วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เผด็จการจะสูญสลายจากประเทศไทย


เผด็จการจะสูญสลายจากประเทศไทย

เร็วกว่าที่คาดหมายเผด็จการจะสูญสลายจากประเทศไทย

บทความนี้เกี่ยวเนื่องต่อจากบทความพิเศษวันที่ 28 พฤษภาคม 2555
ซึ่งเป็นบทความประจำเดือนมิถุนายน 2555


         ในบทความพิเศษฉบับดังกล่าว ได้วิเคราะห์การเมืองของประเทศไทย ตลอดเวลาผ่านมาเป็นระยะเวลายาวนานที่ประชาชนได้ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยโดยตลอด ซึ่งแบ่งเป็นสามขั้นตอนคือ 1. ขั้นตอนการรอคอยต้องใช้เวลาเกือบ 60 ปีหรือมากกว่า ซึ่งไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ขัดขวางหรือทำลายระบอบประชาธิปไตย ตัวตนของผู้อยู่เบื้องหลังนี้ไม่มีใครทราบ เพราะไม่เห็นตัวตนศัตรูว่าคือใคร
ในขั้นตอนปัจจุบัน คือการอยู่ในขั้นตอนการยัน ซึ่งในขั้นตอนนี้ประชาชนได้มองเห็นตัวตนของศัตรูชัดแจ้งแดงแจ๋ว่าใครที่เป็นผู้ทำลาย และขัดขวางไม่ยอมให้ประเทศปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย หลายครั้งหลายคราวที่ประชาชนจะมีสิทธิเสรีภาพ มีความเสมอภาค และนำพาประเทศชาติมีเศรษฐกิจดีขึ้น ศัตรูคนนี้ก็จะล้มอำนาจที่ประชาชนชนได้รับอย่างน้อยนิดเสียโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า โดยวิธีการรัฐประหารด้วยนำกำลังของกองทัพหรือโดยการใช้อำนาจตุลาการจัดการล้มระบอบประชาธิปไตยทุกครั้งไป หรือแม้ในครั้งใดที่ศัตรูคนนี้ไม่พอใจ ก็จะทำลายระบอบประชาธิปไตยทันทีตามวิธีการดังกล่าวแล้ว โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายใดๆที่จะเกิดขึ้นแก่ประเทศชาติ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศต้องสูญเสียโอกาสที่จะได้รับโอกาสของตนเองให้เจริญก้าวหน้าทั้งในปัจจุบันและอนาคตของพวกเขาแต่กับเป็นการฉุดรั้งปิดกั้นโอกาสและทำลายชีวิตความเป็นอยู่ในปัจจุบันและอนาคตของประชาชน ทำให้ชีวิตและความเป็นอยู่ตกอยู่ในสภาพความยากจนและถูกกดขี่ขูดรีดมาโดยตลอด ไร้แสงสว่างที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากความทุกข์ยากและความยากจนและถูกกดขี่ขูดรีดตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน

             โดยเฉพาะเมื่อประชาชนได้พรรคการเมืองคือ “พรรคไทยรักไทย” เป็นรัฐบาลมีนโยบายให้โอกาสแก่ประชาชนพร้อมนำนโยบายมาปฏิบัติทำให้ประชาชนเริ่มจะลืมตาอ้าปากได้และเริ่มมองเห็นอนาคตอันสดใสว่าจะหลุดพ้นจากความยากจน แต่กับถูกศัตรูตัวร้ายตนนี้สั่งการให้กองทัพทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นการก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนมากเกือบทั้งประเทศ กรอบกับการใช้กระบวนการยุติธรรมทำลายล้างคณะรัฐบาลพรรคไทยรักไทยทุกวิถีทางจนเกิดวาทะกรรมสองมาตรฐานทั่วทั้งแผ่นดิน แต่ศัตรูประชาธิปไตยก็หาสำนึกคงปล่อยและเพิ่มความอยุติธรรมจนแผ่กระจายไปทั่วในกลุ่มประชาชนจำนวนมากของประเทศถึงปัจจุบันความอยุติธรรมยังคงดำรงอยู่และคงจะดำรงตลอดไป จนกว่าประชาชนจะร่วมกันทำลายศัตรูระบอบประชาธิปไตยให้สิ้นซากจากแผ่นดิน แต่การทำลายประชาธิปไตยของศัตรูนี้ มีกลุ่มคนเพียงไม่กี่กลุ่มได้รับอานิสงส์จากการทำลายประชาธิปไตยด้วยการกระทำความผิดแต่ไม่ต้องรับผิด แม้การกระทำความผิดเป็นความผิดที่มีอัตราโทษถึงประหารชีวิต ซึ่งประชาชนไม่เพียงในประเทศเท่านั้น รวมทั้งโลกก็เห็นข้อเท็จจริงอย่างทั่วถึงและชัดแจ้ง แต่คนพวกนี้ก็ได้รับการคุ้มครองจากศัตรูที่ประชาชนได้เห็นตัวตนแล้วนี้ โดยมิได้ อับอายแก่ใคร ไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศก็ไม่อยู่ในจิตสำนึก หรือมโนสำนึกหรือสะดุ้งสะเทือนต่อสายตาของคนทั้งโลกแต่ประการใด

