วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

ทหารดี รู้หน้าที่ กำลังปกป้องอธิปไตยชายแดน ไทยเขมร
ทหารเลวตบเท้าปกป้องอำหมาตย์ อยู่ในกรุง รอล้มกระดานการปกครอง


ข่าวทั่วไป 


หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- เสาร์ที่ 23 เมษายน 2554 00:00:33 น.
สุรินทร์ * ทหารไทย-กัมพูชา ปะทะเดือด 5 ชั่วโมง ตลอดแนวปราสาทตาควาย-ตาเมือน ธม ตายเจ็บทั้งสองฝ่าย อพยพประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยกว่า 3 หมื่นคน "กษิต" เรียกทูตเขมรรับหนังสือประท้วงอย่างรุนแรงที่สุดต่อการโจมตี ละเมิดอธิปไตยของไทย ข้องใจเขมรชอบยิงก่อน กองทัพภาคที่ 2 สั่งตรึงกำลังหวั่นถูกโจมตีซ้ำ เขมรใช้นิสัยเดิมร่อนหนังสือถึงยูเอ็นเอสซี-ยูเอ็น อ้างไทยเปิดฉากโจมตีขนานใหญ่ อ้างปราสาททั้งหมดเป็นของ เขมร
เกิดเหตุปะทะด้วยอาวุธสงครามระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาอีกครั้งเมื่อเวลา 05.00 น. วันศุกร์ที่ผ่านมา บริเวณปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ส่งผลให้ทหารทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหนึ่ง

นอกจากนี้ยังพบว่าทหารกัมพูชาได้ยิงกระสุนปืนใหญ่ตกเข้ามาในหมู่บ้านไทยสันติสุข ต.บักได ทำให้บ้านเรือนประชาชนเสียหายในเบื้องต้น 3 หลัง และชาวบ้าน 20 หมู่บ้านใน ต.บักได ต้องเร่งรีบอพยพออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อความปลอดภัย

มีรายงานว่าทหารกัมพูชาที่ปฏิบัติการ ครั้งนี้เป็นกำลังหลักจากกองพลน้อย 42 กอง พลทหารภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา ที่มี พล.ท. เจีย มอน เป็นผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นผู้ที่รับผิดชอบพื้นที่ จ.พระวิหาร และ จ.อุดรมีชัยประเทศกัมพูชา โดยตั้งกำลังห่างจากชาย แดนไทย 6 กม. อยู่บริเวณบ้านกู่ ต.บันเตีย อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา โดยมีอาวุธหนักทั้งปืนใหญ่ รถถัง อาวุธขนาดกลาง มีปืน ค. ปืนอาร์พีจี 7 จำนวนมากกลาง มีปืน ค. ปืนอาร์พีจี 7 จำนวนมาก

สำหรับกองกำลังทหารกัมพูชาแนวชายแดนได้แยกกันอยู่ 2 จุดคือ ปราสาทตาเมือนควาย 1 จุด จำนวน 500 นาย และตาเมือนธม 1 จุด อีก 500 นาย แต่ละจุดมีรถถังจุดละ 5 คัน โดยกองกำลังเขมรที่อยู่ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ได้รับการสนับสนุนกองกำลังทหารบก บันเตียเมียนเจย จำนวน 1 กองพัน โดยมีอาวุธหนักปืนใหญ่ประมาณ 3 กระบอก รถถัง 5 คัน ซึ่งเป็นกองกำลังที่เดินทางมาจากชายแดนเขาพระวิหารเข้ามาสมทบกองพลน้อย 42
ทั้งนี้ ทหารกัมพูชามีฐานที่มั่นจุดยิง ปืนใหญ่อยู่หลังวัดป่าเขาโต๊ะ ใกล้ปราสาท ตาควาย ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 1 กิโลเมตร ทหารกัมพูชาได้ขนอาวุธยุท โธปกรณ์มา 2-3 วันแล้ว ทั้งที่ทหารไทยได้เจรจาให้กัมพูชานำอาวุธปืนใหญ่ออกได้เจรจาให้กัมพูชานำอาวุธปืนใหญ่ออกห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่น้อยกว่า 15 กิโลเมตร ตามสนธิสัญญาเจนีวา แต่ไม่เป็นผลทหารไทยตาย 4 นาย

มีรายงานว่าทหารไทยที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะจำนวน 13 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกสะเก็ดระเบิดส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และโรงพยาบาลพนมดงรักได้ประกาศงดรับผู้ป่วยปกติทั่วไป โดยจะรับรักษาผู้ป่วยจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชาเท่านั้น

