วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2554


‘ธาริต’ ลั่นเตรียมออกหมายเรียก 19 แกนนำคดีหมิ่นสถาบัน 
พร้อมจัดการ 21 วิทยุชุมชน

http://prachatai.com/journal/2011/05/34668

Sat, 2011-05-21 01:28


วันนี้ 20 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงภายหลังการประชุมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษการกระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐและล่วงละเมิดสถาบันว่าที่ประชุมได้พิจารณา 2 เรื่องสำคัญคือกรณีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ประสานให้ดีเอสไอตรวจสอบวิทยุชุมชน 6 แห่ง ที่นำคำปราศรัยที่เข้าข่ายล่วงละเมิดสถาบันของนายจตุพร  พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. และพวก เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ไปเผยแพร่ซ้ำ จากการตรวจสอบข้อมูลของตำรวจและทหารพบว่ามีวิทยุชุมชนที่กระทำผิดในลักษณะเดียวกันถึง 21 แห่ง ดีเอสไอ พิจารณารายละเอียดแล้วเห็นว่า คดีมีมูลจึงรับมาดำเนินการ โดยจะแยกสำนวนการสอบสวนจากคดีของนายจตุพรและพวก เพราะไม่อยากให้แต่ละคดีต้องรอกัน อีกทั้งลักษณะการกระทำความผิดมีความแตกต่างกัน เพราะเป็นการนำเทปคำปราศรัยไปเผยแพร่ซ้ำหลายครั้ง รวมถึงสถานที่ที่กระทำความผิดแตกต่างกันหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอ ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อวิทยุชุมชนดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะมีกระทบกับการออกหมายจับ.


นายธาริต ยังกล่าวถึงการดำเนินคดีกับนายจตุพรและพวก ในคดีความผิดที่กระทบความมั่นคงแห่งรัฐ จากการพิจารณาคดีพบว่ามีความเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับการกระทำความผิดเมื่อปี 53 กระทั่งถึงวันที่ 10 เม.ย.โดยพบว่ากลุ่มคนดังกล่าวมีการทำงานในลักษณะเป็นเครือข่าย มีการแบ่งหน้าที่เป็นตัวการร่วมและผู้สนับสนุน มีการทำแผ่นพับ ทำเว็บไซต์ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นฐานความผิดในคดีหมิ่นสถาบันฯ มีลักษณะเป็นความผิดคู่ขนานกับความผิดฐานก่อการร้าย ซึ่งเกี่ยวพันกับบุคคลกลุ่มเดียวกัน และกลุ่มคนดังกล่าวตรงกับแผนผังที่หน่วยงานความมั่นคงได้ระบุไว้ก่อนหน้านี้ สำหรับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา นายจตุพร ไม่ได้กระทำเพียงคนเดียว แต่มีการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน


นายธาริต กล่าวต่อว่า จากพฤติการณ์ดังกล่าวพนักงานสอบสวนเห็นว่าเพียงพอต่อการแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 19 คน จากเดิม 18 คน ได้เพิ่มนายพายัพ ปั้นเกตุ อีกหนึ่งคน ซึ่งรายชื่อของกลุ่มคนดังกล่าวอยู่ในแผนผังของหน่วยงานของความมั่นคงที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษขอให้ดีเอสไอดำเนินคดี  ทุกครั้งเมื่อมีการขึ้นปราศรัยบนเวทีจะมีการพูดปราศรัยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน และรอให้มีการชุมนุม ดังนั้น ดีเอสไอ จะดูทั้งองคาพยพ ในวันที่ 23 พ.ค.นี้ ดีเอสไอจะออกหมายเรียกทั้ง 19 คนให้มารับทราบข้อกล่าวหาทางไปรษณีย์ ส่วนนายจตุพรและนายนิสิต พนักงานสอบสวนจะไปแจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ  จากนั้นในวันที่ 2 มิ.ย. เวลา 09.00 น. ดีเอสไอ ได้นัดผู้ต้องหาทั้ง 19 คนให้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมกันทั้งหมด  และจะส่งตัวไปยังศาลอาญาเพื่อขออำนาจศาลฝากขังทันที  ส่วนศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล และหากผู้ต้องหาไม่ตามหมายเรียก ดีเอสไอจะขออำนาจศาลออกหมายจับต่อไป.
ที่มา: http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=8&contentID=140050
http://redusala.blogspot.com

ผู้ค้าราชประสงค์เผยอยากชุมนุมบ้าง 
ชี้ตำรวจหมดปัญญาจัดการเสื้อแดง

http://prachatai.com/journal/2011/05/34663

Fri, 2011-05-20 22:36


"ชาย ศรีวิกรม์" ตัวแทนเครือข่ายประชาธิปไตยไม่ละเมิดขู่ ตร.จัดการเสื้อแดงชุมนุมไม่ได้ เอกชนจะชุมนุมปิดสี่แยกบ้าง ดูน้ำยาตำรวจจัดการได้ไหม
20 พ.ค. 54 - สำนักข่าวไทยรายงานว่านายชาย ศรีวิกรม์ ตัวแทนเครือข่ายประชาธิปไตยไม่ละเมิด เปิดเผยว่า จากกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมากชุมนุมปิดถนนบริเวณสี่แยกราชประสงค์ โดยปิดเส้นทางจราจรเพื่อตั้งเวทีปราศรัย ส่งผลให้รถเมล์ต้องเปลี่ยนเส้นทาง สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้โดยสารจำนวนมาก และผู้ประกอบการ บริษัท ห้างร้าน พ่อค้าแม่ค้าบริเวณดังกล่าวต้องปิดร้านและต้องประกาศเลิกงานก่อนเวลา โดยโรงแรมรอบราชประสงค์ทั้งหมดได้รับผลกระทบรุนแรง ต่างยกเลิกเข้าห้องพักทุกห้องรวม 1,500 ห้อง ยกเลิกงานสัมมนาและงานเลี้ยงประมาณ 3,000 ราย ส่วนร้านค้าในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าบริเวณใกล้เคียงต้องปิดก่อนเวลา ทั้งห้างเกสร เซ็นทรัลเวิลด์ บิ๊กซี โรงเรียนมาร์แตเดอี และบริษัทต่าง ๆ ต้องเลิกงานกระทบต่อการทำงานและการค้าบริเวณดังกล่าว
ทั้งนี้ ทางกลุ่มไม่ได้คัดค้านการชุมนุมหรือการประท้วงใด ๆ แต่ต้องการรณรงค์ให้มีการจัดระเบียบชุมนุม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น และขอเรียกร้องให้การชุมนุมของทุกกลุ่มยกเลิกวัฒนธรรมการชุมนุมที่นิยมชุมนุมบริเวณย่านธุรกิจที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น โดยไม่รับผิดชอบจากการชุมนุม และขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงเหตุผลการไม่สามารถบริหารจัดการการชุมนุม แม้ภาคเอกชนจะมีข้อเสนอและพร้อมร่วมมือในหลายด้าน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถควบคุมได้ ไม่เช่นนั้นบริษัทห้างร้านบริเวณแยกราชประสงค์จะขอระดมพนักงาน ผู้ค้านับหมื่นคนเดินทางไปปิดแยกไฟแดงแยกใดแยกหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะบริหารจัดการได้หรือไม่
http://redusala.blogspot.com

