รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยคืบคดีปะทะที่หลักสี่ พบคนผิดแล้ว 21 ราย ยืนยันตัวได้ 3 ราย ตรวจสอบรถขนเงินขนอาวุธ ยันทำเต็มที่ ขณะที่ ผบ.ตร .เรียกประชุมคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมพรุ่งนี้เวลา 19.00 น.
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้า เหตุการณ์ปะทะบริเวณแยกหลักสี่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งพิสูจน์ทราบกลุ่มคนที่พกพาอาวุธปืน และใช้อาวุธปืนในพื้นที่ก่อเหตุ จากการสอบสวนเบื้องต้น มีประมาณ 21 ราย โดยสามารถพิสูจน์ทราบยืนยันตัวบุคคลจำนวน 3 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด ส่วนผู้ต้องสงสัยจะเป็นกลุ่มใดนั้น ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีคลิปปรากฏมีการใช้รถขนเงินขนอาวุธ ส่วนกรณีที่ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์ อ้าง ทหารสั่งเก็บ ส่วนตัวยังไม่ได้รับรายงาน
นอกจากนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในส่วนของเหตุระเบิดที่หลังเวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรถภูมิ และถนนบรรทัดทอง มีหลักฐานเชื่อได้ว่า คนร้ายเป็นคนเดียวกัน เนื่องจากอาวุธที่ใช้และลักษณะการก่อเหตุในเวลากลางวัน มีส่วนคล้ายกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่รู้ตัวแล้ว โดยอยู่ระหว่างรอผลตรวจดีเอ็นเอที่ได้จากหมวกและเสื้อคนร้าย ยืนยันตัวบุคคล เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ
โดยเบื้องต้น ไม่ใช่คนมีสี และยังอยู่หลบหนีอยู่ประเทศ แต่ยืนยันว่า หากพยานหลักฐานพิสูจน์ได้ว่า คนร้ายเป็นคนมีสี ไม่ว่าทหารหรือตำรวจ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น
ส่วนการเร่งรัดคลี่คลายคดี ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ทั้งคดีปะทะที่หน้า มหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่งผลให้ น.ศ. รามคำแหง เสียชีวิต/ คดีที่ สนามกีฬาไทย – ญี่ปุ่น ดินแดง/ คดีปาระเบิดบ้านพักของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์/ คดีปาระเบิดที่วังสวนผักกาด ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคนแขวนระเบิดข่มขู่บ้านแกนนำ กปปส. จังหวัดนนทบุรี
โดยระบุว่า จากการสืบสวน ยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานชัดเจนว่า แต่ละคดีมีความเชื่อมกันในส่วนใด มีเพียงคดีปาระเบิดบ้านพัก นายอภิสิทธิ์ และวังสวนผักกาด ที่ชนิดของวัตถุระเบิดและแผนประทุษกรรมคล้ายคลึงกัน แต่หลายคดีพบว่ามีปัญหาในส่วนของพยานหลายปาก ที่ยังไม่มาให้การ และหลักฐานยังไม่ชัดเจนพอที่จะออกหมายจับ
ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกประชุมเร่งรัดคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ครั้งที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ เวลา 19.00 น.
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้า เหตุการณ์ปะทะบริเวณแยกหลักสี่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งพิสูจน์ทราบกลุ่มคนที่พกพาอาวุธปืน และใช้อาวุธปืนในพื้นที่ก่อเหตุ จากการสอบสวนเบื้องต้น มีประมาณ 21 ราย โดยสามารถพิสูจน์ทราบยืนยันตัวบุคคลจำนวน 3 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด ส่วนผู้ต้องสงสัยจะเป็นกลุ่มใดนั้น ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีคลิปปรากฏมีการใช้รถขนเงินขนอาวุธ ส่วนกรณีที่ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโทรทัศน์ อ้าง ทหารสั่งเก็บ ส่วนตัวยังไม่ได้รับรายงาน
นอกจากนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในส่วนของเหตุระเบิดที่หลังเวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรถภูมิ และถนนบรรทัดทอง มีหลักฐานเชื่อได้ว่า คนร้ายเป็นคนเดียวกัน เนื่องจากอาวุธที่ใช้และลักษณะการก่อเหตุในเวลากลางวัน มีส่วนคล้ายกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่รู้ตัวแล้ว โดยอยู่ระหว่างรอผลตรวจดีเอ็นเอที่ได้จากหมวกและเสื้อคนร้าย ยืนยันตัวบุคคล เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ
โดยเบื้องต้น ไม่ใช่คนมีสี และยังอยู่หลบหนีอยู่ประเทศ แต่ยืนยันว่า หากพยานหลักฐานพิสูจน์ได้ว่า คนร้ายเป็นคนมีสี ไม่ว่าทหารหรือตำรวจ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่ละเว้น
ส่วนการเร่งรัดคลี่คลายคดี ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ทั้งคดีปะทะที่หน้า มหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่งผลให้ น.ศ. รามคำแหง เสียชีวิต/ คดีที่ สนามกีฬาไทย – ญี่ปุ่น ดินแดง/ คดีปาระเบิดบ้านพักของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์/ คดีปาระเบิดที่วังสวนผักกาด ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคนแขวนระเบิดข่มขู่บ้านแกนนำ กปปส. จังหวัดนนทบุรี
โดยระบุว่า จากการสืบสวน ยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานชัดเจนว่า แต่ละคดีมีความเชื่อมกันในส่วนใด มีเพียงคดีปาระเบิดบ้านพัก นายอภิสิทธิ์ และวังสวนผักกาด ที่ชนิดของวัตถุระเบิดและแผนประทุษกรรมคล้ายคลึงกัน แต่หลายคดีพบว่ามีปัญหาในส่วนของพยานหลายปาก ที่ยังไม่มาให้การ และหลักฐานยังไม่ชัดเจนพอที่จะออกหมายจับ
ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกประชุมเร่งรัดคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ครั้งที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ เวลา 19.00 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น