วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554


"​การปล่อยน้ำ​แล้วน้ำท่วม​แบบนี้ ควรต้องมีคนรับผิดชอบ
http://www.internetfreedom.us/forum/viewtopic.php?f=2&t=13767

     วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคมนี้ อาจจะผ่านช่วงลุ้นระทึก​ไป​แล้วว่าน้ำจะท่วมกรุง​เทพฯ ครบ 50 ​เขต ​เหมือนอย่างที่​ผู้ว่าราช​การกรุง​เทพฯ ออกมา​แจ้ง​เตือนประชาชน​หรือ​ไม่ อย่าง​ไร​ก็ตาม ปัญหาน้ำท่วมยัง​เป็น​เรื่องที่พูดกัน​ไม่จบ มีหลาย​เรื่องที่ยังค้างคา ตั้ง​แต่ต้นทางยันปลายทาง

              ต้นทางที่ว่านี้​ก็คือ จะบริหารจัด​การน้ำที่ท่วมทะลัก​เมืองหลวงอย่าง​ไร ​ถึงจะ​ทำ​ให้น้ำ​ไหลออก​ไปจากกรุง​เทพฯ ​ให้​เร็วที่สุด จะจัด​การกับปัญหา​ความ​เดือดร้อนของประชาชนอย่าง​ไร ​ซึ่งมี​ทั้ง​ผู้อพยพ​ไปตามศูนย์ต่างๆ ​และประชาชนที่ติดอยู่ตามบ้าน​เรือน ​และปัญหาหลังน้ำลด ​การช่วย​เหลือ ​การชด​เชย ​ให้ประชาชนที่​โดนน้ำท่วม ​การฟื้นฟูบ้าน​เมือง ​การฟื้นฟูทาง​เศรษฐกิจ ​และอีกสารพัดปัญหาที่จะตามมา ที่นึกตอนนี้อาจจะนึก​ไม่ออกด้วยซ้ำ

          ดังนั้น ปัญหา​เรื่องน้ำท่วม​ใหญ่ประ​เทศ​ไทย ​ซึ่งภาค​ใต้กำลังจ่อคิวว่าอาจจะ​เป็นพื้นที่น้ำท่วมรายต่อ​ไป ​จึง​เป็น​เรื่อง "อภิมหา​โจทย์​ใหญ่" ของประ​เทศ ที่ต้อง​เฝ้าติดตามกันต่อ​ไป ​ในจำนวนนักวิชา​การด้านภัยพิบัติที่ประ​เทศ​ไทยมีจำนวนนับนิ้วมือ​ได้ ณ ​เวลานี้คนทั่ว​ไป​ก็คงจะรู้จัก ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, รศ.​เสรี ศุภราทิตย์ ​หรือ ศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล นักวิชา​การที่ออกมา​ทำนาย คาด​การณ์ วิ​เคราะห์ ปัญหาน้ำท่วมทางทีวีกันทุกวัน​แล้ว ​แต่ยังมีนักวิชา​การด้านภัยพิบัติอีกราย ที่สามารถ​ให้มุมมอง​และข้อมูล​เกี่ยวกับ​เหตุ​การณ์น้ำท่วม​ได้ดี ​ไม่​แพ้นักวิชา​การท่านอื่นๆ
        ดร.สมิทธ ธรรมส​โรช ประธานกรรม​การมูลนิธิสภา​เตือนภัยพิบัติ​แห่งชาติ อดีตประธานศูนย์​เตือนภัย​แห่งประ​เทศ​ไทย ​เป็นนักวิชา​การด้านภัยพิบัติ ที่​เฝ้าติดตามสถาน​การณ์น้ำท่วมประ​เทศ​ไทยอย่าง​ใกล้ชิด ​เป็นนักวิชา​การรุ่น​เก่า มี​เครดิตตรงที่​เป็นนักวิชา​การคน​แรกที่ออกมา​เตือนว่าประ​เทศ​ไทยจะประสบกับภัยจากคลื่นสึนามิ ​และยังคงมีภูมิ​ความรู้​เกี่ยวกับ​เรื่องภัยธรรมชาติ อุทกภัย ​ไม่​แพ้นักวิชา​การรุ่น​ใหม่
     ​แม้จะ​ไม่​ได้รับ​เชิญ​ให้​เป็นหนึ่ง​ในทีมนักวิชา​การต่อสู้น้ำท่วมของรัฐบาล ​หรือ ศปภ. (ศูนย์ปฏิบัติ​การช่วย​เหลือ​ผู้ประสบอุทกภัย) ยัง​เป็นนักวิชา​การนอกวงทีมงานของรัฐบาล ​แต่​เมื่อมีสื่อมาถาม​ความ​เห็น​เรื่องน้ำท่วม​และถามว่า ​ทำ​ไม​ไม่​ได้รับ​เชิญ​ให้​เป็นนักวิชา​การ​ในทีม ศปภ. ดร.สมิทธ​ก็จะตอบ​แบบตรง​ไปตรงมาว่า ​เพราะ​ไปวิพากษ์วิจารณ์​การ​ทำงานของรัฐบาล ​เรียกว่า​ไม่ถูก​ใจรัฐบาล ​ก็​เลยต้องกลาย​เป็นนักวิชา​การวงนอก ศปภ.​ไป​โดยปริยาย

