วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554


คุก เปิดรออภิสิทธิ์ ?!!
                                                                                          โดย....สอาด จันทร์ดี

         พรรคประชาธิปัตย์คงจะเชื่อสุดลิ่มทิ่มประตูว่า คนอย่างพวกเขาใครจะกล้าเอาเข้าคุก ?
        แต่ช้าแต่...มันบ่แน่ดอกนาย...ดูให้ดี ประตูคุก เริ่มเปิดแง้มให้เห็นไรๆแล้วนะจะบอกให้

                นับแต่วันนี้เป็นต้นไป คนเสื้อแดงจะสามารถ “นับถอยหลัง” จากคดี ๒๐ ปี ให้ย่นระยะทางถอยกลับมาอยู่ในอายุ ๔ ปีของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ได้โดยไม่ยาก พร้อมกับเชื่อกินขนมได้เลยว่าทั้งตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และอีกหลายคนไม่ชิง “ผูกคอตาย” ไปก่อน คงไม่พ้นเข้าไปนอนในคุก อย่างไม่มีทางหนีไปไหนพ้น

                พี่น้องคนเสื้อแดงคงจะเกิดความสงสัยว่าใครจะกล้าเอาคนพวกนี้ติดคุกได้ เนื่องจากพวกเขาสั่งยิงคนภายใต้กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ อันได้แก่ พรก. ฉุกเฉิน ซึ่งได้ใช้ในสถานการณ์ ศอฉ. ประการสำคัญพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ผู้เสียหายในคดีฆ่าโดยตรง พรรคเพื่อไทยเสียหายในคดีถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองอย่างเดียว ซึ่งเป็นความผิดคนละประเด็น จะไม่สามารถ “กล่าวโทษ” อดีตรัฐบาลอภิสิทธิ์ในคดีฆ่าได้ ?

                เปล่า...เข้าใจผิดขอรับ กล่าวคือเจ้าของคดีที่แท้จริงได้แก่ “ญาติหรือพ่อแม่ลูกเมียของคนตาย” ที่จะสามารถร้องต่อศาลได้อย่างยิ่งใหญ่ ใหญ่กว่าขุนเขาพระสุเมรุ และใหญ่กว่าท้องฟ้ามหาสมุทร เมื่อญาติหรือพ่อแม่-ลูกเมียของคนตาย (ที่ถูกทหารฆ่า) พากันกันแห่ไปร้อง ไม่ต้องครบ ๙๑ ศพดอกครับ เอาเพียง ๑๓ ศพเท่านั้น บักหำน้อยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะก็มีอันตาเหลือกด้วยความตกใจ

                เรื่องที่จะทำให้ตาเหลือกอย่างหนักก็เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน) เขาจะทำการตรวจสอบในรายละเอียด ครบ ๑๓ ศพแล้วลงความเห็นว่าคนตาย-ตายเพราะเงื้อมมือของเจ้าหน้าที่รัฐ หาใช่ตายด้วยชายชุดดำก็หาไม่ หรือหากแม้นว่านายอภิสิทธิ์ จะยืนยันว่าชายชุดดำเป็นคนยิง แล้วไหนละ...ภาพสักแผ่นที่เป็นภาพของพวกชายชุดดำพวกนั้น ?

                ชายชุดดำที่มีภาพเป็นหลักฐานล้วนแต่เป็นทหารไทยทั้งสิ้น ที่จะสามารถพิสูจน์ว่าชายชุดดำพวกนั้นอยู่ในราบ ๑๑ หรือว่าฐานรบ ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี หรือปราจีนบุรี ?

                ใช่ อภิสิทธิ์กับพวกมีสิทธิ์โต้แย้ง (ข้างๆคูๆ)ก็ให้โต้แย้งไปหรือว่าจะปฏิเสธคอเป็นเอ็นขนาดไหนเพียงไร ก็ให้ปฏิเสธไป ในที่สุดการนำสืบพยานหลักฐานก็จะเผยใบหน้าให้เห็นว่าชายชุดดำพวกนั้นมียศเป็นนายสิบ นายร้อย และนายพัน ...เฮ้อ...มันดิ้นไม่หลุดดอกครับ

                ท่านผู้อ่านครับ ผมไม่จำเป็นต้องมีเอกสารอ้างอิงในการเขียน ผมไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อญาติพี่น้องพ่อแม่ลูกเมียของคนตายเอามาแสดงว่าไม่ได้ปรักปรำ เรียกว่าไม่ต้องอ้างอิงใดๆเลยก็ตาม ก็สามารถที่จะเขียนแบบ “ฟันธง” ได้อย่างตรงประเด็นว่าอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกับอดีตรองนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ (และพวก) หนีคุกไม่พ้นคุกดอกท่านเอ๋ย

