วันเสาร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สรส. ยอมถอนจากกระทรวงมหาดไทยสมทบสวนลุมพินี

สรส. ยอมถอนจากกระทรวงมหาดไทยสมทบสวนลุมพินี



           ผู้ชุมนุม สรส. นำโดยสมศักดิ์ โกศัยสุข ยอมถอนตัวจากการยึดพื้นที่กระทรวงมหาดไทย หลังกลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านนัดชุมนุมทวงกระทรวง ด้านนครบาลยังใช้ตำรวจ-ทหารดูแลพื้นที่ต่อเนื่อง
           ทั้งนี้ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการหารือกับนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำ กปปส. และแกนนำสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ได้ข้อสรุปว่า กลุ่มผู้ชุมนุมยอมคืนพื้นที่กระทรวงมหาดไทย โดยไม่มีเงื่อนไข โดยตั้งแต่เมื่อวานนี้ (3 พ.ค.) ได้ออกจากพื้นที่





           จากนั้นกำลังตำรวจ ทหาร ได้เข้ารักษาพื้นที่ เพื่อดูแลความปลอดภัย และในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้จะตั้งคณะกรรมการร่วมมาดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่กระทรวงมหาดไทย ส่วนที่กลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจะมาชุมนุมในพื้นที่กระทรวงมหาดไทยนั้น เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่เด็ดขาด
          ด้านพลตำรวจตรีสำเริง สุวรรณพงษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์ยังไม่ได้รับแจ้งว่ากลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จะยกเลิกการชุมนุม ซึ่งเห็นว่าการที่กลุ่มผู้ชุมนุมยอมคืนพื้นที่ เป็นแนวโน้มที่ดี โดยเชื่อว่าจะไม่มีเหตุรุนแรง อีกทั้งกลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านได้เน้นย้ำไม่ให้มีการพกพาอาวุธเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะ หรือยั่วยุจากการเผชิญหน้า อย่างไรก็ตามเพื่อความไม่ประมาทตำรวจยังคงยึดแผนจัดกำลังดูแลความสงบพื้นที่เช่นเดิม เพื่อความปลอดภัย โดยใช้กำลังตำรวจ-ทหารกว่า 10 กองร้อยเข้าดูแลพื้นที่
           ขณะเดียวกันเมื่อประมาณ 11.00 น. สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานด้วยว่า ตัวแทนกำนันผู้ใหญ่บ้านที่มาชุมนุมหน้ากระทรวงมหาดไทยได้ประกาศบนรถขยายเสียงว่า กลุ่ม กปปส.ที่ชุมนุมในพื้นที่กระทรวงมหาดไทยได้ออกจากพื้นที่ไปหมดแล้ว ทำให้กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านที่เดินทางมาในวันนี้รู้สึกพอใจ หลังจากนั้นได้ร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงสดุดีมหาราชา ก่อนแยกย้ายกันออกจากพื้นที่ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร โดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ
          ทั้งนี้เมื่อคืนวานนี้ (3 พ.ค.) สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. กล่าวปราศรัยที่เวทีสวนลุมพินี ตอนหนึ่งระบุว่า ได้ไปรับมวลชน กปปส. จากกระทรวงมหาดไทยมาที่สวนลุมพินี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเปิดให้ใครทำอะไรที่นี่ตามใจชอบ ทั้งนี้สุเทพปราศรัยด้วยว่าวิธีการต่อสู้เพื่อชาติ บางครั้งต้องเดินหน้าถอยหลัง ขอบคุณ สรส. และมวลชนที่ดูแลกระทรวงมหาดไทยมาตลอด ไม่มีใครหมิ่นเกียรติเราได้
http://www.redusala.blogspot.com/

กลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่ ทวงคืนกระทรวงมหาดไทย

กลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่ ทวงคืนกระทรวงมหาดไทย







         กลุ่มกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจากหลายจังหวัด เดินทางมารวมตัวกันที่หน้ากระทรวงมหาดไทยเพื่อแสดงพลังข้าราชการฝ่ายปกครอง และแสดงเจตจำนงทวงคืนกระทรวงมหาดไทย โดยระบุว่าไม่ได้มีใบสั่งจากฝ่ายการเมือง
วันอาทิตย์ 4 พฤษภาคม 2557 เวลา 09:14 น.

         เมื่อเวลา 07.30น. วันที่ 4 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่หน้ากระทรวงมหาดไทย ถนนอัษฏางค์ ได้มีบรรดากำนัน-ผู้ใหญ่บ้านจากหลายจังหวัดเดินทางมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงพลังข้าราชการฝ่ายปกครอง และแสดงเจตจำนงทวงคืนกระทรวงมหาดไทย ซึ่งผู้แทนสมาคมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านแต่ละจังหวัดยืนยันว่า การออกมาชุมนุมเพื่อทวงคืนพื้นที่กระทรวงมหาดไทยของกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ไม่ได้มีใบสั่งจากฝ่ายการเมือง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการจัดกำลัง จำนวน 3 กองร้อย และเจ้าหน้าที่ทหารอีก 2 กองร้อย ร่วมกันเข้าตรวจสอบความเรียบร้อยภายในกระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งวางแนวป้องกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพล 1 รอ. ดูแลบริเวณโดยรอบ ทั้งนี้เหตุการณ์ทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีเหตุความรุนแรงแต่อย่างใด.








      ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ได้ทยอยเดินทางมาชุมนุมที่หน้าบริเวณ กระทรวงมหาดไทย เพื่อทวงคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และกลุ่ม กปปส.

        อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุม สรส.ได้เคลื่อนมวลชนออกจากพื้นที่ไปจนหมดแล้ว ตั้งแต่เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา

         ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอให้กลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ไปรวมตัวบริเวณหน้ากระทรวงกลาโหม เพื่อความสะดวกในการเข้าตรวจสอบพื้นที่



“สุเทพ“ นำมวลชนเคลื่อนปักหลักค้างคืนที่ ก.มหาดไทย


         เมื่อเวลา 10.00 น. มีการอ่านแถลงการณ์ โจมตีกลุ่ม กปปส. และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ หรือ สรส. ที่บุกยึดปิดกระทรวงจนส่งผลกระทบต่อการทำงาน ทั้งไม่เห็นด้วยกับพิมพ์เขียวของกลุ่ม กปปส. ในเรื่องการยกเลิกตำแหน่งราชการท้องถิ่น เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือลดบทบาทอำนาจ ให้ไปอยู่ภายใต้องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น อบต. รวมถึงการตัดงบประมาณส่วนกลางของรัฐบาลให้เหลือเพียงร้อยละ 30 เพราะอาจไม่เพียงพอการบริหารประเทศ เช่นหากเกิดเหตุจำเป็นเร่งด่วนการใช้งบประมาณ

           10.34 น. นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ รักษาการ รมว.มหาดไทย กล่าวปราศรัยบนรถขยายเสียง เพื่อแสดงความขอบคุณ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และว่า สามารถขอคืนพื้นที่ได้ตั้งแต่เมื่อเวลา 21.00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา จากนั้นกำลังตำรวจ ทหารจะรักษาพื้นที่เพื่อดูแลความปลอดภัย โดยในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้จะตั้งคณะกรรมการร่วมมาดูความเรียบร้อยพื้นที่กระทรวงมหาดไทยต่อไป

         ล่าสุด 10.43 น. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยกเลิกการชุมนุมหน้า กระทรวงมหาดไทยแล้วขณะนี้ หลัง รมว.มหาดไทย ปราศรัยว่าขอคืนพื้นที่สำเร็จแล้ว
http://www.redusala.blogspot.com/

