วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แค่รับจ๊อบหาลำไพ่พิเศษ? หรือ ใครสั่งมา?






         ข่าวการจับกุมสมาชิกหน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือ "ซีล" ทั้งนอกและในราชการพร้อมอาวุธร้ายแรง ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ทำให้สังคมสปอตไลต์ไปยังหน่วยซีลในอีกมุมมอง

         นอกเหนือจากความเป็นสุดยอดนักรบ ที่ได้รับการยกย่องถึงขีดความสามารถในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติภารกิจในน้ำ ภาคพื้นดิน และอากาศ  และชวนให้ย้อนไปถึงที่มาที่ไปของหน่วยรบมหากาฬ มีดีขนาดไหนใครถึงชอบใช้บริการ





         ตามประวัติของ "หน่วยซีล" สร้างชื่อขึ้นมาช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองกำลังทางเรือของทั้งฝ่ายพันธมิตรและฝ่ายอักษะ ต่างส่งหน่วยรบพิเศษ ซึ่งเป็นหน่วยรบขนาดเล็กที่ผ่านเคี่ยวกรำอย่างหนัก ให้มีขีดความสามารถเหนือทหารทั่วไป เข้าปฏิบัติการทำลายกองเรือ และสถานที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้าม

       การก่อวินาศกรรมและปฏิบัติการลับอื่นๆ ของหน่วยซีลแต่ละฝ่าย ต่างสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายตรงข้ามอย่างมาก แม้สงครามจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ภารกิจของหน่วยรบพิเศษก็ไม่ได้จบสิ้นไปด้วย  ตรงกันข้ามกลับได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านองค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี

          สำหรับประเทศไทย ในปี 2495 กระทรวงกลาโหมมีความคิดจะจัดตั้งหน่วยทำลายใต้น้ำขึ้น และเชิญผู้แทนเหล่าทัพกับกรมตำรวจไปประชุม เรื่องการจัดตั้งหน่วยฝึกว่ายน้ำร่วมกับเจ้าหน้าที่กองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ประจำหน่วย Military Assistance Advisory Group (MAAG)





           ผลประชุมคราวนั้นมีมติให้กองทัพเรือเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการจัดตั้งหน่วยฝึก ในหลักสูตรนักทำลายใต้น้ำจู่โจม ใช้ระยะเวลาประมาณ 7-8 เดือน นับเป็นการฝึกหลักสูตรทางทหารที่มีระยะเวลานานที่สุดของไทย แบ่งออกเป็น 5 ช่วง ได้แก่ 1.การแนะนำการฝึกเบื้องต้น ฝึกการออกกำลังกายและการฝ่าอุปสรรคต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์ 2.การฝึกจริง ใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ 3.การฝึกแบบเข้มข้น หรือเรียกว่า "สัปดาห์นรก" ใช้เวลา 120 ชั่วโมง โดยไม่มีการหยุดพัก 4.การฝึกสอนยุทธวิธีต่างๆ 5.การฝึกยุทธวิธีในสภาพจริง ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน

พ.ต.อ. กำธรฯ หน.ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด<br />
ระบุ .. ระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยฯ  เป็นระเบิดชนิด RGD-5<br />
เป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ระเบิด ที่ ถนนบรรทัดทอง</p>
<p>ล่าสุด .. มีผู้บาดเจ็บพุ่ง 28 ราย สาหัสถึง 7 ราย<br />
มีถูกยิงที่ท้อง 1 ราย

เมื่อสำเร็จหลักสูตรจะได้ประดับตราความสามารถ คือ

  • "ปลาฉลาม" สีขาวหรือสีน้ำเงิน หมายถึงจ้าวแห่งท้องทะเล ดุร้าย น่าเกรงขาม สง่างาม แข็งแกร่ง
  • "คลื่น" หมายถึง ความน่ากลัวของทะเลที่มีเกลียวคลื่นตลอดเวลา หรืออุปสรรคของคลื่นหัวแตก แต่ฉลามก็ไม่ได้หวั่นเกรง "สมอเรือ" หมายถึง ทหารเรือ ในอดีตหลักสูตรจะรับเฉพาะทหารเรือเท่านั้น แต่ปัจจุบันทางหน่วยได้รับทหารบก ทหารอากาศ และตำรวจเพิ่มด้วย
  • "ธงชาติ" หมายถึง การยอมพลีเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 

[​IMG]

          กฎสำคัญของนักเรียนนักทำลายใต้น้ำจู่โจม คือ มีจิตใจเข้มแข็ง กล้าเผชิญหน้าต่อปัญหาต่างๆ ตัดสินใจด้วยความเด็ดขาด รวดเร็ว แม่นยำ ถูกต้อง เอาตัวเองรอดได้โดยไม่ทิ้งเพื่อน และมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

[​IMG]

         "หน่วยซีล" มีขอบเขตความรับผิดชอบและหน้าที่ที่สำคัญ คือ การต่อต้านการก่อการร้ายสากล, การปฏิบัติการจิตวิทยา ในพื้นที่ ทร.รับผิดชอบ, การสำรวจหาด, ทำลายสิ่งกีดขวางหน้าหาด, ตัดรอนเป้าหมายสำคัญทางทหาร พื้นที่ยกพลขึ้นบก, ดำเนินการด้านการข่าวลับ, ก่อวินาศกรรม เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรือ, ปฏิบัติการค้นหาและถอดทำลายวัตถุระเบิด, การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล

          แต่บทบาทของสมาชิกหน่วยซีลนอกหน่วย เกิดขึ้นโดยช่วง 2549-2550 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเริ่มเปิดการให้บริการเต็มรูปแบบ ทำให้การรักษาความปลอดภัยของบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ถือเป็นสิ่งสำคัญ จึงว่าจ้างบริษัทเอกชนรายหนึ่ง มาเป็นผู้ดูแล โดยบริษัทแห่งนี้ไปว่าจ้าง "ทหาร-ตำรวจ" เข้ามาทำงานเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยภายในสนามบิน ในช่วงนั้นมีสมาชิกหน่วยซีล จำนวน 60 นาย อำลาชีวิตราชการเข้าไปทำงานด้วย แลกกับค่าตอบแทนและสวัสดิการที่สูง

[​IMG]

[​IMG] 
[​IMG] 
[​IMG] 

ยังมีพวกอยู่ในม๊อป กปปส อีก 6 ตามภาพ ....
[​IMG] 
[​IMG] 
[​IMG] 
[​IMG]


[​IMG]

