"นายกฯยิ่งลักษณ์" เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน | |
http://www.go6tv.com/2011/09/blog-post_6709.html?spref=twYingluck is scheduled to visit Brunei today. The Thai Government House official said that the Thai premier's visit was meant to be brief "as possible so that she could just introduce herself, and not to tackle any matters of import", the Thailand daily reported on Thursday. Brunei's Information Department yesterday requested local media here to register the names of those who will cover Yingluck's arrival, scheduled at 7pm, at the Brunei International Airport in Berakas. Media coverage was also requested for an audience with His Majesty as well as a Santap Malam (dinner banquet) held for the visiting prime minister at the Istana Nurul Iman. Yingluckwas also scheduled to depart from Brunei later this evening, but no time was specified. "Yingluck will spend only a few hours on Saturday in Bandar Seri Begawan to have dinner with the Sultan of Brunei, Hassanal Bolkiah, and to introduce herself as the new PM," The Nation said. The paper added that the Thai Foreign Ministry has prepared "some points forYingluck to raise in her meeting with Brunei leaders", which were focused on fostering closer bilateral diplomatic relations. "The most important message to be imparted during the short visit is to express gratitude to Brunei for supporting Thailand in international forums, notably in international Islamic organisations, the official said." Regional cooperation as Asean member states will also be discussed during the Thailand-Brunei meeting. Previously, Thailand's Ambassador-designate to Brunei Darussalam ApichartPhetcharatana said Yingluckwill be accompanied by a high-level delegation that would include Foreign Minister SurapongTovichakchaik. "The prime minister will be here, where discussions will be held on trade and investments of mutual interest, bilateral relations and cooperation as Aseanmember countries," Apichart said. Brunei will be the first of the Asean member states to receive the new premier. The Nation said that this was because the Sultanate was the first of the countries to respond and say that they were ready to host a visit by the Thai leader. "We contacted many countries in Asean about the prime minister making her first visit, but only Brunei replied quickly to confirm that its leaders were free to welcome Prime Minister Yingluck after the fasting month of Ramadhan," the Government House official was quoted as saying. After visiting Brunei, Yingluck is scheduled to go to Indonesia for a similar introductory visit on Monday and to Cambodia on September 15. Her official visits to the Asean nations were meant to be in alphabetical order but the schedules of Yingluck's counterparts in some of the countries did not make this possible. Brunei hosted a similar one-day official visit by Yingluck's predecessor AbhisitVejjajiva in March last year. The Brunei Times | |
http://redusala.blogspot.com |
ดาวน์โหลดคลิ๊ปคนเสื้อแดง
วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554
ล่อซื้อหลอกจับจับเงียบพี่ชายดา ตอร์ปิโด |
ผู้หญิงยิงฮ.-เปิดใจในรายการประชาชนสนทนา หลังถูกขังคุกมา1ปี4เดือนด้วยคดีโลกตะลึงตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ความอยุติธรรมสำหรับคนเสื้อแดงยังดำรงอยู่ ช่วงเดียวกันนี้โดนจับขังคุกคดี112อีก2รายรวมทั้งพี่ชายดา ตอร์ปิโด (ภาพบน)ที่ถูกจับกุมแบบเงียบเชียบ ด้วยข้อหาที่ยังคลุมเครือ
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
9 กันยายน 2554
(อัพเดตเพิ่มเติม 9 กันยายน) นายประเวศ ประภานุกูล ทนายความของนางสาวดารณี ชาญเชิงศิลปกุล (ดา ตอร์ปิโด)เปิดเผยถึงกรณีพี่ชายของดา ตอร์ปิโด นายกิตติชัย ชาญเชิงศิลปกุลถูกจับกุมผ่านทางเฟซบุ๊ค ว่า เมื่อเช้าไปเยี่ยมดา พร้อมกับอ.สุธาชัย การไปวันนี้เป็นการปรึกษาเรื่องแนวทางสู้คดี
คดีของดา ตอร์ปิโด ศาลอาญานัดพร้อมเพื่อฟังผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 17 ตุลาคม 2554 เวลา 9.00 น.