Book Re: public แจ้งความ Siriwanna Jill หมิ่นประมาททางเฟซบุ๊ก

Book Re: public แจ้งความ Siriwanna Jill หมิ่นประมาททางเฟซบุ๊ก

           ผู้ใช้เฟซบุ๊กประกาศคุกคาม กล่าวหาล้มเจ้า จะเอา M-79 ถล่ม - ด้านผู้บริหารร้านหนังสือแจ้งความเอาผิดขบวนการล่าแม่มด ระบุโดนข่มขู่มาแล้วหลายครั้ง ชี้แจงกิจกรรมของร้านเป็นพื้นที่เสวนาทางวิชาการด้านการเมืองและวัฒนธรรม ขอความคุ้มครองจาก จนท.
         2 เม.ย. 2557 - เวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้ (2 เม.ย.) ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะหุ้นส่วนของร้านหนังสือ Book Re: public ร้านหนังสือที่จัดกิจกรรมในทางวิชาการเกี่ยวข้องกับประเด็นการเมืองและอื่นๆ ใน จ.เชียงใหม่ อย่างต่อเนื่อง ได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่า "Siriwanna Jill" ได้โพสต์ข้อความหมิ่นประมาทว่า
"เปิดโปงเด้อ คนเจียงใหม่ไปผ่อ ไปกอย ....... ร้าน Book Re:public สถานที่ตั้ง 34/12 หมู่ 5 ถนนเลียบคลองชลประทาน ต.สุเทพ อ.เมือง เชียงใหม่ นอกจากเป็นร้านหนังสือ และบาร์กาแฟแล้ว ยังเป็นพื้นที่ปลุกระดม และล้างสมอง เปิด “หลักสูตรประชาธิปไตยศึกษา” แดงล้มเจ้าตัวพ่อ อย่าง ธงชัย วินิจจะกูล และอีกหลายเคยแวะเวียนมาจัดเสวนา "อีสาวจีน พุธิตา ชัยอนันต์ " นักศึกษาปริญญาโท คณะสังคมศาสตร์ มช. เป็นผลิตผลจากร้านนี้"
ที่มา: Siriwanna Jill
ซึ่งจากโพสต์ดังกล่าวได้มีผู้เข้าไปคอมเมนท์ในลักษณะข่มขู่คุกคามต่อความปลอดภัยด้วย
ด้าน ร.ต.ท.สมโภช  น้อยคง พนักงานสอบสวนเวรผู้รับแจ้งความชี้แจงแนวทางคดีว่า เบื้องต้นจะแจ้งให้สายตรวจแวะเวียนไปดูแลที่ร้านให้บ่อยขึ้น  และจะนัดผู้เสียหายเข้ามาให้ปากคำในสัปดาห์หน้า  ส่วนคดีความจะช้าเร็วอย่างไรนั้นต้องรายงานผู้บังคับบัญชาเสียก่อน
หลังจากแจ้งความร้องทุกข์เสร็จสิ้น ผศ.ดร.ปิ่นแก้ว เปิดเผยว่า เคยถูกข่มขู่ในลักษณะว่าทางร้านปลุกปั่นให้นักศึกษาทำกิจกรรมล้มเจ้าแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่เราทำงานทางวิชาการมาตลอด  กิจกรรมที่เราจัดไม่ได้มีแต่เรื่องการเมือง  ถ้าดูที่แฟนเพจของร้านจะเห็นได้ว่ามีการเสวนาเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมด้วย  ยืนยันว่าจุดยืนของร้านคือการสร้างข้อถกเถียงทางความคิดอย่างสร้างสรรค์
"สิ่งที่เกิดกับร้านโดยส่วนตัวมองว่าน่าจะสะท้อนภาวการณ์ในสังคมปัจจุบัน คงไม่ใช่ร้านเราร้านเดียวที่โดน ต้องยอมรับว่าขบวนการล่าแม่มดเริ่มกลับมาอีกแล้วหลังจากผังล้มเจ้าที่ปราศจากข้อเท็จจริงถูกล้มไป  การเกิดขึ้นขององค์กรเก็บขยะแผ่นดิน  ตามมาด้วยการลอบสังหารไม้หนึ่ง ก.กุนที จนถึงการกล่าวหาว่าร้านเราล้มเจ้าทั้งหมดทั้งมวลคงไม่สามารถคิดไปทางอื่นได้นอกจากว่าว่าขบวนการล่าแม่มดระดับชาติได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และกำลังจะนำพาประเทศกลับไปสู่ยุค 6 ตุลา คำถามใหญ่คือว่า ปัญญาชนทั้งหลายที่ทำกิจกรรมทางด้านปัญญาเกี่ยวกับเรื่องการเมืองควรจะนั่งคิดร่วมกันว่าจะรับมือกับสถานการณ์ขวาจัดที่กลับมาสู่สังคมไทยในปัจจุบันได้อย่างไร ทางหนึ่งที่ร้านจะทำได้ก็คงจะพยายามสื่อสารกับสังคมในวงกว้างมากขึ้นว่าเราทำอะไร แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องการการคุ้มครองความปลอดภัยจากหน่วยงานของรัฐมากขึ้นด้วย" ปิ่นแก้วกล่าว
จากการตรวจสอบเบื้องต้นโดยผู้รายงานข่าว เฟซบุ๊กของผู้ใช้นามว่า "Siriwanna Jill" มีผู้ติดตามถึง 160,694 ราย โดยโพสต์ข้อความสนับสนุนกลุ่ม กปปส. โจมตีฝ่ายเสื้อแดง รวมถึงมีการโพสต์ข้อความอื่นๆ ที่สนับสนุน "องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน" ของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ด้วย
http://www.redusala.blogspot.com/

'เพื่อไทย' สงวนท่าที ให้ทีมยุทธศาสตร์ศึกษาข้อเสนอ 'อภิสิทธิ์' ก่อน

'เพื่อไทย' สงวนท่าที ให้ทีมยุทธศาสตร์ศึกษาข้อเสนอ 'อภิสิทธิ์' ก่อน
Sat, 2014-05-03 17:24

           ชี้ยังไม่ได้ปฏิเสธ แต่จะนำสิ่งที่เสนอไปศึกษาละเอียดก่อนที่จะประกาศท่าทีต่อไป ด้าน 'จาตุรนต์' ซัดโรดแม็ปเผด็จการชี้เป็นเนื้อหาเดิมกับ กปปส.-นักวิชาการขวางเลือกตั้ง ซัดตระเวนเดินสายเพื่อฟอกตัว 'คำนูณ' ฟันธงรัฐไม่รับข้อเสนอ 'อภิสิทธิ์'
          3 พ.ค. 2557 มติชนออนไลน์รายงานว่าเมื่อเวลา เวลา 11.30 น.วันที่ 3 พฤษภาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงท่าทีของ พรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ ภายหลังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงทางออกประเทศไทย ว่าพรรคเพื่อไทยขอเสนอความเห็นและตั้งข้อสังเกต 3 ประการ คือ 

  • 1. พรรคเพื่อไทยเป็นสถานบันทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วม จึงยินดีรับข้อเสนอของทุกภาคส่วนรวมไปถึงข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ที่ได้เสนอทางออกให้กับประเทศด้วย 
  • 2. พรรคเพื่อไทยได้มีมติมอบหมายให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไปประชุมหารือเพื่อศึกษาข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์อย่างละเอียดก่อนที่จะกำหนดท่าทีและแนวทางของพรรค สอดรับกับสิ่งที่นายอภิสิทธิ์เสนอ คือ พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ปฏิเสธ แต่จะนำสิ่งที่เสนอไปศึกษาละเอียดก่อนที่จะประกาศท่าทีต่อไป 
  • 3. พรรคเพื่อไทยพร้อมสนับสนุนทุกแนวทางที่ยึดมั่นในกติกาของระบอบประชาธิปไตยที่อยู่ในกรอบที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งพรรคจะไม่สนับสนุนแนวทางที่จะให้มีการระงับ ยกเว้น หรือยุติการใช้รัฐธรรมนูญ แม้จะยุติโดยชั่วคราวก็ตาม 
                
           อย่างไรก็ตาม กรรมการบริหารพรรคทุกคนล้วนมีความเห็นต่อเรื่องดังกล่าว แต่การจะประกาศท่าทีอย่างเป็นทางการของพรรค ทุกคนเห็นตรงกันว่าควรให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคได้ศึกษาอย่างละเอียดก่อน โดยคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการในการศึกษาข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ จากนั้นพรรคจะออกมาประกาศจุดยืนต่อสังคมต่อไป ทั้งหมดก็เพื่อความเป็นเอกภาพของพรรคเพื่อไทย
'จาตุรนต์' ซัดโรดแม็ปเผด็จการชี้เป็นเนื้อหาเดิมกับ กปปส.

           วันเดียวกันนี้ (3 พ.ค.) ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่านายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว Chaturon Chaisang กรณีให้สัมภาษณ์สดผ่านไทยพีบีเอส เกี่ยวกับข้อเสนอ "แผนเดินหน้าประเทศไทย" ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ความว่า "…สิ่งที่นายอภิสิทธิ์เสนอ คือ กระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นระบบเผด็จการนั่นเอง สิ่งที่นายอภิสิทธิ์เสนอเป็นระบบเผด็จการแท้ๆ ครับ"
           นายจาตุรนต์ ให้ความเห็นว่า "ครม.ยังไม่ได้หารือกัน ผมจะให้ความเห็นในฐานะรัฐมนตรีคนหนึ่ง ที่ยังรักษาการอยู่และเป็นคนของพรรคเพื่อไทยด้วย ซึ่งยังไม่มีการคุยกันในพรรคเพื่อไทย แต่ในความเห็นผมขณะนี้ มีความเห็นว่าเรื่องที่เสนอเป็นเรื่องเนื้อหาเดิม ที่กลุ่ม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ก็ดี นักวิชาการบางส่วนก็ดี ที่ขัดขวางการเลือกตั้ง และต้องการให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง กับต้องการให้เกิดนายกรัฐมนตรีคนนอก รัฐบาลคนนอก หรือที่นายสุเทพต้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เป็นเนื้อหาเดียวกัน
          ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย แต่ใช้วิธีการใหม่หน่อย คือ คุณอภิสิทธิ์ซึ่งเป็นคู่กรณีโดยตรง เป็นผู้ร่วมขัดขวางการเลือกตั้งโดยตรง ก็เปลี่ยนบทบาทตัวเองมาเป็นการไปรับฟังความเห็นฝ่ายโน้นฝ่ายนี้มานิดหน่อย แล้วก็มาเสนอราวกับว่าคุณอภิสิทธิ์กลายเป็นคนกลางไปแล้ว
          ทั้งที่คุณอภิสิทธิ์ก็คือ ตัวปัญหาเช่นเดียวกัน เป็นตัวปัญหาโดยตรงกับรัฐบาล ทีนี้มาเปลี่ยนบทบาท ก็ไม่เป็นเหตุเป็นผลอะไรว่าจะเปลี่ยนบทบาทได้จริง 
แต่โดยเนื้อหาแล้ว เนื่องจากเป็นเนื้อหาเดิม ใครที่ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ใครที่ยืนยันว่า แม้รัฐธรรมนูญจะไม่ดี แต่ก็ต้องทำตามรัฐธรรมนูญไปก่อน ก็รับข้อเสนอคุณอภิสิทธิ์ไม่ได้แน่ๆ
           ข้อเสนอของคุณอภิสิทธิ์ จึงเป็นการปูทางให้กับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น ผมเชื่อว่าอย่างนั้น เป็นการปูทางเตรียมการเพื่อที่จะบอกว่าไปฟังความเห็นแล้ว แล้วเสนอให้นายกฯ ลาออก ให้ครม.ลาออก เพื่อจะให้เกิดสุญญากาศ แล้วจะใช้วุฒิสภาหานายกฯ คนใหม่ แต่ ครม.และนายกฯ ไม่ยอมทำตาม เพราะฉะนั้น เมื่อถึงเวลาศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ก็ตัดสินให้ผลอย่างนั้นออกมา
           นอกจากนั้น อีกประเด็นก็คือ การที่คุณอภิสิทธิ์ไปตระเวนพบคนโน้นคนนี้มาบ้างเล็กน้อย แล้วมาเสนอข้อเสนอราวกับว่าเป็นคนกลาง ก็เท่ากับเป็นการฟอกตัวคุณอภิสิทธิ์ เพราะคือตัวการในการขัดขวางการเลือกตั้ง และไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งก่อนจะปฏิรูป เป็นฝ่ายเดียวกันกับนายสุเทพและองค์กรอิสระกับศาลรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการล้มระบอบประชาธิปไตย
            แต่ว่ามาฟอกตัวทำเหมือนกับว่าไปฟังความเห็นมาแล้ว มีข้อเสนอที่ดี ไม่ใช่ข้อเสนอส่วนตัวของคุณอภิสิทธิ์ หรือพรรคประชาธิปัตย์ ฟอกตัวในอีกความหมายหนึ่ง ก็คือ การที่คุณอภิสิทธิ์ไม่ลงสมัคร ซึ่งวิธีการหนึ่งของการบอยคอยการเลือกตั้ง และขัดขวางการเลือกตั้งนั่นเอง
            ที่คุณอภิสิทธิ์เสนอมาบอกว่า จะเว้นวรรคเพื่อพิสูจน์ข้อเสนอว่า จะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากข้อเสนอที่เสนอขึ้นมา เลยทำให้การไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งของคุณอภิสิทธิ์ดูดีขึ้นจากคุณอภิสิทธิ์เอง ทั้งที่ความจริงคือเรื่องเดิม คือการไม่ลงสมัคร เพื่อขัดขวางการเลือกตั้ง เพราะไม่ศรัทธาในระบบการเลือกตั้ง ไม่เชื่อว่าประเทศจะต้องเลือกตั้งเสียก่อน แต่เลือกวิธีที่นายกฯ มาจากไหนก็ไม่รู้ นอกระบบ นอกรัฐธรรมนูญทั้งหมด
เป็นระบบที่เผด็จการ เพราะว่าเอาใครก็ไม่รู้มาเป็นนายกฯ กัน และจะมาบริหารประเทศกัน
             เพราะฉะนั้น ข้อเสนอนี้จะไม่ได้รับการต้อนรับจากฝ่ายประชาธิปไตย เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะไม่ทำตามข้อเสนอของคุณอภิสิทธิ์แน่นอน 
และแม้ว่าจะมีนายกฯ คนนอกเกิดขึ้นจริงๆ ก็จะมีการคัดค้านจากฝ่ายประชาธิปไตยทั่วประเทศอย่างหนักหน่วงมากยิ่งกว่าที่ กปปส.เคยชุมนุมคัดค้านรัฐบาล" 

