"จ่าเอกหน่วยซีล" รับสารภาพ! เป็นทหารเรือในราชการจริง ถูกจ้างให้มาคุ้มกันแกนนำม็อบสวนลุมพินี
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 26 ก.พ. พ.ต.ท.ณัฎฐพัชร์ ผดุงจันทน์ รอง ผกก.จร.สน.บุคคโล นำกำลังตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรอยู่บนถนนตากสิน ช่วงสี่แยกมไหสวรรย์ แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กทม.พบรถกระบะขนาดเล็กแต่งซิ่ง ยี่ห้อดัทสัน สีเขียว ทะเบียน บน 482 ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหน้า มีเพียงป้ายทะเบียนด้านหลัง ขับผ่านมาในลักษณะมีพิรุธจึงเรียกให้หยุดเพื่อขอทำการตรวจสอบ
พบผู้ขับขี่ชื่อ จ.อ.สมพงศ์ แท่นนาค อายุ 34 ปี สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ เดินทางมาพร้อมคนนั่งข้างๆ ชื่อ จ.อ.ปรีชา มูลพวก อายุ 34 ปี ทหารสังกัดเดียวกัน เมื่อขอให้ทั้งคู่ลงจากรถเพื่อทำการตรวจค้นพบอาวุธปืนขนาด 9 มม.ยี่ห้อกล็อค รุ่น 17 อยู่ที่ตัวคนละ 1 กระบอก โดย จ.อ.สมพงศ์ พกไว้ที่เอว ส่วน จ.อ.ปรีชา แยกชิ้นส่วนนำปืนใส่ไว้ในกระเป๋าสะพาย นอกจากนี้ยังตรวจพบบัตรการ์ด กปปส. 2 ใบ แมกกาซีนปืน 5 อัน เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. 37 นัด และเครื่องกระสุนปืนเอ็ม 16 อีก 1 นัด อยู่ภายในรถคันดังกล่าว สอบสวนเบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การวกวนไปมาอ้างว่าเป็นทหารปฏิบัติราชการในพื้นที่ จ.นราธิวาส เข้ามาเที่ยวในพื้นที่ชุมนุมกรุงเทพมหานคร และกำลังจะไปราชการต่อที่ฐานทัพเรือสัตหีบ เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวทั้ง 2 ราย ไปสอบปากคำต่อที่ สน.บุคคโล
หลังได้รับรายงานเหตุจับกุมคดีน่าสนใจดังกล่าว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.8 และ พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า รอง ผบก.น.8 เดินทางไปที่โรงพักเพื่อควบคุมการสอบสวน จากการสอบเค้นทหารทั้ง 2 นาย นานกว่า 3 ชั่วโมง พล.ต.ต.ฐิติราช จึงออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการสอบปากคำทั้ง 2 ราย ยอมรับเป็นทหารเรือในราชการจริง ถูกว่าจ้างให้มาคุ้มครองแกนนำในพื้นที่การชุมนุมสวนลุมพินี แต่รายละเอียดตนไม่ขอเปิดเผยลึกไปกว่านี้ พูดได้เพียงว่า น่าสงสารน้องๆ ทั้ง 2 คน คนหนึ่งมีลูกอายุเพิ่ง 4 เดือน อีกคนมีลูกวัย 9 ขวบ ทั้งคู่เป็นทหารชั้นดีมีฝีมือแต่ถูกว่าจ้างให้เอาตัวมาเชื่อมโยงกับการชุมนุม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วจะดำเนินคดีกับทหารทั้ง 2 นาย อย่างไร พล.ต.ต.ฐิติราช ตอบว่า เท่าที่ให้การในเบื้องต้นทราบว่าอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกเป็นของราชการทหารเรือ แต่เนื่องจากขณะนี้ในกรุงเทพมหานครมีการประกาศเป็นพื้นที่ พรก.จึงต้องแจ้งข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ กับทหารทั้ง 2 นายไว้ก่อนจากนั้นจะติดต่อให้ผู้บังคับบัญชาและนายทหารพระธรรมนูญมารับตัวไปดำเนินการต่อไป
ถามว่าเมื่อมีการจับกุมคนในกองทัพทำผิดลักษณะเท่ากับมีสัญญาณไม่ดีเกิดขึ้นในบ้านเมืองหรือไม่ รอง ผบช.น.ตอบว่า ขณะนี้มีแนวโน้มตามข้อเท็จจริงคือมีข้าราชการทหารเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยแกนนำ กปปส.จริง เนื่องจากเมื่อคราวที่ สน.นางเลิ้ง จับกุมก็เป็นทหารจากหน่วยเดียวกัน อย่างไรก็ตามบรรดาแกนนำคงเกิดความหวาดกลัวเลยต้องประสานจ้างวานให้กำลังพลดีๆ มีฝีมือเหล่านี้เข้าไปให้ความคุ้มครอง ซึ่งตนบอกได้คำเดียวว่าเห็นใจน้องๆ เหล่านี้เสียเหลือเกิน
หลังได้รับรายงานเหตุจับกุมคดีน่าสนใจดังกล่าว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.8 และ พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า รอง ผบก.น.8 เดินทางไปที่โรงพักเพื่อควบคุมการสอบสวน จากการสอบเค้นทหารทั้ง 2 นาย นานกว่า 3 ชั่วโมง พล.ต.ต.ฐิติราช จึงออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการสอบปากคำทั้ง 2 ราย ยอมรับเป็นทหารเรือในราชการจริง ถูกว่าจ้างให้มาคุ้มครองแกนนำในพื้นที่การชุมนุมสวนลุมพินี แต่รายละเอียดตนไม่ขอเปิดเผยลึกไปกว่านี้ พูดได้เพียงว่า น่าสงสารน้องๆ ทั้ง 2 คน คนหนึ่งมีลูกอายุเพิ่ง 4 เดือน อีกคนมีลูกวัย 9 ขวบ ทั้งคู่เป็นทหารชั้นดีมีฝีมือแต่ถูกว่าจ้างให้เอาตัวมาเชื่อมโยงกับการชุมนุม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วจะดำเนินคดีกับทหารทั้ง 2 นาย อย่างไร พล.ต.ต.ฐิติราช ตอบว่า เท่าที่ให้การในเบื้องต้นทราบว่าอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกเป็นของราชการทหารเรือ แต่เนื่องจากขณะนี้ในกรุงเทพมหานครมีการประกาศเป็นพื้นที่ พรก.จึงต้องแจ้งข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ กับทหารทั้ง 2 นายไว้ก่อนจากนั้นจะติดต่อให้ผู้บังคับบัญชาและนายทหารพระธรรมนูญมารับตัวไปดำเนินการต่อไป
ถามว่าเมื่อมีการจับกุมคนในกองทัพทำผิดลักษณะเท่ากับมีสัญญาณไม่ดีเกิดขึ้นในบ้านเมืองหรือไม่ รอง ผบช.น.ตอบว่า ขณะนี้มีแนวโน้มตามข้อเท็จจริงคือมีข้าราชการทหารเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยแกนนำ กปปส.จริง เนื่องจากเมื่อคราวที่ สน.นางเลิ้ง จับกุมก็เป็นทหารจากหน่วยเดียวกัน อย่างไรก็ตามบรรดาแกนนำคงเกิดความหวาดกลัวเลยต้องประสานจ้างวานให้กำลังพลดีๆ มีฝีมือเหล่านี้เข้าไปให้ความคุ้มครอง ซึ่งตนบอกได้คำเดียวว่าเห็นใจน้องๆ เหล่านี้เสียเหลือเกิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น