วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ต้องหยุดเอา‘สถาบัน’มาเป็นเครื่องมือ
ต้องหยุดเอา‘สถาบัน’มาเป็นเครื่องมือ
         นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน ที่ได้รับการยอมรับในการต่อสู้อย่างสันติในแนวทางประชาธิปไตย ได้แสดงมุมมองปัญหาที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการเมือง บทบาทของกองทัพ กลุ่มอำมาตย์ พรรคประชาธิปัตย์ หรือคนเสื้อเหลือง โดยเฉพาะการดึงสถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกครั้ง ดังคำให้สัมภาษณ์ดังต่อไปนี้

จากการที่เป็นนักธุรกิจมาก่อนเข้าสู่ความเป็นคนเสื้อแดง มองคนเสื้อแดงขณะนี้อย่างไร


คนเสื้อแดงเป็นคนที่กำลังต่อสู้เรียกร้องสิทธิอันชอบธรรม สิทธิอันพึงมีที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะมีสิทธิมีเสียงในสังคม และได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันอย่างเช่นคนอื่นในสังคมได้รับ สิ่งที่เขาเรียกร้องเป็นปัญหาพื้นฐานมากๆ เรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง เรียกร้องความยุติธรรมมาตรฐานเดียว ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ชอบธรรมและพึงมีไม่ว่าสังคมไทยหรือสังคมไหนในโลกนี้ การเรียกร้องของคนเสื้อแดงจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ผมเห็นด้วย และแม้วันนี้ยังไม่ได้สิ่งนั้น แต่อีกไม่นานก็ต้องได้ เพราะไม่มีใครฝืนกระแสโลกได้ และไม่มีใครฝืนธรรมชาติได้


ตราบใดที่สังคมไม่มีความยุติธรรมก็หาความสุขไม่ได้ ผมไม่เชื่อว่าสังคมไทยจะทนยอมให้มีความผิดยาวนาน ถึงแม้จะมีอำนาจพิเศษ อำนาจเขียว อำนาจเหลือง อำนาจอะไรที่พยายามขับเคลื่อนอยู่ ผมมองว่าทุกสังคมคงไม่ยอมให้สังคมมีความทุกข์นานๆ ต้องแก้ปัญหาความทุกข์นั้น ตอนนี้คนไทยจำนวนมากบอกว่ามีความทุกข์เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย เรื่องไม่เป็นประชาธิปไตย เห็นเขาไร้ค่า ไม่ได้รับการรับฟัง เขาไม่มีความหมาย เขามีความทุกข์ตรงนั้น อยากให้เสียงของเขาได้รับการได้ยิน ได้รับการยอมรับ เพราะฉะนั้นถ้าแก้ทุกข์ตรงนี้ได้ก็จะกลับคืนสู่ความสุข