            ส่วนข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า "ข้อเสนอหลายข้อ หากคุยกันดีๆ น่าจะเกิดขึ้นได้หลังการเลือกตั้ง เป็นความคิดที่ดีๆ หลังการเลือกตั้ง แต่การที่จะให้นายกฯ และ ครม.ลาออก เพื่อให้เกิดสุญญากาศเป็นไปไม่ได้แน่นอน ถ้าจะให้เกิดสภาพอย่างนั้น ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินมา ตัดสินผิดๆ ตัดสินขัดรัฐธรรมนูญ อย่างที่เกิดขึ้นแล้วหลายๆ ครั้ง ให้ทำมาอีก จึงจะเกิดขึ้นได้
             แต่จะมาให้ใช้วิธีลาออกกันอย่างนี้ คือ ให้คณะรัฐมนตรีชุดนี้ร่วมทำลายประชาธิปไตย ร่วมทำลายหลักการประชาธิปไตย ร่วมทำลายหลักการที่ว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนลงไป แทนที่จะให้ประชาชนทั้งประเทศเลือกนายกฯ เลือกรัฐบาล กลายเป็นให้ใครก็ไม่รู้มาเลือกกัน มาจากไหนก็ไม่รู้ด้วย 
อันนี้เป็นการทำลายหลักการประชาธิปไตย คณะรัฐมนตรีชุดนี้จึงไม่มีทางที่จะร่วมมือได้เลย" 

             นอกจากนี้ นายจาตุรนต์ ยังกล่าวถึงทางออกประเทศไทยว่า "ก็มาหารือกัน แล้วมาพูดกันเรื่องว่า เมื่อเลือกตั้งแล้ว ทำอย่างไรได้รัฐบาลที่เป็นยอมรับร่วมกันว่าจะปฏิรูป แล้วมาหารือกันว่ากระบวนการปฏิรูปจะเป็นอย่างไร ที่จะเป็นที่ยอมรับและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ในการทำอย่างนี้ พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง ก็คงจะไม่ใช่เอาคนของตัวเองมาเป็นรัฐบาลทั้งหมด เอาคนข้างนอกมาบ้างก็ได้ เอาคนที่มีความรู้เรื่องการปฏิรูปมาร่วมกันได้ แล้วมาช่วยกันคิด อาจจะผ่านกระบวนการที่รับฟังความเห็นคนให้กว้างขวาง เป็นรัฐบาลสักระยะหนึ่งแล้วก็ออกไป ให้มีการเลือกตั้งใหม่
            บางจุดก็คล้ายกันกับที่คุณอภิสิทธิ์เสนอ จุดต่างกันตรงที่ว่าจะทำโดยการกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตย หรือทำโดยกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย สิ่งที่คุณอภิสิทธิ์เสนอ คือ กระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นระบบเผด็จการนั่นเอง สิ่งที่คุณอภิสิทธิ์เสนอเป็นระบบเผด็จการแท้ๆ ครับ"
'คำนูณ'ฟันธงรัฐไม่รับข้อเสนอ'อภิสิทธิ์'

          เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่านายคำนูณ สิทธิสมาน สว.สรรหา กล่าวว่า ข้อเสนอทางออกประเทศด้วยแผนเดินหน้าประเทศไทยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นส่วนที่แก้ไขวิกฤตการเมืองได้ หากทุกฝ่ายยอมรับ แต่ตนเชื่อว่าจะเป็นไปได้ยากที่จะให้รัฐบาลชุดปัจจุบัน รวมถึงเครือข่ายของพรรคเพื่อไทยและกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว และอาจมองข้อเสนอดังกล่าวว่าเป็น กปปส.จำแลงได้
         อย่างไรก็ตามเงื่อนไขที่นายอภิสิทธิ์เสนอนั้น เป็นสิ่งที่ทราบดีอยู่แล้วว่ารัฐบาลต้องปฏิเสธ เพราะไม่ได้เป็นไปตามหลักการของรัฐธรรมนูญและขัดหลักประชาธิปไตย โดยเฉพาะ การตั้งนายกรัฐมนตรีคนนอก
         ทั้งนี้ มองว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์เสนอไปนั้นเพื่อเป็นสิ่งที่ให้รัฐบาล และคนในตระกูลชินวัตรพิจารณาว่าจะออกจากตำแหน่งด้วยการลาออกเอง หรือให้องค์กรอิสระ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้มีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง ทั้งนี้ตนเชื่อว่าภายในสัปดาห์หน้าการตัดสินคดีความต่างๆ ที่อยู่ในชั้นพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญจะดำเนินการแล้วเสร็จ และแนวทางที่จะดำเนินต่อไปคือสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ได้ระบุออกมา
          นายคำนูณ กล่าวว่า สำหรับแนวความคิดที่อยากให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการตั้งนายกฯ คนกลางนั้น ข้อเท็จจริงรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ แต่ตนเชื่อว่าหากสถานการณ์ของบ้านเมืองเดินไปสู่ทางตัน หรือ ภาวะสูญญากาศ คือ ช่วงที่ประเทศไม่มีรัฐบาลบริหาร ต้องมีการหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งเชื่อว่าประธานวุฒิสภาจะตัดสินใจตามความรุนแรงของสถานการณ์บ้านเมือง
http://www.redusala.blogspot.com/

'อภิสิทธิ์' เสนอ 10 ข้อ 'นายกฯ ลาออก' - 'ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล'

'อภิสิทธิ์' เสนอ 10 ข้อ 'นายกฯ ลาออก' - 'ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล'
Sat, 2014-05-03 11:36
           หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสนอ กปปส. ทำข้อเสนอปฏิรูปแล้วจัดประชามติ - ชะลอเลือกตั้ง นายกฯ ลาออก เปิดทางให้มีนายกฯ คนกลางโดยประธานวุฒิสภาสรรหาคนกลางรักษาการจนกว่าประชามติจะผ่านแล้วเลือกตั้งใหม่ พร้อมท้ายิ่งลักษณ์ "ถอยเพื่อชาติ" - สวนดุสิตโพลล์เผยประชาชนขอ "อภิสิทธิ์" จริงใจหาทางออกประเทศ หวั่นเลือกตั้งเจอป่วน-เสียงบเปล่า
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่โรงแรมสุโกศล 
(ที่มา: เพจ Abhisit Vejjajiva)
         3 พ.ค. 2557 -  เมื่อเวลา 11.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ได้แถลงข่าวหัวข้อ "เดินหน้าประเทศไทย ปฏิรูปภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ" ที่โรงแรมสุโกศล ถ.ศรีอยุธยา
อภิสิทธิ์เสนอโมเดลตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล ปฏิรูป 6 เดือน ท้ายิ่งลักษณ์ "ถอยเพื่อชาติ"
            โดยในคำแถลงของนายอภิสิทธิ์ตามที่มีการเผยแพร่ในเว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า "เมื่อ 10 วันที่แล้ว ผมได้สื่อสารถึงพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศว่าผมได้ติดตาม และเฝ้าดูสถานการณ์ของบ้านเมือง และตัดสินใจว่า ผมอยู่เฉยไม่ได้ ผมเห็นสภาพปัญหาที่พี่น้องประชาชนต้องเดือดร้อนเพราะสภาพการเมืองไทยที่ไม่มีทางออก และเห็นแนวโน้ม รับทราบถึงความกังวลของพี่น้องคนไทยทุกคนกลับอนาคตที่จะเกิดขึ้น จึงได้ประกาศตัวว่า จะเดินหน้าในการเสนอทางออกและหาคำตอบให้กับประเทศ"
           "10 วันที่ผ่านมา ผมก็ยังมองเห็นว่า สภาพบ้านเมือง สภาพความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนนั้นดำรงอยู่เหมือนเดิม มีพี่น้องชาวนา ฆ่าตัวตาย จากการที่ไม่ได้รับเงินจำนำข้าวเพิ่มขึ้น ค่าไฟขึ้น ค่าแก๊สขึ้น ปัญหาเกี่ยวกับทุจริต คอร์รัปชั่น ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจโดยไม่ชอบ ก็ยังเป็นคดีความทั้งหลายซึ่งสังคมก็ใจจดใจจ่อว่าจะยุติอย่างไร และจะส่งผลอย่างไรต่ออนาคตของประเทศชาติ"
          "รัฐบาลก็ประกาศเดินหน้าบอกว่าจะเร่งกำหนดวันเลือกตั้ง โดยการเร่งอนุมัติพระราชกฤษฎีกาที่จะกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ กลุ่มมวลชนต่างๆ ก็ประกาศที่จะมีการชุมนุมใหญ่ในระยะเวลาอีก 1 – 2 สัปดาห์ข้างหน้า สิ่งที่ผมทำทั้งหมดผมก็ได้อธิบายหลักการมามากแล้ว และจะไม่เสียเวลาในการทวนตรงนั้น แต่ย้ำว่าข้อเสนอในวันนี้ ที่ผมเรียกว่าเป็นแผนในการเดินหน้าประเทศไทยนั้น ทำขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยง 3 อย่าง"