จากนั้นไปเยี่ยมคุณสมยศ พฤษาเกษมสุข กับคุณกิตติชัย (พี่ชายดา) ในส่วนคดีคุณสมยศ ศาลอาญานัดพร้อม(นัดแรก)วันที่ 12 กันยายน 2554 เวลา 13.30 น. วันจันทร์ที่จะถึงนี้แล้ว
สำหรับคุณกิตติชัย ชาญเชิงศิลปกุล พี่ชายของดารณี หรือดา ตอร์ปิโด เขาถูกจับเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2554 โดยก่อนโดนจับได้มีโทรศัพท์ไปถึงคุณกิตติชัย เป็นเสียงผู้หญิง บอกว่าอยากไปเยี่ยมดา นอกจากรู้เบอร์โทร.คุณกิตติชัยแล้ว ยังทราบถึงขนาดว่า คุณกิตติชัย ไปเยี่ยมดาทุกวันพุธ ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะข้อมูลพวกนี้หาได้ในอินเตอร์เนท ในเฟสบุ๊คผมก็เคยเขียนถึง
แต่เขาต้องการจะจับคุณกิตติชัย ในวันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม จำนวนคนที่จะเข้าเยี่ยมจึงต้องล่อใจพอที่จะให้คุณกิตติชัย เดินทางขึ้นมาจากภูเก็ต มาให้จับที่กรุงเทพฯ คนที่จะขอเข้าเยี่ยมดาพร้อมกับคุณกิตติชัย จึงเป็นสาวโรงงานย่านนนทบุรี จำนวน 4 คน จำนวนสูงสุดที่จะเข้าเยี่ยมได้เมื่อรวมกับคุณกิตติชัยเป็น 5 คน
แต่จะด้วยเหตุผลใดไม่ทราบชัด หรือจะเป็นความขี้เกียจ จุดนัดหมายให้คุณกิตติชัยเดินทางมาให้จับ จึงเป็นห้าแยกปากเกร็ด แทนที่จะเป็นทัณฑสถานหญิงกลาง เหตุผลที่อ้างกับคุณกิตติชัย คือ สาวโรงงานทั้ง 4 คน ไม่รู้จักทัณฑสถานหญิงกลาง แต่คุณกิตติชัยเองก็ไม่ชำนาญทางย่านห้าแยกปากเกร็ด เลยโทร.นัดไปคอยอยู่ที่หน้าร้าน KFC ภายในห้างโลตัสปากเกร็ด
สุดท้ายคุณกิตติชัย ก็โดนจับที่หน้าร้าย KFC ภายในห้างโลตัสปากเกร็ด เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2554 เวลา 10.00 น. โดยไม่ได้พบเจอคนที่โทร.นัดขอร่วมเข้าเยี่ยม ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล เลย
หลังจับกุมคุณกิตติชัยแล้ว เจ้าหน้าที่ได้โทร.ประสานงานกับอัยการ และได้นำตัวคุณกิตติชัย ไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ในช่วงบ่ายของวันที่ 29 สิงหาคมเลยทันที โดยศาลอาญาได้รับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.3505/2554 และได้นัดพร้อมในวันที่ 17 ตุลาคม 2554 เวลา 13.30 น. วันเดียวกับการนัดพร้อมในคดีของดา เพียงแต่คนละเวลา
ข้อหาที่ออกหมายจับคุณกิตติชัย เป็นเรื่องส่วนตัวเขาตั้งแต่เมื่อปี 2542 ไม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้ และไม่ใช่ข้อหา 112