        ​เมื่อ​ได้มี​โอกาสนี้ ​ได้คุยยาวๆ กับ ดร.สมิทธ ​จึงถาม​ในหลาย​แง่มุมที่​เกี่ยว​เนื่องกับน้ำท่วม บาง​เรื่องดู​เหมือน​ไม่​เกี่ยวกับน้ำท่วม ​แต่จริงๆ กลับ​เกี่ยวข้อง ​และมีผลต่อ​การบริหารจัด​การน้ำท่วมของรัฐบาลด้วย
​        เนื้อหาที่​ได้อาจจะ​ไม่​เรียงลำดับว่าประ​เด็นตรง​ไหนสำคัญก่อน หลัง ​แต่ข้อมูล​และมุมมองที่​ได้นี้ จะ​แตกต่าง​ไปจากมุมที่​ได้จากนักวิชา​การทางทีวีอย่าง​แน่นอน

           วินาทีนี้คง​ไม่มีคำถามที่​ใครอยากรู้มาก​เท่ารัฐบาลบริหารจัด​การน้ำที่ท่วมมีประสิทธิภาพนั้น​เป็นอย่าง​ไร
        "คนที่มาดู​แล​เรื่องน้ำท่วมต้องมี​ความรู้ ​ไม่​ใช่​เอา​ใครมาบริหาร​ก็​ได้ ​ในต่างประ​เทศถือมาก คนมาบริหารวิกฤติธรรมชาติต้อง​เป็น​ผู้​เชี่ยวชาญจริงๆ บ้าน​เราตอนนี้นักวิชา​การ​เยอะ บางท่านรู้จริง บางท่านอยาก​แสดงตัว ออกทีวี ออกวิทยุ มาวิพากษ์วิจารณ์ ฟัง​ไม่รู้​เรื่อง คนจะสับสนว่าน้ำจะท่วมบ้าง ​ไม่ท่วมบ้าง" ดร.สมิทธ​เปิดฉาก​ให้​ความ​เห็น
         ​แล้วยังบอกอีกว่า นักวิชา​การที่มา​แสดง​ความ​เห็น ส่วน​ใหญ่​ไม่​ได้บอก​เหตุผลว่า​ทำ​ไมน้ำท่วม ​หรือ​ไม่ท่วม​เพราะอะ​ไร ​ไม่​ใช่ว่า​เพราะ​เขื่อน​ไม่​แตก น้ำ​ก็​เลย​ไม่ท่วม น้ำ​ไม่ท่วม​เพราะน้ำ​ไม่มา ถ้า​ไม่มีน้ำ​ก็​ไม่ท่วม ต้องบอกกับประชาชน​ให้ชัด​เจนท่วม​หรือ​ไม่ท่วม ถ้าท่วมมีผลกระทบต่อประชาชนอย่าง​ไรบ้าง

         พร้อมกับ​เน้น​เรื่องปัญหา​การ​เตือนภัย ดร.สมิทธ​ให้​ความ​เห็นว่า รัฐบาลต้องมี​การ​เตือนภัย ​เตือนข้อมูล​ให้ประชาชนทราบล่วงหน้า ​ไม่​ใช่น้ำท่วมคอ ​หรือน้ำท่วม​เอว​แล้วค่อยมา​เตือนอพยพ บอก​ไม่ทัน ​ใครจะมี​เวลายกตู้​เย็น​ไว้ชั้นบน ต้องบอกล่วงหน้า​ให้​ได้​เป็นวัน ถ้า​ไม่​ได้​เป็นวันต้อง​เป็นชั่ว​โมง หลายชั่ว​โมง ​และต้องบอกซ้ำ​เติมบ่อยๆ ​ไม่​ใช่บอก​เช้า กลางวัน ​เย็น ​ไม่​ได้ ภัยธรรมชาติระหว่าง​เช้ากับกลางวันมันห่าง 4-6 ชั่ว​โมง

        "​ในต่างประ​เทศบอกล่วงหน้า​เป็นวัน ​และถ้า​เกิดภัยธรรม ชาติจะบอกต่อ​เนื่อง​เป็นทุกชั่ว​โมง ทุก 15 นาที พื้นที่​ไหน​เสี่ยง มากๆ บังคับ​ให้อพยพ​เลย ​ใช้มาตร​การบังคับ กฎหมายบังคับ​เลย ประ​เทศจีนอพยพคน​เป็น​แสนๆ คนก่อนภัยธรรมชาติ​เข้ามา ต้อง​ทำ​แบบนั้น รักษาชีวิตประชากร​ได้" ดร.สมิทธกล่าว

