4 ส.ค. 2557 อัยการทหารพิจารณาสั่งฟ้องนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ โดยทั้งสองได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว และได้รับอนุมัติในประกันตัวแล้ว บ่ายวันนี้
นายวรเจตน์ ถูกฟ้องด้วยความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเรียกรายงานตัวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 2 ครั้ง คือ ความผิดฐานไม่เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 5/2557 และ 57/2557
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายวรเจตน์ได้ดำเนินการยื่นประกันตัวด้วยวงเงินประกัน 20,000 บาท ซึ่งศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และห้ามเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง หรือแสดงความคิดเห็นให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน
ทั้งนี้นายวิญญัติได้แสดงความเห็นกับผู้สื่อข่าวว่า ในชั้นสอบสวนได้แจ้งข้อหาขัดคำสั่ง คสช. ฉบับ 57/2557 เพียงข้อหาเดียว แต่สำนวนส่งฟ้องกลับมีข้อหาเพิ่มในข้อหาคือขัดคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 5/2557 ซึ่งอาจถือว่าไม่เป็นธรรมในการสั่งฟ้อง
สำหรับนายจาตุรนต์ ถูกฟ้อง 3 ข้อหา คือ
1.ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเรียกรายงานตัวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
2.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา116 จากกรณีฝ่าฝืนกฎอัยการศึกและยุยง ปลุกปั่น และ
3.ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2550
1.ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเรียกรายงานตัวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
2.ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา116 จากกรณีฝ่าฝืนกฎอัยการศึกและยุยง ปลุกปั่น และ
3.ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปี 2550
โดยทีมทนายความยื่นคำร้องขอประกันตัวชั่วคราว พร้อมหลักทรัพย์ประกันตัว 4 แสน ซึ่งศาลได้อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และห้ามเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง หรือแสดงความคิดเห็นให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน
เว็บไซต์มติชนออนไลน์รายงานคำสัมภาษณ์ของนายจาตุรนต์ว่า รู้สึกผิดหวังและรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหลายกรณี อาทิ การที่ตนเองเดินทางไปชี้แจงให้เหตุผลถึงความจำเป็นที่ไม่สามารถไปรายงานตัวตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. ที่ได้ทำการแถลงข่าวที่สมาคมนักข่าวต่างประเทศ ซึ่งความมุ่งหวังที่แท้จริงก็เพื่อต้องการให้ประชาชนเรียกร้องประชาธิปไตยโดยสันติ และต้องการให้เกิดความสงบในบ้านเมือง แต่กลับถูกนำมาเป็นหลักฐานในการสั่งฟ้องในครั้งนี้ จึงถือว่าตรงข้ามกับสิ่งที่ตนมุ่งหวังและไม่เป็นธรรม ดังนั้น กระบวนการต่อไปที่ตนสามารถทำได้ คือเตรียมทนายความ และรวบรวมหลักฐานเพื่อต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ตนจะยังคงเดินหน้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยต่อไป และยังสามารถแสดงความคิดเห็นอย่างสุจริตได้ ตราบใดที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย และเงื่อนไขของศาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น