           พล.ร.อ.วินัย กล่อมอินทร์ ผู้บัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) กองทัพเรือยุทธการ หรือ ผบ.หน่วยซีล เล่าถึงความเป็นไปของฉลามซีล 60 นาย ว่า กำลังพลที่ลาออกไปล็อตใหญ่ 60 นายเมื่อหลายปีก่อน ต่อมาปรากฏว่าบริษัทไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาว่าจ้าง พวกเขาลาออกและไปรับจ้างในส่วนต่าง ๆ ยอมรับว่าหลายคนมีปัญหาเรื่องการเงิน เพราะลาออกไปแล้วไม่มีรายได้ แต่ไม่ทราบว่าไปทำอะไรบ้าง

         ในห้วงที่สถานการณ์การเมืองในประเทศไทย สังคมแตกแยกทางความคิด จนนำไปสู่ความรุนแรง มีข่าวว่า มีทหารในและนอกราชการมาเป็นการ์ดดูแลแกนนำม็อบและผู้ชุมนุม ข่าวนี้ชัดเจนมากขึ้น เมื่อตำรวจได้จับทหารเรือ 3 นายสังกัด นสร. พกอาวุธปืนเข้าไปในพื้นที่การชุมนุมและมีบัตรวีไอพีของผู้ชุมนุมกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เมื่อวันที่ 16 มกราคม

          จากนั้นจับอดีตซีลอีก 3 นายพกพาอาวุธสงคราม ที่ จ.ระยอง ในระยะใกล้เคียงกับที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปงานศพตำรวจที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ผ่านฟ้า  ล่าสุดยังจับกุมสมาชิกหน่วยซีลอีก 2 นาย ที่สี่แยกมไหสวรรย์ พร้อมอาวุธปืนเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทั้งสองคนรับว่า มาทำงานเป็นการ์ด กปปส.

         เป็นอันว่า ในการชุมนุมทางการเมืองที่กำลังดำเนินไปนี้ เต็มไปด้วยความซับซ้อนในเรื่องขององค์ประกอบ เส้นสายโยงใย และเป้าหมาย ที่แน่ๆ มีนักรบหน่วยซีล ออกมาร่วมอยู่ด้วย ปริศนารอการขานไข คือ ฉลามกลุ่มนี้ขึ้นจากทะเลมาทำอะไรบนถนนใจกลางกรุง  แค่รับจ๊อบหาลำไพ่พิเศษ? หรือ ใครสั่งมา?

.............

คลิกอ่านเพิ่มเติม ... ไขรหัส กปปส. จาก นางเลิ้ง บุคคโล กรณี จับ ′ซีล′
(ที่มา:มติชนรายวัน 28ก.พ.2557)
ร่วมเป็นแฟนเพจเฟซบุ๊กกับมติชนออนไลน์
www.facebook.com/MatichonOnline

Unseen แก๊งค์ป่วนเมืองครับ




Unseen แก๊งค์ป่วนเมืองครับ

           เมีย สส.ประชาธิปัตย์ เป่านกหวีดใส่คุณแม่ผม แล้วทำเป็นมาพูดว่าคุณแม่ผมวิ่งหนี..!!
ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นการเดินไปขึ้นรถ โดยมีการ์ดคอยกัน2คนผัวเมียจอมป่วนเมืองให้ไปห่างๆ

             เรื่องจริงปรากฏว่า เมื่อคุณแม่ผมขึ้นรถกลับไปแล้ว เมียสส.คนนี้กลับโดน "คุณยายใจเด็ด" อายุกว่า 80 ปี ปาของใส่หน้า จนนกหวีดที่เป่าแบบไม่ลืมหูลืมตากระเด็นหลุดปากครับ 55555..โสน้าน่าจิงจิง..55555 ดูบรรยากาศของเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เกิดขึ้นจริง ได้ตามนี้เลยครับ....


   
               ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวครับ ตัวเองเป็นเจ้าของคลิป อายสลิ่มด้วยกันที่ เจอคุณยายใจเด็ดหักเหลี่ยม พอนำมาขยายผลลงยูทูปกลับกลัวเสียฟอร์ม ไม่กล้าเผชิญหน้าความจริง จึงแอบลบช่วงท้ายที่ถูกเขวี้ยงนกหวีดกระเด็น แต่ก็ยังมีสลิ่มด้วยกันเองงัดออกมาประจานจนได้ 55555

[​IMG]

Photo: Unseen แก๊งค์ป่วนเมืองครับ 

เมีย สส.ประชาธิปัตย์ เป่านกหวีดใส่คุณแม่ผม แล้วทำเป็นมาพูดว่าคุณแม่ผมวิ่งหนี..!!
ซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นการเดินไปขึ้นรถ โดยมีการ์ดคอยกัน2คนผัวเมียจอมป่วนเมืองให้ไปห่างๆ

เรื่องจริงปรากฏว่า เมื่อคุณแม่ผมขึ้นรถกลับไปแล้ว เมียสส.คนนี้กลับโดน "คุณยายใจเด็ด" อายุกว่า 80ปี ปาของใส่หน้า จนนกหวีดที่เป่าแบบไม่ลืมหูลืมตากระเด็นหลุดปากครับ 55555..โสน้าน่าจิงจิง..55555 ดูบรรยากาศของเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เกิดขึ้นจริง ได้ตามนี้เลยครับ....

http://youtu.be/vcoJpZyDQbQ

ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวครับ ตัวเองเป็นเจ้าของคลิป อายสลิ่มด้วยกันที่เจอคุณยายใจเด็ดหักเหลี่ยม พอนำมาขยายผลลงยูทูปกลับกลัวเสียฟอร์ม ไม่กล้าเผชิญหน้าความจริง จึงแอบลบช่วงท้ายที่ถูกเขวี้ยงนกหวีดกระเด็น แต่ก็ยังมีสลิ่มด้วยกันเองงัดออกมาประจานจนได้ 55555

พฤติกรรมก้าวร้าวของเมียสส.คนนี้ เดือดร้อนถึงผู้เป็นแม่ครับ ซึ่งหลังจากลูกสาวถูกปาของใส่หน้า จนนกหวีดหลุดจากปากได้ไม่ถึงชั่วโมง คุณแม่คือคุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ ทราบเรื่อง จึงได้โทรมาขอโทษคุณแม่ผม ที่ลูกสาวตัวเองมีพฤติกรรมเช่นนี้ ซึ่งคุณแม่ผมก็ให้อภัย ไม่ได้ว่าอะไร