แต่ที่น่าสนใจกว่าคือ ทำไมถึงได้มาจับตัวคุณกิตติชัย ในช่วงนี้ ดูจากพฤติกรรมการโทร.หลอกให้คุณกิตติชัย เดินทางขึ้นมาจากภูเก็ต มาให้จับเองถึงในกรุงเทพฯ(อันนี้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปเยอะ เพราะถ้าเดินทางไปจับที่ภูเก็ต ก็ต้องนำตัวคุณกิตติชัย เดินทางมากรุงเทพฯ แต่วิธีการนี้ คุณกิตติชัย ออกค่ารถเอง) และก่อนการจับคุณกิตติชัย ก็ต้องประสานงานกับพนักงานอัยการไว้ก่อนแล้ว เพราะหมายจับของคดีเมื่อ 12 ปีก่อน คงไม่มีอัยการคนไหนจำเรื่องได้แน่ เผลอๆอาจไม่มีเจ้าของสำนวนอยู่ด้วยซ้ำ เมื่อปัดฝุ่นหยิบคดีขึ้นมาดูใหม่ อธิบดีอัยการค่อยจ่ายสำนวน การร่างฟ้องและยื่นฟ้องคดีในวันเดียวกันจึงเป็นไปไม่ได้ เจ้าหน้าที่ผู้จับกุมจึงต้องติดต่อประสานงานอัยการไว้ล่วงหน้า และพนักงานอัยการคงร่างฟ้องไว้ก่อนแล้ว ถึงเวลาก็ปริ้นท์จากคอมพ์ แล้วก็นำมายื่นที่ศาล
ดาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก มีเพียงคุณกิตติชัย ชาญเชิงศิลปกุล พี่ชายคนเดียว ชีวิตในเรือนจำของดา ก็อาศัยพี่ชาย ดูแลซื้อของจำเป็นและฝากเงินที่มีคนบริจาคให้เข้าบัญชีในเรือนจำ เพื่อให้ดาใช้จ่ายในนั้น การจับคุณกิตติชัย จึงส่งผลสะเทือนถึงดา ทั้งยังเป็นการดิสเครดิตคุณกิตติชัย เพราะที่ผ่านมา เมื่อสื่อต่างประเทศทำสกู๊ปเรื่องของดา คนหนึ่งที่พวกเขาต้องไปหาคือ พี่ชายดา เพราะเรือนจำไม่ให้นักข่าวเข้าเยี่ยม โดยเฉพาะนักข่าวต่างประเทศ จึงได้กลายเป็นกฎเกณฑ์ว่า คนต่างชาติห้ามเข้าเยี่ยม การจับพี่ชายดา ดำเนินคดีอาญา จึงเป็นอะไรอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากต้องการ ลดความน่าเชื่อถือของพี่ชายดา ในสื่อต่างประเทศ
เป็นแผนการยิงปืนนัดเดียว แต่หวังผล 2 ต่อ แถมการใช้โทรศัพท์หลอกล่อให้คุณกิตติชัย ชาญเชิงศิลปกุล เดินทางจากภูเก็ต ขึ้นมาให้จับถึงในกรุงเทพฯ เอง ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายของคนจับอีกด้วย คุณกิตติชัย ออกเงินค่ารถทัวร์ เดินทางจากภูเก็ตมาส่งตัวเองเข้าคุกในกรุงเทพ
สุดท้ายเรื่องการประกันตัว ในเมื่อไม่ใช่ข้อหา 112 อีกทั้งอัยการไม่ค้านการขอประกันตัว คาดว่าศาลน่าจะให้ประกัน ไว้รอวันจันทร์ผมจะไปเช็คข้อมูลเรื่องจำนวนเงินที่จะใช้ยื่นขอประกันตัว แล้วค่อยติดต่อคนที่อยากช่วยเหลือในด้านนี้ครับ
จับเงียบพี่ชายดา สมยศที่อยู่ในคุกเป็นคนแจ้งข่าว
ก่อนหน้านี้นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องขังคดี 112 แจ้งกับผู้เข้าไปเยี่ยมเขาในเรือนจำว่า นายกิตติชัย ชาญเชิงศิลปกุล พี่ชายที่คอยดูแลน้องสาว"ดา ตอร์ปิโด"ถูกจับเงียบๆเมื่อสัปดาห์ก่อน และถูกนำมาขังอยู่แดนเดียวกับเขา โดยตกอยู่ในสภาพยากลำบาก ไม่มีทั้งข้าวของเครื่องใช้ เนื่องจากถูกจับอย่างกะทันหัน ครอบครัวที่อยู่ จ.ภูเก็ตก็ยังไม่ทราบข่าว