จากเสียงสะท้อนฝ่ายตรงข้ามคนเสื้อแดงพยายามจะกล่าวว่าคนเสื้อแดงพยายามทำลายประเทศ


ต้องถามว่าการกำเนิดของคนเสื้อแดงเพราะอะไร ถามว่าตอนยึดอำนาจเสร็จไม่มีคนเสื้อแดงหรือกลุ่ม นปช. พอมีการเลือกตั้งในปี 2550 เขาก็ยุติ ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆเลย แต่เริ่มมีคนเสื้อแดงหลังจากมีการยึดทำเนียบรัฐบาล ซึ่งหลายปีแล้ว คนไทยรู้สึกว่าไม่ถูกต้องที่ไปยึดสถานที่ราชการ ทำให้ประเทศไทยเสียเกียรติภูมิ คนที่มีหน้าที่จัดการก็ไม่ได้จัดการอะไร ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ยอมออกมาต่อว่าคนที่ทำผิดกฎหมาย คนไทยที่เห็นภาพเหล่านั้นแล้วไม่สบายใจ ยอมรับไม่ได้ก็ออกมาเคลื่อนไหว นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของคนเสื้อแดง
ตอนที่คนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนต่อต้านคนที่ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสถานที่ราชการ ยึดสนามบิน ถามว่าคนเสื้อแดงผิดหรือ ถ้าไม่มีเหตุการณ์เหล่านั้นก็ไม่มีคนเสื้อแดง คนเสื้อแดงไม่ใช่คนที่ทำร้ายคนอื่น แต่คนเสื้อแดงพยายามปกป้องบ้านเมืองนี้ให้รอดพ้นจากความชั่วร้ายที่พวกเขาไม่ได้กระทำ คำถามคือใครปล่อยให้มีการยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน ยึดอะไรแล้วไม่มีใครแก้ปัญหา ประเทศไทยต้องตกอยู่ในสภาพที่เป็นอัมพาต เศรษฐกิจเสียหายย่อยยับ คนไทยเดือดร้อนไปทั่ว กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย ถามว่าถ้าไม่มีคนไทยลุกขึ้นมาต่อต้านการกระทำอย่างนั้นประเทศชาติจะอยู่อย่างไร แล้วคนเหล่านั้นสามารถใช้วิธีทำอย่างอำเภอใจโดยไม่แคร์คนไทยทั้งประเทศที่ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เราจะอยู่กันอย่างไร ผมว่าต้องขอบคุณคนเสื้อแดงนะที่ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านการกระทำเหล่านั้น


ถึงวันนี้คนเสื้อแดงยังถูกโจมตีเรื่องหมิ่นหรือล้มเจ้า


ต้องยอมรับว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาคนเสื้อแดงออกมาชี้ให้สังคมเห็นว่าประเทศไทยมีความไม่ถูกต้องในหลายๆเรื่อง มีการแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาล มีปลายกระบอกปืนมาบังคับให้ตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการแทรกแซงประชาธิปไตย รัฐบาลที่ได้มาไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากเจตนารมณ์ของปวงชน คนเสื้อแดงชี้ให้เห็นว่ามีการบังคับใช้กฎหมาย 2 มาตรฐานตั้งแต่หลังยึดอำนาจเป็นต้นมา ยิ่งรัฐบาลชุดนี้ยิ่ง 2 มาตรฐานมากกว่าเดิม ผมพยายามชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์มันมาอย่างนี้ มีการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง ใช้กฎหมายที่ไม่ถูกต้อง คนเสื้อแดงเอาความจริงมาตีแผ่ ชี้ให้เห็นว่าความเป็นมาอย่างนี้มีใครชี้นำ มีใครเชื่อมโยง มีใครเกี่ยวพัน มีใครสั่งการ แล้วมาตีแผ่ในสังคม ซึ่งฝ่ายตรงข้ามก็โต้แย้งไม่ได้เพราะสิ่งที่เราชี้เป็นข้อเท็จจริง พอเขาต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริงไม่ได้ก็หักล้างการกระทำความผิดไม่ได้ เขาเลยใช้วิธีใหม่คือการเบี่ยงเบนประเด็น ใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหาเพื่อทำลายพวกผม นี่คือความชั่วร้ายของกลุ่มคนเหล่านั้น


ที่จริงเขาต้องตอบให้ได้ว่าที่เราถามไว้เรื่องแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาล จริงหรือเปล่าที่มีคนบังคับให้พรรคร่วมจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าชี้แจงได้ สังคมยอมรับได้ก็จบ แต่ถ้าชี้แจงไม่ได้เพราะเขาไม่พยายามชี้แจง ปฏิเสธอย่างเดียว ตราบใดที่เราไม่ชี้แจงในสิ่งที่คนตั้งข้อสงสัยอยู่ก็ไม่เป็นการแก้ปัญหาตรงนั้น วันนี้เขาใช้วิธีการเปิดประเด็นใหม่ เบี่ยงเบนประเด็นเพื่อเบี่ยงความสนใจของทุกคนจากสิ่งที่คนเสื้อแดงพยายามตีแผ่ เพื่อดิสเครดิสคนเสื้อแดง ให้น้ำหนักของคนเสื้อแดงน้อยลง นั่นคือเป็นการทำลายหรือเป็นยุทธวิธีทางการเมืองและทางทหารควบคู่กันไป


