วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554



จิตอาสา VS จิตอิจฉา
                 วันนี้น้ำกำลังไปถึงกรุงเทพฯในบางส่วน และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเพราะน้ำเหนือกรุงเทพฯยังมีจำนวนอีกมากกว่า 3 เท่าของน้ำที่ยังไปไม่ถึงกรุงเทพฯ โอกาสที่กรุงเทพฯจะมีน้ำเพิ่มขึ้นตามเขตต่างๆย่อมจะต้องเพิ่มขึ้น เว้นแต่การแก้ปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้ของรัฐบาลหาทางผันน้ำไปทิศทางอื่นได้บ้าง จำนวนน้ำจะท่วมกรุงเทพฯก็อาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ ซึ่งขณะนี้กำลังแก้ไขกันอยู่อย่างเอาจริงเอาจัง เรียกว่าทุ่มเทกันเต็มความสามารถจริงๆทีเดียว ก็ขอให้จงสำเร็จนะครับ

ในท่ามกลางวิกฤตมหาอุทกภัยครั้งนี้ เราจะเห็นอะไรที่ปรากฏอยู่สองประการ คือ

         1. ประชาชนจำนวนมากต่างช่วยกันสละสิ่งของโดยเฉพาะปัจจัย 4 ซึ่งมีความจำเป็นต่อการดำรงชีพของมนุษย์ทุกชีวิตจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งมิได้ทีเดียว

         กลุ่มประชาชนทุกอาชีพ เพศชาย เพศหญิง หรือทุกเพศ ต่างร่วมกันนำปัจจัย 4 เป็นจำนวนมากจริงๆ นำไปมอบให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งคนเหล่านี้ผู้เขียนก็จะเรียกว่าเป็นบุคคลที่มีจิตอาสา “คำว่าจิตอาสา” เป็นคำที่มีคุณค่า หมายความว่า เป็นการทำหน้าที่เพื่อประโยชน์หรือจิตที่พร้อมสละเวลา แรงกาย ทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แก่มวลมนุษย์ ซึ่งกลุ่มประชาชนจำนวนมากนี้ เขาทำการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดยไม่หวังผลตอบแทน หรือชื่อเสียง ลาภยศอะไรทั้งสิ้น เป้าหมายของประชาชนกลุ่มนี้มีเพียงว่า จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ให้ขาดแคลนปัจจัย 4 คือมิให้ผู้ประสบภัยต้องเดือดร้อนในเรื่องนี้ นับว่าเป็นการกระทำที่จะต้องขออนุโมทนาอย่างยิ่ง อันเป็นความดีงามที่ยากจะบรรยายได้หมด ผู้เขียนก็ขอให้ทุกท่านประสบความสุขความเจริญทั้งปวงในชีวิตของท่านและครอบครัวท่านด้วยนะครับ

           สำหรับคนอีกกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนี้จะมีความอิจฉาเป็นที่กำหนดซึ่งความอิจฉา หมายความว่า ตามภาษาบาลีใช้คำว่า อิสรา หรือ อิสราเจตสิก คือธรรมชาติที่ปรุงจิต ทำให้จิตเกิดความไม่ยินดี ความริษยาในการได้ลาภได้ยศของผู้อื่น ภาษาไทยใช้คำว่าอิจฉารวมกับคำว่าริษยาไปเลยในคราวเดียวกัน ภาษาบาลีเรียกว่ามูลเหตุ

            ดังนั้นรากเหง้าของความริษยา,โลภะ ปะปนกัน สนใจ พอใจเรื่องของตัวเองเป็นพิเศษจนเกินไปเป็นโลภะ มีศรัทธาจริตขวนขวายไปสนใจคนอื่นว่าถ้ามีลาภ มียศหรือมีอะไรมากกว่าพวกตนหรือจะเป็นการเสมอกับพวกตน คนพวกนี้ก็จะมีความโกรธ ความเกลียดอย่างรุนแรง ต้องแสดงออกไม่ทางกาย ก็ทางวาจา หรือแสดงออกทั้งทางกายและทางวาจา หาทางทำร้ายทำลายฝ่ายตรงข้ามให้ย่อยยับจะด้วยกายหรือวาจาเขาทำกันได้ โดยไม่คำนึงว่าสิ่งที่พวกตนทำไปนั้นจะถูกหรือผิด ไม่มีความจำเป็นของคนพวกนี้จะมีความละอายต่อใครทั้งนั้น เรียกว่าเอาความอิจฉารวมกับโทสะไปด้วยกัน