นายกิตติชัยเป็นคนที่คอยดูแลน้องสาวของเขาตลอดช่วงเวลาที่ถูกจำคุก 3 ปีที่ผ่านมา โดยเดินทางด้วยรถบัสโดยสารมมาจากบ้านที่ภูเก็ตแล้วเข้าเยี่ยม แล้วนั่งรถบัสกลับแบบนี้ทุกสัปดาห์
ล่าสุดนายกิตติชัยนั่งรถทัวร์จากภูเก็ตเดินทางมากรุงเทพฯเพื่อเยี่ยมน้องสาวตามปกติ พอวันรุ่งขึ้น ก็มีรายงานข่าวจากนายสมยศว่าโดนนำตัวเข้าเรือนจำแล้ว
ขณะที่ประชาไท รายงานว่า จากการตรวจสอบ แหล่งข่าวซึ่งเข้าเยี่ยมนายกิตติชัย ระบุว่า นายกิตติชัย ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพ แดน 1 โดยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายจับกุมบริเวณห้าแยกปากเกร็ด ด้วยความผิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ตามมาตรา 147 และ 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ระบุว่า "ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท"
ขณะที่มาตรา 157 ระบุว่า "ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือ ทั้งจำทั้งปรับ"
เผยเหตุการณ์ก่อนโดนจับสงสัยโดนล่อซื้อ
ผู้ที่สนับสนุนดา ตอร์ปิโดด้วยมนุษยธรรมรายหนึ่ง เปิดเผยว่า "
ได้โทรศัพท์ไปถึงคุณกิตติชัย ซึ่งคุณกิตติชัย เล่าให้ฟังว่าขณะนั้น เขากำลังนั่งอยู่บนรถทัวร์เดินทางจากภูเก็ตขึ้นกรุงเทพฯ เช้าวันรุ่งขึ้นก็จะไปเยี่ยมคุณดา พร้อมเล่าให้ฟังว่า มีคนโทรศัพท์ถึงเขานัดหมายพบกันที่ย่านแจ้งวัฒนะ ตอน 10 โมงเช้า โดยพวกเขาแจ้งว่าขอไปเยี่ยมคุณดาด้วย
ฟังแล้วได้แต่แปลกใจว่าทำไมไม่นัดเจอกันที่เรือนจำ ทั้งที่ย่านแจ้งวัฒนะ กับเรือนจำกรุงเทพฯ ก็อยู่ไม่ไกลกัน คนอยู่กรุงเทพฯ รู้จักดี แม้ขณะนี้ ยังไม่รู้รายละเอียดการจับกุมคุณกิตติชัย ก็ได้แต่คาดเดาว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นแผนของเจ้าหน้าที่ ...DSI ก็อยู่ย่านแจ้งวัฒนะ !!!"
พร้อมกับกล่าวว่าน่าสลดใจกับชะตากรรมพี่น้องคู่นี้ เพราะที่ผ่านมาดา ตอร์ปิโดถูกคุมขัง 3 ปีก็ได้พี่ชายคนนี้เพียงคนเดียวดูแล เพราะดามีปัญหาสุขภาพด้วย เนื่องจากกินไม่ได้เพราะฟันกรามค้าง แต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไม่ยอมให้ส่งออกไปผ่าตัดข้างนอก และพี่ชายของดาเป็นคนรับเรื่องรับบริจาคเงินและข้าวของบริจาคจากโลกภายนอกที่เห็นแก่มนุษยธรรมไปช่วยดา ตอร์ปิโด แต่พอโดนทั้งคู่แบบนี้จะทำอย่างไรต่อไปดี
ขณะเดียวกันดา ตอร์โดก็เพิ่งรับทราบข่าวพี่ชายโดนจับกุมตัวเมื่อวานนี้ ระหว่างที่มีคนไปเยี่ยมเธอในเรือนจำ
ญาติของนายสุรชัย แซ่ด่าน ได้ยืนยันข่าวนี้ด้วยว่า พี่ชายดา ตอร์ปิโด ถูกจับขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพ แดน 1 (แดนเดียวกับคุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข)และเนื่องจากเป็นการจับกุมที่เงียบเชียบทำให้ไม่ทราบว่าโดนคดีอะไร