และทหารที่เสียชีวิต 4 นาย ประ กอบด้วย 1.จ.ส.อ.วิทยะ สวนชูผล สังกัดกองร้อยทหารพรานจู่โจมที่ 960 ฐานปฏิบัติการปราสาทตาเมือนธม บ้านหนองคันนา ต.เมียง อ.พนมดงรัก เสียชีวิตที่จุดปะทะปราสาทตาเมือนธม 2.จ.ส.อ.บุญรัตน์ สุขจิตร กองร้อยทหารพรานที่ 2606 ชุดสุขจิตร กองร้อยทหารพรานที่ 2606 ชุดเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 26 กรมทหารราบที่ 23 พัน 4 3.พลทหารบุญฤทธิ์ ชางาม กองร้อยทหารพราน 2606  และ 4.ส.อ.ประเวช หาราช กองร้อยทหารพรานที่ 2606 ชุดเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2)
สำหรับศูนย์ผู้อพยพชั่วคราวรองรับประชาชนผู้อพยพหนีภัยการสู้รบ ทางหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้เปิดศูนย์ผู้อพยพชั่วคราวในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จำนวน 3 ศูนย์ ประกอบด้วย โรงเรียนบ้านโคกกลาง, วัดบ้านโนนสมบูรณ์, โรงเรียนบ้านโคกโบสถ์ ต.โคกกลาง อ.พนมดงรัก ในการรองรับประชาชนหมู่บ้านชายแดนเขต ต.ตาเมียง เป็นหลัก

ส่วนประชาชนหมู่บ้านชายแดนในเขต ต.บักได อ.พนมดงรัก และ ต.แนงมุด อ.กาบเชิง ได้อพยพไปยังศูนย์อพยพชั่วคราว ที่นิคมปราสาท อ.ปราสาท พร้อมกันนี้ได้เปิดโรงเรียนปราสาทวิทยา ต.กังแอน และโรงเรียนโสตศึกษา ต.เชื้อเพลิง อ.ปราสาท เป็นศูนย์อพยพชั่วคราวเพิ่มเติม โดยล่าสุดมีประชาชนอพยพเข้าไปอยู่ศูนย์อพยพแห่งละกว่า 5,000 คน รวมกว่า 3 หมื่นคน

การปะทะครั้งนี้ยังกระทบไปถึงอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ที่ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 2,500 คนออกนอกพื้นที่เสี่ยงภัย เนื่องจากพบกระสุนปืนใหญ่ตกเข้ามาในป่ายางพาราใกล้หมู่บ้าน 3 ลูก
พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว โฆษกกองทัพภาคที่ 2 เผยว่า การปะทะสืบเนื่องจากทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทยพร้อมกับใช้อาวุธยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ทหารของไทยขณะที่ลาดตระเวนอยู่ในฐานที่มั่นฝั่งไทย ทำให้ต้องมีการผลักดันทหารกัมพูชาออกไปนอกดินแดน แต่ทางกัมพูชากลับมีการใช้อาวุธเบาและอาวุธหนัก อาทิ ปืนไร้แรงสะท้อนย้อนหลัง หรือ ปรส. ปืน ค. ปืนใหญ่ ยิงเข้ามาในเขตไทย ทำให้ทหารไทยต้องยิงตอบโต้นาน 5 ชม. จนกระทั่ง เวลา 10.20 น. เสียงปืนได้สงบลง เนื่องจากทางผู้ใหญ่ของทั้ง 2 ประเทศได้มีการประสานงานให้มีการหยุดยิง งานให้มีการหยุดยิง สั่งตรึงกำลังต่อ

"ที่ผ่านมาความสัมพันธ์บริเวณชาย แดนไทย-กัมพูชา ทางด้าน จ.สุรินทร์ ไม่เคยมีความรุนแรง และเมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมาชาวกัมพูชาเองก็เข้ามาเล่นสงกรานต์กันตามแนวชายแดนตามประเพณีวัฒนธรรมทั้ง 2 ชาติ ซึ่งถือว่าสถานการณ์เป็นไปอย่างปกติ แต่เมื่อมีทหารรุกล้ำดินแดนเข้ามาในอธิปไตย และใช้อาวุธยิงโจมตีก่อนก็ต้องมีการตอบโต้กลับตามขอบเขตแนวปฏิบัติ"