  • 1. หลีกเลี่ยงความสูญเสียชีวิตของประชาชนเพิ่มเติมจากความขัดแย้งทางการเมืองที่สะสมมา 
  • 2. หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ คือหลีกเลี่ยงการปฏิวัติ รัฐประหาร และ 
  • 3. หลีกเลี่ยงที่จะให้สังคมไทยดึงเอาสถาบันที่อยู่เหนือการเมืองไม่ว่าจะเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือศาล เข้ามาอยู่ในวังวนของความขัดแย้ง และทำให้ต่อไปในวันข้างหน้าประเทศไทยจะไม่มีจุดร่วม ไม่มีที่พึ่งทางใจร่วมกัน"
           "10 วันของการทำงาน ผมขออนุญาตขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่ได้โอกาสผมได้เข้าพบแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แล้วก็ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ให้ความสนใจ รวมทั้งทุกฝ่ายที่ได้วิพากษ์วิจารณ์ ให้ข้อคิดต่างๆ ที่นำมาสู่การนำเสนอแผนในวันนี้ และสิ่งที่ท่านทั้งหลายได้แลกเปลี่ยนกับผมนี้ จะอยู่ในแผนที่จะได้นำเสนอตรงนี้ เช่น การที่ผมพบปะกับกลุ่มเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปประเทศ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า RNN ก็ทำให้ผมได้มีความมั่นใจว่า เรามีกลุ่มคนที่พร้อมที่จะเข้ามารับผิดชอบการทำงานด้านการปฏิรูปประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้ผูกติดอยู่กับการเป็นฝักฝ่ายทางการเมือง การที่ผมพบกับท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด ท่านก็ได้ยืนยันความกังวลของผมว่า ถ้าไม่มีใครทำอะไร แนวโน้มเหตุการณ์ก็จะนำไปสู่ความรุนแรง และท่านก็ยังยืนยันหลักการว่า ปัญหาแบบนี้สมควรที่จะให้ฝ่ายการเมืองมาหาคำตอบทางการเมือง ผมขอบคุณ กกต. ที่ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าแม้จะกำหนดวันเลือกตั้ง แม้จะพยายามปรับปรุงแก้ไขปัญหา ที่เคยเกิดในวันที่ 2 กพ. และก่อนหน้านั้น ท่านก็ยังยอมรับกับผมอย่างตรงไปตรงมาว่า การเลือกตั้ง ถ้าดำเนินการไปในบรรยากาศอย่างนี้ยากที่จะประสบความสำเร็จ และผมขอบคุณพรรคการเมืองที่ผมได้ไปพบ ที่ทุกพรรคก็บอกว่าถ้าสามารถจะดำเนินการให้มีการจัดการเลือกตั้งที่มีความเรียบร้อยได้ แม้การเลือกตั้งนั้นจะช้าไปสักนิดก็ไม่ติดใจ"
        "ฉะนั้นแผนที่ผมจะนำเสนอในวันนี้ ผมจะขอสรุปเบื้องต้นก่อนว่า ถ้าทุกฝ่ายยอมรับข้อเสนอหรือแผนของผม ประเทศจะสามารถเดินหน้าปฏิรูปได้ทันที เป็นการปฏิรูปที่ไม่มีปัญหาในเชิงข้อกฎหมาย เป็นการปฏิรูปที่จะมีความชัดเจน มีความต่อเนื่อง และการปฏิรูปหลักๆ จะสำเร็จเสร็จสิ้นได้ภายในระยะเวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง"
        "ประการที่ 2 ถ้าทุกฝ่ายยอมรับตามแผนที่ผมเสนอในวันนี้ ภายในระยะเวลา 150  - 180 วัน เราก็จะมีการเลือกตั้งที่เสรี สุจริต เที่ยงธรรม เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายได้"
         "3. ถ้าทุกฝ่ายยอมรับแผนนี้ เราจะมีรัฐบาลคนกลางตามกฎหมาย ที่เกิดขึ้นจากการยินยอมพร้อมใจของทุกฝ่ายมาบริหารจัดการขั้นตอนการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง และ