ซึ่งหากเป็นคดี112ก็จะนับเป็นรายที่ 2 นับตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้ามาบริหารประเทศ รายแรกคือผู้เล่นเฟซบุ๊ค ซึ่งโดนจับกุมในวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา
นายประเวศ ประภานุกูล ทนายความของดา ตอร์ปิโด กล่าวว่า เขายังไม่รู้ชัดเจนว่านายกิตติชัยโดนควบคุมตัวด้วยข้อหาใด ในช่วงหลายวันมานี้พยายามติดต่อทางโทรศัพท์ไม่สำเร็จ แต่ก็อาจเป็นไปได้ที่ว่าอาจถูก"ล่อซื้อ"ก็ได้ เพราะเขาเป็นคนที่อาจจะไม่รอบคอบนัก มีใครติดต่อมาบอกว่าเห็นอกเห็นใจอยากช่วยเหลืออยากบริจาคช่วยดาก็ยินดีติดต่อหมด ดังนั้นที่มีรายงานว่ามีคนติดต่อให้ไปพบย่านแจ้งวัฒนะในวันที่ 2 แล้วโดนควบคุมตัวก็อาจจะเป็นไปได้
ท่านสามารถยื่นมือช่วยด้านมนุษยธรรมแก่พี่น้องคู่นี้ผ่านทนายประเวศ
ผู้สนับสนุนพี่น้องคู่นี้ได้แจ้งขอความช่วยเหลือด่วนจากผู้ที่สะดวก พอมีเวลา และกำลังทรัพย์ ช่วยซื้อข้าว-ของใช้ที่จำเป็น ไปฝากดา ตอปิโดและพี่ชายด้วย
"ตอนนี้ยาแก้อาการเกร็งของพี่ดากำลังจะหมดแล้ว ไม่มีใครซื้อไปให้ มีเพียงพี่ชาย คือคุณกิตติชัย ผู้เดียวที่ต้องเดินทางจากภูเก็ต สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เข้ามาจัดหาซื้อสิ่งของและยาให้ บัดนี้พี่ชายของดาถูกจับ สิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละสัปดาห์ ต้องขาดลง สุดจะบรรยายความรู้สึกได้
ขอความช่วยเหลือด่วน..!! รายละเอียด การไปเยี่ยมสิ่งของนำฝากและยา ติดต่อได้ที่ทนายประเวศโทร 083 025 1167 หากแกนนำนปช.จะพิจารณาเยียวยาด้านมนุษยธรรมด้วยก็ดีมาก"
มีผู้ให้ข้อมูลเรื่องบริจาคช่วยกรณีนี้ในเว็บบอร์ดInternet Freedom ว่า คนที่เอาเบอร์โทรทนายประเวศส่งไปลงในไทยอีนิวส์ ไม่ได้บอกล่วงหน้า เลยทำให้งงเมื่อคนติดต่อบริจาค แต่ได้มีการแจ้งมาในภายหลังแล้ว ดิฉันโทรคุยกับแก แกก็บอกไม่อยากรับเงิน แต่มีคนให้มาก่อนดิฉันแล้ว 2,000 บาท แกก็จะเอาไปเข้าบัญชีให้คุณดาไว้ใช้จ่ายในเรือนจำ (คงติดอีกนาน) และจะส่งใบเสร็จมาให้ แกบอกว่าเรื่องนี้ต้อง Clean and Clear ตลอดเวลาคุณดามีพี่ชายดูแลอยู่ ขึ้นมาจากภูเก็ตอาทิตย์ละครั้ง ตอนนี้ไม่มีก็คงลำบากพอดู ใครมีจิตศรัทธาก็เข้าบัญชี
ประเวศ ประภานุกูล
ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนรามอินทรา
เลขที่บัญชี 088-2949303
เสร็จแล้วโทรบอกชื่อผู้ให้ด้วยที่โทร 083 025 1167 ทนายประเวศจะได้ส่งใบเสร็จรับเงินไปให้
ทางด้านบก.ลายจุดรายงานทางเฟสบุ๊คว่า-ประธานกรรมการสิทธิฯเนปาลเข้าเยี่ยมสมยศ พฤกษาเกษมสุข วันนี้ แล้วประธานกรรมการสิทธิ์ฯ ไทยล่ะ คิดจะไปมั้ย ?