          ความหมายของ จิตอาสา กับความหมายของความ อิจฉา ตามที่ได้อธิบายให้ทราบความหมายแล้วนั้น ท่านผู้อ่านพอมองเห็นหรือยังครับใครเป็นคนกลุ่มไหน โดยเฉพาะคนกลุ่มจิตอาสาท่านก็คงทราบแล้วว่า คือคนกลุ่มไหน แต่คนกลุ่มที่อิจฉานี่สิ มองกันยาก เพราะคนพวกนี้เล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง เทคนิคมากมาย วิธีทำร้ายทำลายเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมันมากจนบรรยายไม่จบ พวกนี้ไม่แสดงออกทางกาย ก็แสดงออกทางวาจา หาทางที่จะทำให้คนที่พวกตนอิจฉานั้นได้รับความเสียหายต่างๆนานา เพื่อจะเป็นการบำบัดความอิจฉาของตัวเองจนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะถูกทำลายจนย่อยยับ ก็จะเป็นที่พึงพอใจของพวกตน 

               แต่ปัญหามีอยู่ว่า ในปัจจุบันนี้ คนกลุ่มนี้ยังควบคุมกลไกของรัฐไว้ได้ทั้งหมด ดังนั้นคนกลุ่มนี้จะพูดเสียงดังกว่าคนกลุ่มจิตอาสา เพราะเหตุว่า สื่อทางทีวี หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ เฟสบุ๊ค หรือฯลฯ เกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่นมาก การที่พวกเขาเกาะกลุ่มกันได้อย่างเหนียวแน่นนี้ เพราะผลประโยชน์ของคนเหล่านี้มันมากเสียจริงๆ หรือถ้าเราจะเรียกแบบชาวบ้านก็คือ จ่ายไม่อั้นนั่นเอง

           การจ่ายไม่อั้นของคนพวกนี้ เอากันตั้งแต่ออกไปเยี่ยมประชาชนที่ถูกน้ำท่วม จำนวนสื่อที่ติดตามคนพวกนี้จะมีจำนวนมากอย่างหนาแน่นกว่าจำนวนของท่านนายก น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของประเทศไทย ที่ออกไปพบจะเป็นแจกสิ่งของ ถุงยังชีพ หรือจะออกไปตรวจราชการก็ตาม ยังมีสื่อติดตามทำข่าวจำนวนน้อยมากไม่ถึงครึ่งของอีกฝ่ายหนึ่ง แม้จะมีจำนวนน้อยนั้น ก็ยังมีสื่อประเภทมือปืนรับจ้างก็ไม่เสนอข่าวตามข้อเท็จจริง แต่จะพยายามนำความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆหรือขยายข้อเท็จจริงเป็นไปในทางเสียหายแก่นายก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่เสมอ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในหน้าจอทีวี หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เฟสบุ๊ค ฯลฯ อยู่ให้เห็นเป็นประจำทุกวัน
            การกระทำของพวกจิตอิจฉา ไม่เพียงแต่การใช้สื่อเป็นเครื่องมือ ยังใช้อิทธิพลที่พวกตนได้ทำลายในหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะเกี่ยวกับคันกั้นน้ำ ประตูน้ำ ที่มีปัญหามันมิใช่เกิดขึ้นเพราะเหตุเกิดจากธรรมชาติทั้งหมด แต่มีบางส่วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์ จะเป็นใครคนไหนไม่ทราบได้ แต่ทราบได้ก็จากกลุ่มคนพวกอิจฉาบางคนนั่นเอง ท่านผู้เจริญทั้งหลายไม่ทราบก็ขอได้โปรดได้รับทราบเถิดว่า ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริง แม้จะทำกันอย่างเป็นความลับแต่ความลับดังกล่าวนี้สวรรค์มีตา ฟ้ามีหู ความลับดังกล่าวนี้จึงมีการแพร่งพรายออกมาให้บุคคลภายนอกได้ทราบ สมดังพุทธสุภาษิตที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า นัตถิ โลเก ระโห นามะ ปาปะกัมมัง ปะกุพพะโต แปลว่า เชื่อว่าความลับของผู้ทำบาปกรรมไม่มีในโลก