ตราสัญลักษณ์ที่มุมซ้ายบนจอTVของท่าน
รูปกระต่ายอยู่บนพื้นสีน้ำเงิน มีลายกระหนกสีทอง อันหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภาร

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
21 พฤษภาคม 2554

ตราสัญลักษณ์ที่ปรากฎบนจอโทรทัศน์ทุกช่อง ตรงมุมซ้ายบนนี้ คือตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ซึ่งนายศิริ หนูแดง เป็นผู้ชนะเลิศการประกวดออกแบบ ได้รับเงินรางวัล 400,000 บาท

กระทรวงวัฒนธรรม กำหนดว่าตราสัญลักษณ์ที่ส่งเข้าประกวด ได้แก่ การแสดงถึงความหมายและระบุข้อความ “พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554” การแสดงให้เห็นพระเกียรติคุณ และพระบุญญาธิการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การแสดงให้ประจักษ์ในศิลปวัฒนธรรมไทย เอกลักษณ์ของชาติไทย และแสดงความประจักษ์ในความภาคภูมิใจที่ชาวไทยมีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

การประกวดครั้งนี้มีผู้สนใจส่งผลงานเข้าประกวด 63 คน จำนวนภาพ 112 แบบ และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระ บรมราชวินิจฉัยเกี่ยวกับตราสัญลักษณ์แล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ภาพตราสัญลักษณ์ ผลงานของ นายศิริ หนูแดง ใช้เป็นตราสัญลักษณ์งาน

สำหรับความหมายตราสัญลักษณ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 นั้น ข่าวสดออนไลน์รายงานว่า


อักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. สีเหลืองทอง อันเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ อยู่กลางตราสัญลักษณ์ ขลิบรอบตัวอักษรด้วยสีทอง บนพื้นวงกลมสีน้ำเงิน ล้อมรอบด้วยกรอบโค้งเรียบสีเหลืองทอง หมายความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติ


ด้านบนอักษรพระปรมาภิไธยเป็นเลข 9 หมายถึงพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 9 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เลข 9 นั้นอยู่ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ อันเป็นเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์ และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราช


ถัดลงมาด้านข้างซ้ายขวาของอักษรพระปรมาภิไธย มีลายพุ่มข้าวบิณฑ์สีทอง ซึ่งมีสัปตปฎลเศวตฉัตรประดิษฐานอยู่เบื้องบน


ด้านนอกสุดเป็นกรอบโค้งมีลวดลายสีทองบนพื้นสีเขียว หมายถึง สีอันเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ อีกทั้งยังหมายถึงความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ และความสงบร่มเย็น


ด้านล่างอักษรพระปรมาภิไธยเป็นรูปกระต่ายสีขาว กระต่ายนั้นทรงเครื่องอยู่ในลักษณะกำลังก้าวย่าง อันหมายถึงปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ตรงกับปีเถาะ ซึ่งมีกระต่ายเป็นเครื่องหมายแห่งปีนักษัตร


รูปกระต่ายอยู่บนพื้นสีน้ำเงิน มีลายกระหนกสีทอง อันหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภาร


เบื้องล่างตราสัญลักษณ์เป็นแพรแถบสีชมพูขลิบทอง เขียนอักษรสีทอง ความว่า พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554
สำหรับการปรากฎตราสัญลักษณ์นี้บนจอทีวี กระทู้เฉลิมไทย พันทิปรายงานว่า เริ่มเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์ ช่อง 11 ได้นำตราสัญลักษณ์ พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7รอบ (84พรรษา) เป็นช่องลำดับแรก ตอนเวลาประมาณ 13.45น. (รายการ กอล์ฟ พาราไดซ์ วันหยุด)

ช่องต่อมาที่ได้โชว์ตราสัญลักษณ์บนจอทีวีลำดับที่ 2 ก็คือ ช่อง 5 ได้โชว์ครั้งแรก เมื่อวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม เวลา 16.15น.(รายการอร่อยช่อง 5)

ช่องต่อมาที่ได้โชว์ตราสัญลักษณ์บนจอทีวี ลำดับที่ 3 ก็คือ ช่อง 7 ได้โชว์ครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม เวลา 17.00น. (ข่าวค่ำช่วงที่1)

ช่องต่อมาที่ได้โชว์ตราสัญลักษณ์บนจอทีวี ลำดับที่ 4 ก็คือ ช่อง 3 ได้โชว์ครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม เวลา 00.00น. (ภ.จีน มือปราบเหนือมิติ)

ช่องต่อมาที่ได้โชว์ตราสัญลักษณ์บนจอทีวี ลำดับที่ 5 ก็คือ ช่อง 9 ได้โชว์ครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม เวลา 01.00น.