น.ส.บินดา ภันเด (Binda Pandey) ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งรัฐสภาของประเทศเนปาล (Chairperson of Fundamental Rights and Directive Principle Committee of Constituent Assembly of Nepal) และสมาชิกของคณะประศาสน์การขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ได้ประสานงานมายังกลุ่มคนงานเพื่อประชาธิปไตย แจ้งความจำนงในการเดินทางมายังประเทศไทย และขอเข้าเยี่ยมคุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข โดยมีกำหนดเข้าเยี่ยมนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ออฟทักษิณ ในวันที่ 15 ก.ย. 54 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
http://redusala.blogspot.com |
Open letter on human rights | |
Open letter on human rightsPrime Minister Yingluck Shinawatra is getting plenty of advice on human rights of late. Following the letter by 112 international scholars on lese majeste and computer crimes, she has now received one from the International Federation for Human Rights and Union for Civil Liberty on a range of human rights issues. This letter covers restrictions on freedom of expression and the media, the death penalty, special security laws (including Martial Law, the Emergency Decree, and the Internal Security Act), impunity of government officials and members of state security forces and unequal access to the justice system, refugees and asylum, and co-operation with and commitment to U.N. human rights mechanisms. As the letter notes, none of these are particularly new issues for Thailand, but the authors urge Yingluck “to make effective protection and promotion of human rights a top priority in your administration.” Da Torpedo’s brother arrestedPPT has heard that the brother of Darunee Charnchoensilpakul (Da Torpedo) has been arrested. We have only seen one report of this so far, at Thai e-News. It is not entirely clear why he has been arrested although the charges are said to relate to alleged corruption several years ago. More as we learn of it. | |
http://redusala.blogspot.com |
Wikileaks: Privy councilor on Thaksin and the prince | |
Wikileaks: Privy councilor on Thaksin and the princeIn a Wikileaks cable dated 20 March 2006, there is more evidence of palace unhappiness with Prime Minister Thaksin Shinawatra – or at least of a privy councilor conveying this to the U.S. Embassy. Under the sub-heading “MORE PALACE GRUMBLING,” Privy Councilor General Pichitr Kullavanijaya is quoted by Ambassador Ralph Boyce. Boyce had Pichitr and his wife over to his place for dinner. Let Boyce speak: In a dinner over the weekend, the Ambassador discussed the current turmoil with Privy Councillor and West Point grad GEN Pichit Kullavanijaya and his well-connected wife. That both were quite vocal in their criticism of Thaksin was not surprising; the vehemence of their comments was unexpected, however. Pichit’s wife alleged that the King is thoroughly displeased because Thaksin’s efforts over time to curry favor with the controversial Crown Prince [Vajiralongkorn] have “divided” the Royal Household. Indeed, such anti-Thaksin comments would not be unexpected from Pichitr (for earlier posts mentioning him, see here (with a Boyce link too), here and here). He has been public and outspoken in attacking Thaksin. That the relationships within the family are cited is again interesting. Prem and the Democrat Party | |
http://redusala.blogspot.com |
Updated: Fearing Thaksin | |
Updated: Fearing ThaksinA reader tells PPT that a new book by U.S. journalist Tom Plate is not being stocked by two of the major bookshops in Bangkok. What is the book? Thaksin in the series “Giants of Asia.” The reader tells us the other “Giants” are Lee Kuan Yew, Mahathir, and Ban Ki-Moon. It seems remarkable that major bookshops should refuse to carry a book, effectively being censored by some invisible force or self-censoring their stock and what readers can see. Or is it a reflection of the fear and loathing of the man amongst the royalist business class? PPT hasn’t read the book that is claimed to present an “inside look” at Thaksin and his ideas and thinking, apparently “warts and all.” The book is available for order in Singapore. Update: A reader writes to observe that Asia Books and Kinokunya Bangkok – the major distributors of English-language books – have long been weak-kneed about books seen as potentially controversial. The reader believes a Thai-language version is in the works and that it will sell like hot cakes. Wait for the claims that the book is propaganda, paid-for, nothing we didn’t know before, and so on. | |
http://redusala.blogspot.com |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)