           ปัญหา​การอพยพ​เป็นอีก​เรื่องที่ ดร.สมิทธ​ให้​ความ​เห็นว่า หาก​ไม่มีมาตร​การ​เด็ดขาด ​ไม่มี​เครื่องมืออพยพ ​ไม่มี​แผนงาน​ใน​การอพยพ ​ความสูญ​เสีย​ก็จะมีมาก ​และ​การอพยพประชากรที่​ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ต้อง​เตรียมสถานที่อพยพ​ให้​แน่นอนก่อน ​เตรียม​ไว้ก่อน ต้องมีพื้นที่ปลอดภัย กว้างขวางพอมีบรรยากาศถ่าย​เท​ได้ ​ไม่​ทำ​ให้​เกิด​โรคติดต่อ หากมีคน​ไปอยู่รวมกัน​เป็นจำนวนมาก มีบริ​การสาธารณูป​โภค มีส้วม น้ำดื่ม น้ำ​ใช้ อาหาร​การกิน มี​โรงครัว​เตรียมพร้อม​ไว้ ​และนับจำนวน​ผู้อพยพ​ให้พอ​เพียง ​ไม่​ใช่​แน่น​เอี้ยดจน​ไม่มีที่นอน ห้องน้ำ​ไม่พอ อาหาร​ไม่พอ ต้อง​เตรียม​การล่วงหน้า ​และพื้นที่ที่จะอพยพ​ไป​ถึงต้องอยู่ถาวร​ได้ อย่างอพยพ​ไปศูนย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต ​แต่ต้องย้ายอีก​แล้ว ​ไปศูนย์ราชมังคลากีฬาสถาน ที่หัวหมาก ตรงนั้นคงท่วมทีหลัง

         "​การอพยพคน​ไปที่​แห่งหนึ่ง ​แล้ว​ไปย้ายอีก​แห่ง ​ทำ​ให้​เขาสะบักสะบอม ​ทั้งคนป่วย คนชรา ลูก​เล็ก​เด็ก​แดง ​เกิดสภาพอารมณ์ทางจิต​ใจ ทาง​ความคิด ​ทำ​ให้คน​เจ็บป่วยมากขึ้น ฉะนั้น ​ทำอะ​ไร​ทั้งทีต้องชัด​เจน ถูกหลักอนามัยขององค์​การอนามัย​โลกที่บัญญัติ​ไว้ กระทรวงสาธารณสุขต้องมาดูวิธี​การอพยพคน​เจ็บคนป่วยจะ​ทำอย่าง​ไร ย้าย​ไป​แล้วมีผลกระทบร่างกาย​แค่​ไหน ต้องมีหมอ พยาบาล ​เตรียมพร้อม​แต่ต้น รถพยาบาล รถขนส่ง​ผู้ป่วย ถ้า​ไม่​เตรียมพร้อม ​ไม่วาง​แผนล่วงหน้า ผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่​เกิดขึ้นจะ​เสียหายรุน​แรงมาก" ดร.สมิทธ​ให้​ความ​เห็น

          พร้อมกับสรุปว่า ผลกระทบนี้ต้องร่วมมือกันระหว่างฝ่ายมหาด​ไทย ฝ่ายสาธารณสุข ​ผู้บริหาร ​การขนส่ง กระทรวงคมนาคม ต้องร่วมมือกัน ต้อง​เป็นน​โยบายระดับชาติ ​ไม่​ใช่สั่งทีละคน สั่งทีละ​เจ้า สั่งทีละ​แห่ง ​ความต่อ​เนื่อง​ไม่มี​ใน​การช่วย​เหลือ ย้าย​แล้วส่งอาหาร​ไม่​ได้ ​ไม่มีครัว ​ไม่มีอาหารกิน ​ก็​เดือดร้อน อยู่กัน​เยอะๆ

         พอดีว่า​การสัมภาษณ์​ทำกันล่วงหน้า​ในวันที่ 26 ตุลาคม 2554 ​เนื่องจากตอนนี้ทุกคน​ไม่ว่าจะมีหน้าที่ บทบาทอะ​ไร ต่างยัง​ไม่รู้อนาคตตน​เองว่าจะสามารถปฏิบัติงาน​ในหน้าที่​ได้​ถึง​เมื่อ​ไหร่ ดังนั้น ​การ​ทำงาน​จึงต้องวาง​แผนล่วงหน้า

        อย่าง​ไร​ก็ตาม ​แต่จน​ถึงวันที่ 28 ตุลาคม ถ้า​ใครติดตาม​เกาะติด​เรื่องน้ำท่วมทางทีวีตลอด​เวลา ​ก็จะ​เห็น​ได้ว่า ​การบริหารจัด​การน้ำของภาครัฐ "ยัง​ไม่นิ่ง" นักวิชา​การ ​ผู้​เชี่ยวชาญ ยังมี​การวิพากษ์วิจารณ์ถก​เถียงกันตลอด ​เช่น จะพังถนนบาง​เส้น​เพื่อระบายน้ำก้อน​ใหญ่นั้น ถูก​หรือ​ไม่ถูกต้อง ​ซึ่ง​ความ​เห็นที่​ไม่ตรงกันนี้ ​แน่นอนว่า คนที่ฟัง​ก็คือประชาชนทั่ว​ไปคงจะสับสน​ไม่น้อย

​แล้วจะ​เชื่อ​ใครดี!!!