          4. เราจะมีรัฐบาลเฉพาะกิจ เพื่อการปฏิรูปหลังการเลือกตั้งที่จะมีอายุ 1 ปี นี่คือสิ่งที่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากว่าทุกฝ่ายเดินตามแผนนี้"
         "ผมขออนุญาตที่จะขยายความให้สั้นที่สุดว่า ขั้นตอนการดำเนินการนั้นเป็นอย่างไร แต่ในเอกสารที่ผมจะแจกให้หลังจากที่แถลงเสร็จ จะมีรายละเอียดทั้งหมด รวมทั้งมีการตอบคำถามเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ตอบคำถามเกี่ยวกับหลักการประชาธิปไตย อธิบายรายละเอียดบางอย่างเพิ่มเติมด้วย สิ่งที่จะต้องดำเนินการเป็นอย่างนี้ครับ"
        "สิ่งแรกเลยที่จะต้องทำก็คือว่า ต้องขจัดเงื่อนไขใดๆ ที่จะเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าแผนที่ทุกฝ่ายยอมรับซึ่งต้องเริ่มต้นด้วยการชะลอการตราพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งที่รัฐบาลตั้งใจจะทำในวันที่ 6 หรือวันที่ 8 ที่จะถึงนี้"
         "ประการที่ 2 กกต. จะต้องใช้เวลาในช่วงนี้ในการไปดำเนินการปฏิรูประบบบริหารจัดการการเลือกตั้งด้วยการใช้อำนาจที่ กกต. มีตามกฎหมาย กกต. ออกระเบียบ กำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการหาเสียงเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดแนวทางของการสืบสวน สอบสวนในการลงโทษผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้โดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งระเบียบนี้จะเป็นหัวใจในการที่จะทำให้แผนนี้ประสบความสำเร็จได้"
          "ประการที่ 3 เครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปร่วมกับ กปปส. ใช้เวลาประมาณ 15 – 30 วัน จัดทำข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมชัดเจนในเรื่องของการจัดตั้งองค์กรที่เรียกว่า สภาปฏิรูป ซึ่งจะเป็นองค์กรที่จะมาทำหน้าที่ในการจัดทำข้อเสนอเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศทั้งหมด ซึ่งจะเป็นองค์กรที่ต้องปลอดจากนักการเมือง และพรรคการเมือง กำหนดประเด็นที่จะต้องมีการดำเนินการปฏิรูปให้ชัด จัดลำดับความสำคัญเช่น จะทำเรื่องอะไรก่อน ไม่ว่าจะเป็นการทุจริต คอร์รัปชั่น การปฏิรูปการเมือง กำหนดกรอบเวลาให้ชัดว่า การปฏิรูปในเรื่องเร่งด่วนที่สุดนั้นต้องเสร็จภายในระยะเวลาเท่าไหร่ และก็กำหนดแนวทางที่จะให้ประชาชนในฝ่ายต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปได้อย่างไร"
            "ประการที่ 4 เมื่อข้อเสนอเกี่ยวกับปฏิรูปมีความเป็นรูปธรรมชัดเจนแล้ว จะมีการนำข้อเสนอนี้ไปจัดทำประชามติ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ จะใช้เวลา 90 วัน เพื่อให้ประชาชน ให้ความเห็นชอบกระบวนการการปฏิรูป ให้การปฏิรูปมีความชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย และเพื่อให้การลงประชามตินี้มีผลผูกมัดรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งว่า ไม่สามารถที่จะฝืนมติของประชาชน ในการที่จะต้องดำเนินการให้มีการปฏิรูปได้"
             "ประการที่ 5 นอกจากการปฏิรูปจะได้รับการสร้างความชอบธรรมจากการประชามติแล้ว กระบวนการประชามติ 90 วัน จะเป็นการพิสูจน์ความจริงใจของทุกพรรคการเมือง ในการที่จะต้องมาร่วมกันรณรงค์สนับสนุนการปฏิรูป และจะเป็นระยะเวลาที่จะทำให้การสร้างบรรยากาศของการที่จะมีการเลือกตั้งที่เรียบร้อยเกิดขึ้นได้ หมายความว่าในระหว่างการจัดทำประชามติ จะต้องมีการพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคการเมืองทุกพรรคสามารถออกไปรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปได้ทุกพื้นที่ในประเทศไทยโดยไม่มีการขัดขวาง โดยไม่มีความรุนแรง"
             "ประการที่ 6 ข้อนี้สำคัญครับ การจะสร้างความมั่นใจในเรื่องของการจัดทำประชามติ และการเลือกตั้งต่อไป จำเป็นจะต้องมีรัฐบาลเฉพาะกาล คนกลาง ที่เกิดขึ้นบนความยอมรับของทุกฝ่าย มาบริหารการจัดทำข้อเสนอในเรื่องการทำประชามติ ในเรื่องการปฏิรูป และการเลือกตั้ง โดยผมเสนอว่ารัฐบาลนี้จะเกิดขึ้นได้โดยการที่นายกรัฐมนตรีจะต้องนำคณะรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง หรือในกรณีที่คณะรัฐมนตรีอาจจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีสามารถปรับรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง แล้วตัวเองลาออกตาม เป็นการดำเนินการเพื่อให้เปิดทางไปสู่การเป็นรัฐบาลคนกลาง โดยรัฐบาลคนกลางนั้นก็ต้องมาจากการสรรหานายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ที่ประธานวุฒิสภาจะต้องเป็นผู้ดำเนินการ ประธานวุฒิสภา จะต้องให้ความมั่นใจว่า จะสรรหานายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีนี้ที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ ซึ่งรวมถึงเป็นที่ยอมรับของรัฐบาลชุดปัจจุบัน และ กปปส."
             "ประการที่ 7 เมื่อรัฐบาลชุดนี้เกิดขึ้นแล้ว ต้องทำความเข้าใจตรงกันว่า รัฐบาลนี้มีอำนาจจำกัด ภารกิจหลักคือการเข้ามาดำเนินการบริหารช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่การเลือกตั้งเท่านั้นไม่มีอำนาจในการตรากฎหมาย ไม่มีอำนาจในการแก้กฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่มีองค์กรนิติบัญญัติ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการเลือกตั้ง และมีตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น แต่รัฐบาลเฉพาะกาลที่เกิดขึ้นนี้มีความคล่องตัวกว่ารัฐบาลปัจจุบัน เพราะเมื่อไม่มีส่วนได้เสียกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในครั้งต่อไป ไม่น่าจะเข้าอยู่ในใต้เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 ผมจึงมั่นใจว่า จะมีความคล่องตัวในการมาแก้ปัญหาหลายอย่าง เช่นปัญหาเงินจำนำข้าว เช่นปัญหาที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการดูแลเรื่องค่าแก๊ส และเรื่องอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันนี้รัฐบาลที่พ้นไปและอยู่เพียงรักษาการนี้ ไม่สามารถที่จะทำได้เพราะมีข้อจำกัดทางด้านอำนาจ"
            "ประการที่ 8 เมื่อมีการจัดทำประชามติเสร็จสิ้น เรียบร้อย กระบวนการปฏิรูปเดินหน้าได้ ก็จัดให้มีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ คือภายใน 45 – 60 วัน โดยทุกพรรคการเมือง และผู้สมัครของพรรคการเมืองที่จะเข้าร่วมในการเลือกตั้งซึ่งควรจะเป็นทุกพรรค ต้องยืนยันว่าจะสนับสนุนการทำงาน และสนับสนุนข้อเสนอของสภาปฏิรูปหลังการเลือกตั้ง หากไม่ทำ ระเบียบที่ กกต. ออกตามที่ผมบอกก่อนหน้านี้จะถือว่าเป็นการหลอกลวง อันเป็นการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง มีโทษคือตัวบุคคลคือเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง และพรรคคือ ยุบพรรค"
            "ฉะนั้นเมื่อเลือกตั้งเสร็จ รัฐบาลนี้ในประการที่ 9 ก็จะมีอำนาจในการบริหารราชการตามปกติ แต่ถูกผูกมัดว่าจะต้องผลักดันการปฏิรูปที่เสนอโดยสภาปฏิรูป ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในกรอบระยะเวลา 1 ปี แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่"
           "และประการสุดท้าย ก็คือเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่อีกรอบหนึ่งแล้ว ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติที่เรามีการเมืองหลังการปฏิรูป"
         "ผมพูดตั้งแต่วันแรกครับว่า ไม่มีฝ่ายไหนจะได้ 100% จากสิ่งที่ผมเสนอ แต่ผมก็อยากจะชี้ให้เห็นว่าฝ่ายต่างๆ น่าจะได้สิ่งที่เป็นความต้องการหลักของตัวเอง รัฐบาลได้เห็นการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในกรอบเวลาที่ชัดเจน บุคคลในรัฐบาลมีสิทธิ์กลับไปลงเลือกตั้งในอีกระยะเวลา 5 – 6 เดือนข้างหน้า เพียงแต่ว่าข้อเสนอผมนี้เสนอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นถอยออกไปเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียง 5 – 6 เดือน กปปส. ได้รัฐบาลคนกลางเข้ามา ได้สภาปฏิรูป ได้ความมั่นใจว่าการปฏิรูปนี้ถูกขัดขวางไม่ได้ เพียงแต่ กปปส. ไม่ได้สภานิติบัญญัติ หรือรัฐบาลที่ กปปส. นำเสนอต่อไปเท่านั้นเองครับ"
         "แต่ผมคิดว่าข้อเสนอของผมนี้ ที่ได้ 100% เลย คือประเทศชาติบ้านเมือง เพราะประเทศเราได้ทั้งการปฏิรูป ได้ทั้งการเลือกตั้ง ไม่มีนองเลือด ไม่มีปฏิวัติ รัฐประหาร สถาบันหลักของชาติไม่ถูกละเมิด เศรษฐกิจได้รับการประคับประคอง ชาวนาได้เงิน ปัญหาต่างๆ แก้ไขได้ด้วยความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น"
            "เพราะฉะนั้นข้อเสนอนี้ แผนนี้ ผมได้บอกแล้ว ผมรวบรวมจุดร่วม ผมเอาแนวคิดของท่านทั้งหลายที่เสนอมา มาประกอบกันเป็นข้อเสนอเพื่อเดินหน้าประเทศไทยจริงๆ และ 2 วันที่แล้ว ผมก็ได้ประกาศไปแล้วว่า การเดินตามแผนนี้ทั้งหมด ผมไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น และจะไม่มีโอกาสไปรับตำแหน่ง หรือมีสถานะในทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น จะขอเป็นแค่ประชาชนคนหนึ่งในการที่จะสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ ถ้าจะได้ ก็ได้ความสุข จากที่ประเทศสงบลง และประเทศเดินหน้าได้"
           "ถามว่าเมื่อมีข้อเสนออย่างนี้แล้ว จะเดินต่ออย่างไร โดยข้อเท็จจริงในช่วงต้นที่ผมเริ่มทำงานนี้ ก็มีคำถามถึงผมตลอดว่า กับรัฐบาลก็ดี กับกปปส. ก็ดี ผมจะไปพบหรือไม่อย่างไร ผมเรียนว่าเมื่อทำงานไปผมเห็นชัดเจนครับ การที่ผมไปพบปะรัฐบาล หรือ กปปส. ก่อนที่จะประกาศข้อเสนออย่างนี้ จะไม่ช่วยข้อเสนอนี้เลยครับ เพราะจะถูกตีความว่าเป็นเรื่องของการที่จะไปเจรจาต่อรอง เกิดความหวาดระแวงมากมาย ไปพบฝ่ายหนึ่งก่อนอีกฝ่ายก็จะมีความรู้สึกว่ามีปัญหา"