           เหตุการณ์ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมีมาโดยตลอดในระยะเวลาอันยาวนาน จวบจนกระทั่งการรัฐประหารครั้งสุดท้ายเมื่อ 19 กันยายน 2549 ประชาชนจึงลุกขึ้นต่อสู้กับศัตรูของระบอบประชาธิปไตย ได้ถูกทำร้ายจากกองกำลังของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ถึงแก่ ชีวิต ร่างกาย และสูญเสียสิทธิเสรีภาพ เป็นจำนวนมาก แต่ประชาชนก็ไม่ยอมจำนนต่ออำนาจตามอำเภอใจของศัตรูคงต่อสู้ต่อไป เพราะประชาชนรู้แล้วว่าศัตรูที่แท้จริงเป็นใคร

         ครั้นมีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ประชาชนเป็นฝ่ายชนะ โดยเลือกตัวแทนของพวกเขาเป็นเสียงข้างมากและได้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ แต่อำนาจรัฐที่รัฐบาลของประชาชนมีก็ไม่สามารถบริหารดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ถูกขัดขวางจากศัตรูนี้มิให้กระทำหรืองดเว้นการกระทำในอัตราส่วนมากกว่า 75 % และล่าสุดการรัฐประหารได้เริ่ม เมื่อวันที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องและมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้สภาผู้แทนราษฎรชะลอการลงมติวาระ 3 ซึ่งกำหนดในวันที่ 5 มิถุนายน 2555 ทั้งที่คำสั่งของตุลาการรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะมีคำสั่งให้สภาผู้แทนราษฎรชะลอการลงมติได้ เพราะไม่มีกฎหมายอะไรให้อำนาจรับรองคำสั่ง เช่น ที่กล่าวมาแล้วได้ แต่ไปอ้างกฎหมายตามอำเภอใจของพวกตนเอง ออกคำสั่งให้สภาฯชะลอการลงมติวาระ 3 นี่คือผลจากคำสั่งของศัตรูที่สั่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ดำเนินการ โดยมีวัตถุประสงค์สุดท้ายเพื่อยุบพรรคเพื่อไทยและสั่งปลดคณะรัฐมนตรี เรียกว่าเป็นการปฏิวัติโดยใช้กลไกทางตุลาการนั่นเอง

          จากการลำดับเหตุการณ์มาทั้งหมด จึงทำให้การต่อสู้ของประชาชนที่ต้องการระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ให้เกิดขึ้นแก่ประเทศนี้ จึงถูกผลักด้วยศัตรูที่ร้ายกาจคนนี้ ทำให้ประชาชนก้าวเดินเข้าสู้ขั้นตอนการรุกทันทีคือเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2555 ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี และจะลุกต่อไปและจะยกระดับการต่อสู้ไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะ ซึ่งขั้นตอนรุกนี้เดิมคาดการณ์ว่าจะใช้เวลา 1-2 ปี แต่การคาดการณ์เดิมที่กำหนดไว้ก็คงจะต้องเปลี่ยนเป็นเวลาคงไม่เกิน 1 ปีแน่นอน ด้วยพลังอันมหาศาลของมวลมหาประชาชน และวันนั้นคือใน เร็วๆนี้ประเทศของเราก็จะเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ตามบทกลอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ต.ท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ในบาทสุดท้ายว่า “จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทาจากดวงดาวสร้างความหวัง