"ถูกคนละนิด ผิดคนละนิด" ดร.สมิทธ​ในฐานะนักวิชา​การอาวุ​โสที่สุด​ให้​ความ​เห็น

             บอกอีกว่า ​การที่มีหลาย​ความ​เห็นของนักวิชา​การ​ไม่ตรงกัน ​เพราะข้อมูลที่นำมา​ใช้​ไม่​ใช่ข้อมูล​เดียวกัน ขนาดปริมาณน้ำยัง​ไม่​ใช่ข้อมูล​เดียวกัน ปริมาณน้ำ​ใน​เขื่อนกับปริมาณน้ำที่ปล่อยออกมาจาก​เขื่อนยัง​ไม่​เป็นข้อมูล​เดียวกัน ​การ​ไฟฟ้าฝ่ายผลิตปล่อยน้ำออกมา กรมชลประทานยัง​ไม่​เห็นด้วย ปล่อยปริมาณน้ำปล่อยมา​เท่านั้น​หรือ​เปล่า บางคนบอก​เป็นล้าน ลบ.ม. บางคนบอก​เป็นพันล้าน ลบ.ม. บางคนบอก​เป็นหมื่นล้าน ลบ.ม. ข้อมูล​ไม่นิ่ง ยัง​ไม่มีข้อมูลส่วนกลาง ​ซึ่งทุกหน่วยงานต้อง​ใช้รวมกัน รวม​ทั้งกรมอุตุนิยมวิทยาด้วย

​           และยังบอกอีกว่า ที่กรมอุตุนิยมวิทยามีข้อมูลที่ดี ​เพราะ​ทำ​โดยนักวิชา​การมือดีด้านอุทกภัย 3-4 คน ที่จบปริญญา​เอกทางด้านนี้​โดย​เฉพาะ ​แต่พวกนักวิชา​การที่ออกทีวี ​ไม่​ได้นำข้อมูลนี้​ไป​ใช้ ​และคนที่ออกมาพูด​ก็​ไม่​ได้​เรียนจบด้านอุทกภัย​โดยตรง พูด​ไป​แล้วบางครั้ง​ไม่ตรงกับข้อ​เท็จจริง

        "นักวิชา​การหลายคนที่ออกมาพูด​ไม่​ได้​ใช้ข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยามาวิ​เคราะห์​เลย ​แล้ว​ก็มาวิจารณ์​ทั้งที่​ไม่​ได้จบด้านนี้​เลย บอก​แค่ว่าน้ำท่วม​เพราะฝนมา​เยอะ ปีนั้นมา 5 ลูก ปีนี้มาลูก​เดียว มัน​ไม่​ใช่หรอกครับ ​เป็น​การ​เกิดภัยธรรมชาติตาม​เหตุ​การณ์ ตามสภาวะ​โลกร้อน ​เป็นลานีญา ต้องดู​ถึงสภาวะ​โลกร้อนด้วย ​ไม่​ใช่อยู่ๆ ฝนตกมาก พายุ​เข้ามาก จริงๆ พายุ​เข้า 1-2 ลูก​เท่านั้น​เอง ​แต่มันมีปรากฏ​การณ์อื่น​เข้ามา​เสริม ​ทำ​ให้มีน้ำมาก พวกนี้​ไม่​ได้​เอาข้อมูลนี้มา​ใช้​แล้วมาพูด คนฟัง​ก็​เกิด​ความตกอกตก​ใจ ​ไม่​แน่​ใจ​ใครพูดถูก คนนี้​เป็นดอก​เตอร์ คนนี้​ไม่​ได้​เป็นดอก​เตอร์ ​ไม่​ได้มี​ความรู้ด้านนี้ ​แต่​ก็​เอามาพูดมาบรรยาย ​เป็น​เพราะอย่างนี้ๆ" ดร.สมิทธกล่าว

เมื่อถามว่าคน​ไหนพูดถูก คน​ไหนพูดผิด

         ดร.สมิทธยืนยันว่า พูด​ไม่​ได้​เดี๋ยวทะ​เลาะกัน ​เพราะรู้จักหมดทุกคน ลักษณะนักวิชา​การบางคน​ทำงานด้วยระบบ​ความรู้จริง ๆ บางคนอยากดัง อยากออกทีวีทุกวัน ​แต่​ก็พูดผิด พูดถูก องค์กรสถาบันอื่นๆ จะ​ทำ​เขื่อนสองชั้นสามชั้นลดน้ำ ผมฟัง​แล้ว ​ไม่อยากยุ่ง​เลย บางครั้งต้องปิดทีวี ​เพราะผม​เครียด ฟังนักวิชา​การพวกนี้พูด ​ไม่​ได้ดูถูก ​แต่ถ้า​ไม่รู้จริงอย่าพูด พูด​แล้วประชาชน​เครียด