จะต่อสู้กับกองทัพที่มองคนเสื้อแดงในทางลบอย่างไร


เราไม่ได้เกลียดใครเป็นการเฉพาะ ไม่ได้ต่อสู้กับใครเป็นการเฉพาะ เราต่อสู้กับทุกคนที่เข้ามาแทรกแซงประชาธิปไตย เราต่อสู้กับทุกคนที่พยายามทำให้กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย เราต่อสู้กับทุกคนที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศไม่ว่าคนๆนั้นเป็นใคร ถ้าคุณทำอย่างนั้นเราต่อสู้หมด ไม่ว่าคุณจะมีอำนาจใหญ่โตแค่ไหน ไม่ว่าคุณจะมีตำแหน่งอะไรเราสู้หมด แต่การต่อสู้ไม่ใช่ว่าเราจะไปฆ่าหรือทำร้ายคุณ แต่ขอให้คุณยุติการกระทำเหล่านั้น ขอให้เลิกทำสิ่งที่เสียหายให้กับประเทศชาติ


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เองยอมรับว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ ท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมในการยึดอำนาจ เป็นกองกำลังหลักของกองทัพภาคที่ 1 ท่านสร้างความเสียหายให้กับสังคม แต่ท่านกล่าวหาว่าคนเสื้อแดงเป็นศัตรูของชาติ ที่จริงไม่ใช่ เพราะคนเสื้อแดงไม่ได้มาทำลายชาติเลย คนเสื้อแดงเรียกร้องให้ยุบสภา คนเสื้อแดงเรียกร้องให้พันธมิตรฯยุติการยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน คนเสื้อแดงบอกให้อำนาจมืดยุติการแทรกแซงประเทศไทย หยุดแทรกแซงประชาธิปไตย


สิ่งที่คนเสื้อแดงเรียกร้องเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในเมื่อเราเรียกร้องเพื่อความถูกต้องแล้วเราผิดตรงไหน เราไม่ใช่ศัตรูของชาติ เราจ่ายเงินเดือนให้คุณกินเงินเดือนด้วยซ้ำ เราจ่ายภาษีให้คุณมีเงินไปซื้ออาวุธ แล้วอาวุธที่พวกคุณซื้อก็มาเข่นฆ่าเรา เราไม่ได้เป็นศัตรูของใคร ผบ.ทบ. ต้องไปทบทวนท่าทีเสียใหม่ ท่านมีหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศและสร้างความเป็นปึกแผ่นของชาติ แต่ท่านกำลังสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นกับประเทศไทยหรือไม่ที่กล่าวหาว่าคนเสื้อแดงเป็นศัตรูของประเทศนี้ ที่จริงไม่ใช่ เราเป็นศัตรูกับความชั่วร้าย ถ้าท่านมองเราเป็นศัตรูแสดงว่าท่านเป็นพวกชั่วร้าย เราเลยต้องเป็นศัตรูของท่าน
ข้อหาล้มเจ้าเป็นประเด็นที่พูดกันแรงมาก จะอธิบายอย่างไร


ในยุค 14 ตุลาหรือ 6 ตุลาก็ใช้ข้อหานี้ในการทำร้ายผู้ที่เรียกร้องความถูกต้อง ซึ่งยุคนี้ที่จริงควรจะพ้นวิธีการนี้ไปแล้ว ลองคิดดู ก่อนการยึดอำนาจปี 2549 เราแทบจะไม่ได้ยินเรื่องเหล่านี้เลย เราไม่ได้ยินเรื่องคดีหมิ่นสถาบัน เราไม่ได้ยินเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์สถาบัน เราไม่ได้ยินเรื่องอะไรในทางเสียๆหายๆเลย หลังจากนั้นมีคนบางกลุ่มดึงสถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง พันธมิตรฯใส่เสื้อเหลืองมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลและอ้างสถาบันว่าทำเพื่อในหลวง แล้วเป็นอย่างไร หลังจากนั้นคนกล้าใส่เสื้อเหลืองหรือไม่ วันนี้เสื้อเหลืองแทบจะหายไปจากตู้ทุกบ้าน ถามว่าเกิดผลดีหรือผลเสียต่อสถาบันมั้ยหลังจากที่พันธมิตรฯออกมาใช้สถาบันเป็นเครื่องมือ กองทัพก็ใช้สถาบันเป็นเครื่องมือ พรรคประชาธิปัตย์ก็ใช้ด้วยเพราะตัวเองเบื่อในการทำลายพรรคคู่แข่งที่ไม่สามารถแข่งขันด้านนโยบายได้ ไม่สามารถสร้างผลงานให้คนชื่นชอบได้ ไม่สามารถทำตัวหรือทำงานให้เห็นว่าดีกว่าเลยใช้วิธีด่าทอต่อว่าและใส่ร้ายป้ายสี