และช่องสุดท้ายที่ได้โชว์ตราสัญลักษณ์บนจอทีวี ลำดับที่ 6 ก็คือ ช่อง Thai PBS ได้โชว์ครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม เวลา 17.00น. (ข่าวภาคเย็น)

และมีปรากฎตราสัญลักษณ์นี้ในสถานีข่าวTNN24 ของTRUE VISION และNATION CHANNELด้วยในเวลานี้

ทั้งนี้มีประกาศจากร้านชะล่อมธงไทยทางเวปไซต์พันทิปว่า
จำหน่ายธงตราสัญลักษณ์ครบ 7 รอบ ธงตราสัญลักษณ์ใหม่ สวยงาม สำหรับ อบต เทศบาล โรงเรียน โรงงาน หน่วยงานราชการ ราคาโรงงาน สนใจติดต่อ 0865225721 0812987446 ราคา12-800บาท ขายปลีกและส่ง โดยจัดส่งทั่วโลก
http://redusala.blogspot.com

ที่นี่ความจริงจาก2อาจารย์สาว:แดนตาราง


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
ที่มา Asia Update TV

รายการที่นี่ความจริง ตอนวันที่ 16 พฤษภาคม ทางโทรทัศน์ Asia Update-DNN ดำเนินรายการโดย 2 นักวิชาการสาวหัวใจประชาธิปไตย ผศ.ดร.สุดา รังกุพันธ์ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (อาจารย์หวาน) และ รศ.สุดสงวน สุธีสร อาจารย์คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อาจารย์ตุ้ม)

ส่วน ผศ.ดร.จารุพรรณ กุลดิลก อาจารย์พิเศษคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (อาจารย์จา)งดดำเนินรายการ เนื่องจากลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ


รายการที่นี่ความจริง วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2554มีประเด็นสำคัญดังนี้

การถอนประกันคุณจตุพรและคุณนิสิต




การที่อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษออกมาแสดงความพอใจในการที่ศาลสั่งถอนประกันแกนนำนปช. 2 คน คือคุณจตุพรและคุณนิสิต ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และยังขู่จะยื่นถอนประกันคนอื่นเพิ่มอีก ซึ่งแสดงถึงอคติส่วนตัวของผู้ใช้กฎหมาย

นอกจากการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้แล้ว การปฏิบัติงานของอัยการตลอดมาก็แสดงถึงความลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด ที่ยื่นฟ้องทุกคดีของเสื้อแดงอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่ฟ้อง หรือยื่นฟ้องช้ามากในกรณีของเสื้อเหลือง ทั้ง ๆ ที่ฝ่ายเสื้อเหลืองมีหลักฐานชัดเจน

ส่วนเสื้อแดง ผลพิสูจน์ยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าได้ฆ่ากันเอง หรือก่อการร้ายจริงหรือไม่ อีกทั้งข้ออ้างในการถอนประกันนั้นคือเรื่องของการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเป็นเพียงข้อกล่าวหาจากทางหองทัพและรัฐบาล

การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง




ต่างชาตินั้นเห็นด้วยกับการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองโดยการเลือกตั้งใหม่ แต่ข่าวต่างประเทศอย่างรอยเตอร์ยังคงตั้งข้อสงสัยในเรื่องของกองทัพ ที่ยังหนุนหลังอภิสิทธิ์ว่า จะยอมให้มีการเลือกตั้งอย่างเสรีหรือไม่ การที่สื่อของรัฐอย่างช่อง 11 ยังคงใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดงต่อไป และฝ่ายยุติธรรมยังคงพยายามหาทางเอาผิดคนเสื้อแดง ทั้งด้วยคดีที่มีและไม่มีสาระ พยายามบั่นทอนทั้งเสรีภาพในการพูดและการแสดงออก ซึ่งคนเสื้อแดงจะต้องรู้ทัน และระวังตัวจากคนเหล่านี้ให้ดี

******
รายงานเกี่ยวเนื่อง:แดงEUยื่นหนังสือประธานสภายุโรปสังเกตโกงเลือกตั้งไทย เพิ่มแรงบีบกดดันปล่อยจตุพร-นักโทษการเมือง

http://redusala.blogspot.com

แดงEUยื่นหนังสือประธานสภายุโรปสังเกตโกงเลือกตั้งไทย เพิ่มแรงบีบกดดันปล่อยนักโทษการเมือง



โดย ประชาสัมพันธ์ุ UDD THAI OF EUROPE




คณะผู้แทน UDD THAI OF EUROPE (เสื้อแดงสหภาพยุโรป) เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องต่อประธานสภายุโรป ณ กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยี่ยม เรียกร้องให้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแกนนำนปช. และแนวร่วมที่ถูกคุมขังละเมิดสิทธิมนุษยชน และเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งในไทยที่กำลังจะมีขึ้น

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม คณะกรรมการ UDD THAI OF EUROPE นำโดยประธานที่ปรึกษากิติมศักดิ์ คุณสัมฤทธิ์ และรองประธาณฯแดงอียูคือคุณขวัญใจ เนตรแสงศรี นำคณะตัวแทนจากประเทศต่างๆที่เป็นสมาชิกอยู่ใน UDD THAI OF EUROPE เข้ายื่นหนังสือเรียกร้องต่อนายเฮอร์มัน ฟาน รอมปุย ( Monsieur le President Herman Van Rompuy )ประธานสภายุโรป ( President du CONSEIL EUROPEEN )โดยไดัรับการช่วยเหลือและประสานงานจากคุณ คริสเตรียน วันเดอเฮเกอร์ ประธานองค์การโลกเพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยจากเบลเยี่ยม นำคณะเข้าพบ เลขาฯประธานสภายุโรปเพื่อส่งมอบหนังสือต่อประธานสภายุโรป

ซึ่งเหตุผลหลักและเร่งด่วนในการเรียกร้องครั้งนี้คือ

1.ให้ปล่อยตัวคุณจตุพร พรหมพันธ์ุ แกนนำนปช.แดงทั้งแผ่นดิน และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส พรรคเพื่อไทย กับคุณนิสิต สินธุไพร อดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชนและแกนนำ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน พร้อมทั้งผู้ที่ถูกจองจำจากการออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยทุกท่านให้ออกมาต่อสู้ทางคดี โดยเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมที่เป็นมาตรฐานเดียวกันกับฝ่ายของผู้มีอำนาจ ไม่ใช่สองมาตรฐานอย่างที่เป็นอยู่