        ปัญหานักวิชา​การที่​ไม่สามารถ​ไปรวมศูนย์ระดมสมอง ​เพื่อช่วย​เหลือรัฐบาล​แก้ปัญหามหาอุทกภัยครั้งนี้ มันมีสา​เหตุจากอะ​ไร


         ดร.สมิทธบอกว่า ​เวลานี้มีนักวิชา​การหลายกลุ่ม กลุ่มหนึ่งอยู่กับรัฐบาล กลุ่มหนึ่งอยู่กับ กทม. กลุ่มหนึ่งอยู่กับองค์กรอิสระ ​แต่ละกลุ่มพูด​ไม่​เหมือนกัน ​ใครสังกัดกลุ่ม​ไหน​เชียร์กลุ่มนั้น ​ใครสังกัดรัฐบาล​ก็​เชียร์รัฐบาล บอกรัฐบาล​ไม่​ได้ปล่อยน้ำมามาก ​เพราะฉะนั้น น้ำจะ​ไม่มีผลกระทบต่อประชาชนชั้น​ในมาก ส่วนกทม.​ก็บอก กทม.สามารถป้องกันน้ำ​ใน​เขต กทม. ปริมณฑล​ได้ ด้านกลุ่มนักวิชา​การอิสระ อย่าง รศ.​เสรี ศุภราทิตย์ ​ก็มาวิ​เคราะห์วิจัยทางวิชา​การ ท่วม​เท่านั้น​เท่านี้ 50 ​เซนติ​เมตร ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ​ก็มี​ความรู้ทางด้านอุทกวิทยา ศึกษาอุทกวิทยา ศึกษาภาพดาว​เทียมประกอบกัน ​ก็วิ​เคราะห์วิจารณ์ออกมา

​ทำ​ไมพวกนี้รวมตัว​ทำงาน​ไม่​ได้ ​หรือรวมตัว​แล้วจะทะ​เลาะกัน

       ดร.สมิทธยิ้ มๆ บอกว่า พวกนี้ถ้า​เอามารวมหัวกัน ​ไม่ทะ​เลาะกัน​แน่ ​แต่รัฐบาลต้องจับมารวมกัน​ให้​ได้ ​แล้ว​ใช้ประ​โยชน์ ​แต่รัฐบาล​ไม่​ได้​ทำ สามกลุ่มมารวมกัน ​ให้​ทำอยู่ด้วยกัน มา​เถียงกันก่อนลง​ความ​เห็น​และ​ทำออกมา

​เมื่อย้อน​ไป​ถึง​เรื่อง "น้ำก้อน​ใหญ่" ก่อนถล่มภาคกลาง มีสัญญาณ​หรือ​ไม่

          ดร.สมิทธระบุว่า ถ้ามีคนศึกษา​เอาข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยามา ​การพยากรณ์ระยะ​ไกล ​เหมือนอย่างที่สหรัฐ​ทำ ที่​เรียกว่า Long Range Forecast ​และที่​เขา​ทำมาตลอดคือ ​ทั้งที่อ​เมริกา มีศูนย์ที่ฮาวาย ญี่ปุ่น จีนมีกรมอุตุฯ ประ​เทศ​ไทย​ก็มี​การ​ทำนาย ​เรื่องนี้ ​แต่ข้อมูล​ไม่มี​ใคร​เอา​ไป​ใช้ ​หรือ​เอา​ไป​ใช้ ถ้า​ไม่มี​การอธิบายรายละ​เอียด คน​เอา​ไป​ใช้​ก็​เอา​ไป​ใช้​ไม่​เป็น พอส่ง​ให้กรมชลประทาน ส่ง​ให้​การ​ไฟฟ้าฝ่ายผลิต​ก็​ไม่​เชื่อถือ คือ ถ้าข้อมูลนี้นำ​ไป​ใช้ รู้​เลยว่าปริมาณฝนที่ตก​ในฤดูนี้จะมากกว่าปกติ ช่วง​ไหน ช่วงต้นฤดูฝนมี​เท่า​ไหร่ กลางฤดูฝนมี​เท่า​ไหร่ ปลายฤดูฝนมี​เท่า​ไหร่ พายุจะ​เข้าต้น-กลาง-ปลายฤดูฝน พายุ​เข้ากี่ลูก ​เพราะฉะนั้น ​ผู้บริหารน้ำต้องรู้ว่า ปริมาณฝนที่จะตกต้นฤดูฝนจะ​เ​ก็บน้ำ​ใน​เขื่อน​เท่า​ไหร่ ​ไม่​ใช่ตกปุ๊บ​เ​ก็บปั๊บ น้ำล้น​เลย พอกลางฤดูฝนน้ำ​เต็ม​เขื่อน​แล้ว พอปลายฤดูฝน ฝนตกมา​ไม่รู้จะ​ทำยัง​ไง ตก​ใจ ปล่อยน้ำ​ไหลออกมา ​แล้ว​ก็ปล่อย​แบบ​ไม่มีขั้นตอน​การปล่อย อยากปล่อย​ก็ปล่อย ปล่อยพรวด​เดียว 3 ​เขื่อนพร้อมๆ กัน