พ.อ.ประวิทย์บอกว่า ถึงเสียงปืนจะสงบลง แต่ในทางปฏิบัติก็ยังถือว่าไว้วางใจไม่ได้ เนื่องจากเกรงว่าจะเหมือนกับเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่มีการปะทะกันที่ภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่มีการเจรจาหยุดยิงในตอนเช้า แต่ตอนเย็นกัมพูชาก็ยิงปืนใหญ่เข้าใส่ ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดแนวชายแดน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชา การทหารบก ให้สัมภาษณ์ว่า มีการตรวจพบการเคลื่อนไหวของกองกำลังทางด้านตะวันออกของปราสาทตาควาย  เราเลยได้จัดกำลังออกไป พยายามเจรจาให้เขาถอนกำลังออก ฝ่ายโน้นมีอาวุธขึ้นมาด้วย และได้ใช้อาวุธกับเราก่อน เราจึงได้โต้ตอบ ตนได้รับรายงานจึงเตือนให้ใช้อาวุธเท่าที่จำเป็น ให้ระมัดระวังป้องกันไม่ให้เหตุ การณ์บานปลายออกไป อันเป็นสาเหตุของความขัดแย้งอีกครั้งหนึ่ง ฝ่ายทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธขนาดหนักมากขึ้น เริ่มตั้งแต่ ค.120 ขึ้นมาไปจนถึงปืนใหญ่ จรวด มาตามลำดับ เราได้ตอบโต้ตามสมควร

ผบ.ทบ.บอกว่า สองฝ่ายพยายามพูดคุยกันให้อยู่ในจุดที่ตรวจการได้ และจะไม่เข้าไปในปราสาทตาควาย ต่างฝ่ายต้องอยู่ห่างกัน 100 เมตร เนื่องจากยังเป็นพื้นที่มีปัญหา แต่รายละเอียดเป็นอย่างไรต้องสอบสวนอีกครั้ง ขอยืนยันกองทัพบกไทยไม่ต้องการให้เกิดการปะทะเกิดขึ้น เพราะมองไม่เห็นผลดี มีแต่ทำให้การเจรจาทั้งสองฝ่ายซึ่งนับวันจะดีขึ้น ยากขึ้นไปเรื่อยๆ ต้องฝ่ายซึ่งนับวันจะดีขึ้น ยากขึ้นไปเรื่อยๆ ต้องพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดขึ้น เราอยากเจรจาทวิภาคีสองประเทศมากกว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาพที่ 2 มีคำสั่งทางวิทยุสื่อสารให้ทหารชุดกองร้อยลาดตระเวนไกล กองกำลังสุรนารี ที่ประจำจุดผ่านแดนช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ติดชุมชนโอร์เสม็ด จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ให้ปิดประตูผ่านแดน โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ตม.ศุลกากร ให้ประสานไปยังนักท่องเที่ยวและนักพนันที่อยู่ภายในกาสิโน 2 แห่งของกัมพูชา เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเร่งด่วน ซึ่งนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางออกจนหมด

ส่วนที่ตลาดชายแดนไทย บ้านด่าน ต.ด่าน ที่อยู่ห่างจุดผ่านแดนประมาณ 2 กิโลเมตร พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาเร่งปิดร้านที่มีกว่า 500 ร้าน แล้วเดินทางออกจากตลาดเข้ากัมพูชา เหลือเพียงร้านค้าของชาวไทยประมาณ 40 ร้านที่ยังคงเปิดอยู่ แต่ไม่มีลูกค้าหรือนักท่องเที่ยว ทำให้บรรยากาศทั้งตลาดเงียบเหงาลงทันที ซึ่งตลาดแห่งนี้เปิดขายได้ 1 เดือน หลังจากปิดตัวลงจากเหตุปะทะครั้งที่แล้ว'มาร์ค' เร่งเขมรคุยอาร์บีซี-จีบีซี

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีการประสานงานและเร่งให้สถานการณ์คลี่คลาย พร้อมๆ กันนั้นเราได้บอกกับทางกัมพูชาว่าควรจะได้มีการจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) กับคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ที่กรุงเทพฯ หรือกรุงพนมเปญโดยเร็ว เพราะจริงๆ แล้วปัญหาที่เกิดขั้น เป็นเรื่องของการบริหารจัดการในเรื่องของการวางกำลังไม่ให้กำลังมีการเคลื่อนไหวในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ทางนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ได้ไปดูในเรื่องของการอพยพประชาชน ที่ผ่านมาก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมน ตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า จากการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีมีว่า จากการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีมีการพูดคุยกันว่าส่วนมากเมื่อเกิดเหตุอย่างนี้ ประเทศไทยมักจะเป็นฝ่ายป้องกันตัวเองโดยไม่ไปรุกล้ำหรือก่อเหตุก่อน

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่าจะทำหนังสือประท้วงต่อรัฐบาลกัมพูชาทันที และภายในวันนี้ (ศุกร์) ได้เรียกนางยู ออย เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย มารับหนังสือประท้วง