2.ให้ทางสภายุโรปเข้ามามีส่วนร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่3กรกฎาคมนี้ เนื่องจากพี่น้องคนไทยส่วนใหญ่เกิดความวิตกกังวลเรื่องการโกงคะแนนเลือกตั้ง และใช้วิชามารทุกวิถีทางรวมทั้งข่มขู่ สร้างความหวาดกลัวให้กับพี่น้องประชนผู้รักประชาธิปไตยที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยที่จะไม่ให้พรรคเพื่อไทยที่ได้รับเสียงข้างมาก ที่มีฝ่ายประชาธิปไตยสนับสนุนเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งได้เคยเกิดขึ้นมาเมื่อครั้งรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งได้รับเสียงข้างน้อยร่วมมือกับฝ่ายผู้มีอำนาจในประเทศไทยกระทำมาแล้ว จึงทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งและความไม่สงบในประเทศไทย จนเป็นสาเหตุให้เกิดการออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ยุบสภา และนำพาไปสู่การสังหารโหดประชาชนผู้ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยกว่า 90 ชีวิต และบาดเจ็บอีกว่า2,000ราย ซึ่งล่วงเลยมาครบ1ปี ยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้

หลังจากได้เข้าพบท่านเลขาประธานฯสภายุโรปแล้ว ท่านได้รับปากว่าจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งสร้างความปิติยินดีกับคณะแดงอียูและผู้ที่ช่วยประสานงานทุกท่าน

การเรียกร้องดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังจากที่แดงสหภาพยุโรป ได้เดินทางกลับจากเข้าร่วมกิจกรรมและมอบเงินเยียวยาพี่น้องคนเสื้อแดงเมื่อวันครบรอบ 1 ปีการสังหารโหดที่สี่แยกคอกวัว จนได้รับผลกระทบจากการที่ออกมาร่วมเรียกร้อง ประชาธิปไตยเมื่อปีที่แล้ว คณะ นปช.แดงอียูก็ได้รับข่าวจากทางรัฐบาลประกาศยุบสภา และเอาข้อกฎหมายที่ตัวเองยังมีอำนาจอยู่ใช้ความพยายามถอนประกันคุณจตุพร พรหมพันธ์ุ และ คุณนิสิต สินธุไพร โดยข้ออ้าง ตามที่เป็นข่าวอยู่ทั่วโลกในขณะนี้

คลิกชมภาพทั้งหมดได้ที่นี่ www.thairedeu.com
http://redusala.blogspot.com

ดร. สมศักดิ์ เจียมฯ รับทราบข้อกล่าวหาพร้อมกำลังใจและกองทัพนักข่าว - ปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมสู้คดี


ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์วัย 53 ปีแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นอดีตผู้นำนักนักศึกษา มีผู้สนับสนุนจำนวนมากถือป้ายให้กำลังใจที่สถานีตำรวจในกรุงเทพฯเมื่อ วันที่ 11 พฤษภาคม ทั้งนี้กองทัพไทยได้ยื่นฟ้องกล่าวหาต่อนักประวัติศาสตร์ว่า หมิ่นประมาทให้ร้ายสถาบันกษัตริย์ ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 15 ปี โดยเป็นการแสดงหน้าที่สำคัญอีกบทบาทหนึ่งของทหารในการปกป้องสถาบันสูงสุดของประเทศ ช่วงระหว่างการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งของประเทศ

อาจารย์สมศักดิ์ได้ไปแสดงตัวที่สถานีตำรวจนครบาลนาเลิ้งในวันพุธ เพื่อที่จะให้ปากคำตามหมายเรียกของตำรวจ โดยมาตรา 112 นั้นเกี่ยวข้องกับประมวลกฏหมายอาญาของประเทศไทย เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดต่อสถาบันกษัตริย์ ป้ายที่อยู่ด้านหลังอ่านว่า "อาจารย์ครับเรายืนข้างคุณ"(ภาพข่าว:รอยเตอร์)