นี่เป็นแค่ตัวอย่างเดียว ซึ่งเมียสส.ถูกเขวี้ยงนกหวีดกระเด็น โดยไม่ต้องมีการจัดฉากรีทัชตัดต่อครับ ครั้งหน้าถ้าญาติสนิทมิตรสหายของพรรคประชาธิปัตย์ ยังนำพฤติกรรมเสื่อม-ถอย-ถ่อย-เถื่อน ที่พรรคประชาธิปัตย์กระทำในสภาฯ ออกมาใช้กับบุคคลภายนอกอีก ผมเชื่อว่าจะต้องโดนพี่น้องประชาชนรอบข้างที่เหลืออด ตอบโต้กลับไปเช่นเดียวกัน 

อยากเป่าคนโกงตัวจริงก็นู่นเลยครับ แม่ของพรรคพวกตัวเองตั้ง2คน ไปเป่ากันเองให้หนำใจ คนหนึ่งแม่สร้างหนี้เป็นร้อยล้าน ลูกชายอาศัยใกล้ชิดสนิทสนมกับนายกฯ รีดไถการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ จนปลดหนี้แม่ตัวเองได้ สร้างความบาดหมางใจกับพี่น้องตำรวจมาจนทุกวันนี้ และอีกคนคุณแม่ฉ้อโกงหนีคดีไปจนกระทั่งหมดอายุความ ตัวลูกยังลอยนวลว่าคนโน้นคนนี้ทุจริตอยู่บนเวที แม่ตัวเองขี้โกงกลับมองไม่เห็น 

พรรคฯพวกเดียวกันไม่เป่า มาเป่าใส่คนอื่น ก็หงายเงิบแบบนี้แหละ 55555
เข็ดไหมจ้ะ "ทยา (ศรีวิกรณ์)ทีปสุวรรณ"

             พฤติกรรมก้าวร้าวของเมียสส.คนนี้ เดือดร้อนถึงผู้เป็นแม่ครับ ซึ่งหลังจาก ลูกสาวถูกปาของใส่หน้า จนนกหวีดหลุดจากปากได้ไม่ถึงชั่วโมง คุณแม่คือคุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ ทราบเรื่อง จึงได้โทรมาขอโทษคุณแม่ผม ที่ลูกสาวตัวเองมีพฤติกรรมเช่นนี้ ซึ่งคุณแม่ผมก็ให้อภัย ไม่ได้ว่าอะไร

[​IMG]


            นี่เป็นแค่ตัวอย่างเดียว ซึ่งเมียสส.ถูกเขวี้ยงนกหวีดกระเด็น โดยไม่ต้องมีการ จัดฉากรีทัชตัดต่อครับ ครั้งหน้าถ้าญาติสนิทมิตรสหายของพรรคประชาธิปัตย์ ยังนำพฤติกรรมเสื่อม-ถอย-ถ่อย-เถื่อน ที่พรรคประชาธิปัตย์กระทำในสภาฯ ออกมาใช้กับบุคคลภายนอกอีก ผมเชื่อว่าจะต้องโดนพี่น้องประชาชน
รอบข้างที่เหลืออด ตอบโต้กลับไปเช่นเดียวกัน

           อยากเป่าคนโกงตัวจริงก็นู่นเลยครับ แม่ของพรรคพวกตัวเองตั้ง 2 คน ไปเป่ากันเองให้หนำใจ คนหนึ่งแม่สร้างหนี้เป็นร้อยล้าน ลูกชายอาศัย ใกล้ชิดสนิทสนมกับนายกฯ รีดไถการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ จนปลดหนี้ แม่ตัวเองได้ สร้างความบาดหมางใจกับพี่น้องตำรวจมาจนทุกวันนี้ และอีกคนคุณแม่ฉ้อโกงหนีคดีไปจนกระทั่งหมดอายุความ ตัวลูกยังลอยนวล ว่าคนโน้นคนนี้ทุจริตอยู่บนเวที แม่ตัวเองขี้โกงกลับมองไม่เห็น พรรคฯพวกเดียวกันไม่เป่า มาเป่าใส่คนอื่น ก็หงายเงิบแบบนี้แหละ 55555 เข็ดไหมจ้ะ "ทยา (ศรีวิกรณ์)ทีปสุวรรณ"

+++++++++++++++++++++++++++++++++++
จากเพจคุณโอ๊คนะคะ
ขอมูลจากพันทิป….สมาชิกหมายเลข 788329

[​IMG]

            หลังจากที่ "ส.ส.ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ" สามีของ "ทยา ทีป สุวรรณ" อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ตอนนี้ผันตัวเอง มาเป็นผู้บริหารโรงเรียน ประกาศลาออกจากตำแหน่งเพื่อร่วมต่อสู้กับประชาชนอย่างไร้คำครหา  จนกลายเป็นว่าตอนนี้ ส.ส.ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กลายเป็น “คนตกงาน” อย่างเต็มตัว เพราะไม่มีตำแหน่ง ส.ส.  อีกต่อไป เอาหล่ะสิ...แล้วคราวนี้จะทำอย่างไร?

           แต่เรื่องแค่นี้บ่หยั่นค่ะคุณน้อง! ทยา ทีปสุวรรณ ประกาศกร้าวแบบแมนๆ กับ Celeb Online ตั้งแต่วันแรกที่สามี ตกงานเลยว่า “...ไม่เป็นไรเมียเลี้ยงได้” แถมยังสนับสนุนสามีเต็มที่ในการทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ ส่งข้าว  ส่งน้ำ ส่งกำลังใจไปร่วมด้วยช่วยอีกเต็มที่

[​IMG] 

           คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ แม่ของ ทยา ทีปสุวรรณ เจอคนร้ายกราดยิงอาวุธสงครามถล่มบ้านที่เขาใหญ่กว่า 100 นัด โชคดีไม่มีคนเจ็บ ตำรวจยังไม่ฟันธงปมการเมืองหรือไม่

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 มีนาคม 2557) เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ขับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ใช้อาวุธปืนอาก้า และ M16 กราดยิงเข้าไปภายในบ้านพักของ คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์มารดาของ นางทยา ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส. ที่บ้านเลขที่ 152 บ้านเหวปลากั้ง ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กว่า 100 นัด แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากขณะที่คนร้ายก่อเหตุคนในบ้านอยู่ระหว่างนอนหลับพักผ่อน

         โดย พ.ต.อ.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยหลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายต้องการยิงข่มขู่เท่านั้น ส่วนจะเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองหรือไม่ ยังไม่สามารถชี้ชัดลงไปได้ ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปเก็บรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำคนในบ้านแล้ว คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็ว ๆ นี้

         จากนั้น ในเวลาต่อมา พ.ต.อ.เกรียงปกรณ์ อธิปฏิเวชช ผกก.สภ.หมูสี จ.นครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุดังกล่าว พบว่า บริเวณป้ายหน้าบ้านซึ่งเป็นปูน และกระจกแตกเสียหาย ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้า และ M16 ตกอยู่

