่าดงดิบ คนพวกนี้เป็น “ทากป่าคอนกรีต” ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ![]() กล่าวถึงท่านทักษิณ...ผมมีความเห็นว่า “ฯพณฯ อดีตนายกทักษิณ” ย่อมจะรู้ดีว่าจะกลับประเทศไทยดี หรือว่าไม่กลับก็ได้ ผมเชื่อว่าท่านทักษิณ จะยังไม่กลับ จะรอจนกว่าประชาชนทั้งประเทศเข้าใจ จึงจะเดินทางกลับประเทศไทย ท่านคงจะมีตำถามว่าจะทะลอกสังขารมาให้พวกปฏิกิริยาเหยียบเล่นทำไม มันจะเร็วเกินไปที่จะแอบเข้ามาให้เขาทำร้าย สู้อยู่ดูไบให้ปลอดภัย โดยยังคง “ทำเงิน” ได้ทั่วโลกอีกด้วย อีกประการหนึ่ง เมื่อกลับเข้ามาประเทศไทยแล้ว เชื่อหรือว่าจะไม่ตกเป็นเป้ากระสุนตก...และเชื่อหรือว่าจะไม่มีปืนสไนเปอร์จ้องรอบยิง ท่านทักษิณคงไม่โง่ บทสรุป : ผมมีความเชื่อว่า พวกปฏิกิริยาไม่มีทางที่จะยอมรับคนเสื้อแดง ยิ่งนานวันยิ่งจะเห็นต่างและเข้าใจผิดหนักยิ่งขึ้น ดังนั้น พวกเขาก็จะหาหนทางขัดขวางและทำลายกระบวนการคนเสื้อแดงทั้งทางตรงและทางอ้อม ประการแรก จะใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ หาทางยุบพรรค ประการต่อมา จะกล่าวหาให้เกิดความเสื่อมเสียในชื่อเสียง ประการสุดท้ายทหารใหญุ่ทั้งหลายจะพากันยึดอำนาจอีก..! ![]() ปรากฏการณ์ของนายทหารใหญ่ ๓ เหล่าทัพไม่ยอมไปในงาน ๕ ยุทธศาสตร์กองทัพไทยในอนาคตในขณะ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปเป็นประธานในพิธีโดยมีนายทหารผู้น้อยร่วมเป็นสักขีพยาน มันเป็นการ “บอกนัยยะ” แห่งการปฏิเสธอำนาจอย่างเปิดเผย ว่ากูไม่ยอมมึง ?! เรื่องกูไม่ยอมมึง เป็นมิติเดิมของพวก “ปฏิกิริยา” ที่เกาะกันเป็นกลุ่มอย่างเหนียวแน่น และพร้อมเสมอที่จะหาเรื่อง ถ้าหาเรื่องเองไม่ได้ก็จะยุให้ข้าราชการเป็นผู้หาเรื่องแทน รวมไปถึงการยุซ้าย-ยุขวาให้เกิดการกระด้างกระเดื่อง และสุดท้ายก็จะมีคนสร้างม็อบออกมาประท้วง การแสดงออกของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เพียงแต่จะเป็นการปฏิเสธการให้ความเคารพเท่านั้น ยังอาจผูกเข้ากระบวน “ปฏิวัติ” ด้วยการขนรถถัง ขนอาวุธออกมายึดอำนาจรัฐบาลพรรคเพื่อไทยดังที่เคยทำเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙...คราวโน้น ถ้าเขากล้าทำ...ประเทศนี้ก็จะมีคนกล้าออกมาต่อต้าน ตรงนี้แหละ...จะเป็นเหตุให้ประเทศไทย “นองเลือด” ยังไงล่ะครับ ?! สอาด จันทร์ดี ๑๒ กันยายน ๒๕๕๔ | |
http://redusala.blogspot.com |
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)