เขาบอกว่า ช่วงเช้ารัฐมนตรีต่างประ เทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้โทรศัพท์มาสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจุดที่เกิดเหตุ ซึ่งก็ได้ชี้แจงไปว่า การปะทะห่างไกลจากเขาพระวิหารถึง 190 กิโล เมตร และฝ่ายทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน รวมทั้งได้ยืนยันว่าปัญหาดังกล่าวสามารถเจรจาในระดับทวิภาคีได้ ซึ่งมีกลไกที่พร้อมเจรจาอยู่แล้ว และฝ่ายไทยก็มีความต้องการที่จะดำเนินการตามกลไกที่มีอยู่

"ดังนั้นหากจะถามว่าจะยุติการยิงได้หรือไม่นั้น ต้องถามฝ่ายกัมพูชา เพราะเป็นฝ่ายยิงก่อนทุกครั้ง และที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศยื่นหนังสือประท้วงมาโดยตลอด" นายกษิตกล่าว
ต่อมานางยู ออย เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ได้เดินทางมา รับหนังสือประท้วงจากนายธีรกุล นิยม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ โดยกระ ทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงข้อเท็จจริงใน 4 ประเด็น โดยระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย อย่างไรก็ดี ฝ่ายกัมพูชาตอบโต้ด้วยการเปิดฉากยิงใส่ชุดลาดตระเวนของฝ่ายไทย โดยปราศจากการยั่วยุใดๆ จากฝ่ายไทยประท้วงอย่างรุนแรงที่สุด

"ขอประท้วงอย่างรุนแรงที่สุดต่อการเปิดฉากโจมตีของฝ่ายกัมพูชา ต่อกองทัพไทยและพลเรือน โดยการสร้างบังเกอร์ดังกล่าวถือเป็นการละเมิดกฎหมายสากล กฎบัตรแห่งสหประชาชาติ รวมทั้งบันทึกความเข้า ใจ (เอ็มโอยู) ปี 2543 ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดน โดยการตอบโต้ของฝ่ายไทยถือเป็นการใช้สิทธิ์การป้องกันตัวตามความจำเป็นอย่างสมน้ำสมเนื้อ โดยโจมตีต่อเป้าหมายในทางการทหารกัมพูชา ในบริเวณที่กัมพูชาเปิดฉากโจมตีมาเท่านั้น" กระทรวงการต่างประเทศของไทยระบุ

ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาเคลื่อนไหวฟ้องอาเซียนทันที เว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาได้เผยแพร่หนังสือของรัฐมนตรีต่างประเทศ นายฮอร์ นัมฮง ที่ได้ส่งถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสห ประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) และอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน กล่าวหาว่าไทยได้เปิดฉาก "การโจมตีอย่างขนานใหญ่"
หนังสือของนายฮอร์ นัมฮง ซึ่งมีถึงสหประชาชาติกล่าวว่า การที่ประ เทศไทยไม่ยอมรับการไกล่เกลี่ยของฝ่ายที่สามถือเป็น "ข้ออ้างที่จะใช้กำลังทหารที่ใหญ่โตกว่าและมีอาวุธเหนือกว่าต่อกัมพูชา" นอกจากนี้ เขากล่าวในหนังสือซึ่งมีถึงประธานยูเอ็นเอสซีด้วยว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับผู้สังเกตการณ์ชาวอินโดนีเซีย เพื่อให้สามารถเปิดฉาก "รุกรานโดยเจตนา" ได้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระ ทรวงกลาโหมของกัมพูชาได้แถลงเมื่อวันศุกร์อ้าวว่า ทหารไทยได้รุกล้ำเข้าไปในเขต แดนของกัมพูชา และเปิดฉากโจมตีที่ตั้งของทหารกัมพูชาในบริเวณปราสาทตาควาย ทหารไทยได้ใช้อาวุธหนัก เช่น ปืนครกแบบดีเค ขนาด 75 มม. และ 82 มม. และปืนใหญ่ขนาด 105 มม. และ 155 มม.ยิงลึกเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชาถึง 21 กม. ซึ่งเป็นที่ตั้งหมู่บ้าน

ขณะที่พลโทชุม โสชิต โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทหารไทยได้ยิงปืนใหญ่สร้างความเสียหายแก่ตัวปราสาท และลูกกระสุนปืนใหญ่ได้ถล่มใส่หมู่บ้าน 4 แห่งของกัมพูชา การปะทะกินเวลา 3 ชั่วโมง