          "แต่วันนี้ผมสื่อข้อเสนอนี้ไปถึงทั้งรัฐบาล และกปปส. แต่ต้องบอกว่าข้อเสนอของผมนั้นต้องไปที่รัฐบาลก่อน เหตุผลที่ต้องไปที่รัฐบาลก่อน เพราะรัฐบาลต้องไปยับยั้งบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะทำในขณะที่กรณีของ กปปส. นั้น เท่าที่ผมทราบการนัดหมายอะไรต่างๆ จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 13 – 14"
           "ประการที่ 2 ที่ผมบอกว่าที่ไปที่รัฐบาลก่อน เพราะข้อเสนอของผมนั้นการตอบรับจากฝ่ายรัฐบาลจะง่ายกว่าการที่ กปปส. จะตัดสินใจตอบรับหรือไม่ เพราะข้อเสนอของผมนั้นในฝ่ายรัฐบาลนั้น คนๆ เดียวตัดสินใจได้ครับ คือคุณยิ่งลักษณ์ ในขณะที่ กปปส. นั้น เป็นธรรมชาติของมวลชน ผมว่าทุกฝ่ายที่เคยทำมวลชนมาทราบดี การจะตัดสินใจอะไรในนามของมวลชนนั้นก็ต้องใช้เวลา เพราะฉะนั้นผมก็เรียนว่า ผมจะนำเสนอนี้ที่มีรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรให้มีใครไปส่งให้กับรัฐบาล และ กปปส. ในวันอังคาร ซึ่งเป็นวันทำการ"
           "แล้วทั้ง 2 ฝ่าย ผมขอแค่เพียงว่าให้พิจารณาข้อเสนอผมให้ละเอียด ในส่วนของรัฐบาลนั้น ผมจะฟังคำตอบจากคุณยิ่งลักษณ์คนเดียว คนอื่นไม่เกี่ยวครับ เพราะการตัดสินใจในส่วนของรัฐบาลนั้น คุณยิ่งลักษณ์ทำได้คนเดียว ถ้ามีความสงสัยจะให้ผมอธิบายอะไร ผมยินดี เช่นเดียวกับ กปปส. ในกรณีที่รัฐบาลเห็นว่าหลักการของแผนนี้ไปได้"
           "ผมก็เลยจะถือโอกาสนี้สื่อถึงนายกฯ ยิ่งลักษณ์ผ่านสื่อมวลชนที่มาอยู่ในวันนี้ครับ ผมอยากจะถามคุณยิ่งลักษณ์ว่า ข้อเสนอของผมมันมีตรงไหนที่เสียหายกับประเทศชาติ ผมอยากจะถามคุณยิ่งลักษณ์ว่าในฐานะที่เป็นนักการเมือง คุณยิ่งลักษณ์ต้องการให้ประเทศเดินหน้าหรือไม่ สิ่งเดียวที่คุณยิ่งลักษณ์จะต้องสละในขณะนี้ตามแผนของผม คือการถอยออกไปจากอำนาจ 5 – 6 เดือน โดยที่คุณยิ่งลักษณ์เองก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าสถานภาพของคุณยิ่งลักษณ์ก็แขวนอยู่บนความไม่แน่นอน และไม่สามารถทำงานเต็มที่ให้กับประชาชนได้อยู่แล้วภายในระยะเวลา 5 – 6 เดือน"
          "ผมอยากจะถามคุณยิ่งลักษณ์ว่า คุณยิ่งลักษณ์จะถอยไป 5 – 6 เดือน ได้มั้ยครับ ผมนั้นเป็นนักการเมืองโดยอาชีพ 20 กว่าปี นี่คืออาชีพผมครับ ผมเข้ามาด้วยความตั้งใจ ผมเข้ามาด้วยความมุ่งมั่นว่าผมจะมาทำอาชีพนี้ บ้านเมืองมาถึงจุดนี้ ผมยังถอยออกจากการเมืองได้นับรวมเป็น 2 ปีนะครับ คุณยิ่งลักษณ์จะถอย 5 – 6 เดือนให้กับประเทศได้หรือไม่"
         "ผมขอถือโอกาสนี้ สื่อสารไปถึงคุณสุเทพ ว่าถ้ารัฐบาลเขาตอบรับหลักการตรงนี้ คุณสุเทพจะเห็นภาพของรัฐบาลคนกลาง และการปฏิรูปที่จะเกิดขึ้น นั่นคือเป้าหมายของการต่อสู้ของท่าน และมวลมหาประชาชนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าวิธีการที่จะเดินไปสู่เป้าหมายนี้มันต่างกัน ผมขอเพียงแค่ว่า อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธผม เพราะสิ่งที่ผมเสนอไม่ได้ไปบั่นทอนการต่อสู้อะไรของท่านทั้งสิ้น ขอเวลาว่า ถ้าวันนี้รัฐบาลเขารับหลักการว่าเขาพร้อมที่จะมาเดินหน้าตรงนี้ ท่านกับมวลมหาประชาชน ก็ไปพิจารณาว่าจะเดินหน้าประเทศไทยไปอย่างนี้ด้วยกันหรือไม่"
           "สุดท้ายครับ ผมผ่าน 10 วันมานี้ ท่ามกลางคำวิพากษ์วิจารณ์ ท่ามกลางเสียงค่อนขอดการ กระแนะกระแหน หรืออะไรก็ตาม ผมไม่ติดใจ ผมถือว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของนักการเมือง และเป็นหน้าที่ของพรรคการเมือง ผมทราบดีว่าทุกคนมีความต้องการอยากจะเห็นประเทศเป็นอย่างไร ผมเข้าใจดีว่าหลายคนเสียสละเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนที่ต่อสู้เพื่อให้ได้ตามความต้องการของตัวเอง แต่ผมอยากให้ทุกคนที่เป็นคนไทยถามใจตัวเองครับ ว่าเราคิดเหรอครับว่า บ้านเมืองของเรานั้นจะเดินหน้าได้บนความขัดแย้ง และเอาชนะกันไม่จบไม่สิ้น เราจะสร้างบ้านเมืองบนจุดร่วมของความเป็นคนไทยด้วยกัน หรือเราคิดว่าเราจะสามารถสร้างบ้านเมืองได้บนความเกลียดชัง"
            "ผมเจอคนจำนวนมากใน 10 วันที่เขาบอกว่าเขาเห็นกับผมว่า บ้านเมืองต้องเดินบนจุดร่วม บ้านเมืองต้องเดินบนแนวทางที่ในที่สุดคนไทยทุกคนมาเป็นหนึ่งเดียว แต่ผมก็เรียกร้องครับ สื่อมวลชน นักวิชาการ พี่น้องประชาชนนั้นไม่ว่าจะนับตัวเองว่าอยู่ฝ่ายไหน หรือไม่นับตัวเองว่าอยู่ฝ่ายใดเลยนี้ ถ้าเห็นว่าสิ่งที่ผมนำเสนอในวันนี้เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ไม่เสียหายกับบ้านเมือง ท่านต้องออกมาพูดครับ ท่านอย่าให้คนจำนวนมากที่ปรารถนาจะเห็นบ้านเมืองเดินไปด้วยความเรียบร้อยนี้กลายเป็นคนกลุ่มเดียวที่ไม่มีสิทธิ์ มีเสียงในการแสดงออกในสังคมในวันนี้"
           "ผมทราบตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจทำเรื่องนี้ว่า จะประสบความสำเร็จนั้นเป็นเรื่องยากมาก แต่ผมก็มีความหวังอยู่เสมอและผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมทำในวันนี้ไม่สูญเปล่า ถ้าเป็นไปอย่างที่ผมหวัง คือเกิดการตอบรับ ประเทศเดินหน้าได้ ถ้าจะสะดุด ไม่ได้รับการตอบรับจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ไม่เป็นไรครับ สังคมไทยได้เห็นทางเลือกนี้แล้ว สังคมไทยได้เห็นทางออกนี้แล้ว แล้วถ้ามีคนเก่งกว่าผม ดีกว่าผม ใช้ตัวนี้ให้เป็นประโยชน์เพื่อให้สังคมมีทางออกต่อไปในอนาคต หรือถ้าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น มันเป็นตัวช่วยนำทางให้บ้านเมืองหาทางออกได้ ผมก็ถือว่าสิ่งที่ผมได้ทำไปคุ้มค่าแล้ว"
            "ผมขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชน และพี่น้องประชาชนที่ได้ติดตามการทำงานของผมแล้วก็ยืนยันครับว่า ไม่ว่าแผนนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่อย่างไรก็ตาม ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ผมก็ยังจะยืนยันทำหน้าที่ของผมในฐานะพลเมืองที่จะผลักดันให้ประเทศก้าวไปสู่สิ่งที่ดีกว่าคือการปฏิรูปแบบยั่งยืนครับ ขอบคุณครับ"
            ในช่วงตอบคำถามสื่อมวลชน ตอนหนึ่งอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า "กรณีของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลประกาศเลือกตั้ง ผมก็ถือว่านั่นคือคำปฏิเสธแล้ว แต่ว่าถ้ารัฐบาลบอกว่า หลักการนี้แผนนี้เป็นหลักการที่สนใจ อย่าเพิ่งถึงว่ารับ ก็ต้องมาเดินให้เป็นไปตามแผนด้วยกันกับทุกฝ่าย ซึ่งระยะเวลาไม่มากนะครับ เพราะข้อเสนอของผมนี้จะต้องเกิดขึ้นก่อนศาลตัดสิน หลักสำคัญเกี่ยวกับการได้รัฐบาลมาแทนรัฐบาลชุดปัจจุบันของผมนี้คือเป็นรัฐบาลที่เกิดจากการยินยอม พร้อมใจ ไม่ใช่รัฐบาลที่ถูกบังคับมาจะโดยอะไรก็ตามในบ้านเมือง เพราะถ้าเป็นหลักที่เกิดโดยความยินยอมพร้อมใจเท่านั้น เราถึงจะทำให้กระบวนการต่อไปจะประชามติ จะเลือกตั้ง จะปฏิรูปนี้มันเป็นไปด้วยความราบรื่นได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องได้คำตอบที่เร็วพอสมควร เพราะมันถูกจำกัดโดยเงื่อนไขของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น กับเงื่อนเวลาที่จะเกิดขึ้น"
         ส่วนข้อเสนอของคนเสื้อแดงนั้น อภิสิทธิ์ตอบว่า "คนเสื้อแดงนั้น ประการแรกไม่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญ ข้อเสนอผมนั้นเขาได้เห็นการเลือกตั้ง และจะมีการได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งสิ้นปีนี้ ซึ่งถ้าปล่อยสภาพที่เป็นอยู่มีใครกล้ารับประกันกับผมมั้ยครับว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งภายในสิ้นปีนี้ ถ้าปล่อยสภาพอย่างที่เป็นอยู่ และนี่คือสิ่งที่เขาได้ สิ่งเดียวที่เขาต้องเสียก็คือ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไป 5 – 6 เดือนอย่างที่ว่า และกลุ่มเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปนี้เป็นกลุ่มที่รัฐบาลให้การยอมรับอยู่แล้วนะครับ และเขาก็สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะภาคประชาชนในการที่จะช่วยจัดข้อเสนอต่างๆ ที่เกี่ยวกับการปฏิรูปได้เช่นเดียวกันครับ เพราะฉะนั้นผมก็บอกว่า สิ่งที่เขาได้ เยอะนะครับ สิ่งเดียวที่เขาเสียก็คือสิ่งเดียวกับที่คุณยิ่งลักษณ์เสียเท่านั้นเองก็คือ 5 – 6 เดือนนี้"
          สวนดุสิตโพลล์ขอ "อภิสิทธิ์" จริงใจหาทางออกประเทศ หวั่นเลือกตั้งเจอป่วนทำงบสูญ
         วันเดียวกันนี้ (3 พ.ค.) เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจรายงานว่าสวนดุสิตโพลล์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,147 คน ระหว่างวันที่ 30เม.ย. - 2 พ.ค. 2557 เรื่องประชาชนคิดอย่างไร? กรณีการเดินสายพูดคุยของ นายอภิสิทธิ์ และ กกต. กับ นายกฯ ยิ่งลักษณ์กำหนดวันเลือกตั้ง 20 ก.ค. 57 พบว่า ประชาชนร้อยละ 42.98 ประชาชนคิดว่า การเดินสายของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเพื่อพูดคุยกับทหาร ปลัดกระทรวงยุติธรรม พรรคการเมืองต่างๆ เพื่อหาทางออกประเทศไทย ขอให้ทำเพื่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง มาจากความตั้งใจ จริงใจ บริสุทธิ์ใจ ไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝง ขณะที่ ร้อยละ 52.29 คิดว่า การที่ กกต.กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตกลงจะมีการเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ กลัวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีปัญหาอีก และสูญเสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์
http://www.redusala.blogspot.com/