เพราะฉะนั้นหลังจากที่พันธมิตรฯ กองทัพ พรรคประชาธิปัตย์ ต่างนำสถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เราเริ่มได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์สถาบัน เริ่มได้ยินว่ามีการหมิ่นเบื้องสูง มีการพูดถึงหลายเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แสดงว่าหลังจากที่ยึดอำนาจมามีการพูดถึงสถาบันไปต่างๆนานา ถามว่าใครที่ดึงสถาบันมาเป็นเครื่องมือแล้วบ่มเซาะความศักดิ์สิทธิ์ของสถาบันเบื้องสูง ถ้าพวกนี้ไม่ดึงสถาบันมาเป็นเครื่องมือเราก็ไม่ได้ยินเรื่องต่างๆเหล่านี้เลย สถาบันเป็นที่เคารพรักเทิดทูน ไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถามว่าใครที่เป็นตัวปัญหา คนเหล่านั้นเป็นผู้กำลังสร้างความเสียหายให้กับสถาบัน


เรื่องนี้อาจส่งผลให้พรรคเพื่อไทยถูกยุบอีกครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีคนเสื้อแดงร่วมอยู่ด้วย


ถ้าเขาจะยุบพรรคเพื่อไทย แม้แค่ตดเขาก็ยุบได้ เข้าใจมั้ย คือประเทศนี้มันทุเรศ กฎหมายบังคับใช้สำหรับพรรคเพื่อไทยอย่างเดียว แต่มีข้อยกเว้นสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ที่เขาอุ้มชู วันนี้สิ่งที่เขากล่าวหาพรรคเพื่อไทยเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริง อย่างเรื่องกรณีล้มเจ้าคุณก็ไปโยงใยเอาผังมามั่วๆ วันก่อนหลังจากที่มีการสลายม็อบไม่นาน คุณถวิล เปลี่ยนสี เลขาฯ สมช. (สภาความมั่นคงแห่งชาติ) ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งว่า สมช. มีความผิดพลาดเรื่องผังล้มเจ้า ผังนั้นไม่มีจริง แต่ว่าโฆษก ศอฉ. (ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน) ไม่รู้เอาออกมาได้อย่างไร เอามาพูดโดยไม่มีพื้นฐานความจริง ท่าเลขาฯ สมช. พูดเอง ผมเองเห็นแต่แรกยังหัวเราะ เพราะมีชื่ออยู่ในนั้นด้วย ในผังยังไม่รู้จักอีกจำนวนมาก รู้จักไม่กี่คน กลุ่ม นปช. มีประมาณ 10 คน นอกนั้นไม่รู้จัก


ถามว่าเราจะไปล้มเจ้าทำไมในเมื่อเราเทิดทูนสถาบันขนาดนี้ เราก็รักในหลวง ล้มเจ้าแล้วได้อะไร ล้มเพื่อใคร ล้มไปทำไม อยู่ๆเราจะไปไล่คนที่เรารักออกทำไม การมีสถาบันเบื้องสูงเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากมายอยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องไร้สาระที่เขากล่าวหาพรรคเพื่อไทย ใส่ร้ายป้ายสีทางการเมืองเพื่อปูทางไว้ วันหลังจะเล่นงานพรรคเพื่อไทยก็แค่ยกเหตุต่างๆขึ้นมา สังเกตตอนยุบพรรคไทยรักไทยปี 2549 คุณก็รู้แล้วว่าความจริงเป็นอย่างไร ตอนยุบพรรคพลังประชาชนปี 2551 คุณก็เห็นว่ามีการไปจ้างวานพรรคเล็กพรรคน้อย กล่าวหาพรรคพลังประชาชนอย่างไร ข้อเท็จจริงมันออกมาแล้ว กรณีไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ตอนนี้ข้อเท็จจริงออกมาแล้วว่ามีการจัดวาง มีการเตรียมการ มีการสั่งการทุกอย่าง มีการวางแผน และมีการดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนอย่างไร โดยใช้ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นศาลรัฐธรรมนูญต้องกลับไปดูบทบาทตัวเองและยุติการใช้อำนาจหากไม่ถูกต้อง สิ่งที่กล่าวหาพรรคเพื่อไทยวันนี้จึงเป็นสิ่งที่ไร้สาระ