ขอบคุณภาพจากมติชน

ที่มา ประชาไท

11 พฤษภาคม 2554


สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล รับทราบข้อกล่าวหา 112 ที่ สน.นางเลิ้ง ท่ามกลางประชาชน-สื่อไทย-เทศรอทำข่าว เบื้องต้นปฏิเสธข้อกล่าวหา พร้อมสู้คดี ฝากติดตามผู้ต้องหาที่ไม่ได้สิทธิประกันตัวด้วย ด้านทหารอากาศที่โดนข้อหาโพสต์หมิ่นในเฟซบุ๊ก ดอดให้กำลังใจ
(11 พ.ค.54) เวลาประมาณ 09.30น. ที่ สน.นางเลิ้ง สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหามาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ตามที่ได้รับหมายเรียก โดยมีอาจารย์จากกลุ่มนิติราษฎร์ คือ สาวตรี สุขศรี และปิยบุตร แสงกนกกุล ร่วมเป็นพยานในการรับทราบข้อกล่าวหา นอกจากนี้ มีประชาชนซึ่งส่วนใหญ่สวมเสื้อสีแดงมาร่วมให้กำลังใจราว 50-60 คน พร้อมทั้งนักข่าวไทยและต่างประเทศที่มารอทำข่าวจำนวนมาก
สำหรับกิจกรรมในบริเวณ สน. มีการชูป้ายให้กำลังใจนายสมศักดิ์ รวมทั้งตะโกน "No Lese Majeste Law" ด้วย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการร้องเพลงหมู่ ที่นำโดย จิ้น กรรมาชน
จากนั้น เวลาประมาณ 11.00น. สมศักดิ์ได้เดินออกมาจากห้องพนักงานสอบสวนพร้อมทั้งชี้แจงต่อผู้สื่อข่าวว่า วันนี้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา มาตรา 112 ซึ่งกองทัพบกเป็นผู้รองทุกข์กล่าวโทษ จากกรณีที่ตนได้เขียนบทความภาษาไทยเกี่ยวกับการให้สัมภาษณ์ของเจ้าฟ้าหญิง จุฬาภรณ์ 2 ชิ้น ซึ่งเผยแพร่ในเว็บไซต์ต่างๆ ราวปลายเดือนมีนาคม-เมษายน โดยในชั้นนี้ยังไม่ต้องมีการประกันตัว เบื้องต้นได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาและพร้อมต่อสู้ในชั้นต่อไป โดยจะทำคำให้การอย่างเป็นทางการส่งให้เจ้าหน้าที่ภายในสองสัปดาห์นี้ เบื้องต้นมีศรัทธา หุ่นพยนต์ เป็นทนายความเฉพาะหน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความมั่นใจในการสู้คดีมากน้อยเพียงใด สมศักดิ์ตอบว่า ค่อนข้างมั่นใจมากในต่อสู้คดี เพราะมาตรา 112 ไม่ได้ครอบคลุมถึงกรณีบทความของตน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่กองทัพบกเป้นผู้ฟ้องคดีเอง ไม่ใช่ประชาชนทั่วไป สะท้อนสภาวะการเมืองอย่างไรหรือไม่ สมศักดิ์กล่าวว่า อยากให้ตั้งข้อสังเกตเช่นกันว่ากองทัพมีหน้าที่ปกป้องประเทศตามนโยบายรัฐบาล แล้วการฟ้องคดีนี้เป็นหน้าที่ของกองทัพหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การถูกดำเนินคดีนี้จะทำให้ลดบทบาทตนเองในการแสดงความเห็นหรือบรรยายสาธารณะ เกี่ยวกับบทบาทสถาบันฯ หรือไม่ สมศักดิ์บอกว่า การฟ้องคดีนี้อย่างครอบจักรวาลในหลายกรณีทำให้ผู้คนหวาดกลัวที่จะพูด ในกรณีของตนนั้น ต้องทบทวนดูก่อน ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตว่ามีแนวโน้มในระยะหลังว่ารัฐใช้กฎหมายนี้อย่างพร่ำเพรื่อ ทั้งที่บางทีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่พูดหรือแสดงความเห็น
ต่อคำถามว่า คิดว่าจะได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดีหรือไม่ สมศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ค่อยแน่ใจ อย่างการเอ็กเซอร์ไซส์ของกองทัพทุกวันในระยะนี้ก็เป็นเรื่องที่นอกเหนือ กฎหมาย
ทั้งนี้ สมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า "อยากฝากให้ช่วยกันติดตามคดีของหลายๆ ท่าน อย่างคุณสมยศ อากง หรือใครก็ตามที่ไม่ได้รับการประกันตัวเลย ทั้งที่เป็นกระบวนการเริ่มแรก สิทธิในการประกันตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในทางสากล อยากให้ทุกท่านช่วยกันติดตามกรณีเหล่านี้ด้วย"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่สมศักดิ์เดินทางกลับ ประชาชนที่มาให้กำลังใจได้มอบดอกกุหลาบสีแดงให้กำลังใจพร้อมทั้งตะโกนว่า "อาจารย์เป็นตัวแทนของพวกเรา เป็นสัญลักษณ์ของพวกเรา ที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย" "พวกเราจะอยู่เคียงข้างอาจารย์สมศักดิ์ๆ" ซึ่งสมศักดิ์ได้กล่าวขอบคุณผู้มาให้กำลังใจพร้อมย้ำอีกครั้งว่าให้ช่วย ติดตามกรณีของคนอื่นๆ ที่ไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัวด้วยเช่นกัน

ทหารอากาศที่โดนข้อหาโพสต์หมิ่นในเฟซบุ๊ก ร่วมให้กำลังใจด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทหารอากาศนายหนึ่ง ยศนาวาอากาศตรี ซึ่งถูกกองทัพอากาศแจ้งความดำเนินคดีเมื่อวันที่ 4 พ.ย.53 กรณีที่มีการร้องเรียนจากนายทหารเรือนายหนึ่งว่าทหารอากาศผู้นี้โพสต์ข้อ ความในเฟซบุ๊กที่อาจเข้าข่ายหมิ่นสถาบัน ได้เดินทางมาให้กำลังใจสมศักดิ์ด้วย โดยผู้สื่อข่าวต่างประเทศให้ความสนใจกับคดีของเขาอย่างมาก
เขาให้สัมภาษณ์ว่า คดีของตนเอง ศาลทหารได้ให้พิจารณาเป็นการลับ และจะมีการสืบพยานโจทก์นัดแรก 14 ก.ค. ขณะนี้ ตนเองถูกสั่งพักราชการแล้วตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. หลังจากถูกสำรองราชการกว่า 6 เดือน
เขาแสดงความเห็นว่า มาตรา 112 เป็นการนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการนำมาจัดการกับผู้ที่มีความ เห็นต่างจากผู้มีอำนาจ เขายอมรับว่ากรณีของเขามีการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในเฟซบุ๊กจริง แม้ว่าในแง่ของทหารแล้ว การวิจารณ์รัฐบาลเป็นการผิดระเบียบเพราะเป็นการวิจารณ์ผู้บังคับบัญชา แต่เขาวิจารณ์ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ส่วนการเชื่อมโยงไปถึงมาตรา 112 ค่อนข้างมั่นใจว่าจะสู้คดีได้ โดยยกตัวอย่างว่าเพราะเพียงแต่โพสต์เพลงถั่งโถมโหมแรงไฟ ก็ถูกนำไปเชื่อมโยงเป็นความผิดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองก่อนหน้านี้หรือไม่ เขาตอบว่าไม่เคยเข้าร่วม เมื่อถูกถามว่า อะไรเป็นจุดเปลี่ยนให้หันมาคานผู้มีอำนาจ เป็นเพราะรัฐประหารหรือไม่ เขาตอบว่า รู้สึกเฉยๆ กับการรัฐประหาร เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดขึ้น ส่วนจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทนไม่ได้ คือการฆ่าประชาชนของรัฐบาลเมื่อเม.ย.ปีที่แล้ว เพราะตนเป็นทหารประชาธิปไตย
ขอบคุณภาพจาก By Ple Roses Are Red
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด่วน: ดร. สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล แถลงข่าวคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ 
ด่วน: โปรดช่วยกันปกป้องนักวิชาการที่ทำงานอย่างซื่อตรงเช่น อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
สมศักดิ์ เจียมฯ:บันทึกเปิดผนึก เรียน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ว่าด้วย "ความยุติธรรม"
สมศักดิ์ เจียมฯ:เรียนถามฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ; ตาย 91 เจ็บ 2 พัน ไม่น่าสะเทือนใจกว่าการ"เผาบ้านเผาเมือง"หรือครับ? และเหตุใดไม่ทรงวิจารณ์พันธมิตรครับ?