                ประตูคุกเริ่มแง้มให้เห็นแล้วครับพระคุณท่าน
                เพราะฉะนั้น...นับแต่วันนี้เป็นไป พวกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยากซ่าสุดแสบ ซ่าไปเถิดครับ ซ่าให้สนุก เพราะมันจะเป็นความสนุก “ยกสุดท้าย” ของพวกคุณที่ขึ้นไปโรมรันบนเวทีสัตว์นรก ที่เอาคนโหดมาบริหารประเทศ มันจึงเป็นยกสุดท้ายของพวกไดโนเสาร์ (สัตว์โบราณ) อย่างไม่มีทางเป็นอื่น

                คนโหดในประเทศไทยพวกนี้มีพฤติกรรมสดสวยด้วยการทำบุญบังหน้า อ้าปากให้พรประชาชนบังบาป และยังแต่งตัว ประดับด้วยเพชรนิลจินดาบดบังเรือนร่างอันโสโครก คนพวกนี้ “โหดเหี้ยม” ผิดมนุษย์และเป็นคนขายชาติตัวจริง ?
                ผมจะยกตัวอย่างให้ดูว่าพวกคุณขายชาติจริงตรงไหน จริงไม่จริงขอให้หันกลับไปดูการยึดอำนาจรัฐเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ คราวโน้น จะพบว่าพวกคุณได้ฉุดกระชากประเทศไทยทั้งประเทศให้ถอยหลังเข้าคลอง เกิดภาวะวิกฤตซ้ำแล้วซ้ำอีก ชาวโลกเขาไม่คบด้วย ดังจะเห็นได้จากหลายประเทศไม่ยอมเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไปเป็นแขก-เปิดสัมพันธไมตรี ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ราวฟ้ากับดิน

                ประเทศมหาอำนาจเขาเกลียดชังพฤติกรรมการให้ทหารยึดอำนาจ
                แล้วพรรคประชาธิปัตย์ไม่รู้เชียวหรือว่าชาวโลกเขารังเกียจ

                นี้ไง...คือรูปร่างข้อหาขายชาติที่แท้จริง !

                ผมว่าพวกคุณรู้...แต่พวกคุณมันสันดานดิบ ประเภทชอบของเผด็จการ กล้าที่จะหากินในชาติในสภาพที่ประเทศตกต่ำ จึงมีคำถามว่าชอบของฟรี บริโภคฟรี ใช่หรือเปล่า ? คงจะขอบมากกระมัง จึงนิยมชมชอบการได้เป็นรัฐบาลด้วยการปล้นอำนาจเขามา และนิยมชมชอบในการสร้างรัฐธรรมนูญเผด็จการเอาขึ้นมาสนองตัณหาของพวกคุณ บ้านเมืองจะป่นปี้ขนาดไหนไม่สน

                แม้กระทั่งพ่ายแพ้การเลือกตั้งก็ยังไม่สน

                อยากจะบอกความจริงให้รู้ตัวว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่แสนดีในอดีต กลายเป็นพรรคขายชาติก็เพราะได้คน “สันดานดิบ” เข้ามาบริหารพรรค แล้วนำพรรคไปสู่ความตกต่ำ

                พรรคที่ฆ่าคนไม่วันเจริญได้ ?!

                ผมอยากบอกต่อไปว่าหลังจากความพ่ายแพ้ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ แทนที่จะรู้สึกตัว กลับฮึกเหิมและ “เหิมเกริม” ด้วยการประกาศว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะล้มคว่ำภายใน ๖ เดือน โดยเชื่อว่าข้าราชการจะพากันลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน ซึ่งจะเกิดความวิกฤตร้ายแรงอย่างไม่มีทางเลี่ยง

                ชุ่ย...ชุ่ยที่สุด...พรรคประชาธิปัตย์ คุณพยากรณ์ หรือว่าคิดจะทำให้เกิดวิกฤต

                ประชาธิปัตย์เอ๋ย...การที่พวกคุณออกมาขย่มแบบนี้นะ...คำพูดของพรรค
ประชาธิปัตย์ได้ก่อให้เกิดกระแสวิตกในหมู่ของนักลงทุนมิใช่น้อย โดยเฉพาะนักลงทุนต่างแดนที่เฝ้ารอคอยความสงบสุขในประเทศไทย ที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะกลับมาหลังจากการเลือกตั้งใหญ่ กลับพากันชะงักงัน ?!
                หลังวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ผ่านไปไม่ถึงเดือน...ควันยังไม่ทันจางเลยครับ   ปากของตระกูลพลบุตร” ส่งสำนวนมีดโกนอาบยาพิษออกมาอีกแล้ว...ไม่เกิน ๖ เดือนบ้านเมืองวิกฤตใหญ่