          ท่านผู้อ่านครับ อ่านแล้วขอให้เป็นความรู้อย่างหนึ่งและอีกอย่าง ท่านไม่ต้องเครียดนะครับ เพราะโลกนี้หรือที่พระพุทธองค์ได้สอนไว้ว่า มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุขก็มีทุกข์ มีสรรเสริญก็มีนินทา เรียกว่าโลกธรรม 8 ท่านพุทธศาสนิกชนก็ทราบกันดีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ท่านมองว่าโลกนี้คือละคร ทุกท่านก็คงได้ดูหนัง ดูละคร กันมาแล้วทั้งนั้น ในเนื้อเรื่องจะมีฝ่ายพระเอกและฝ่ายตัวร้ายทุกเรื่องไป is that so แปลว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง

           เรื่องวิกฤตมหาอุทกภัยก็เช่นเดียวกันกับละครในทุกเรื่อง ฝ่ายพวกจิตอาสา เป็นฝ่ายพระเอกครับ ฝ่ายพวกจิตอิจฉาพวกนี้เป็นฝ่ายตัวร้าย เป็นพวกที่ทำให้วิกฤตมหาอุทกภัยเป็นปัญหาที่พวกเราจะต้องแก้ปัญหาหนักขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น 

          แต่การณ์กลับเป็นว่า ฝ่ายพวกเราต้องเพิ่มแรงกาย แรงใจ ปัจจัย 4 และทรัพย์สินมากขึ้น ก็ทำใจเถิดครับ เพราะแมลงสาบมันไม่มีพิษอะไรหรอก เพียงแต่มันสร้างความรำคาญให้พวกเราเท่านั้น

          อ้อ!ไม่ใช่สิ มันยังมีอีกอย่าง มันเป็นสัตว์ที่เป็นผู้นำเชื้อโรคมาให้เราด้วย โดยเฉพาะโรครถถัง เอ็ม16 และสไนเปอร์เชียวนะ ล้วนเป็นโรคร้ายแรงทั้งนั้น ก็ต้องขอเตือนสติท่านแล้วล่ะว่า อย่าได้ไว้วางใจพวกแมลงสาบพวกนี้เชียวนะ การที่ระวังเชื้อโรคจากไอ้พวกแมลงสาบนี้ ต้องใช้สติปัญญากันใช้จิตที่เข้มแข็งพร้อมเผชิญกับเชื้อโรคร้ายกันอย่างเต็มกำลัง และพร้อมเพรียงกันอย่าแตกแยกกันเป็นอันขาด เพราะเท่าที่ทราบมาเวลานี้ไอ้เจ้าของแมลงสาบ มันส่งแมลงสาบปลอมเข้ามาร่วมกับพวกเราจำนวนไม่น้อยทีเดียวนะครับ นอกจากนี้ยังมีคนฝ่ายเรากลายไปเป็นพวกแมลงสาบก็เริ่มมีให้ฝ่ายเราเห็นกันหลายตัวแล้ว

           ความยุ่งยากที่ฝ่ายจิตอาสาที่ช่วยบรรเทาทุกข์ผู้ประสบอุทกภัยก็มากพอแล้ว ฝ่ายเราจะต้องมาช่วยกันระวังฝ่ายจิตอิจฉาอีก ก็เลยเป็นการทำลายการบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบอุทกภัยอีก ผมขอให้ทุกท่านถือว่าเป็นเรื่องสนุก หรือเป็นการบันเทิงให้ฝ่ายพวกเราก็แล้วกันนะ ถ้าไม่มีอุทกภัยฝ่ายเราก็จะไม่ทราบฝ่ายอิจฉาได้ว่าใครกลุ่มไหนตามที่กล่าวมาแล้วครับ


http://www.pchannel.org/index.php?name=shalad&category=13&file=readknowledge&id=1074
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น