http://redusala.blogspot.com

โปรดเกล้าฯชลิตเป็นองคมนตรีใหม่
พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผบ.ทอ.และรองประธานคมช.คนที่1 (นั่งขวาสุด)เข้าเฝ้าฯทั้งสองพระองค์ พร้อมกับคณะคมช. และพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี เมื่อคืนวันที่ 19กันยายน 2549


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศ ว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งองคมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 8 เมษายน พุทธศักราช 2551 แล้วนั้น

บัดนี้ ทรงพระราชดำริเห็นเป็นการสมควรแต่งตั้งองคมนตรีเพิ่มขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 ประกอบกับมาตรา 13 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุก เป็นองคมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ 18 พฤษภาคม พุทธศักราช 2554 เป็นปีที่ 66 ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี




อนึ่งพลอากาศเอกชลิต เป็นอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ และเป็นรองประธานคมช. ซึ่งทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
http://redusala.blogspot.com

ปราบดา หยุ่น-ทราย เจริญปุระผนึก8นักเขียนดังล่าชื่อนักเขียนแก้ 112 หยุดใช้คดีหมิ่นฯปิดกั้นเสรีภาพ
ทราย เจริญปุระ 1ใน8นักเขียนผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อ


หมายเหตุไทยอีนิวส์:นักเขียนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย บินหลา สันกาลาคีรี,ปราบดา หยุ่น,ทราย เจริญปุระ,วาด รวี,ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง,ซะการีย์ยา อมตยา,กิตติพล สรัคคานนท์ และ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงเพื่อนนักเขียนไทยทั่วประเทศ เรื่อง: ขอเชิญร่วมลงชื่อในการเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาตรา 112 และยุติการใช้ข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพปิดกั้นการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นทางการเมือง


ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้


เพื่อนนักเขียนทุกท่าน เรา - นักเขียนผู้มีรายชื่อในท้ายจดหมายฉบับนี้ เชื่อว่าท่านคงเห็นด้วยว่า เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น คือหัวใจสำคัญของการเป็นนักเขียนในสังคมประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนประเภทใด ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนผู้ทำงานเขียนเพื่อเลี้ยงชีพ หรือเป็นนักเขียนผู้ผลิต “งานสร้างสรรค์” ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนผู้มีอุดมการณ์ ศรัทธา และความเชื่อส่วนตัวเช่นไร เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น ถือเป็นพื้นฐานสำคัญเบื้องต้นที่เอื้อให้นักเขียนทุกคนทุกแขนงในสังคม ได้มีพื้นที่ มีอิสรภาพ และมีโอกาสในการพัฒนาทั้งคุณภาพผลงานและทั้งคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่โดยเท่าเทียมกัน

เมื่อใดก็ตามที่เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นตกอยู่ในสภาวะบอบบาง อ่อนแอ และสั่นคลอน สถานภาพของการเป็นนักเขียนในสังคมประชาธิปไตยย่อมตกอยู่ในสภาวะบอบบาง อ่อนแอ และสั่นคลอนไปด้วย ผลกระทบเบื้องต้น คือการหยุดชะงักของโอกาสในการพัฒนาความรู้ ความคิด และการสร้างสรรค์งานเขียน เนื่องเพราะถูกจำกัดขอบเขตการแสดงออกและการสานต่อทางปัญญา ผลกระทบขั้นรุนแรงกว่าคือการต้องใช้ชีวิตและทำงานภายใต้บรรยากาศอันมืดมิด ภายใต้ความหวั่นวิตกถึงการสูญเสียสิทธิ สูญเสียอิสรภาพอย่างไม่เป็นธรรม และหวาดกลัวต่ออันตรายที่อาจเกิดกับตนเองและครอบครัว

สังคมไทยขณะนี้ มีการนำกฎหมายอาญามาตรา 112 มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยคนหลายกลุ่มหลายฝ่าย มีการใช้มาตราดังกล่าวในการข่มขู่คุกคาม กระทั่งฟ้องร้องดำเนินคดี คุมขังและริดรอนอิสรภาพของประชาชนผู้ถูกกล่าวหาจำนวนมาก ทำให้เห็นว่าสังคมไทยกำลังก้าวล่วงสู่สภาวการณ์ที่เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นถูกคุกคามอย่างอยุติธรรมมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือไปจากความกังวลในฐานะประชาชนที่อาจต้องเผชิญกับการคุกคาม เราในฐานะนักเขียน ย่อมมิอาจนิ่งดูดายและปล่อยให้หัวใจสำคัญของการเป็นนักเขียนและการทำงานเขียนภายใต้สังคมประชาธิปไตย ต้องตกอยู่ในวิกฤตเช่นนี้

ข้อความสั้น ๆ ของกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่กล่าวว่า:
“ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”
ได้ถูกนำมากล่าวอ้างกล่าวหาเพื่อประโยชน์ทางการเมือง เพื่อข่มขู่ ฟ้องร้อง และคุมขังประชาชน

หลายครั้งเป็นการตีความกฎหมายโดยกว้าง เช่น แม้แต่การไม่ยืนถวายพระพรเมื่อมีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีก็กลายเป็นความผิดฐานดูหมิ่นได้