           จากบทกลอนตามที่นำเสนอนี้เผด็จการ (ศัตรูตัวจริง) คงสำนึกอะไรไม่ได้ แต่สุดท้ายจะจบลงโดยเผด็จการ (ศัตรูตัวจริง) จะสูญสลายไปจากประเทศภายในปีนี้หรืออย่างช้าสุดต้นปีหน้า มวลมหาประชาชนเตรียมจัดงานฉลองชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ เป็นประวัติศาสตร์ที่ประชาชนของประเทศไทยได้ทำลายศัตรูของระบอบประชาธิปไตยให้สูญสลายสิ้นซากจากประเทศของเราได้สำเร็จอย่างแท้จริงครับ

*หมายเหตุ
ยุทธวิธีและยุทธศาสตร์การต่อสู้

1. ขั้นตอนรอ พวกเราได้ผ่านพ้นมาแล้ว
2. ขั้นตอนรับ วันนี้ก็ผ่านพ้น เมื่อวันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวชะลอการลงมติการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3
3. ขั้นตอนรุก

           ขั้นตอนนี้มีองค์ประกอบอันสำคัญคือ ผลึกกำลังกลุ่มเสื้อแดงทั้งคนที่เปลี่ยนไป และคนที่เปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งประชาชนที่มีอุดมการณ์ต่อระบอบประชาธิปไตย โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือมี 5 แนวรบ 1 เป้าหมายดังนี้

3.1 ต่อสู้โดยสันติวิธี เช่นการประท้วงในเรื่องต่างๆที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต่อต้านคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้สภาฯชะลอการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 หรือมีคำสั่งคำพิพากษาเรื่องที่ไม่ชอบตามหลักนิติธรรม และเรื่องอื่นๆอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในการประท้วงทุกเรื่องต้องชอบด้วยกฎหมาย อย่ากระทำเลวๆเช่นที่เกิดในสภาผู้แทนฯโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เราสูญเสียมวลชนและแนวร่วม และผลักดันให้สภาฯ รับข้อเสนอของคณะนิติราษฎร์เข้าสู่วาระการประชุมของสภาฯโดยทันที

         3.2 การสื่อสาร จะต้องเร่งกระทำด้วยการไม่ทิ้งระยะห่างมากเกินไป หรือจะต้องไม่เว้นระยะเลยก็จะเกิดประโยชน์กับฝ่ายต่อสู้ เพื่อระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างมาก ด้วยการใช้แนวร่วมของสื่อ เช่นหนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ต่างๆ และในโลกไซเบอร์ทุกชนิด

        3.3 การต่างประเทศ การประสานงานไปยังต่างประเทศ นำเสนอความอยุติธรรมในทุกกรณีที่เกิดในประเทศให้กับองค์กรต่างๆในทุกประเทศทั่วโลกด้วยความถี่จากรายงานการนำเสนอ โดยไม่ต้องเว้นระยะ

        3.4 ทางรัฐสภาโดยเฉพาะสภาหรือรัฐสภา ต้องไม่ยอมรับอำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และต้องยอมรับพิจารณาร่างพรบ.ของประชาชนเสนอตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญโดยรีบด่วน ในขณะเดียวกันประชาชนต้องร่วมกันผลักดันให้สภาหรือรัฐสภาพิจารณา ฯลฯ

        3.5 การใช้ความเด็ดขาดคือ..................???
1 เป้าหมาย หมายถึง แดงทุกกลุ่มจะเป็นกลุ่มคนที่เปลี่ยนไปและกลุ่มคนที่ไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งประชาชนผู้มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย จะต้องร่วมกันโค่นล้มศัตรูที่พวกเราทราบแล้วว่าคือใคร และเปลี่ยนประเทศให้เป็น “ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์” โดยปราศจากศัตรูโดยสิ้นเชิงคือ ทำให้ศัตรูสิ้นซาก จะเหลือแม้เชื้อเท่าเม็ดทรายก็ทำลายให้หมดสิ้น จึงจะทำให้พวกเราลูก หลาน เหลน ประชาชนตลอดไปชั่วกาลนานแสนนานจะอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยอย่างถาวร

“ขอเตือนสติ สำหรับพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร คือ สงครามไม่มีคำว่าเมตตา”
http://redusala.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น