สุเทพ-อุทัยเดินหน้ารามชวนชุมนุมใหญ่ - เอกนัฏแถลง กปปส.ยังไม่รับแนวทางอภิสิทธิ์

สุเทพ-อุทัยเดินหน้ารามชวนชุมนุมใหญ่  
เอกนัฏแถลง กปปส.ยังไม่รับแนวทางอภิสิทธิ์

Sat, 2014-05-03 16:35

           สุเทพ เทือกสุบรรณ - อุทัย ยอดมณี เคลื่อนขบวน 'กปปส.' - 'คปท.' มาที่ย่านรามคำแหงชวนผู้สนับสนุนชุมนุมใหญ่ 5 พ.ค. และ 13-14 พ.ค. ขณะที่เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ระบุ กปปส. ยังไม่รับแนวทางอภิสิทธิ์ ขอยึดเป้าเดิมปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง

ขบวนของ กปปส. และ คปท. เคลื่อนขบวนมาที่ย่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ที่มา: เพจเวทีราชดำเนิน)
สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. เดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ที่มา: เพจเวทีราชดำเนิน)
สุเทพ - อุทัยเดินชวนผู้สนับสนุนร่วมชุมนุมใหญ่ ก่อนพักเที่ยงที่รามคำแหง
3 พ.ค. 2557 - สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานว่าวันนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมด้วยนายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงานเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ในฐานะอดีตนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงร่วมขบวนกับ กปปส. เพื่อเชิญชวนประชาชนย่านรามคำแหง ออกมาร่วมชุมนุมครั้งสุดท้ายกับ กปปส. ในวันที่ 5, 13 และ 14 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้มีการเคลื่อนขบวนออกจากเวทีสวนลุมพินี เมื่อเวลา 10.00 น. ไปตั้งต้นขบวนที่ศูนย์การค้าฟูดแลนซ์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ใช้ถนนรามคำแหง เลี้ยวซ้ายแยกลำสาลี ไปแยกบางกระปิ โดยมีจุดหมายสุดท้ายที่เดอะมอลล์บางกะปิ รวมระยะทาง 6.5 กิโลเมตร ทั้งนี้นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. นำการ์ดอาสาล่วงหน้ามาตรวจตราความปลอดภัยก่อนที่จะเริ่มตั้งขบวน โดยตลอดเส้นทางมีการ์ดอาสา กปปส. ประมาณ 1,000 - 2,000 คน ดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบ
ขณะที่บรรยากาศระหว่างการเคลื่อนขบวน มีการปราศรัยโจมตีการทำงานของรัฐบาลอย่างต่อเนื่องบนรถติดเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ โดยสองข้างทางมีประชาชนออกมาให้กำลังใจ พร้อมกับเป่านกหวีดแสดงสัญญลักษณ์ และร่วมบริจาคเงินให้กับนายสุเทพ เพื่อสนับสนุนการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ส่วนการจราจร มีการปิดถนนรามคำแหงฝั่งขาออก มุ่งหน้าแยกลำสาลี ตลอดเส้นทาง ประชาชนที่จะใช้เส้นทางดังกล่าว ควรหลีกเลี่ยงการจราจร
ทั้งนี้เมื่อนายสุเทพและแกนนำ เคลื่อนขบวนถึงบริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหง สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานว่า นายสมหมาย สุรชัย รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง นำคณะอาจารย์และนักศึกษา มาต้อนรับขบวนของกลุ่ม กปปส. ก่อนจะเข้าไปสักการะพ่อขุนรามคำแหง ในมหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยมีคณาจารย์ และนักศึกษา รอต้อนรับอยู่จำนวนมาก พร้อมกับพักรับประทานอาหารกลางวันภายในบริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหง
กปปส.ยังไม่รับข้อเสนออภิสิทธิ์ ขอยึดแนวทางเดิมคือปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
ขณะที่การแถลงข่าวประจำวันของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. วันนี้ได้กล่าวถึงข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (อ่านข่าวก่อนหน้านี้) ว่ายังไม่ทราบรายละเอียดข้อเสนอทั้งหมดของนายอภิสิทธิ์ จึงยังไม่มีความเห็น ส่วนเรื่องที่อภิสิทธิ์เสนอตัวเองเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปีนั้น เป็นแนวทางของอภิสิทธิ์ซึ่งเป็นแนวทางฝ่ายการเมือง ส่วนแนวทางของ กปปส. และแนวร่วม ยืนยันว่าจะยึดแนวทางเดิมคือเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทยก่อนการเลือกตั้ง และมีรัฐบาลของประชาชน มีสภาประชาชน และจะยังคงเดินหน้าต่อสู้เคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่จะเริ่มต้นในวันที่ 5 พ.ค. นี้
ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ขอให้ กปปส. อย่าปฏิเสธข้อเสนอ และจะส่งข้อเสนอดังกล่าวมายัง กปปส. นั้น นายเอกนัฏกล่าวว่าต้องเรียนว่าขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อใดๆ มา หากมีการติดต่อมาก็ต้องหารือก่อน
http://www.redusala.blogspot.com/

ผู้ว่าประจวบฯ ขอความร่วมมือผู้ร่วมงานฉัตรมงคล งดเว้นการแสดงออกทางการเมือง

ผู้ว่าประจวบฯ ขอความร่วมมือผู้ร่วมงานฉัตรมงคล 
งดเว้นการแสดงออกทางการเมือง


            ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขอความร่วมมือผู้ที่จะเดินทางมาเฝ้ารับเสด็จในงานพระราชพิธีฉัตรมงคล 5 พฤษภาคม 2557 งดเว้นการแสดงออกทางการเมือง พร้อมแนะผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวควรมีญาติดูแลใกล้ชิดเนื่องจากสภาพอากาศร้อน
          3 พ.ค. 2557 สวท.ประจวบคีรีขันธ์รายงานว่านายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การประดับไฟทั้งหมดบนถนนเพชรเกษมทั้งสองฝั่ง ตั้งแต่บริเวณหน้าร้านโกลเด้นเพลสถึงสำนักงานวังไกลกังวล ระยะทางประมาณ 800 เมตร ซึ่งใช้ทั้งไฟดวงเทียน และไฟหยดน้ำสีขาว จะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดภายในวันที่ 4 พฤษภาคมนี้ โดยขณะนี้ยามค่ำคืนจะมีนักท่องเที่ยวมาชมความสวยงามของแสงไฟระยิบระยับพร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกบริเวณด้านหน้าวังไกลกังวล ส่วนด้านการรักษาความปลอดภัยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้สนธิกำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้นในการตรวจค้นอาวุธ สิ่งของต้องห้าม เพื่อให้เป็นไปตามแผนการถวายความปลอดภัยขั้นสูงสุด พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนที่จะเดินทางมาเฝ้ารับเสด็จ งดเว้นการแสดงออกทางการเมือง

         ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวควรมีญาติคอยดูแลเนื่องจากสภาพอากาศร้อน โดยทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดหน่วยแพทย์ประจำจุดให้บริการ 5 จุด และเจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเคลื่อนที่อีก 80 คน กระจายรอบพื้นที่ เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันสวมใส่เสื้อสีเหลืองโดยพร้อมเพรียงกัน
http://www.redusala.blogspot.com/

สุดเหิมเกริมร่างฎีกาถวายในหลวง!!! "พุทธะอิสระ" ประกาศขนคน 100 คันรถทัวร์ไปหัวหิน ให้ "ปราโมทย์ นาครทรรพ" เป็นคนร่างฎีกา

สุดเหิมเกริมร่างฎีกาถวายในหลวง!!! 
"พุทธะอิสระ" ประกาศขนคน 100 คันรถทัวร์ไปหัวหิน 
ให้ "ปราโมทย์ นาครทรรพ" เป็นคนร่างฎีกา




         พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจและ รมช.มหาดไทย พร้อมภริยา ได้เดินทางเข้าพบหลวงปู่พุทธะอิสระ ที่เวทีแจ้งวัฒนะ นานประมาณ 1 ชั่วโมง โดยมีการพูดคุยหารือการเคลื่อนไหวของเวทีแจ้งวัฒนะ พล.ต.อ.วสิษฐได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับวิธีการที่จะไปเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อยื่นถวายฎีกาขอให้ทรงใช้พระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 เพื่อทรงมีพระราชวินิจฉัยทางออกให้แก่ประเทศ

         ต่อมานายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระ และนายพูนศักดิ์ วรรณพงษ์ เข้าพบหลวงปู่พุทธอิสระ นายปราโมทย์รับปากว่าจะเป็นผู้ทำหน้าที่ร่างหนังสือเพื่อยื่นถวายฎีกาฯ สำหรับการที่จะ “เดินรณรงค์กู้ชาติ” ไป อ.หัวหินในวันที่ 16 พ.ค.นี้

          ทางด้านหลวงปู่พุทธะอิสระเปิดเผยว่าในการเดินทางวันที่ 16 พ.ค.นี้ คาดว่าจะใช้รถบัสประมาณ 100 คัน
http://www.redusala.blogspot.com/

เผ่นหางจุกตูดกลางดึก! "กำนัน" สั่งหักดิบ "เคราแพะ" ย้ายม็อบพ้นมหาดไทยก่อน "กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน 5พัน" มาทวงยึดคืนพรุ่งนี้

เผ่นหางจุกตูดกลางดึก! "กำนัน" สั่งหักดิบ "เคราแพะ" ย้ายม็อบพ้นมหาดไทยก่อน "กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน 5พัน" มาทวงยึดคืนพรุ่งนี้


            เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 3 พ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวก่อนเดินทางไปกระทรวงกลาโหมเพื่อร่วมเจรจากับแกนนำกปปส. หารือแนวทางขอคืนพื้นที่ว่า การไปหารือร่วมกันเชื่อว่าจะมีคำตอบที่ดี มีการคืนพื้นที่ก่อนที่กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้านจะเดินทางมาถึงและร่วมขอคืนพื้นที่ในวันที่ 5 พ.ค. ทั้งนี้การเจรจาก่อน เมื่อมีการคืนพื้นที่ก็จะลดการเผชิญหน้า