นอกจากนั้น กระบวนการบังคับใช้กฎหมายมาตรานี้ ยังได้ฉวยใช้ความรู้สึกต่อองค์พระมหากษัตริย์ของคนทั่วไป มารวบรัดขั้นตอนการดำเนินคดี ไม่ดำเนินคดีตามกระบวนการที่ถูกต้องเหมาะสมตามกฎหมาย หากแต่เป็นการดำเนินคดีตามอำเภอใจ เช่นสั่งให้มีการไต่สวนโดยปิดลับ และห้ามสื่อมวลชนทำข่าว

จนกระทั่งบัดนี้ แม้แต่สื่อมวลชนและนักวิชาการที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยของรัฐบาล ซึ่งอภิปรายเรื่องการเมืองที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันกษัตริย์อย่างเป็นวิชาการ ยังถูกฟ้องร้องดำเนินคดีด้วยกฎหมายมาตรา 112 เช่นกัน

หลายกรณีที่เกิดขึ้น เราไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นการ “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย” อย่างไร นอกจากเป็นเพียงแต่การพยายามนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ด้วยเหตุผลและข้อมูลทางประวัติศาสตร์อย่างตรงไปตรงมา ด้วยกิริยาและวาจาที่อยู่บนมาตรฐานของมนุษย์ผู้มีอารยธรรม อีกทั้งยังเป็นการแสดงทัศนะที่เกิดจากเจตนารมณ์อันดีต่อสถาบันกษัตริย์และสังคมไทย เป็นการนำเสนอแนวทางที่จะสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้กับสถาบันกษัตริย์ในระยะยาว มิได้ลบหลู่ล่วงเกิน หรือต้องการ “ล้ม” สถาบันแต่ประการใด

บรรยากาศของความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในสังคม และพฤติกรรมคุกคามโดยคนบางกลุ่ม เช่น ทหารไทยที่ออกมาตบเท้าข่มขู่ประชาชนและฟ้องร้องนักวิชาการ ตอกย้ำให้เราตระหนักว่า ถึงเวลาแล้วที่สังคมต้องนำกฎหมายอาญามาตรา 112 มาเป็นประเด็นทบทวนพิจารณาปรับปรุงแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันมิให้เสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นของประชาชนถดถอยล้าหลัง ก้าวย่างไปสู่ยุคมืด หรือถูกทำลายลงโดยสิ้นเชิงในที่สุด

ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องแยกแยะ “การล้มสถาบัน” ออกจากการอภิปรายเพื่อนำไปสู่เสถียรภาพทางสังคมในระยะยาว และการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดของประชาชน ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ในฐานะประชาชนชาวไทยผู้มีความเป็นห่วงและกังวลต่อสภาวการณ์บ้านเมืองภายใต้บรรยากาศของความหวาดกลัว และในฐานะนักเขียนไทยผู้หวงแหนเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น เราต้องการเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยเร็วที่สุด และสนับสนุนการนำแนวทางที่ปัญญาชนบางกลุ่มบางท่าน (เช่น กลุ่มนิติราษฎร์ อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และกลุ่มอื่นๆ) ได้เสนอแนะไว้ในหลายวาระ ขึ้นมาพิจารณาประกอบกัน เพื่อนำไปสู่บทสรุปที่เป็นธรรมและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคมไทย

นอกจากนี้ เราต้องการเรียกร้องให้ผู้ใช้สถาบันกษัตริย์เป็นข้ออ้างในการแสดงบทบาทและวางอำนาจทางการเมือง เช่น ทหาร ได้ยุติพฤติกรรมดังกล่าว และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง หากความสงบสุข ความสามัคคี และความเป็นธรรม คือสิ่งที่ท่านต้องการให้เกิดขึ้นอย่างบริสุทธิ์ใจ

ในสังคมประชาธิปไตยที่ประกอบด้วยความแตกต่างหลากหลาย การเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความเชื่อและความคิดเห็นที่แตกต่าง คือกระบวนการที่ช่วยให้เกิดความมั่นคงในการอยู่ร่วมกัน และช่วยบรรเทาความรุนแรงของความขัดแย้งที่สามารถบังเกิดตามธรรมชาติของสังคม การประนีประนอมนั้นมิได้เกิดจากความกลัว หากแต่เกิดจากการฝากความหวังไว้กับการเรียนรู้ของประชาชน และฝากความเชื่อมั่นไว้กับสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน หากเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นของประชาชนถูกคุกคามและสั่นคลอน ความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อระบอบประชาธิปไตยและต่อประเทศของตน ย่อมสั่นคลอนเสื่อมถอยอย่างไม่ต้องสงสัย

เพื่อนนักเขียนที่เคารพทุกท่าน เรา - นักเขียนผู้มีรายนามในท้ายจดหมายนี้ ต้องการเรียกร้องให้มีการทบทวน ปรับปรุง แก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อความมั่นคงของประชาธิปไตย เพื่อความเป็นธรรมในสังคม เพื่อความยืนยงของสถาบันกษัตริย์ และเพื่ออนาคตของประเทศชาติ

เรา - นักเขียนผู้มีนามต่อท้ายจดหมายฉบับนี้ มั่นใจว่าเพื่อนนักเขียนทุกท่านตระหนักถึงความสำคัญของเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น และหากท่านเห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง เห็นด้วยว่าต้องยุติการใช้ข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เราขอเรียนเชิญให้ท่านร่วมแสดงออกกับเราในครั้งนี้ ด้วยการลงชื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าวในฐานะนักเขียน

เราย้ำว่าเสียงของท่านมีความสำคัญกับผู้ที่กำลังถูกดำเนินคดีอย่างไม่ยุติธรรมทุกคน ทั้งในอดีต และในอนาคต เราขอให้ท่านสละเวลาลงชื่อเพื่อร่วมเรียกร้องด้วยกันกับเรา ตามช่องทางที่ระบุไว้ท้ายจดหมายฉบับนี้


19 พฤษภาคม 2554

บินหลา สันกาลาคีรี

ปราบดา หยุ่น

ทราย เจริญปุระ

ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง

ซะการีย์ยา อมตยา

กิตติพล สรัคคานนท์

วรพจน์ พันธุ์พงศ์

วาด รวี



หมายเหตุ – ท่านสามารถติดต่อลงชื่อได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้