นปช. จะเดินไปอย่างไรหลังจากนี้


เรามีเป้าหมายตามอุดมการณ์ 2 ประการคือ 1.ทำให้ประเทศนี้มีประชาธิปไตยที่แท้จริง ปราศจากการแทรกแซง และอำนาจอธิปไตยต้องเป็นของประชาชน แต่เราไม่ได้บอกว่าต้องมีพรรคนี้เป็นรัฐบาล เขาจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่อยู่ที่ประชาชนจะเลือก จะเป็นพรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ รวมใจไทยชาติพัฒนา ชาติไทยพัฒนา หรือภูมิใจไทย ใครก็ได้ที่ประชาชนเลือก 2.นอกจากประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้วเราต้องการความเท่าเทียมกันในสังคม เพราะฉะนั้นอุดมการณ์ตรงนี้เรายึดมั่น จึงจำเป็นต้องต่อสู้ให้ได้ 2 เรื่องนี้ ตราบใดยังไม่ได้มาก็ต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด การต่อสู้ก็ต้องต่อสู้ตามความเหมาะสม


ณ ปัจจุบันนี้เรามีความเห็นว่าต้องเดิน 2 ขา ขาหนึ่งนอกสภาอย่างที่เราเดินอยู่ อีกขาหนึ่งในสภาเพื่อช่วยขับเคลื่อนผ่านสภา ถ้าเราสามารถขับเคลื่อนผ่านสภาได้โดยไม่ต้องชุมนุมประท้วงก็จะเป็นเรื่องดี ทำให้สังคมไทยไม่ต้องเสียเวลา คนเสื้อแดงไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องอดหลับอดนอน ไม่ต้องเสี่ยงเรื่องการถูกทำร้าย แต่ถ้าในสภาไม่ได้ผลเนื่องจากกลไกพิการ เราก็ต้องมาขับเคลื่อนนอกสภาควบคู่กันไป นี่เป็นยุทธศาสตร์ปัจจุบันที่เรากำลังทำอยู่


ดูเหมือนพรรคเพื่อไทยยังกังวลเรื่องแกนนำ นปช. ที่เป็นส่วนหนึ่งของพรรค
พรรคเพื่อไทยต้องยอมรับว่ามีคนเยอะ จึงมีความหลากหลายและแตกต่างทางความคิด ซึ่งเราต้องยอมรับความคิดเห็นของทุกคนทุกส่วน สมาชิกพรรคเพื่อไทยจำนวนมากชื่นชอบ นปช. เพราะเขาได้ประโยชน์ทั้งนั้น คนเสื้อแดงบอกว่าพรรคเพื่อไทยเป็นแนวร่วม มีอุดมการณ์เดียวกัน ถ้าการเลือกตั้งเราขอให้คนเสื้อแดงเลือกพรรคเพื่อไทย และช่วยให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมเพื่อไม่ให้ใครมาโกงพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้น ส.ส. จำนวนมากก็ได้ประโยชน์ เขาก็เข้าใจ ยิ่งในพื้นที่ที่มีคนเสื้อแดงเยอะๆผู้สมัครพรรคเพื่อไทยก็นอนมา เขาก็สบาย แต่มี ส.ส. จำนวนหนึ่งไม่เข้าใจหรือบางคนก็เหนียมอาย ยิ่งวันนี้พรรคเพื่อไทยกับคนเสื้อแดงเป็นเหมือนคู่แฝดที่แยกจากกันไม่ได้ แยกจากกันก็ตาย คนเสื้อแดงต้องอาศัยพรรคเพื่อไทยในการขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ขับเคลื่อนเพื่อให้บังคับใช้กฎหมายเป็นมาตรฐานเดียวกัน ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเราก็จะขับเคลื่อนผ่านพรรคเพื่อไทย เพราะฉะนั้นเราต้องอาศัยพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยต้องอาศัยคนเสื้อแดงในการช่วยป้องกันไม่ให้อำนาจมืดเข้ามาแทรกแซงผลการเลือกตั้ง หรือใช้อำนาจมืดทำลายพรรคเพื่อไทย