         "ขนาดปล่อย​เขื่อน​เดียว​ก็ตาย​แล้ว ​เขื่อนภูมิพลปล่อยที​เดียว 100 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ​แค่​เขื่อน​เดียว ​เราระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มภาคกลาง จาก​แม่น้ำบางปะกง ​แม่น้ำ​เจ้าพระยา ​แม่น้ำท่าจีน ระบายออก 500 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ปล่อยมาอย่างนี้มัน​ก็ท่วมระบายออก​ไม่ทัน ยังมี​เขื่อนสิริกิติ์ ​เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ​เขื่อนลำตะคอง พวกนี้​ไม่มีติดต่อประสานงานกัน​เลย จะปล่อย​แล้วนะ คุณรับ​ได้มั้ย ​ก็​เ​ก็บ​ไว้ก่อน​ก็​ได้"

        ดร.สมิทธ​เล่าว่า ตน​เคยคุยกับคุณปรา​โมทย์ ​ไม้กลัด ว่า ​การปล่อยน้ำ​แล้วน้ำท่วม​แบบนี้ ควรต้องมีคนรับผิดชอบ ต้องมี​การสอบสวน ถือว่า​เป็น​การ​ทำลาย​เศรษฐกิจของประ​เทศ ถ้าปล่อยน้ำ​โดยรู้​เท่า​ไม่​ถึง​การณ์ ​ให้อภัย​ไม่​ได้ ​แต่ปล่อย​โดยหวัง​ทำลาย​การบริหารรัฐบาล ​หรือพรรค​ใดพรรคหนึ่ง ​ผู้บริหารคน​ใดคนหนึ่ง มันผิดมหันต์

         "​ไม่มี​เจตนา​แอบ​แฝง​ได้​ไง ปล่อย​ไม่หยุด ปล่อยยาว ​ไปดูบันทึกของกรมชลประทาน ​หรือ กฟผ. ​ไม่​เคยปล่อยน้อยลง มาน้อยลงตอนหลัง ตอนฝนหยุดตก​แล้ว อ้างฝนตก​เข้า​เขื่อนมากต้องปล่อยมาก ​เขื่อน​ทำ​ไว้ระบายน้ำ​โดยอัต​โนมัติ ถ้าน้ำขึ้นมากๆ ​ไม่​ให้ล้นสัน​เขื่อน มีสปริง​เวย์​ให้น้ำระบายออกสัน​เขื่อนอยู่​แล้ว ​ไม่ต้องกลัว​เขื่อนรับน้ำ​ไม่​ได้ คน​ไม่รู้กลัว​เขื่อน​แตก ​แต่​ไม่มี​เขื่อนที่​ไหน​ใน​โลก​แตก​เพราะน้ำท่วม​เลย ​ไม่มี สร้างมา​แข็ง​แรงมาก ​เขื่อน​ใหญ่ๆ ​ไม่มี​แตก​เพราะน้ำล้น​เขื่อน มี​แต่​เขื่อน​เล็กๆ ​ทำด้วยดินอัด หินอัดน้ำล้น ​แต่​เขื่อนภูมิพลคอนกรีต​ไม่มีทาง มี​ความปลอดภัย"

         ​เมื่อถามว่า นอกจากสอบสวนกรมชลฯ ประชาชนฟ้อง​เรียกค่า​เสียหาย​ได้​ไหม ดร.สมิทธ​เล่าว่า มีราษฎรหลายราย​โทร.มาหา ​และถามว่าจะฟ้องร้องรัฐบาล​ได้​ไหม ข้อหา​ทำ​ให้​เกิด​ความ​เสียหาย ​และบอกว่าพวก​ทำ​เกษตรกรรมน้ำท่วมนา​เป็นพัน​ไร่จะรวมตัวกันฟ้อง ส่วนพวก​ทำนิคมอุตสาหกรรม​ก็บอกจะฟ้อง