                ท่านเอ๋ย...นักลงทุนใหญ่ที่ได้ยิน ถึงกับสะดุ้ง



                สะดุ้งอย่างเดียวยังไม่พอ ยังได้ชะงักมือทันทีด้วยการ “ยับยั้ง” รอดูสถานการณ์ในประเทศไปก่อนว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร   นายกรัฐมนตรีหญิงจะสารมารถเข็นประเทศไทยไปสู่ความสงบได้หรือไม่ ?


                นักลงทุนต่างชาติจำนวนไม่น้อยพากันเบรกตัวเองอย่างแรง
                สิ่งที่เกิดขึ้นตรงนี้...นี้แหละคือการขายชาติขนานแท้ที่ร้ายแรงมาก
                จริงไม่จริง...ขอท่านผู้อ่านโปรดร่วมความคิดแล้ววิเคราะห์เอาเองเถิดครับ ?

บทสรุป:

                ดังนั้น...ดังที่ผมได้เขียนแสดงความเข้าใจในเรื่องนี้ เขียนแล้วก็ต้องคิดหาทางแก้ไขปัญหาให้แก่ประเทศของเรา วิธีแก้ที่จะแก้ให้ได้ผลมากได้แก่ต้องรีบเอานายอภิสิทธิ์เข้าคุกให้ได้
                คุก...ต้องเปิด รอตั้งแต่วินาทีนี้

                ทั้งนี้เนื่องจาก “ใจของญาติ” พ่อแม่ ลูกเมียของคนตายเขาต้องการเอาคนผิดมาลงโทษ

                ประการต่อมา...รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นรัฐบาลที่คนเสื้อแดงเขาพากันแห่ไปทุ่มลงคะแนนเสียงให้ ซึ่งก็ได้ชัยชนะมาแล้วอย่างท่วมท้น ได้อำนาจรัฐอันเป็นอำนาจของประชาชนที่คนเสื้อแดงได้สละเลือดเนื้อและชีวิต ได้รับความสมหวังในการเลือกตั้งแล้วครับ

                ชนะครั้งนี้ได้ทำลายระบอบเผด็จการไปครึ่งหนึ่ง

                ใช่...ทำลายได้ก็ตรึ่งหนึ่งจริง แต่เป็นการทำลายแบบหยิกเนื้อ...หรือไม่ก็ทำลายเพียงแค่ตะโกนใส่หูให้มันเกิดความรำคาญ (ก็แค่นั้น) ซึ่งจะไม่สามารถโค่นล้มอะไรได้มากไปกว่านี้

                ต้องจับมันเข้าคุก...จึงจะเป็นเครื่องหมายของการทำลายอำนาจป่าเถื่อนของพวกมันได้บ้าง  หลังจากนั้น...เอาตัวขึ้นศาลให้ได้เพื่อจะได้พิจารณาคดีว่าพวกเขามีความผิดมากหรือว่าไม่ผิดเลย

                ถ้ารัฐบาลสามารถจัดการให้พวกฆาตกรเข้าสู่กระบวนการของศาลได้เร็ว

                นั้นแหละ...จะทำให้เกิดความสนงบได้เร็ว
                ถ้าความสงบเกิดได้เร็ว นักลงทุนก็จะกลับมาเร็ว

                ผมขอประกาศถึงท่านจตุพร พรหมพันธุ์ และณัฐวุฒิ ใสเกื้อ...ขอให้ท่านทั้งสอง จงเป็นแม่ทัพใหญ่ไล่ล่าฆาตกรเหี้ยมให้ได้ตัวโดยไว   ถ้าตามหาไม่พบ...ขอให้ตามไปดู “เงา” ที่พวกเขาตั้งตัวเองเป็นผู้กำกับเวทีด้วยการเป็นรัฐบาลเงา

                ไปจับเงาให้ได้ แล้วจะได้ฆาตกรตัวจริง ?!

                                                                                                                สอาด จันทร์ดี
                                                                                                       ๑๗ กันยายน ๒๕๕๔

http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น