ตอนนี้พูดตรงๆว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีปัญญาจัดการหรือป้องกันตัวเอง ตอนนี้ถ้าเขาจะยุบอีกก็ได้ ถามว่าถ้าเขาจะยุบอีก ส.ส.พรรคเพื่อไทยคนไหนมีปัญญาไปช่วยให้เขาไม่ยุบ มีแต่คนเสื้อแดง มีแต่พลังมวลชนที่รักความถูกต้องเท่านั้นที่จะออกมาเรียกร้องให้องค์กรบ้าๆบอๆ องค์กรอิสระที่ใช้อำนาจมืดบิดเบือนกฎหมายอยู่ให้ยุติการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ส.ส.พรรคเพื่อไทยคนไหนที่ยังเหนียมอายคนเสื้อแดงอยู่ต้องกลับไปคิดใหม่ ถ้าไม่มีคนเสื้อแดง ต่อให้คุณชนะการเลือกตั้งก็ไม่สามารถเป็นรัฐบาลได้ หรือถ้าเป็นได้ก็เป็นได้ไม่นาน เขาต้องหาเรื่องล้มคุณอีก เพราะฉะนั้นขอให้กลับไปคิดใหม่ พิจารณาให้รอบคอบ อย่าอาย อย่าเหนียม ต้องไปมองในวันที่พรรคประชาธิปัตย์อาศัยพันธมิตรฯล้มรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ วันนี้พันธมิตรฯตีแผ่ผ่านเวทีพันธมิตรฯ เราก็รับรู้กันทั่วว่าใครจัดการให้ ใครขนคนมาอย่างไร จากที่ไหน เขาก็ออกมาบอกหมด


พรรคภูมิใจไทยชูแนวคิดปกป้องสถาบันและต่อต้านรัฐไทยใหม่ คนเสื้อแดงคิดอย่างไรกับรัฐไทยใหม่


พรรคภูมิใจไทยเขารักสถาบันจนพุงกาง รักจนปากห้อยอิ่มเลย อย่างกับชูชก กินอ้วนท้วนจนพุงจะแตก รักสถาบันจนน้ำลายไหลย้อย เขาเองไม่มีนโยบาย ไม่มีแนวคิดอะไร เพียงแต่พยายามดึงสถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองพรรคหนึ่งเท่านั้น เรื่องสถาบันผมว่าอย่าไปชูเลย เพราะคนไทยทุกคนรักสถาบันทั้งนั้น ไม่มีใครทำลายสถาบัน ส่วนเรื่องรัฐไทยใหม่เป็นคำนิยามของคุณวีระกานต์ มุสิกพงศ์ ที่ตั้งขึ้นแล้วนำมาเขียนหนังสือ คำว่ารัฐไทยใหม่คือรัฐไทยที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง รัฐที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน คนไทยมีความเท่าเทียม มีความเสมอภาคกัน มีโอกาสเท่าเทียมกัน ไม่ใช่เป็นรัฐไทยเหมือนปัจจุบันที่ใช้เส้นใช้สาย ใช้พวกพ้อง ใช้คอนเนกชั่นต่างๆ คนที่มีตำแหน่งใหญ่โตใช้กลไกทุกอย่างเอาเปรียบสังคม เวลาคนใหญ่คนโตจะทำอะไรหรือทำธุรกิจจะฝากลูกหลานได้หมด ไม่ว่าจะเข้าโรงเรียนหรือทำงาน แต่ถ้าลูกชาวบ้านทำไม่ได้