         ทั้งนี้ จากการสอบถาม รปภ.หมู่บ้าน ให้การว่า มีรถยนต์กระบะ 1 คัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับเข้ามาก่อนที่จะใช้อาวุธปืนยิงและขับหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว ทั้งนี้ จากการสอบปากคำ คุณหญิงศศิมา ให้การว่าปกติเดินทางไปมาระหว่างบ้านพักที่กรุงเทพฯ และที่ปากช่อง ส่วนตัวไม่มีปัญหาขัดแย้งกับใคร

         เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าคนร้ายต้องการยิงข่มขู่เท่านั้นไม่ได้ประสงค์เอาชีวิตคนในบ้าน ส่วนเหตุดังกล่าวจะเชื่อมโยงกับเหตุคนร้ายปาระเบิดไปป์ ใส่บ้านพักของ นางทยา ที่กรุงเทพฯ หรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นทิ้ง ซึ่งต้องรอตรวจสอบจากพยานหลักฐานอย่างรอบคอบก่อน

          สำหรับคุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ นั้น เป็นมารดาของ นางทยา ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส. ซึ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นางทยา พร้อมด้วยนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ได้เข้าไปเป่านกหวีดใส่คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลางห้างสรรพสินค้าชื่อดัง และมีคลิปถูกเผยแพร่ออกมาจนเป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง

หิ่งห้อยน้อย: กลางป่าใหญ่แห่งเสรีภาพและประชาธิปไตย

หิ่งห้อยน้อย: กลางป่าใหญ่แห่งเสรีภาพและประชาธิปไตย

 [

          ณ ปัจจุบัน ในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา  ฤดูหนาวกำลังโรยลา ฤดูใบไม้ผลิกำลังย่างกรายเข้ามาแทนที่  ต่างกับประเทศไทย ณ เวลาปัจจุบัน ที่การปกครองระบอบประชาธิปไตยกำลังถูกบ่อนเซาะทำลาย ระบอบเผด็จการฉบับสมบูรณายาสิทธิราชกำลังถูกนำกลับมากดหัวประชาชน

         ความแตกแยกร้าวลึกแผ่ซ่านขยายไปสู่ทุกย่อมหญ้าของสังคมไทย  ไม่เว้นแม้แต่ชุมชนไทยในต่างแดนอย่างเมืองแอลเอ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างคนไทยผู้ใฝ่ประชาธิปไตย รักความเสมอภาพและความยุติธรรม กับบรรดาผู้ซาบซึ้งเทิดทูนระบบเก่า หลงไหลในลาภยศและบุญญาบารมีของสมมุติเทพ 
คนไทยผู้รักประชาธิปไตยในดินแดนโพ้นทะเลแห่งนี้ ได้ส่งสัญญาณครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งด้วยการทำกิจกรรม ทั้งด้วยข้อเขียนและแถลงการณ์  ทั้งด้วยการสนับสนุนด้านปัจจัยและทุนทรัพย์เพื่อร่วมกิจกรรมของผู้รักประชาธิปไตยในประเทศไทยเพื่อแสดงออกให้ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศไทยได้รับรู้ว่าคนไทยผู้อาศัยอยู่ในดินแดนโพ้นทะเลแห่งนี้ ต้องการให้ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ พร้อมพรั่งด้วยขบวนการยุติธรรม ที่ให้ความเที่ยงธรรมต่อประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างเท่าเทียมกัน

          แต่ความพยายามและความฝันของคนไทยผู้รักประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกาไม่เคยเป็นจริง องค์กรอิสระและขบวนการยุติธรรมกลับเหยียบย่ำหัวใจของประชาชนผู้รักความเป็นธรรมหนักยิ่งขึ้น ด้วยการบิดเบือนข้อกฎหมายและการก้าวล่วงบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญเพื่อบีบคั้นผู้รักประชาธิปไตย และพลิกแพลงตีความกฎหมายโดยมีอคติเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน 
อีกทั้งยังมีผู้ฝักใฝ่เผด็จการที่ซาบซึ้งในอำมาตย์และระบบหมอบคลาน ยังมีผู้ที่มีนิสัยชอบดูถูกเหยียบหยามคนชนบทฝังลึกอยู่ในกมลสันดาน  ตั้งแต่บรรพบุรุษในอดีต ยันรุ่นลูกรุ่นหลานในปัจจุบัน ยังมีผู้ที่ยังติดยึดกับค่านิยมเดิมๆในขณะที่สังคมโลกก้าวไกลไปข้างหน้านานนับปีแสงแล้ว

         ผู้ฝักใฝ่เผด็จการเหล่านี้ได้รับการส่งเสริมและให้ท้ายจากเครือข่ายและขบวนการ ของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ชนชั้นสูง ผู้มีอิทธิพลและผู้มากบารมีที่บงการอยู่เบื้องหลัง  ให้ออกมาป่วนเมือง สร้างความย่อยยับให้กับประเทศไทยอย่างไม่เคยมีมาก่อน กระนั้นคนไทยผู้รักประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกา ก็ไม่ย่อท้อ ไม่ละความพยายาม ที่จะส่งสัญญาณเตือนมาอีกครั้ง ว่าพวกเราไม่ต้องการ การปกครองระบอบอื่นนอกจากระบอบประชาธิปไตย  และไม่ต้องการ "รัฐประหาร" ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ต้องการ "การรัฐประหารด้วยกลไกศาล" 

           วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2014 คือกำหนดการเคลื่อนพลเพื่อส่งสัญญาณครั้งใหม่ ของคนไทยผู้รักประชาธิไตยในสหรัฐอเมริกา มายังผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศไทยอีกครั้ง  ว่าจุดยืนของพวกเราคือ "ระบอบประชาธิปไตย" เท่านั้น


[

                การรวมพลกำหนดไว้ ณ เวลา 17.00 น. หรือ 5 โมงเย็น วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2014 บริเวณข้างๆ ร้าน The Coffee Bean บนถนน Sunset ตัดกับถนน Argyle เพื่อตั้งขบวน ขึงแบนเนอร์และจุดเทียน
ขบวนจะเริ่มเคลื่อนตัวเมื่อฟ้าเริ่มโพล้เพล้ในเวลาประมาณ 18.00 น. หรือ 6 โมงเย็น แสงเทียนนับร้อยที่เคลื่อนตัวไปตามถนน Sunset พร้อมกับแบนเนอร์แผ่นใหญ่ขนาด 4 ฟุต คูณ 60 ฟุต จะให้ภาพประดุจหิ่งห้อยน้อยที่เกาะกลุ่มบินเป็นเส้นสายอยู่ในป่าใหญ่แห่งเสรีภาพและประชาธิปไตย อย่างประเทศไทย สหรัฐอเมริกา แบนเนอร์ซึ่งเนื้อหากลั่นออกมาจากความอัดอั้นว่า


SAVE THAILAND - SAVE DEMOCRACY
NO JUDICIAL COUP !