ส่วนนายพาย สีพัน โฆษกสภารัฐมนตรี กล่าวว่า ทหารกัมพูชายืนยันจะปกป้องดินแดนจากการรุกรานของไทย และว่า ชาวกัมพูชาหลายพันคนได้อพยพไปยังที่ปลอดภัยแล้ว "ปราสาทโบราณของเราได้รับความเสียหาย การโจมตีของไทยเป็นการกระทำที่ไม่อาจยอมรับได้"

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทหารกัมพูชาเสียชีวิตในการปะทะที่บริเวณปรา สาทตาควายและปราสาทตาเมือน จำนวน 3 นาย และบาดเจ็บ 6 นาย

ขณะที่อินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน เรียกร้องให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ "อินโดนีเซียขอเรียกร้องอย่างแข็งขันให้ยุติการกระทำในทางปรปักษ์ระ หว่างกัมพูชากับประเทศไทยโดยทันที เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายแก้ไขข้อขัดแย้งด้วยวิถีทางสันติ".
http://redusala.blogspot.com
ทหารดีอยู่แนวหน้า ทะเหี้ยขี้ข้าอยู่ในเมือง...


"ทหารดีอยู่แนวหน้า พวกทะเหี้ยขี้ข้าอยู่ในเมือง"...
ตามนั้นครับ เห็นแล้วเจ็บใจ 
ทหารลูกหลานไพร่ที่อยู่ตามชายแดนต้องบาดเจ็บล้มตาย...
ล่าสุดตาย 4 บาดเจ็บ 13... 

บางทีไม่แน่เหมือนกันอาจจะเยอะกว่านี้เพราะสันดานพวกนี้มันชอบปิดข่าว...
มีทหารเพียงไม่กี่หน่วยที่มันเลว เก่งแต่ทำร้ายเข่นฆ่าประชาชน...                             
แต่ประชาชนที่โดนกระทำเสียความรู้สึกไปแล้ว ก็เลยเหมารวมเกลียดมันทุกคนที่เป็นทหาร...
ทั้งๆที่ทหารที่เขาอยู่ตามชายแดนเขาเป็นทหารอาชีพปกป้องประเทศชาติ...
เขาอาจจะไม่รู้ที่ทหารบางหน่วยทำเลวระยำกับประชาชนไว้...

แต่ทหารเหล่านั้นก็ต้องซวยถูกประชาชนสาบแช่ง บาดเจ็บล้มตายก็ไม่สงสาร...
จะโทษประชาชนไม่ได้เด็ดขาด ที่มีความรู้สึกแบบนี้...


ถ้าหากจะหาคนผิดคนรับผิดชอบ ต้องพวกนี้เลยทะเหี้ยเลวๆ ที่ตบเท้าพรึบพรับตากฝนโชว์...
.ตากฝน...โชว์เพาว์ ...กับประชาชน...ตบท้าว แสดงพลัง ...

[Image: 554000005132102.JPEG][Image: P5-KrasaeKhaoKrasaeKhon-01.jpg]

ไอ้ทะเหี้ยพวกนี้ เก่งแต่กับประชาชนมือเปล่า มุดหัวอยู่แต่ในเมือง...

พอเกิดสงคราม สันดานเลวหุบปากหายหัวไปหมด...

พวกนี้แหละคือต้นเหตุที่ทำให้ประชาชนเกลียดทหาร...

เหตุการณ์แบบนี้ พวกมึงต้องรับผิดชอบ ไอ้ทะเหี้ย วง เท วัน ไอ้หมาบูรพา...AngryAngry

http://redusala.blogspot.com
ประเทศไทยโชคดี ทีมีควายคอยบงการ สั่งนั่น สั่งนี่

<<<<  ประเทศไทยโชคดี ที่มีนายกรัฐมนตรี ชื่ออภิสิทธิ์ ข้อความนี้ อีตาคนนี้ เป็นคนพูด

<< สองสามปีผ่านมา พวกเราได้ได้นายกรัฐมนตรีที่มีมาร์คหัวถุงยาง แห่งพรรคแมลงสาบ หน้าหม้อ(ข่าวว่าเอาหม้อไปแจก) เป็นนายก
<<<< ประเทศไทยโชคดี
ที่มีไอ้เหล่ เป็น ผบทบ แห่งกองทัพไทย

และประเทศไทยโชคดี ที่มีทะเหี้ย ทนแดดทนฝน



แต่ประเทศไทยโชคดีที่สุดคือ
มีลุงสั่งฆ่า มีป้าสั่งยิง ประชาชนสองมือเปล่า ตายกลางถนน
ประเทศไทยโชคดี 

แต่ทำไม ประชาชน ถึงต้องนับวันรอ ให้โชคดีหมดไปจากประเทศไทยเสียที
รักแดงนะ จุ๊บๆ 
http://redusala.blogspot.com