มองการเมืองก่อนการเลือกตั้งอย่างไร


ตอบยาก ก่อนการเลือกตั้งต้องยอมรับว่าประเทศแย่ มีความขัดแย้งสูงมาก คนไทยตกอยู่ในความทุกข์ ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันประเทศไทยเป็นยุคหนึ่งที่แย่สุดๆ หลังเลือกตั้งผมคาดหวังให้ประเทศดีขึ้น ใครมาเป็นรัฐบาลก็แล้วแต่ต้องแก้ปัญหาให้ได้ ต้องใช้วิธีการทุกอย่างในการหลอมรวมจิตใจคนไทย บริหารแก้ปัญหาความขัดแย้ง 



ถ้าคุณแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ คนไทยมีความสามัคคี เรื่องอื่นก็ไม่ยาก ถ้าคนรักสามัคคีกันคุณจะทำงานอะไรพัฒนาประเทศได้หมด ขับเคลื่อนอะไรได้ จะแก้ปัญหาอะไรก็ขอความร่วมมือกันได้ แต่ถ้าปราศจากความรัก ความสามัคคีแล้วทำอะไรก็ยาก สังคมไม่มีความสุข หลังการเลือกตั้งผมอยากเห็นรัฐบาลใครก็ได้มาช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ รัฐบาลที่มีความจริงใจ คนเป็นนายกฯต้องมีความจริงใจในการแก้ปัญหา ไม่ว่าจากพรรคไหนก็แล้วแต่ แต่ผมไม่มั่นใจว่าจะเป็นอย่างที่มอง ถ้าดูรูปการณ์ทางการเมืองยังมีความพยายามจากกลุ่มอำมาตย์ที่จะควบคุมอำนาจบริหารอย่างที่ต้องการ โดยไม่สนใจว่าประเทศจะเป็นอย่างไร คนไทยจะทะเลาะกันก็ไม่แคร์ ห่วงอยู่เหมือนกันว่าถ้าประเทศเป็นอย่างนั้นก็จะหนักยิ่งกว่าเดิม

ถึงวันนี้เชื่อหรือไม่ว่าจะมีการเลือกตั้ง


ณ ตอนนี้เชื่อว่ามี แต่ก็เชื่อว่ามีความพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งทุกรูปแบบ และเชื่อว่าหลังการเลือกตั้งจะมีความพยายามแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาล
2 ปีที่ผ่านมามองรัฐบาลนายอภิสิทธิ์อย่างไร


ผมผิดหวังนะ โดยคุณสมบัติส่วนตัวนายอภิสิทธิ์น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือเรื่องความขัดแย้ง ถ้านายอภิสิทธิ์แก้ไขปัญหาความขัดแย้งให้ดีตั้งแต่ต้นประเทศคงไม่แย่ขนาดนี้ วันนี้คุณอภิสิทธิ์ทำให้ปัญหาความขัดแย้งในสังคมยิ่งลึกมาก เป็นแผลใจกับคนหลายล้าน จึงใช้เวลานานในการเยียวยาและแก้ยากด้วย ก่อนหน้านี้ถ้าไม่เกิดสงกรานต์เลือด 2552 พฤษภาทมิฬ 2553 ความแตกแยกที่เกิดขึ้นก็ยังปรองดองง่ายกว่า พอเกิดแผลร้ายในใจคนทั่วประเทศทำให้ความรู้สึกที่จะให้อภัยกันก็ยากขึ้น เป็นความผิดพลาดของนายอภิสิทธิ์อย่างใหญ่หลวง


สำหรับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้าและเชิงนโยบายที่ใช้นโยบายประชานิยมเป็นวิธีที่ทำง่าย แต่สร้างภาระให้กับประเทศในระยะยาว เอาเงินมาแจกแต่ไม่ผลักดันนโยบายใหม่ให้ประเทศเข้มแข็ง คนสร้างรายได้ สร้างอาชีพ รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องทำให้มีรายได้เข้าประเทศ รายได้ของประชากรทุกกลุ่มต้องทำให้มีเงินหมุนเวียน เศรษฐกิจก็จะหมุนเวียน ทุกวันนี้คนไทยมีแค่บางกลุ่มที่ดีขึ้น ส่วนใหญ่เป็นผู้ส่งออก แต่คนส่วนใหญ่กลับแย่ลง รายได้ลดลง หนี้สินเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายแพงขึ้น 