[

        จะเคลื่อนขบวนไปตามถนน Sunset มุ่งหน้าขึ้นเหนือ ผ่านหน้าแบงค์ Chase ตัดผ่านถนน Vine ก้าวเดินขนานไปกับ Bath&Body Mall ไปจนถึงถนน Cahuenga ที่อาคารของสำนักข่าว CNN ประจำนครลอสแองเจลิสสูงหลายสิบชั้นตั้งตระหง่านอยู่บนถนนฝั่งตรงข้าม ถนน Wilcox คือถนนเส้นต่อไปที่อยู่ห่างออกไปข้างหน้าไม่กี่สิบก้าว ขบวนของคนไทยผู้รักประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกาจะเคลือนขบวนข้ามถนน Sunset ณ จุดนี้ไปเดินบนทางเท้ายังฝั่งตรงข้าม เพื่อย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นโดยเดินผ่านหน้าสำนักข่าว CNN ผ่าน ArcLight Theater โรงภาพยนต์ที่หนังดัง ๆ ระดับโลกมักมาเปิดตัวดารา ณ ที่แห่งนี้ในปัจจุบัน

          เมื่อหลายปีก่อนภาพยนตร์ไทยฟอร์มใหญ่ "สุริโยไท" ที่สร้างจากภาษีของประชาชนเป็นเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาท เคยมาเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ ณ ที่แห่งนี่โดยอาศัยบารมีและเครือข่าย ของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยราชการไทยในต่างแดน ในวันเปิดตัวมีผู้มาร่วมงานมากน้อยเพียงใดไม่ปรากฏ แต่ฉายอยู่ไม่นานก็ต้องลาโรงไป ในวันที่ผู้เขียนนี้ไปชมเพื่อให้คนในวงการภาพยนตร์ในแอลเอรู้ว่ายังมีผู้สนใจชมภาพยนต์เรื่องนี้อยู่ แต่สาบานได้ในรอบนั้นมีคนทั้งโรงเพียง 9 คนเท่านั้นทั้ง ๆ ที่โรงภาพยนตร์แห่งนี้สามารถรองรับผู้ชมได้เป็นพันคน

           จากหน้าโรงภาพยนตร์ ArcLight ขบวน "หิ่งห้อยน้อยในป่าใหญ่แห่งเสรีภาพ" จะเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าลงใต้จนถึงถนน Argyle และข้ามถนน Sunset อีกครั้ง เพื่อนำขบวนเคลื่อนกลับไปสู่จุดเดิมที่เริ่มต้นมา จึงขอส่งเสียงเชิญมายังคนไทยผู้รักประชาธิปไตยในสหรัฐอเมริกาทุกท่าน ทั้งที่อยู่ในนครลอสแองเจลิสและบรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใกล้เคียง จงออกมาสร้างประวัติศาสตร์แห่งการต่อสู้ของผู้รักประชาธิปไตยร่วมกัน มาช่วยกันส่งเสียงบอกชาวโลกรู้ว่าคนไทยผู้รักประชาธิปไตยยังมีชีวิตอยู่
เพราะประเทศไทยมิได้มีแต่ "ฝูงนกหวีด" ที่เป็นพวกปฏิกิริยาเท่านั้น  แต่ประเทศไทยยังมี "มนุษย์" ผู้รักประชาธิปไตย  "ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่" ของประเทศอีกด้วย

คนไทยผู้รักประชาธิปไตย
ในสหรัฐอเมริกา
Feb. 25, 2014
คนไทยผู้รักประชาธิปไตย
ในสหรัฐอเมริกา
Feb. 25, 2014
คนไทยผู้

รักประชาธิปไตย

ในสหรัฐอเมริกา
Feb. 25, 2014
หิ๊งห้อยน้อย: กลางป่าใหญ่แห่งเสรีภาพและประชาธิปไตย...

หน่วยซีล รับจ๊อบพิเศษ เป็นการ์ดระดับ VIP ม็อบกบฏ

หน่วยซีล รับจ๊อบพิเศษ เป็นการ์ดระดับ VIP ม็อบกบฏ


            หน่วยซีล รับจ๊อบพิเศษ เป็นการ์ดระดับ VIP ม็อบกบฏ แถมขนอาวุธสงครามออกมาใช้ได้ง่ายดาย ไม่รู้ใครบกพร่องต่อหน้าที่ไม่ทราบ แต่ที่แน่ๆ ผบหน่วยซีล วินัย ต้องรับผิดชอบ และที่น่าสังเกตุหน่วยเก็บกู้ระเบิด ที่มียิงเข้า ศรส.แต่ไม่ระเบิด ตรวจสอบแล้วอาวุธขนิดนี้ มีใช้แค่กองทัพเรือ !! เป็น เครื่องยิง = M32   กระสุน = M79

วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผู้มนุมกับม็อบสุเทพ หายตัวไม่ไปกลับบ้าน ลูกชายเป็นห่วงประกาศตามหาตัวด่วน


ผู้มนุมกับม็อบสุเทพ หายตัวไม่ไปกลับบ้าน ลูกชายเป็นห่วงประกาศตามหาตัวด่วน




แม่ขึ้นมาชุมนุมกับม็อบสุเทพ หายตัวไม่กลับบ้าน ลูกชายเป็นห่วงประกาศตามหาตัวด่วน

          ที่ไอดีเฟสบุ้ค Canac Natanan ได้เผยแพร่ภาพหญิงคนหนึ่ง โดยแจ้งว่าเป็นแม่ของเพื่อน ได้หายตัวไปจากม็อบกปปส และไม่ติดต่อทางบ้าน ลูกชายเป็นห่วงมาก ที่เวทีประกาศหาให้เพียงรอบเดียวก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ โดยมีข้อความว่า



         “มีเพื่อนขอความช่วยเหลือครับ แม่ขึ้นมาร่วมชุมนุมกับ กปปส. แล้วหายไปร่วมสัปดาห์  ในภาพตามวงกลมสีเหลือง ชื่อป้าภัค สุภัค ทองชั้น อายุประมาณ 55-60 ปี ใครเคยพบเห็น ติดต่อกลับ ปอนด์ (ลูกชาย) 085-477-3494

         ป้าภัคขึ้นมาจากภูเก็ต แล้วหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ล่าสุดโทรศัพท์คุยกับลูกชาย ป้าภัคอยู่หัวลำโพง จากนั้นสายหลุดไป จนถึงวันนี้ยังติดต่อไม่ได้และไม่มีการติดต่อกลับอีกเลย ตอนนี้ลูกชายกำลังเดินทางขึ้นมา กทม. เพื่อมาตามหาแม่ครับ

รบกวนด้วยครับคนทางบ้านร้อนใจมาก
(ได้สอบถาม รพ. กับศูนย์เอราวัณแล้ว ไม่มีในชื่อคนบาดเจ็บ - เสียชีวิต ครับ)”

I am sad.