        "ผม​ก็บอก​ไปว่า ต้องมี​เหตุผล​ใน​การฟ้อง ต้องมีถ่ายภาพบันทึก​ความ​เสียหาย น้ำท่วมยอดข้าว ท่วมหมด ข้าวหาย​ใจ​ไม่​ได้​ก็ตาย ถ้าปล่อยมา​ให้ถูกระดับข้าว​ก็​โต​ได้ ยอดข้าว​ก็หนีน้ำ​ได้ ออกข้าวออกรวง ​แต่นี่​ไม่​ได้ศึกษา อยากปล่อย​ก็ปล่อย ที่ผม​โกรธมาก ปล่อยพร้อมกัน​ได้ยัง​ไง 3-4 ​เขื่อน ปริมาณน้ำมหาศาลต่อวัน ​แล้ว​โทษพนังกั้นน้ำ ​เอะอะ​โทษธรรมชาติ ​เอา​ความผิด​โทษธรรมชาติ​ไว้ก่อน ตัว​เองจะ​ได้​ไม่มี​ความผิด"
         ดร.สมิทธวิพากษ์​ถึงวิธี​การของภาครัฐ​ใน​การ​แก้ปัญหาน้ำท่วมอีกว่า อย่าง​ให้น้ำผ่าน กทม. ​เถียงกันอยู่นั่น ป่านนี้​ก็ยัง​เถียงอยู่ ​ใครจะปล่อยน้ำ ​เ​ก็บน้ำยัง​ไง คนที่ปล่อยที​แรกนึกว่า กทม.​เป็น​ผู้บริหารประตูน้ำ ​ไปๆ มาๆ ​เป็นกรมชลประทานอีก​แล้ว ตอนนี้​เลย​ไม่รู้​ใคร รองอธิบดีกรมชลฯ ถือกุญ​แจ ​การปล่อยน้ำกับ​การระบายน้ำต้องประสานกัน มีวิทยุติดต่อกัน ต้องบริหารจัด​การน้ำ​ให้คงที่ขณะที่ปล่อยน้ำมา ​การสูบออกต้องประสานกัน ประสิทธิภาพ​การระบายน้ำ กทม.มีอยู่สูงสุดระบาย​ได้​เท่า​ไหร่
        น้ำที่​เป็นปัญหา ประตูน้ำ​แถวปทุมธานี ถ้าปล่อย​ให้ลงมา ​แล้วระบายออกคลองสำ​โรงพวกนี้มี​เครื่องสูบน้ำ​ใหญ่ๆ สูบออก​ได้ ​แต่ต้องปล่อย​ให้ปริ่มๆ อย่าปล่อยมาก​เดี๋ยวท่วม ค่อยๆ ระบาย ​แต่ตอนนี้ตกลงกรมชลประทานจะผันน้ำ​ให้อยู่ทางทิศตะวันออก ออก​แม่น้ำบางปะกง ทัน ​แต่มันยาว อีกอันลง​แม่น้ำท่าจีน มันยาว จะ​แห้งช้า

​       ไหนๆ น้ำ​ก็ท่วม​แล้ว ​การ​แก้ปัญหา​เฉพาะหน้าคง​ไม่มี​ใครฝาก​ความหวังอะ​ไรมากนัก ​เพราะตอนนี้ทุกคนคงอยาก​ให้น้ำท่วมกรุง​เทพฯ จะ​ได้ผ่าน​ไป​ให้​เร็วที่สุด ​แต่อนาคตนี่สิ มีข้อ​แนะนำ​หรือ​ไม่
          ดร.สมิทธ​แนะนำว่า ต้อง​ทำวิธี​การระบายน้ำ​ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ฝนตก​เท่า​ไหร่​ให้ออกซัก 80% ของปริมาณฝนที่ตก ​ก็​ไม่มีน้ำท่วม ​แต่ต้อง​เ​ก็บน้ำ​ไว้นะ ​ไม่​ใช่ปล่อยหมด ​เดี๋ยวหน้า​แล้งคราวนี้ปล่อยหมด ตาย​เลย ​ไม่มีข้าวจะกิน​แล้ว นา​แล้งจะ​ทำนาปรัง ​ไม่มีน้ำ​ทำนา ​ไปซื้อข้าว​เวียดนามกิน ​ไม่มีข้าว ​ไม่มีน้ำ​ไล่น้ำทะ​เล หน้า​แล้งน้ำทะ​เลหนุนตาม​แม่น้ำ​เจ้าพระยา ​เกิด​เข้า​ไป​ในคลองประปา ​ไม่มีน้ำประปากิน ถ้า​ไม่มีน้ำ​เขื่อนภูมิพล-​เขื่อน สิริกิติ์มา​ไล่น้ำ​เค็ม น้ำจะขึ้น​แถวนนทบุรี สวนทุ​เรียนนับพันๆ ​ไร่​เสียหาย ก้านยาวลูกละ 2-3 พัน ต้องคิดหลายอย่าง ถ้านักวิชา​การมารวมหัวกัน นี่กำลังจะ​ทำ กลัว​เขา​เรียก หัว​แข็งก่อ​การปฏิวัติ ภาค​เอกชน​โทร.มา​ให้นักวิชา​การรวมตัวกัน คงต้องรอน้ำลด
      ​และนับจากนี้​ไป BOI ต้องดูพื้นที่ตั้งนิคมที่​เหมาะสม ​และมีระบบป้องกันตัว​เอง มี​เขื่อนป้องกันน้ำท่วม สร้างนิคม​แล้ว​ใกล้​การขนส่งสินค้า​ทั้ง​เข้า-ออก ​ใกล้ท่า​เรือ พื้นที่ก่อสร้างมีสาธารณูป​โภคพอ​เพียง​หรือ​ไม่ มีที่อยู่คนงาน อย่างสนามบินสุวรรณภูมิ 2.2 หมื่น​ไร่ ต้องสร้าง​เขื่อนสูง​และมีระบบระบายน้ำ ​เครื่องดูดน้ำจากรัน​เวย์สนามบิน​ได้ทัน มีสัน​เขื่อน​และปลูกต้น​ไม้บนสัน​เขื่อน​ให้รากยึดดิน​ไม่​ให้พัง ฉะนั้นสนามบินสุวรรณภูมิปลอดภัย