            ด้าน พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกตร. แถลงถึงการขอคืนพื้นที่กระทรวงมหาดไทย จากกปปส.ว่า เนื่องจากในวันที่ 4 พ.ค. กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และลูกจ้างกระทรวงมหาดไทย ประมาณการจำนวน 50,000 คน รวมตัวเดินทางมหาดไทยเพื่อขอพื้นที่คืน อีกทั้งวันที่ 5 พฤษภาคม กลุ่มกปปส.ก็นัดเคลื่อนขบวนไปในจุดใกล้เคียง เพื่อหามาตรการการรักษาความปลอดภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วัลลภ ปทุมเมือง ผบก.น.6 หารือแกนนำผู้ชุมนุมกปปส.ก็เห็นด้วยกับการมอบพื้นที่มหาดไทย โดยขอให้มีการส่งผู้ใหญ่ทุกฝ่ายร่วมเจราจรา ในเวลา 17.30 น. วันนี้ ผบ.ตร. ผบช.กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ปลัดกลาโหม ปลัดมท. อธิบดีกรมการปกครอง พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ในฐานะผบ.กองกำลังศอ.รส. พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผู้ช่วยผบ.ตร.จะเข้าพูดคุยกับนายถาวร เสนเนีนม แกนนำกปปส.ที่กระทรวงกลาโหม เพื่อเจรจารับมอบพื้นที่ จากนั้นกปปส.จะตัวแทนกระทรวงมหาดไทย ตำรวจ ทหาร นำตรวจสอบทรัพย์สินร่วมกัน จากนั้น ศอ.รส.จัดจนท.ทหารจากพล.1 รอ. และ ตำรวจเพื่อรักษาพื้นที่

          รองโฆษกตร. กล่าวว่า หลังการเจรจาเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย มีการขอคืนพื้นที่ก่อนชุมนุมใหญ่ของกำนันผู้ใหญ่บ้าน เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์เรียบร้อยไม่มีการเผชิญหน้า ทราบว่ากลุ่มกำนันฯ บางส่วนเดินทางมาแล้ว ส่วนจะยุติการร่วมชุมนุมคืนพื้นที่หรือไม่ก็ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป

           โดยภายหลังการเจรจาหารือแกนนำกปปส.และสรส.พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. กล่าวว่า นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ยอมคืนพื้นที่กระทรวงมหาดไทยให้โดยไม่มีเงื่อนไข โดยวันนี้จะทยอยออกจากพื้นที่ จากนั้นกำลังตำรวจ ทหารจะรักษาพื้นที่เพื่อดูแลความปลอดภัย ทั้งนี้ในวันที่ 8 พ.ค.นี้ จะตั้งคณะกรรมการร่วมมาดูความเรียบร้อยพื้นที่กระทรวงมหาดไทย ส่วนที่กลุ่มกำนัน ผู้ใหญ่บ้านจะมาชุมนุมทวงคืนพื้นที่กระทรวงมหาดไทยนั้น เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่เด็ดขาด

           พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการชุมนุมใหญ่วันที่ 5 พ.ค. ได้มีการวางแผนมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยไว้แล้ว

           ด้านพล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. ดูแลงานด้านความมั่นคง กล่าวว่า การเจรจากับทางแกนนำเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนข้อตกลงกับทางแกนนำกปปส.และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำกลุ่มสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย (สรส.) ภายหลังจากที่เตรียมออกจากพื้นที่กระทรวงมหาดไทยแล้วนั้น ให้ตั้งคณะกรรมการจากหลายหน่วยงานขึ้นมา อาทิ ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทำการตรวจสอบทรัพย์สินว่าภายในกระทรวงดังกล่าวมีทรัพย์สินของทางราชการสูญหายหรือไม่ ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันแล้วว่า ไม่ได้มีการเอาทรัพย์ที่อยู่ภายในสถานที่ราชการออกมาจากพื้นที่แต่อย่างใด

http://www.redusala.blogspot.com/

สัมภาษณ์พิเศษ: "จตุพร พรหมพันธุ์" ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน "น่าจะเห็นผลลัพธ์ก่อน 15 พ.ค.!"

สัมภาษณ์พิเศษ: "จตุพร พรหมพันธุ์" ประธาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน 
"น่าจะเห็นผลลัพธ์ก่อน 15 พ.ค.!"




             นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์พิเศษแก่ทีมงานโกซิคส์ทีวีและผู้สื่อข่าวต่างประเทศถึงการนัดหมายชุมนุมใหญ่ นปช.แดงทั้งแผ่นดินที่ถนนอักษะ ในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ เรียกร้องให้ “อภิสิทธิ์ และ สุเทพ” หยุดและกลับเข้ามาสู่ระบอบประชาธิปไตย แค่นี้ประเทศไทยก็เดินหน้าได้แล้ว อีกทั้งเห็นว่า กระบวนการตุลาการณ์ภิวัฒน์ ที่จะเล่นงานนายกรัฐมนตรีนั้น อาจไม่ต้องรอถึงวันที่ 15พฤษภาคม อาจจะเร็วกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ

            นายจตุพร ได้กล่าวถึงคำแถลงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และการเคลื่อนไหวของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ว่า “ต้องเรียกร้องอภิสิทธิ์ และสุเทพ ต้องหยุดสร้างปัญหาให้กับประเทศไทย คนทั้งประเทศ 64ล้านคนไม่ได้เป็นปัญหา ปัญหาอยู่ที่อภิสิทธิ์ สุเทพ ลงเลือกตั้งแล้วแพ้การเลือกตั้ง จึงออกมาสู้นอกสภา เมื่อมาสู้นอกสภา ก็ไม่ยอมกลับไปลงเลือกตั้งใหม่ เพราะรู้ว่าผลลัพธ์คือแพ้การเลือกตั้ง ฉะนั้น แค่สองคนนี้หยุดละเมิดรัฐธรรมนูญและดำเนินตามกติกาประชาธิปไตย ประเทศชาติ ก็จะกลับมาสู่ความสงบสุข”

คำถามว่า ประเมินสถานการณ์จากวันนี้ไปถึงสิ้นเดือนอย่างไร?

          “ผมว่า ผลลัพธ์ในการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะก่อนวันที่ 15 พฤษภาคม น่าจะหลังวันที่ 6 หรือ 7-8 ได้หมด และกำหนดการของสุเทพ ก็กำหนดไว้ 14 ก็คงจะเห็นผลลัพธ์ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น การเล่นงานนายกฯ เป็นการเล่นงานอย่างอยุติธรรม แต่เราก็ยังมองว่า เรายังพอเดินหน้าต่อไปได้ ถ้ากระบวนการนี้ยังไม่ล้มล้างประชาธิปไตย แต่การเล่นงานนายกฯ คือการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่จะต้องการให้คนอื่นที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง มาเป็นนายกรัฐมนตรี หรือจะเป็นการรัฐประหารก็ตาม ซึ่งแนวความคิดของอภิสิทธิ์ คือการเว้นวรรคประชาธิปไตย ฉีกรัฐธรรมนูญ ถือว่าเป็นการรัฐประหาร รูปแบบใหม่ หรือรัฐประหารซ่อนรูป ขณะเดียวกัน หากไม่เดินตามข้อเสนอเขา เขาก็จะบอยคอตการเลือกตั้งนี่คือประตูที่เดินไปสู่การรัฐประหารโดยกองทัพ เราเห็นว่า สุเทพ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้”

คำถามว่า หาก นปช. อยู่ในที่ตั้งถนนอักษะ ฝ่ายสุเทพประกาศชุมนุมในเมือง เมื่อไม่มีมวลชนปะทะ ก็ไม่รุนแรง ทหารก็ไม่สามารถทำรัฐประหารได้?

           นายจตุพรตอบว่า “ผมจึงเชื่อว่า คงจะมีการสร้างเรื่องสร้างราว แต่เราจะลดเงื่อนไขทุกอย่าง แต่เราต้องตรึงกำลัง หากไม่มีคนเสื้อแดงตรึงกำลัง ก็ง่ายต่อการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”

คำถามว่า ขณะนี้ ปัญหาเศรษฐกิจ จะเป็นปัญหาใหญ่ที่บีบให้ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ต้องถูกบีบให้กลับมาสู่สนามเลือกตั้งหรือไม่?

         นายจตุพร ตอบว่า “ความจริงขณะนี้ แต่ละฝ่ายก็รู้แล้วว่า อะไรเกิดขึ้น แต่เขาคิดว่าล้มรัฐบาลนี้ได้อย่างง่ายดาย กลุ่มธุรกิจจึงหนุนอย่างเต็มที่ แต่ปรากฏว่าไม่สามารถล้มรัฐบาลที่มาจากประชาชนได้ เศรษฐกิจจึงพินาศย่อยยับ ในปีหน้า เราจะเป็นประเทศที่มีปัญหาในอาเซียน”

คำถามว่า เมื่อสู้กันมาถึงวันนี้แล้ว ฝ่ายต้องการล้มล้างรัฐบาลน่าจะถอดใจถอย?

       “ผมไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ถอย ความอำมหิตกับความดื้อด้าน จะทำให้เขาเดินหน้าโดยไม่สนใจความหายนะของประเทศ และหากเดินไปถึงสิ้นปี ประเทศไทยจะเหมือนปี 40 ยิ่งเขาเล่นเกมส์ เราจะยิ่งเห็นความพินาศ เมื่อพินาศ เขากลับยิ่งเล่นเกมส์หนักมากขึ้นไม่เคยหยุด เขารู้ดีสุด แต่ว่าความต้องการอยากเอาชนะ บนความต้องการเอาชนะ ประเทศไทยจะอยู่ไม่ได้ เขามีความคิดแช่แข็งประเทศไทย ปิดประเทศ แต่เขาต้องการเอาชนะจึงไม่จำกัดวิธีการ ผลลัพธ์ และความเสียหายที่จะเกิดขึ้น”

         “คนไทยส่วนใหญ่ ต้องการให้ประเทศชาติกลับสู่ความสงบอย่างโดยเร็ว เราพยายาม เรามีความเชื่อว่า หากบ้านเมืองกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยแล้ว ความสงบก็จะกลับคืนมาทันที” นายจตุพร กล่าวทิ้งท้าย.
http://www.redusala.blogspot.com/