An upsetting run in Lumpini as Bangkok public space is slowly allowing itself to be taken over by lawless thugs.

          An upsetting run in Lumpini as Bangkok public space is slowly allowing itself to be taken over by lawless thugs.




           I run in Lumpini park everyday. Today I entered the park at 1pm and on my right was a group of mob guards surrounding one Thai guy. They were intimidating him and put his head between his legs and were hitting him on the head. Maybe the guy did something wrong maybe not, but physical abuse is not okay.

          I saw this and asked them what they were doing and took a picture. The picture upset them and then I told them they were not police, which upset them a bit more... the one guy got quite aggressive in his speech and approached me and said he was a police officer, I once again, told him he wasn't.

          They didn't touch me but it left me quite shaken. There were no park security in that area so I went up to the gate near the police station side of wireless and found REAL, security guards and asked them why they were not patrolling and being a big baby, subsequently burst into tears....they said they were not allowed over there by the mob guards.

           Which leads me to point...Thai citizens, are you not worried about what is going on? Protesters wear cute tshirts and throw around jargon whilst people with no authority are seizing it and creating an unsafe and hostile city.

         I am sad.

แย้งเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ฉวยโอกาสหวังผลทางการเมือง

แย้งเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ฉวยโอกาสหวังผลทางการเมือง
เครือข่ายบุคลากรด้านการขนส่งสาธารณะแย้งข้อเสนอทาการเมืองของเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ว่าข้อเสนอละเมิดหลักการ สร้างปัญหาเพิ่ม เสนอรัฐบาลดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม เร่งรัดการจับกุมผู้ใช้ความรุนแรงในสถานที่ชุมนุมมาดำเนินคดี พร้อมกับรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ
จดหมายเปิดผนึกใจถึงใจ
จากเครือข่ายบุคลากรด้านการขนส่งสาธารณะถึงเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข

              ตามที่ “เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข” ได้ออกแถลงการณ์และจัดกิจกรรมใส่ชุดดำเพื่อประณามความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2557 เราในนามของ “เครือข่ายบุคลากรด้านการขนส่งสาธารณะ” ซึ่งมีความรู้สึกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากท่านทั้งหลาย ขอร่วมไว้อาลัยต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น และขอประณามผู้สั่งการ ผู้กระทำเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้น รวมถึงทุกฝ่ายที่มีแนวคิดที่จะใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ
           สำหรับในส่วนของข้อเรียกร้องที่ “เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข” เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกนั้น เราเห็นว่า
  • 1.ข้อเรียกร้องดังกล่าวมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมได้ว่า “ฉวยโอกาสหวังผลทางการเมือง นำความสูญเสียที่เกิดขึ้นมาใช้ประโยชน์ทางการเมือง” ข้อเรียกร้องดังกล่าวอาจจะนำมาซึ่งความแตกแยกขัดแย้งในวงกว้างมากกว่าความสุขสันติอย่างที่เราปรารถนาอยากเห็น
  • 2.ในปัจจุบันการทำหน้าที่ของรัฐบาลเป็นรัฐบาลรักษาการ การลาออกของรัฐบาลรักษาการจะนำมาซึ่งปัญหาอื่นๆที่จะตามมาอีกมากมาย

           เราเห็นว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน สิ่งที่เราเห็นควรเรียกร้องคือ มาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่การชุมนุมทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ชุมนุม,การช่วยกันผลักดันให้การเลือกตั้งแล้วเสร็จ,การผลักดันให้มีการเปิดสภาผู้แทนราษฎรและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประเทศได้มีรัฐบาลชุดใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั่วประเทศมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ดำรงอยู่ต่อไปในอนาคตอย่างสันติ

พร้อมกันนี้ เราขอแสดงความคิดเห็นและข้อเรียกร้องของเราต่อรัฐบาลรักษาการและแกนนำผู้ชุมนุมดังต่อไปนี้

  • 1.เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการเพิ่มมาตราการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมในพื้นที่การชุมนุม โดยเน้นการเฝ้าระวัง,ระงับเหตุ และจับกุมผู้ก่อเหตุความรุนแรง
  • 2.เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุความรุนแรงที่ผ่านมาให้ได้โดยเร็วที่สุด พร้อมรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการให้สังคมได้รับรู้โดยทั่วกันอย่างใกล้ชิด
  • 3.เราขอเรียกร้องให้แกนนำผู้ชุมนุมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลรักษาการและเจ้าหน้าที่รัฐในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม และดูแลการชุมนุมให้เป็นไปโดยสงบปราศจากอาวุธ

          สุดท้ายนี้เราขอชี้แจงว่าเนื่องด้วยบรรยากาศความรุนแรงทางการเมือง ที่ไม่เอื้อให้มีการแสดงความคิดเห็นทางเมืองที่แตกต่าง ด้วยความไม่ปรารถนาที่จะเห็นการเคลื่อนไหวที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันมากกว่านี้ ซึ่งจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ และสุดท้ายเราไม่ต้องการเอาอาชีพและความคิดเห็นทางการเมืองมาเป็นเงื่อนไขในการให้บริการสาธารณะ เราจึงของดการแสดงออกทางกิจกรรมหรือทางสัญลักษณ์ใดๆ เพื่อแทนความไว้อาลัยอย่างบริสุทธิ์ใจ

ขอดวงวิญญาณของผู้จากไปจงสงบสุขสันติ ขอจิตใจของผู้สูญเสียจงมีแต่ความเข้มแข็ง

เครือข่ายบุคลากรด้านการขนส่งสาธารณะ

ศาลอาญายกคำร้องเพิกถอนหมายจับ 19 แกนนำ กปปส.