1. ติดต่อกับเจ้าภาพทั้งแปดโดยตรง
2. อีเมล thaiwriteranti112@rocketmail.com
3. http://www.thaipoetsociety.com/index.php?topic=3668.0
4. แฟกซ์: ถึง วาด รวี ที่เบอร์             02 439 3536 begin_of_the_skype_highlighting            02 439 3536      end_of_the_skype_highlighting      
5. จดหมาย: วารสารหนังสือใต้ดิน 825/666 หมู่ 1 ประชาอุทิศ ทุ่งครุ กรุงเทพฯ 10140
6. facebook: UndergroundBuleteen Thailand

*******

อัพเดตรายชื่อผู้ร่วมลงนามในเวบไซต์ www.thaipoetsociety.com

1. กฤช เหลือลมัย
2. สุเจน กรรพฤทธิ์
3. กวีอราสุ
4. ธีรภัทร เจริญสุข
5. พรสุข เกิดสว่าง
6. สานุ อร่ามเอกวนิช
7. สรายุทธ์ ธรรมโชโต
8. นงลักษณ์ หงส์วิเศษชัย
9. เฉลิมพันธุ์ หวันชิตนาย
10. เดือนวาด พิมวนา

11. ประกาย ปรัชญา
12. นพดล ปรางค์ทอง
13. นพรุจ หิญชีระนันทน์
14. กิตติกา บุญมาไชย
15. ภาณุ มณีวัฒนกุล
16. วิจักขณ์ พานิช
17. เกียรติศักดิ์ ประทานัง (ปั้นคำ)
18. สฤณี อาชวานันทกุล
19. ชญานิน เตียงพิทยากร
20. ทองธัช เทพารักษ์

21. “ผาดไหม”
22. อธิฌลา (อันธิฌา ทัศคร)
23. ดาราณี ทองศิริ
24. นิติพงศ์ สำราญคง
25. ศรัทธา แสงทอน
26. สหรัฐ พัฒนกิจวรกุล
27. วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล
28. ปราย พันแสง
29. คณพล วงศ์วิเศษไพบูลย์
30. บุญชิต ฟักมี

31. สิทธา วรรณสวาท
32. นิศากร แก่นมีผล
33. อาทิชา ตันธนวิกรัย
34. ฉันทลักษณ์ รักษาอยู่ (มน. มีนา)
35. การะเกตุ ศรีปริญญาศิลป์ (การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์)
36. วรัญญู อินทรกำแหง
37. พิชญา โชนะโต
38. พีระ ส่องคืนอธรรม
39. วรวุฒิ สัจจะปรเมษฐ
40. พิเชฐ แสงทอง

41. คำ ผกา
42. โคจร สมุทรโชติ
43. ภู่มณี ศิริพรไพบูลย์
44. วิชัย ดวงมาลา
45. แก้วตา ธัมอิน
46. พิรุณ อนุสุริยา
47. พณ ลานวรัญ
48. ธิติ มีแต้ม
49. ธาริต โตทอง
50. ภูมิภัทร์ สงวนแก้ว

51. ณัฐชา วิวัฒน์ศิริกุล
52. มหรรณพ โฉมเฉลา
53. รวิวาร โฉมเฉลา
54. ปิยะพันธ์ เลิศคุณากร
55. นฤพนธ์ สุดสวาท
56. ณภัค เสรีรักษ์
57. ธนะ วงษ์มณี
58. อนุพงษ์ เทพวรินทร์
59. จรูญพร ปรปักษ์ประลัย
60. ระยิบ เผ่ามโน

61. อรุณรุ่ง สัตย์สวี
62. รางชาง มโนมัย
63. ภู กระดาษ
64. มัคคุเทศก์ทางวิญญาณ
65. รน บารนี
66. ธีร์ อันมัย
67. วิวัฒน์ เลิศฯ (วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา)
68. มูหัมหมัดฮาริส กาเหย็ม
69. พรพิมล ลิ่มเจริญ
70. ก่องแก้ว กวีวรรณ

71. กตัญญู สว่างศรี
72.หรินทร์ สุขวัจน์
73. สมหวัง ดังพ่อตั้งจิต
74. คาล รีอัล
75. กฤชวัชร์ เตชะวณิย์
76. ชานันท์ ยอดหงษ์
77. นราวุธ ไชยชมภู
78. จรัส โฆษณานันท์
79. อนันต์ เกษตรสินสมบัติ
80. วิวัฒน์ จ่างตระกูล (Wiwat Chang)

81. โอปอล์ ประภาวดี
82. วีรพงษ์ สุนทรฉัตราวัฒน์
83. ภัทรภร วาดกลิ่นหอม
84. ภัควดี วีระภาสพงษ์
86. อำพล ฐาปนพันธ์นิติกุล
87. อาทิตย์ ศรีจันทร์
88. สิรนันท์ ห่อหุ้ม
89. ทินกร หุตางกูร
90. อธิคม คุณาวุฒิ

91. กรรณิการ์ กิจติเวชกุล
92. กันต์ธร อักษรนำ
93. อโนชา ปัทมดิลก
94. วิสัย เร็วเรียบ
95. รชา พรมภวังค์ (ลือชา กิจบำรุง)
96. กุดจี่ พรชัย แสนยะมูล
96. ชัชชล อัจนากิตติ
97. อติภพ ภัทรเดชไพศาล
98. วิชัย จันทวโร
99. วิทวัส จันทร์ก้อน
100. นิวัต พุทธประสาท

101. เรืองเดช จันทรคีรี
102. วิภาส ศรีทอง
103. เด็ดเดี่ยว เหล่าสินชัย
104. ไกรวุฒิ จุลพงศธร
105. ธเรศ นวลศิริ
106. นครินทร์ วนกิจไพบูลย์

******
ข่าวเกี่ยวเนื่อง

-เจ้ย-อภิชาติพงศ์เจ้าของรางวัลหนังเมืองคานส์ และ5ผู้กำกับมือระดับนานาชาติโดดร่วมรณรงค์ตื่นรู้ม.112
http://redusala.blogspot.com