วันนี้รายได้เท่าเดิมแต่ข้าวของแพงขึ้นเยอะ คุณอภิสิทธิ์สร้างหนี้เยอะ แต่เงินที่ได้มาแทนที่จะไปจัดสรรในสิ่งที่ควรจะเป็นกลับไม่ทำ เอาไปใช้ในโครงการระยะสั้น โครงการที่รั่วไหลเยอะแยะ ทุจริตเยอะ ไปให้งบทหารเยอะ ตรงนี้ทำให้ประเทศมีภาระเยอะ ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศ ทำให้คนบางกลุ่มอย่างทหาร นักการเมืองได้ประโยชน์ สร้างหนี้ให้กับคนไทยต้องมาแบกรับภาระ จึงมองไม่ออกว่ารัฐบาลนี้จะนำพาประเทศไปทางไหน

อยากบอกอะไรไปยังรัฐบาลหรือคนเสื้อแดงทั่วประเทศบ้าง
รัฐบาลชุดนี้คงไม่มีอะไรจะบอกแล้ว เพราะเป็นช่วงปลายสมัยแล้ว เขาต้องรู้ตัวเองว่าไม่มีศักยภาพอย่างไร ไม่มีความสามารถ เขาเก่งแต่เรื่องพูดไม่เก่งเรื่องทำ เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ประเทศไทยต้องเสียโอกาสเลย คุณอภิสิทธิ์อย่าคิดมาเป็นนายกฯรอบ 2 เลย แค่รอบเดียวก็ทำให้ประเทศไทยมีปัญหาเยอะแล้ว อย่าให้ประเทศไทยเสียโอกาสอีกเลย ปล่อยให้พรรคการเมืองที่มีความสามารถเข้ามาทำ อยากบอกเขาแค่ตรงนี้


ส่วนคนเสื้อแดงอยากบอกว่าวันนี้เราเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง เราต้องยุติการเคลื่อนไหวในสิ่งที่เรียกร้องชั่วคราว เราต้องขับเคลื่อนการเลือกตั้ง ผลักดันให้แนวร่วมของเราในพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลและขับเคลื่อนแก้รัฐธรรมนูญ ให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นอย่างที่สังคมอยากจะให้เป็น เราต้องช่วยผลักดันในการเลือกตั้ง อยากให้คนเสื้อแดงช่วยหาเสียงให้พรรคเพื่อไทยและช่วยออกไปกาเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งเขตและปาร์ตี้ลิสต์ และไปในวันเลือกตั้งจริง วันเลือกตั้งล่วงหน้าถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยง อย่าไป เพราะอาจมีความพยายามโกงหรือเปลี่ยนหีบบัตร ช่วยกันเฝ้าติดตามในวันเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม 



ถ้ามีใครพยายามเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเอาทหารเข้าไปจัดทีมแทรกซึม ข่มขู่ ชักจูงให้เลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง ซื้อเสียง หรือไปบังคับขู่เข็ญ ใช้อำนาจรัฐ ใช้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ขอให้จดชื่อ ถ่ายวิดีโอ ใครให้เงินมาก็รับแล้วจดรายละเอียดแจ้งส่วนกลางเป็นหลักฐาน ช่วยจับตาที่คูหาเลือกตั้งตั้งแต่เช้าจนนับคะแนน เพื่อให้การนับคะแนนเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ขอให้คนเสื้อแดงทำทุกอย่างๆตรงไปตรงมา ไม่ต้องช่วยพรรคใดพรรคหนึ่ง ให้เฝ้าจับตามองอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 6 ฉบับ 308 

วันที่ 30 เมษายน – 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 หน้า 18 คอลัมน์ ฟังจากปาก โดย วัฒนา อ่อนกำปัง
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น