ศาลอาญายกคำร้องเพิกถอนหมายจับ 19 แกนนำ กปปส.
              ศาลอาญายกคำร้องเพิกถอนหมายจับ 19 แกนนำ กปปส.ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระบุขณะออกหมายจับแกนนำ กปปส. ทั้ง 19 ราย ชอบด้วยกฎหมายทุกประการ แม้ต่อมาศาลแพ่งจะมีคำสั่งห้าม ศรส. กระทำการตามประกาศใน 9 ข้อ แต่ศาลแพ่งไม่ได้สั่งเพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกทั้งจำเลยในคดีศาลแพ่งยังสามารถอุทธรณ์คดีและฎีกาได้อีก
27 ก.พ. 2557 มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่ห้องพิจารณาคดี 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำสั่ง ที่นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนาย กปปส. ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาเพิกถอนหมายจับแกนนำ กปปส. 19 ราย ประกอบด้วย 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. 2.นายสาธิต วงศ์หนองเตย 3.นายชุมพล จุลใส 4.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 5.นายอิสสระ สมชัย 6.นายวิทยา แก้วภราดัย 7.นายถาวร เสนเนียม 8.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 9.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 10.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 11.นายนิติธร ล้ำเหลือ 12.นายอุทัย ยอดมณี 13.เรือตรี แซมดิน เลิศบุศย์ 14.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 15.นายรัชต์ยุตม์ หรืออมร ศิรโยธินภักดี 16.นายกิตติชัย ใสสะอาด 17.นายสำราญ รอดเพชร 18.นายพานสุวรรณ ณ แก้ว และ 19.นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ที่ถูกศาลออกหมายจับข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 11 (1) และมาตรา 12 วันที่ 5 กุมภาพันธ์

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ขณะที่ศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องสงสัยทั้ง 19 รายนั้น ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้นการออกหมายจับดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายทุกประการ แม้ต่อมาศาลแพ่งจะมีคำพิพากษาในคดีที่ นายถาวร เสนเนียม ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์กับพวกรวม 3 คน ให้เพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯแล้วก็ตาม แต่ศาลแพ่งก็ไม่ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงแต่อย่างใด

ส่วนที่คำพิพากษาศาลแพ่งดังกล่าวจะสั่งห้ามมิให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์กับพวกห้ามนำประกาศและข้อกำหนดรวม 9 ข้อ ซึ่งรวมถึงการให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจับกุมและควบคุมตัวบุคคลที่สงสัยจะเป็นผู้ร่วมกระทำการให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือผู้ใช้ผู้โฆษณา ผู้สนับสนุน การกระทำเช่นว่านั้น อันเป็นที่มาของการที่ผู้ร้องขอออกหมายจับดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อปรากฏคำพิพากษาศาลแพ่งดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด คู่ความสามารถใช้สิทธิอุทธรณ์ และฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งศาลอุทธรณ์ หรือฎีกา อาจพิพากษายืนกลับ แก้ไขคำพิพากษาได้ หรือหากไม่มีการอุทธรณ์คดีก็จะถึงที่สุดเมื่อระยะเวลาแห่งการอุทธรณ์ได้ล่วงพ้นไป

ส่วนที่ศาลอาญามีคำสั่งที่ ฉฉ.11/2557 ฉบับลงวันที่ 24 ก.พ. 2557 ให้ยกคำร้องของพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในคดีที่ขอหมายจับ 13 แกนนำ กปปส. โดยกล่าวถึงการที่ศาลแพ่งมีคำพิพากษาเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงว่าเป็นพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นเพียงเหตุผลประกอบดุลพินิจที่เห็นสมควรยังไม่ออกหมายจับเท่านั้น ในชั้นนี้จึงยังไม่มีเหตุเพิกถอนหมายจับนายสุเทพกับพวกดังกล่าว จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ภายหลังฟังคำสั่ง นายวิโรจน์ ทนายความ กปปส. กล่าวว่า เตรียมจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่เพิกถอนหมายจับครั้งนี้  เพราะว่าเมื่อศาลแพ่งมีคำวินิจฉัยห้ามใช้ประกาศและข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จึงต้องส่งคำร้องเพื่อให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย แต่คำวินิจฉัยที่ออกมาครั้งนี้พวกตนก็น้อมรับ

อนุมัติหมายจับผู้ปาระเบิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

สตช. เผยศาลอนุมัติหมายจับผู้ปาระเบิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
          โฆษก สตช. เผยความคืบหน้าคดีก่อเหตุรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม โดยศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาปาระเบิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 19 ม.ค. แล้ว และออกหมายจับผู้ต้องหาคดียิงสุทิน ธราทิน แกนนำ กปท. วันเลือกตั้งล่วงหน้า นอกจากนี้พบ 6 จุดต้องสงสัยใช้ยิงระเบิด 40 มม. ตกหน้าบิ๊กซีราชดำริ
บุคคลในภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุปาระเบิดอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อ 19 ม.ค. 57 ล่าสุดวันนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเผยว่า ศาลอนุมัติหมายจับนายกฤษดา ไชยแค บุคคลในภาพแล้ว
           27 ก.พ. 2557 - ตามที่ในช่วงบ่ายวันที่ 19 ม.ค. มีผู้ปาระเบิดในพื้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 28 ราย ต่อมาผู้บาดเจ็บที่พักรักษาตัวอยู่ได้เสียชีวิต 1 ราย จากอาการป่วยโรคลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดปอด จนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว คือนายอนนท์ ไทยยดี อายุ 65 ปี เจ้าของสมญา "ขอทาน เขียนหนังสือ" นั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)
           ล่าสุดวันนี้ (27 ก.พ.) สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีเหตุรุนแรงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม อาทิ เหตุระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่คาดว่าเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน โดยระบุว่าศาลได้ออกหมายจับนายกฤษดา ไชยแค อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาปาระเบิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 700,000 บาท นอกจากนี้ ยังออกหมายจับ ชายไทยไม่ทราบชื่อในข้อหาผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ คดียิงนายสุทิน ธาราทิน แกนนำ คปท. ขณะที่เหตุปะทะบริเวณแยกหลักสี่ ถนนแจ้งวัฒนะ ตำรวจขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 4 ราย ศาลยกคำร้อง 1 ราย และนัดฟังคำสั่งวันที่ 11 มีนาคมนี้
         ส่วนเหตุยิงระเบิด 40 มม. จากเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ จากการตรวจสอบทิศทางและอาคารสูงทุกจุดรอบพื้นที่ พบว่า มีความเป็นไปได้ 6 จุด ได้แก่ บนอาคารโรงแรมโนโวเทล, ห้างพาราเดียม, ห้างแพลททินัม, โรงแรมแกรนด์ไดมอน, ชุมชนหลังวัดปทุมวนาราม และชุมชนหลังห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาราชดำริ
         ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตั้งชุดพิเศษติดตามกลุ่มคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงระเบิด 40 มม. ใส่สถานที่ต่างๆ พร้อมเน้นกำลังพลให้ดูแลป้องกันเหตุ เร่งหาพยานหลักฐาน ติดตามจับกุมคนร้าย และให้บริการประชาชน พร้อมขอความร่วมมือผู้ชุมนุม ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่ เพื่อเก็บพยานหลักฐาน และเร่งคลี่คลายคดีให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว

ศาลอาญาไม่อนุมัติหมายจับ! "มือปืนป็อบคอร์น"


ศาลอาญาไม่อนุมัติหมายจับ! "มือปืนป็อบคอร์น" เหตุปะทะแยกหลักสี่ อ้างให้หาพยานหลักฐานมาเพิ่ม




          รายงานความคืบหน้าล่าสุดจากตำรวจ ในคดีเหตุปะทะที่หลักสี่ในวันนี้ คดีนี้ทางฝ่ายสืบสวนได้รวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุซึ่งเบื้องต้นสามารถกำหนดกลุ่มที่ใช้อาวุธปืนได้ อีกทั้งทาง พล.ต.อ.จรัมพรฯ ได้ทำภาพจำลองตำแหน่งผู้กระทำผิดต่างๆเพื่อประกอบสำนวนการ

           เบื้องต้นพนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องขอออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย
ปรากฏว่า 1 ใน 4 รายนั้น ทางศาลได้ยกคำร้องโดยให้หาพยานหลักฐานมาประกอบเพิ่มเติม
ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 รายนั้น ทางศาลอาญา ได้นัดฟังคำขออนุมัติออกหมายจับ ในวันที่ 11 มีนาคม 2557

“ชูวิทย์” FB แฉ กปปส. โฆษณาชวนเชื่อ ล้างสมองมวลชน


“ชูวิทย์” FB แฉ กปปส. โฆษณาชวนเชื่อ ล้างสมองมวลชน

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 go6TV – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2557 (วานนี้) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ I'm No.5 https://www.facebook.com/ChuvitOnline) โดยมีเนื้อหาดังนี้


โฆษณาชวนเชื่อ Propaganda

             รัฐบาลต่อสู้กับกบฏ ต้องมีการแย่งชิงมวลชนมาเป็นพวก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ “โฆษณาชวนเชื่อ” เพื่อให้อำนาจของแต่ละฝ่ายดูน่าเชื่อถือ สมัยก่อนใช้ใบปลิว วิทยุกระจายเสียง จนปัจจุบันใช้โฆษณาชวนเชื่อผ่านสังคมออนไลน์ ทั้งรัฐ ทั้งกบฏ ตอบโต้กัน “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”

           การโฆษณาชวนเชื่อเป็นการกระจายข่าวสาร เป่าหู โจมตีตัวบุคคล ตั้งสมญานาม พูดจาซ้ำๆ จำกัดข้อมูลเพียงด้านเดียว แบ่งแยกฝ่ายชัดเจน มักอ้างอิงถึงคุณธรรมของแต่ละฝ่าย ผลักไสผู้ที่ไม่ใช่พวกของตนออกไปเป็นฝ่ายชั่วร้าย เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Propaganda

           การใช้โฆษณาชวนเชื่อเพื่อล้างสมองมวลชนที่มีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์ ปรารถนาเห็นประเทศชาติบ้านเมืองก้าวหน้ามั่นคง มักใช้ผ่านตัวแทนไม่ว่าเด็ก วีรบุรุษ พระสงฆ์องค์เจ้า หรือคนกลางที่ดูน่าเชื่อถือของสังคม แม้แต่นายบัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ หรือ นางคริสตี้ เคนนีย์ เอกอัคราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ล้วนตกเป็นเครื่องมือในการสร้างและทำลายของกระบวนการนี้

           ทั้งสองฝ่ายผลัดกันรับผลัดกันรุก เคยเป็นรัฐบาลกันมาแล้วทั้งคู่ เชี่ยวชาญเกมส์การเมือง รู้จักกระบวนการโฆษณาชวนเชื่อเป็นอย่างดี สร้างความแตกแยกร้าวฉานไม่รู้จุดจบให้กับประชาชน ที่ต้องถูกล้างสมองโดยไม่รู้ตัว ถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคม

          มีการใช้โฆษณาชวนเชื่อผ่านสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการโพสต์ คอมเมนท์ เฟสบุ๊คที่ไม่มีตัวตน IGดารานักแสดง บางคำพูดถูกตัดมาใช้เป็นประโยชน์ ประชาชนต้องระวังอย่างยิ่ง อย่าตกเป็นเหยื่อ

          หลักการสำคัญของการโฆษณาชวนเชื่อคือ อย่าให้ถูกจับได้แม้แต่ครั้งเดียว จะถือว่าล้มเหลว ไม่สามารถโฆษณาชวนเชื่อได้อีก ต่างฝ่ายจึงไม่ยอมรับว่ากำลังโฆษณาชวนเชื่ออยู่ เป็นที่มาของคำว่า "แถ" ในอินเตอร์เน็ต

          ประชาชนคนไทย "โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม" เหมือนดูหนังผี ควรมีเรตติ้งกำกับ โดยเฉพาะช่วงนี้ออกฉายตอน 2 ทุ่มทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ถึงขนาดมีช่องของตัวเองเปิดให้ดูทั้งวันทั้งคืน ประชาชนตั้งแต่เด็กยันแก่ติดกันงอมแงม

         เข้าทำนองสำนวนไทยที่ว่า “ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด” เดี๋ยวนี้เลย “สะเออะ” มีแต่คน “กระแดะ”

วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ฆ่ามัดกระสอบหนุ่มนกหวีด โยนลงเจ้าพระยา


ฆ่ามัดกระสอบหนุ่มนกหวีด โยนลงเจ้าพระยา











          เขต สน.บางพลัด รับแจ้งพบกระสอบป่านลอยน้ำมา ใกล้เคียง รร.ริเวอร์ไซค์ เปิดกระสอบมาเจอผู้เสียชีวิตชาย1รายในกระสอบดังกล่าว ให้เข้าซ.ราชวิถี

         พบผู้เสียชีวิตเป็นชายถูกมัดมือมัดเท้าไขว้หลัง ใส่ในกระสอบป่านทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา ตำรวจคาดถูกรุมทำร้ายจนเสียชีวิตและนำศพไปทิ้ง เบื้องต้นตำรวจยังไม่สามารถบอกอะไรได้ เนื่องจากผู้ตายไม่มีหลักฐานใดๆติดตัว แต่คาดว่าน่าจะถูกรุมทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ก่อนจะถูกมัดมือมัดเท้า นำศพใส่กระสอบไปโยงทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่ออำพรางคดี