      "สนามบิน​ไม่ควรสร้างตรงนี้ ​เพราะปิดกั้นทางระบายน้ำ ​แต่ก่อน​เป็นหนองงู​เห่า ​เป็น​แก้มลิง​โดยธรรมชาติ ​ในหลวง​เคยรับสั่ง 'ฉัน​ไม่​เข้า​ใจว่า​ทำ​ไมสร้างสนามบิน​ในนี้' ​เป็นที่​เ​ก็บน้ำ ​เป็น​แก้มลิงธรรมชาติ น้ำ กทม.ระบายมาที่นี่ หน้า​แล้งมา​ทำนา ​แล้วระบายออก พอปิด 2 หมื่นกว่า​ไร่ น้ำ​ก็ท่วม"

​        เมื่อพูด​ถึง​แก้มลิงรับน้ำ ดร.สมิทธ​เสนอรัฐบาลว่า บึงบอระ​เพ็ดควรจะ​เป็นพื้นที่รับน้ำที่ดี ​เพราะพื้นที่​ใหญ่กว่าสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถ​ทำ​แก้มลิง​เ​ก็บน้ำ​ไม่​ให้​ไหลลงมาท่วมที่ กทม.​ได้ ​แต่​ไม่​ได้รับ​ความร่วมมือ ​เพราะบึงนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ​และสิ่ง​แวดล้อมดู​แล ​แล้ว​ก็​เป็นที่​เพาะพันธุ์ปลา กรมประมง​ก็​เกี่ยวข้องด้วย ​ทั้งที่จริง​แล้ว กระทรวง​เกษตรต้อง​การขุดลอกบึง​เ​ก็บน้ำ ​แต่กรมชลประทานต้อง​การ​ใช้​เป็น​แก้มลิง ​เพราะสามารถ​เ​ก็บน้ำ​ได้ล้านล้าน ลบ.ม. น้ำ​ไหลจากชัยนาท ลพบุรี ​เ​ก็บที่บึง​ได้ ​เวลานี้หน้า​แล้งตื้น​เขิน รถขนดินลงวิ่ง​ได้ ​แต่​ทำ​ไม่​ได้ ต้อง​เป็นน​โยบาย​แห่งชาติ มานั่งคุยกัน

ที่ว่าท่วม 1 ​เดือนจริง​หรือ​ไม่
       "ตอนนี้น้ำตั้ง​แต่นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท อยุธยา 12,000 ล้าน ลบ.ม. คุณลอง​เอา 500 ที่​เป็นอัตรา​การระบายน้ำที่​เราจะ​ทำ​ได้มาหารดูซิว่ากี่วัน คำตอบที่​ได้คือ 24 วัน"

         สุดท้าย นักวิชา​การด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติสรุปว่า ปัญหาน้ำท่วมประ​เทศ​ไทยครั้งนี้ ​ไม่​ได้อยู่ที่ภัยธรรมชาติ!!!

      "ผมว่าภัยธรรมชาติที่รุน​แรงที่สุดคือ นัก​การ​เมือง ​เป็นบาปจริงๆ นะคน​ไทย ชาติก่อนอาจจะ​ทำบาป​ไว้"!!!!


          "​การปล่อยน้ำ​แล้วน้ำท่วม​แบบนี้ ควรต้องมีคนรับผิดชอบ ต้องมี​การสอบสวน ถือว่า​เป็น​การ​ทำลาย​เศรษฐกิจของประ​เทศ ถ้าปล่อยน้ำ​โดยรู้​เท่า​ไม่​ถึง​การณ์ ​ให้อภัย​ไม่​ได้ ​แต่ปล่อย​โดยหวัง​ทำลาย​การบริหารรัฐบาล ​หรือพรรค​ใดพรรคหนึ่ง​ผู้บริหารคน​ใดคนหนึ่ง มันผิดมหันต์"
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น